วันเวลาในดินแดนพิภพแห่งนี้ได้หมุนเวียนไปตามวัฏจักร ตรงลานกว้างหน้าเรือนหลังสีขาวบริสุทธิ์ยามนี้ต่างตลบอบอวนไปด้วยกระแสพลังลมปราณฟ้าดินที่มีความเข้มข้นอย่างยิ่งยวด ภายใต้การชักนำกระแสพลังเหล่านี้อย่างเชี่ยวชาญนั้น ปรากฎเป็หนึ่งสมบัติวิเศษที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับดอกบัววิเศษได้ห่อหุ้มวัตถุทรงกลมตรงด้านหน้ายิ่งทอแสงเปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวประกายรุ้งที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอหังการ หากสังเกตมองเข้าไปจะเห็นว่าแสงสีอันเกิดจากปราณธาตุทั้งสี่ต่างลอยวนเวียนอยู่ด้านในคล้ายกับกำลังเร่งดูดซับรักษาให้ได้มากที่สุด
“รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างโชคดียิ่ง ใครจะคาดคิดว่าเทพโอสถาเสวี่ยจิงจะทุ่มเทรักษาด้วยพลังปราณต้นกำเนิดรวมไปถึงโอสถทิพย์ระดับตำนานที่มีฤทธิ์วิเศษเลิศล้ำจำนวนไม่ถ้วนถึงเพียงนี้ นับวันกลิ่นอายความแข็งแกร่งของจิติญญายิ่งทวีความเหนือชั้นกว่าเขตขั้นเดิมของเขายิ่งนัก…” ห่าวหรานหรือเทพแห่งโชคชะตาาเอ่ยขึ้นขณะที่ยังคงจ้องมองไปยังเบื้องหน้า
“กลิ่นอายของรุ่นเยาว์ผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับเ้าเด็กหน้าเหม็นผู้นั้นอยู่ไม่น้อย เสียดายที่อีกฝ่ายได้ไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากองค์เทียนจวินหลายปี หากไม่เช่นนั้นข้าคงไปเค้นถามแล้วว่าได้เผลอไปมีสัมพันธ์กับผู้ใดจนให้กำเนิดบุตรชายเช่นนี้หรือไม่??” ม่อเหยียนที่เป็เทพแห่งาาเอ่ยเสริมขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ข้าใช้เวลารวบรวมและผสานจิติญญาของเด็กหนุ่มผู้นี้มาเกือบครึ่งปี การกระทำเช่นนี้นับว่าไม่เสียเปล่าอย่างแท้จริง โดยปกติทั่วไปแล้วการก่อกำเนิดจิติญญาและสรรสร้างกายเนื้อย่อมใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถก่อเกิดเป็กายเนื้อได้อย่างไม่ยากนัก จริงอยู่ที่ว่าเงื่อนไขสำคัญพิสดารนั่นคือหากจิติญญาของผู้นั้นไม่กล้าแกร่งมากพอ การกระทำเช่นนี้ย่อมไม่ต่างไปจากจากทำลายดวงจิตโดยถาวร...”
“แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับให้ความแตกต่างไปมากจนข้าประหลาดใจอย่างเสียไม่ได้ ก่อนหน้านี้กายเนื้อและจิติญญาของเขาอาจถูกพลังปราณระดับต้นกำเนิดทำลายจนเกือบสูญสลายจนไม่อาจหวนคืนได้เสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยเพราะความพิเศษของสายเืที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นได้อย่างทันท่วงทีนี่ จึงส่งผลให้หลังจากนี้ข้าไม่อาจจะระบุ่เวลาที่แน่นอนได้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะสร้างกายเนื้อหรือฟื้นคืนสติได้เมื่อใด ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงขั้นตอนการก่อกำเนิดเป็ร่างทารกขุมพลังที่ร่างกายเขาสามารถรองรับได้มากเพียงใดกัน…” ในฐานะของเทพโอสถาที่เขาครองครองอยู่นั้นแม้จะเคยช่วยเหลือหรือรักษารวมไปถึงการรวบรวมสรรสร้างกายเนื้อและจิติญญามานับไม่ถ้วนก็จริง แต่เขายอมรับว่าไม่เคยพบเจอผู้ใดที่เปี่ยมไปด้วยพร์ผิดแผกพิสดารได้ถึงเพียงนี้
“ข้าเชื่อว่าเดิมทีเด็กหนุ่มคนนี้คงมีพร์ที่มากล้นอยู่ไม่น้อยเป็แน่ การข้ามผ่านห้วงมิติพิศดารมายังสถานที่แห่งนี้ได้โดยที่จิติญญาของเขาไม่สูญสลายไปทำเอาข้าเองอดที่จะสงสัยเสียไม่ได้ แต่สิ่งที่ที่ข้ารู้สึกและยืนยันได้นั่นคือเขามีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปยิ่งเห็นเปลวเพลิงแห่งปราณธาตุสีรุ้งประกายทองในก่อนหน้า ข้าพอที่จะคาดเดาบางสิ่งอย่างได้ว่ามีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับเปลวเพลิงของเผ่าพันธ์พญาัทองอัมพรพิสุทธิ์มหา์าอยู่บ้าง หากไม่ใช่ผู้ที่มากประสบการณ์หรือผู้ที่เคยพบเจอใกล้ชิดมาก่อนคงยากที่จะล่วงรู้ได้ ห่าวหรานเ้าสามารถตรวจดวงชะตาของเขาได้หรือไม่??”
“ดวงชะตาของรุ่นเยาว์ผู้นี้นับว่าประหลาดยิ่งนัก แต่เดิมเขานั้นหาใช่คนของมหาพิภพแห่งนี้เเต่เขาจะมาจากที่ใดนั้นข้ายังไม่อาจทราบได้ มีบางส่วนที่ถูกปกปิดราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยปกปิดอยู่ ที่สำคัญคือดวงชะตาของเขานั้นยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง หากเปรียบเทียบแล้วคงไม่ต่างไปจากคำว่าอยู่ใต้เพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือผู้คนทั้งปวง โชคชะตาของเขานั้นสว่างโชติ่กว่าผู้ใดอย่างแท้จริง…”
“กลิ่นอายของเขาส่วนหนึ่งคงเป็สายเืขององค์ไท่จื่อ นั่นคือสายเืของเผ่าพันธ์พญาัทองอัมพรพิสุทธิ์มหา์าที่มีความบริสุทธิ์เข้มข้นยิ่ง แต่อีกสายเืหนึ่งหากข้าคาดเดาไม่ผิดคงเป็สายเืของเผ่าพันธุ์พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์าที่ปกครองดินแดนจูเชว่ มหาพิภพทางทิศใต้ แต่จากสายข่าวรายงานแล้วสตรีในตระกูลหวังที่มีอายุไล่เลี่ยกับองค์ไท่จื่อกลับไม่ปรากฎนี่จึงเป็อีกหนึ่งปริศนาที่ยังไม่รับรู้ในตอนนี้…” ม่อเหยียนผู้เป็อาจารย์ขององค์ไท่จื่อคนปัจจุบันถึงกับขมวดคิ้วครุ่นคิด ด้วยยังไม่สามารถหาจุดเชื่อมของทั้งสองได้ในยามนี้
