หลัวจิ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างฉลุลายของหอสุราชั้นสอง มองไปที่ผู้คนสัญจรพลุกพล่านบนถนนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คุณชาย สายภายในจวนองค์ชายสามรายงานมาว่า เมื่อคืนเช่อเฟยตามตัวท่านหมอหลวงเข้าพบ วันนี้ประตูลานฟางหวาลงกลอนแน่นสนิทตลอด เงียบเชียบผิดปกตินักขอรับ”
มุมปากหลัวจิ่งกระตุกยิ้มเย็นขึ้น พิษชนิดนี้ไม่มียาถอน ต่อให้ใช้สมุนไพรต้มขับพิษ ผลที่ได้จำกัดน้อยนิดมาก ้าขับออกมาทั้งหมดย่อมเป็ไปไม่ได้ ความเ็ปนี้หลัวเชี่ยนต้องรับมันไว้แล้ว
ไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ เป็ความผิดปกติยิ่ง นางคิดว่าผู้อื่นต่างก็เดาไม่ออกหรือ
เหอะ เขาไม่ได้้าเอาชีวิตของนาง แล้วก็ไม่กลัววันข้างหน้านางจะมาแก้แค้นด้วย เขาจะรอ... ขอแค่นางกล้าลงมือ เขาย่อมรับมือความอำมหิตของนางได้
หลัวจิ่งเงยหน้ามองท้องฟ้า อากาศยังครึ้มอยู่เช่นเดิม ลมหนาวพัดเข้ามาจากทางหน้าต่าง หัวใจของเขาก็ถูกพัดจนเย็นเยียบเป็น้ำแข็งไปด้วยเช่นกัน
“ปัดกวาดหลุมศพและเตรียมของเซ่นไหว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”
“ตามคำสั่งของท่าน เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ”
หลัวสือซานยืนปล่อยมือลงข้างลำตัวอยู่ข้างหลังเขาห่างออกไปสองจั้ง
“ทางเจิ้นกั๋วกงด้านนั้นมีความเคลื่อนไหวหรือไม่?”
“วันนี้คุณหนูสี่สกุลโหยวของจวนท่านโหวเหวินชางไปเยี่ยมแม่นางหูขอรับ”
“อื้ม เพราะมีความสัมพันธ์ของโหยวเสวี่ยชิง ทางท่านโหวเหวินชางอาจได้รับผลกระทบไปด้วยบ้าง แต่ปัญหาน่าจะไม่ใหญ่โตอะไร ฮ่องเต้มีเมตตาตลอดมา ไม่มีทางพาลใส่ท่านโหวเหวินชางเพราะเื่นี้แน่ รอให้ผ่าน่นี้ไป สถานการณ์ข่าวลือก็คลี่คลายลงได้”
โหยวอวี่เวยเป็สหายของเจินจู ความสนิทสนมของสองคนไม่ตื้นเขิน หลัวจิ่งจึงไม่อยากให้จวนท่านโหวเหวินชางถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วย
“ขอรับ คุณชาย วันนี้องค์ชายสามเข้าวังไปั้แ่เช้าตรู่อีกแล้วขอรับ ตามรายงานแจ้งว่าอยู่ข้างกายฮ่องเต้ตลอดเวลา เขาทำตัวเป็ลูกกตัญญู คงคิดเข้ามาแทนที่ตำแหน่งขององค์ไท่จื่อเป็แน่ขอรับ”
“หึ เขาคิดการใหญ่ยิ่งนัก ฉีกุ้ยเฟยสิ้นเปลืองความคิดลงแรงไปอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตฮ่องเต้กลับมา เ้าคิดว่านางจะให้องค์ชายสามได้รับผลประโยชน์นั้นไปหรือไม่? รอดูให้ดี องค์ชายสี่คงได้รับข่าวนี้แล้วเช่นกัน”
หากต้องเลือกรัชทายาทองค์ต่อไป เช่นนั้นพวกเขาสกุลหลัวต้องสนับสนุนองค์ชายสี่อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็จากคุณลักษณะอุปนิสัย ความสามารถในการจัดการเื่ราว หรือเป็ทิศทางคำวิจารณ์สรรเสริญจากประชาชน องค์ชายสี่ล้วนเหนือกว่าองค์ชายสามเป็กระบุง
องค์ชายสามภายนอกท่าทางมีความสามารถฉลาดหลักแหลมเหมาะสม มีท่าทางของคนมีคุณธรรมอย่างผู้ปกครองที่อบอุ่นนอบน้อม แต่บนความเป็จริง เป็เพียงคนที่มีแผนการซ่อนอยู่ลึกๆ เสแสร้งเป็สุภาพบุรุษจอมปลอมเ้าเล่ห์นัก
...ลมหนาวพัดเสียดผิวกาย หิมะเริ่มตกหนักปลิวว่อน
สภาพอากาศที่เลวร้ายทางตะวันตกเฉียงเหนือได้สร้างความยากลำบากไปทั่ว ภายในกำแพงเมืองเจียจิ้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยพื้นสีขาวขนาดกว้างใหญ่ไพศาล
ข้างพื้นถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง จวนอันเงียบเหงาตั้งตระหง่านโอ่อ่าและกว้างขวางขององค์ชายสี่ สิงโตหินแกะสลักสองตัวสูงใหญ่ดูดุดันตั้งอยู่สองด้านของประตูไม้สีแดงสดบานใหญ่ ลักษณะเคร่งขรึมและมีสง่า
ภายในจวนองค์ชายสี่มีกฎเกณฑ์เคร่งครัด การป้องกันเข้มงวดกวดขัน หลายปีมานี้องค์ชายสี่ได้ประสบกับการจู่โจมลอบสังหารทั้งในที่ลับและที่แจ้งหลายครั้ง ภายในจวนแห่งนี้ผ่านการชโลมด้วยกลิ่นคาวเืมาครั้งแล้วครั้งเล่า ฝึกซ้อมตรวจตราป้องกันอย่างรอบคอบไร้ช่องโหว่ ห้าก้าวมีทหารยืนเฝ้า สิบก้าวมีการลาดตระเวนของหน่วยรักษาการณ์ กลางคืนกลางวันต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก
ภายในลานิฮุย ในห้องหนังสือขององค์ชายสี่
มือของหานสี่ที่ถือจดหมายสั่นเทาเล็กน้อย
องค์ไท่จื่อหานเซี่ยนตายอยู่บนกายของสตรีอย่างอ่อนหัดเพียงนี้เลยงั้นหรือ
ฮ่าๆ พี่ชายใหญ่ที่แสนดีของเขา องค์ไท่จื่อที่หยิ่งยโสถือดีทะเยอทะยานมีความปรารถนาแรงกล้า ได้ตายจากไปเช่นนี้เสียแล้ว
เขาหัวเราะจนน้ำตาร่วงหล่นลงมา
จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้ว ที่เขากับกองกำลังของเขาต้องหลบหนีความตาย จากการลอบสังหารแต่ละรูปแบบขององค์ไท่จื่อหานเซี่ยนกับฮองเฮาเจียง หนีเตลิดจนตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ยิ่งเขาประพฤติตัวดีเท่าไร สถานการณ์ที่ต้องประสบก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ใน่ปีแรกๆ นางสนมภายในเขตที่พักชั้นในของเขาจะเสียชีวิตเนื่องจากการตั้งครรภ์หรือเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ บางครั้งเด็กตายอยู่ในครรภ์ หรือคลอดก่อนกำหนดและตายก่อนวัยอันควร บุตรที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้จึงมีเพียงองค์หญิงสององค์ องค์ชายสององค์ องค์หญิงยังนับได้ว่าร่างกายแข็งแรงดี แต่องค์ชายสององค์กลับเจ็บป่วยบ่อยครั้งทั้งคู่ ดื่มสมุนไพรต้มไม่ได้ขาดมาั้แ่เด็ก