“หากว่าสายเืของเขาเกิดจากสองเผ่าพันธ์านี้จริง ย่อมหมายความว่ามหาพิภพแห่งนี้ได้ปรากฎสายเืที่มีความแข็งแกร่งเป็อย่างมาก เดิมนั้นร่างกายของเขาอาจจะสามารถปลุกพลังสายเืของฝั่งมารดาได้อยู่บ้างก่อนหน้า แต่ด้วยเพราะเภทภัยที่เขาต้องเผชิญจึงสามารถปลุกพลังของอีกสายเืหนึ่งที่ซ่อนเร้นได้ ข้าเชื่อว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็พลังทางสายเืและจิติญญาของเขาจะต้องเหนือล้ำยิ่งในสักวันเป็แน่…”
“เ้าเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว หน้าที่ของเราในยามนี้นั่นคือต้องช่วยเหลือและสนับสนุนเขาให้ได้มากที่สุด…” ห่าวหรานเอ่ยขึ้นตามความคิดเห็นของตน บนมหาพิภพนี้กล่าวได้ว่าช่างกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่คาดคิดเป็อย่างยิ่งประกอบไปด้วยมหาพิภพน้อยใหญ่นับพันนับหมื่น รายนามของสุดยอดฝีมือในทำเนียบนั้นต่างถูกคัดเลือกด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายประกอบขึ้นเป็หนึ่งร้อยรายนามของสุดยอดฝีมือแห่งมหาพิภพ ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งเด็กหนุ่มผู้นี้อาจจะก้าวสู่จุดสูงสุดได้ในสักวัน
“ช่างน่าสนใจเสียจริง เอาสิ!! ในเมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตให้พบเจอกันแล้วย่อมเป็สิ่งที่ดียิ่ง ข้าจะช่วยเหลือเขาอย่างสุดกำลังเช่นกัน มาดูว่าข้าจะปลุกพร์ที่ซ่อนเร้นของเขาให้รุ่งโรจน์กว่าไท่จื่อผู้เป็บิดาของเขาได้หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า” น้ำเสียงที่แสดงถึงความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิดของม่อเหยียนได้สร้างเสียงหัวเราะอย่างเสียไม่ได้ ไม่รู้ว่ายามนี้จะรู้สึกสงสารเด็กหนุ่มผู้นี้ทันหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายแม้จะเป็เทพแห่งาาที่มากไปด้วยฝีมือก็จริง ทว่าฉายาเทพาวิปลาสที่ถูกเรียกขานอย่างลับ ๆ นั่นย่อมคาดเดาได้ถึงนิสัยของอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
“พูดได้ดีนักสหาย ข้าชักอยากให้เขาก่อเกิดกายเนื้อโดยเร็ววันเสียจริง วิชามหาจักษุ์อนันตมายาของข้าจะได้มีผู้สืบทอดเสียที…” ห่าวหรานกล่าวเสริมด้วยความยินดี
“ระยะเวลากว่าที่เขาจะก่อเกิดร่างเนื้อได้สำเร็จ คงจะเป็เวลาที่โอสถของข้าปรุงสำเร็จพอดีกระมัง เช่นนั้นแล้วอย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่าจะเป็การดีที่สุด!!!”
“เซียนโอสถทั้งเก้าในดินแดนมหาพิภพแห่งนี้จงขานรับเสียงเรียกของข้า!!!” เสวี่ยจิงร้องดังขึ้นพร้อมกับตวัดมือเรียกเอาป้ายหยกในห้วงมิติออกมาก่อนจะส่งพลังปราณทำลายก่อนเกิดเป็รอยแยกของเก้าห้วงมิติก่อนจะถูกแหวกออกในเวลาต่อมา