หลายปีมานี้ หยั่งรากลึกอยู่ชายแดนมาช้านาน ถึงได้เริ่มไล่สายข่าวภายในจวนออกทีละคนๆ แต่น่าเสียดายสายไปเสียแล้ว ห้าถึงหกปีมานี้ภายในเขตที่พักไร้ข่าวดีจากเหล่านางสนม ท่านหมอหลวงตรวจแล้วตรวจอีก ถึงได้ยืนยันว่าปัญหาอยู่ที่ร่างกายของหานสี่ กล่าวว่าน่าจะเป็เพราะพิษเรื้อรังบางชนิด ไม่เป็อันตรายต่อร่างกายจึงตรวจพบได้ยาก ทว่าก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสามารถในการให้กำเนิดบุตรของบุรุษเพศอย่างใหญ่หลวง
หานสี่บีบมือที่จับกระดาษจนกลายเป็กำหมัด บุตรชายเพียงสองคนของเขา บุตรคนโตอายุสิบปีคลอดออกมาจากพระชายาสายเืตรง สติปัญญาเฉลียวฉลาด สุขุมเข้าใจเื่ต่างๆ ได้ดี แต่น่าเสียดายที่เวลาส่วนมากทำได้เพียงพักรักษาร่างกายอยู่ภายในลานบ้านของเขาเท่านั้น ไม่กล้าออกมาเดินเล่นนอกบ้านตามอำเภอใจ เพราะหน้าหนาวที่ชายแดนสภาพอากาศเลวร้ายอย่างยิ่ง สำหรับเขาแล้ว เปรียบเสมือนการเร่งชีวิตให้เร็วขึ้น
เมื่อครั้งที่พระชายาขององค์ชายสี่ตั้งครรภ์ ก็ระมัดระวังอย่างมาก แต่ยังคงไม่พ้นกับดักอยู่เช่นเคย มีอุบัติเหตุให้คลอดก่อนถึงเวลากำหนด ขณะเด็กกำเนิดออกมา น้ำหนักไม่ถึงสามชั่ง ผอมจนคล้ายลูกแมวน้อย แม้แต่เสียงร้องยังอ่อนแอจนแทบไม่ได้ยิน มีอาการป่วยหนักและประสบเคราะห์เล็กน้อยแทบไม่เคยขาด สามารถมีชีวิตอยู่มาถึงสิบปีได้ก็นับว่าพระพุทธองค์คุ้มครองแล้ว
บุตรคนรองอายุหกปีเป็บุตรชายคนเล็กที่สุดของเขา ร่างกายค่อนข้างดีกว่าคนโตอยู่บ้าง แต่สติปัญญากลับบกพร่องไปเล็กน้อย สาเหตุคือขณะที่ผู้เป็มารดาตั้งครรภ์ ถูกคนวางยาใส่ในอาหาร แม้พบได้ทันกาลและรักษาเด็กในครรภ์ไว้ได้ แต่ถึงที่สุดแล้วก็มีผลกระทบต่อสติปัญญาของเขา
หานสี่ยกมือใหญ่ขึ้น เช็ดความเปียกชื้นบนใบหน้าออกไป เขาทนทุกข์ถูกเอาเปรียบอยู่ภายใต้เงื้อมมือของสองแม่ลูกนั่นมากมาย ไม่ว่าจะป้องกันรักษาไว้อย่างสุดชีวิตอย่างไร ก็มักมีคนไม่กลัวตายเ่าั้ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ครั้นจับหญิงรับใช้ที่น่าสงสัยได้ ล้วนแล้วแต่กินยาพิษจบชีวิตตัวเองลงไปทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น นี่ช่างเพียงพอให้ทราบได้ว่าวิธีการของพวกเขาโเี้อำมหิตยิ่งนัก
องค์ไท่จื่อโดนพิษจำพวกม่านถัวหลัวก่อน จากนั้นถูกสิ่งมีคมที่อาบยางของต้นเกาทัณฑ์พิษสะกิดเป็รอยเข้าที่ข้อมือ เห็นได้ชัดยิ่งนักว่าเป็การลอบสังหารที่มีการคิดแผนไว้ล่วงหน้า
ไม่ว่าจะเป็ผู้มีอิทธิพลจากฝั่งไหนลงมือ ก็ล้วนเป็เื่ที่ช่างทำให้สะใจยิ่งนัก ความเคียดแค้นที่หานสี่ทนรับการรังควานอยู่ที่ชายแดนมาตลอดนี้ ในที่สุดก็มีความสุขใจได้สักที
ฮองเฮาเจียงสูญเสียองค์ไท่จื่อ จิตใจแตกสลายจนแทบเป็บ้า ข่าวคราวไม่ทราบได้ว่าจริงหรือเท็จ แต่สามารถจินตนาการออกได้ ฮองเฮาที่ไม่มีองค์ไท่จื่อแล้ว ย่อมเท่ากับเป็เสือไร้คมเคี้ยวเล็บ ต่อให้เคลื่อนไหวขึ้นมาอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร
บุตรชายสองคนของหานเซี่ยน แต่ละคนล้วนมีความบกพร่อง คนโตซื่อบื้อเก้งก้าง อายุสิบสี่ปี แม้แต่หนังสือ ‘คลังความรู้ของเด็ก’ ยังไม่สามารถเรียนให้จบได้เลย ส่วนคนรองได้พกพาความพิการออกมาั้แ่กำเนิด นี่ก็เป็เหตุผลว่าทำไมฮองเฮาและองค์ไท่จื่อจึงใช้ทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ เพื่อกดทายาทของเขากับองค์ชายสามหานอี้ไว้
เพราะพวกเขาไม่มีสายเืที่ดี ย่อมไม่อาจยอมให้ผู้อื่นมีได้ด้วยเช่นกัน
ภายในเขตที่พักขององค์ชายสาม ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาสักเท่าไร บุตรชายเพียงคนเดียวก็เกิดอุบัติเหตุไม่หยุดั้แ่เด็กเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงที่ตายไปั้แ่วัยเยาว์เ่าั้เลย
เป็ไปไม่ได้เลยหากจะบอกว่าองค์ไท่จื่อไม่ได้ถูกองค์ชายสามฆ่าตาย ทั้งสองต่อสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้งในเมืองหลวงมาหลายปี ต่างฝ่ายต่างล้วนเอาเปรียบผลัดกันไปมาไม่น้อย
หานสี่อ่านเนื้อหาในจดหมายอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ ไตร่ตรองอยู่อย่างเงียบเชียบครึ่งค่อนวัน
จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ั์ตาสว่างวาบสะท้อนความสลับซับซ้อนขึ้น
ควรเป็เวลาที่เขาต้องเตรียมตัวกลับเมืองหลวงได้แล้วสินะ
...ท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ เงียบเหงาและเยือกเย็น
ในบ้านธรรมดาที่กว้างใหญ่ประตูสามชั้นแห่งหนึ่ง เสียงขลุ่ยอันแ่เบาพลิ้วไหวดังขึ้นอย่างยาวนาน เสียงอันไพเราะชวนให้คล้อยไปตามท่วงทำนองดังก้องกังวานต่อกันไม่ขาดสาย ห่อหุ้มไปด้วยความคิดถึงและการย้อนรำลึกถึงอดีต ท่วงทำนองอาลัยอาวรณ์แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าอาดูรเล็กน้อย ความทุกข์ระทมที่อัดแน่นอยู่เต็มอกพาให้หัวใจของผู้คนที่ได้ยินสั่นะเื
หลัวสือซานเหม่อมองตำแหน่งที่หลัวจิ่งอยู่ พลางถอนลมหายใจออกมาจนสุด แม้องค์ไท่จื่อจะสิ้นพระชนม์แล้ว ทว่าความอยุติธรรมที่สกุลหลัวได้รับกลับไม่สามารถพลิกคืนมาได้ โทษสมคบคิดก่อฏเช่นนี้ พวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะฝังศพลงสุสานบรรพบุรุษด้วยซ้ำ
การไปกราบไหว้เหล่านายท่านผู้าุโในวันพรุ่งนี้ ในใจของคุณชายก็ทุกข์ระทมขมขื่นเช่นกัน
หนึ่งบทเพลงยังไม่ทันเป่าจนจบ เสียงขลุ่ยหยุดลงไปฉับพลัน
ในใจหลัวสือซานกระตุกวูบ รีบสาวเท้ามุ่งไปทางโถงใหญ่ของลานบ้าน
“คุณชาย ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหมขอรับ?”
เขายืนอยู่หน้าประตูด้านนอกและถามขึ้น
“…ไม่ได้เป็อะไร สือซาน เ้าไปพักเถอะ”
เสียงทุ้มหนาของหลัวจิ่งหดหู่เล็กน้อย
หลัวสือซานลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ในเมื่อไม่เป็อะไร เขาจึงถอยออกมา
...บนเตียงอิฐอันแสนอบอุ่นติดริมหน้าต่าง หนูสีเทาตัวหนึ่งกำลังใช้ดวงตาเม็ดถั่วสีดำเป็ประกายจ้องหลัวจิ่ง
“จี๊ดๆ” มันร้องเรียกอยู่สองเสียง
หลัวจิ่งที่เมื่อครู่เพิ่งเป่าขลุ่ย จิตใจกำลังจมอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ระทมทุกข์ แต่มันะโเข้ามาจากซอกของหน้าต่างกะทันหัน ทำให้เขาใไปเล็กน้อย
“…เสี่ยวฮุย เ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”
ที่นี่ห่างจากจวนของเจิ้นกั๋วกงระยะหนึ่งเลย
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยร้องออกมาอีกสองเสียง จากนั้นชี้บนคอของมันให้เขามอง
หลัวจิ่งถึงได้สังเกตเห็น บนลำคอของมันผูกกระดาษม้วนเล็กอยู่
เขายื่นมือออกไป ปลดม้วนกระดาษบนลำคอเสี่ยวฮุยลงมา
เป็ครั้งแรกที่หลัวจิ่งได้ัักับเสี่ยวฮุยในระยะประชิดเช่นนี้ เมื่อก่อนมันมักอยู่ข้างกายเจินจูหรือมักอยู่ในอ้อมอกของผิงอันตลอด สำหรับมันแล้วคงพูดได้แค่ว่า หลัวจิ่งเป็คนแปลกหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยมากผู้หนึ่ง น้อยมากที่มันจะให้เขาเข้าใกล้ได้เพียงนี้
นิ้วมือััโดนขนนุ่มปุยของมัน ดวงตาเม็ดเล็กสีดำของมันจ้องตรงมาที่เขาอย่างนิ่งงัน จู่ๆ หลัวจิ่งก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดสองพี่น้องถึงได้ชื่นชอบมันนัก เสี่ยวฮุยบ้องแบ๊วและน่ารักมากจริงๆ คำนี้ก็เป็คำที่เขาได้ยินจากปากพวกนางอีกเช่นกัน
เขาคลี่ม้วนกระดาษแผ่นเล็กออก บนกระดาษเซวียนจื่อมีรอยยับย่นเต็มไปหมด ตัวอักษรที่คุ้นเคยปรากฏสู่สายตา นางบอกว่าช่างว่างจนน่าเบื่อหน่ายนัก เลยเขียนจดหมายให้เสี่ยวฮุยนำมาให้ เดิมทีจะให้เสี่ยวเฮยมา แต่มันไม่ยอมวิ่งมาส่งให้นาง เลยทำได้เพียงเปลี่ยนเป็เสี่ยวฮุย เสี่ยวฮุยเชื่อฟังทำตามแต่โดยดี รีบตอบรับจะมาส่งให้โดยทันที... หลัวจิ่งยิ้ม
นางเล่าเื่ที่อยู่จวนกั๋วกงสองวันมานี้ จากนั้นถามว่าเื่ของเขาจัดการไปถึงไหนแล้ว ต้องใช้เวลาอีกกี่วัน? นางกลัวว่าจะล่าช้าไปหน่อย แล้วพบเข้ากับหิมะตกหนักปิดทางเข้า หากเป็เช่นนั้นคงต้องฉลองปีใหม่อยู่ข้างนอกนี่แล้ว ผู้าุโสกุลหูคงเป็กังวล...
หลัวจิ่งไตร่ตรองเล็กน้อย มองเสี่ยวฮุยที่รออยู่บนเตียงอิฐแสนอุ่นแต่โดยดีปราดหนึ่ง
“เสี่ยวฮุย เ้ารอสักครู่ ข้าจะเขียนจดหมายตอบกลับให้นายเ้า” เขาหันไปยิ้มกับมัน
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยพยักหน้า
แม้หลัวจิ่งจะเคยเห็นท่าทางที่พวกมันตอบโต้กับสองพี่น้องอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกมหัศจรรย์มากอยู่ดี สัตว์เหล่านี้กลายเป็ปีศาจแล้วหรือ? แต่ละตัวช่างซุกซนเฉลียวฉลาดน่าแปลกทั้งนั้น
เขายิ้มและส่ายหน้า หยัดกายลุกขึ้นเดินไปหน้าโต๊ะหนังสือเคลือบเงาสีดำที่วาดลวดลายูเาและแม่น้ำธรรมชาติ เริ่มฝนหมึกและจรดปลายพู่กันขึ้น
ธุระที่อยู่ในเมืองหลวง ที่สามารถจัดการได้ทันทีมีไม่มาก รอหลังจากทำพิธีเซ่นไหว้ในวันพรุ่งนี้ไปแล้ว ค่อยจัดการเื่อื่นอย่างละเอียดขึ้น น่าจะเป็เวลาอีกสี่หรือห้าวันก็สามารถออกเดินทางกลับได้
หลัวจิ่งบอกให้นางไม่ต้องเป็กังวล เส้นทางเมืองหลวงมุ่งไปทางใต้ ปกติมีเพียง่เดือนสิบสองเท่านั้นที่จะมีเหตุการณ์หิมะตกหนักปิดถนนได้ ตอนนี้ยังห่างจากเดือนสิบสองอยู่สักหน่อย ให้นางอยู่จวนกั๋วกงอย่างสงบจิตสบายใจ ผ่านไปอีกสองวันเขาจะแจ้งเวลาในการเดินทางให้นางทราบล่วงหน้า
เขาจรดปลายพู่กันด้วยความรวดเร็วอย่างมาก เพราะเสี่ยวฮุยรออยู่
หลัวจิ่งไม่ได้ลงชื่อและที่อยู่ไว้ในจดหมาย เพราะหากไม่ทันระวังแล้วกระดาษหล่นหายไป จะได้ไม่ถูกคนหยิบมาฉกฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดี เมื่อรอยน้ำหมึกแห้ง เขาก็ม้วนกระดาษให้เล็กลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นใช้เชือกรัดให้ดีแล้วค่อยมัดบนลำคอของเสี่ยวฮุย
ขยับตรวจความแข็งแรงเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าจะไม่หล่นลงมาอย่างง่ายดายแล้วถึงละมือปล่อยออกมา
เสี่ยวฮุยมองเขาอยู่ตลอดด้วยท่าทางน่ารัก แม้ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขา แต่ก็ยังปล่อยให้มือของเขามาัับนตัวมัน นั่นเป็เพราะผู้เป็นายสาวกล่าวไว้ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายมันอย่างแน่นอน
“จี๊ดๆ” เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? เช่นนั้นมันจะไปแล้วนะ
เสี่ยวฮุยะโขึ้นไประหว่างซอกหน้าต่างฉลุลายอย่างฉับไว
เมื่อหลัวจิ่งผลักหน้าต่างเปิดมองออกไปก็ไร้เงาร่างของมันให้ได้เห็นแล้ว