“เซียนโอสถทั้งเก้าคำนับเทพโอสถาเสวี่ยจิงขอรับ!!” ฉับพลันนั้นตรงตรงรอยแยกของห้วงมิติทั้งเก้าได้ปรากฎเงาร่างของบุรุษหลาย่อายุพร้อมกับที่ทุกคนนั้นได้ยกมือประสานขึ้นคำนับด้วยถ้อยคำที่นอบน้อม แม้จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามสายเืของเผ่าพันธ์ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือทุกท่านในที่นี้ล้วนมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาสามัญสมกับสมญานามเซียนโอสถของมหาพิภพ แน่นอนว่าทุกท่านเหล่านี้ล้วนเป็ศิษย์ของเทพโอสถาเสวี่ยจิงกันทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยหลังจากที่ได้รับสัญญาณจากอาจารย์ของตนในรอบพันปี ทว่าอย่างไรแล้วการได้พบเจอกับอาจารย์อีกครั้งนับว่าเป็เื่ที่ดีเช่นกัน
“ครั้งนี้รบกวนพวกเ้าทั้งเก้าช่วยข้าหลอมสร้างปรุงโอสถคงไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” เสวี่ยจิงถามขึ้นพร้อมกับมองศิษย์ของตนที่ตอนนี้นับว่ามีความก้าวหน้าในเส้นทางโอสถยิ่งนัก
“เป็ท่านอาจารย์ที่คอยสั่งสอนพวกข้าในเส้นทางนี้ การได้รับใช้ท่านถือว่าเป็เกียรติและเป็สิ่งที่พวกข้าทุกคนพึงกระทำขอรับ!!” เซียนโอสถคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแม้จะสงสัยอยู่บ้างว่าเป็ผู้ใดกันที่ท่านอาจารย์้าปรุงโอสถให้ในครั้งนี้
“สิ่งที่ข้า้านั้นคือให้พวกเ้าช่วยหลอมสมุนไพรระดับเซียนทั้งหมดหนึ่งพันชนิดตามรายการนี้ รวมไปถึงสมุนไพรระดับ์อีกสามร้อยกว่าชนิด ส่วนข้าจะเป็ผู้หลอมสมุนไพรระดับตำนานพวกนี้เอง”
อัญเชิญเตาหลอมโอสถมหาปทุมมาจรัสดารา์!!!
เสวี่ยจิ่งประสานมือเป็ท่วงท่าพิศดาร ก่อนจะส่งพลังปราณเฉพาะของตนไปเบื้องหน้าแหวกห้วงมิติเพื่ออัญเชิญเตาหลอมโอสถประจำตัวของตนออกมาในทันที
ครืน!!
กลิ่นอายอันอหังการกร้าวแกร่งได้แผ่ซ่านกำจายออกมาจากทิศทางโดยรอบ ส่งผลให้กระแสพลังปราณฟ้าดินในบริเวณถึงกับฉีกขาดจนเห็นได้ชัด ฉับพลันนั้นตรงห้วงมิติที่ถูกฉีกกระชากออกได้ปรากฎเป็เตาหลอมโอสถสีน้ำเงินประกายขาวขนาดมหึมาไม่ต่างไปจากูเาลูกหนึ่ง ลวดลายอักขระที่ถูกสลักกำกับนั้นล้วนมีความแปลกตาไม่คุ้นชินเป็อย่างยิ่ง
่เวลานั้นบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบบริเวณต่างหลบหนีออกไปจากรัศมีประกายแสงดังกล่าว อย่างไรสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ถือได้ว่าเป็การหลอมสร้างปรุงโอสถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายพันปี แน่นอนว่าการกระทำนี้ย่อมชักนำความสนใจใคร่รู้ของผู้มีฝีมือที่อยู่โดยรอบ แต่ด้วยเพราะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็ที่พักพิงของเทพาทั้งสามอย่างไรก็ควรรักตัวกลัวตายเสียหน่อยจะเป็การดีที่สุด แม้จะมีสิ่งที่สงสัยอยู่ไม่น้อยแต่สิ่งหนึ่งที่สามารถคาดเดาได้ นั่นคือดอกผลหลังจากการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้บรรดาทุกสรรพสิ่งย่อมได้รับกันอย่างถ้วนหน้า
“ไม่ว่าจะทัศนากี่ครั้ง เตาหลอมโอสถมหาปทุมมาจรัสดารา์ นับว่าเป็สุดยอดเตาหลอมอันดับต้น ๆ ของมหาพิภพนี้ พลังปราณฟ้าดินที่ถูกชักนำเพื่อหล่อเลี้ยงอักขระเ่าั้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด การเรียกใช้ในแต่ละครั้งนอกจากจะต้องเป็สถานที่ที่อุดมไปด้วยปราณฟ้าดินที่บริสุทธิ์ยิ่งยวดแล้ว พลังปราณต้นกำเนิดของผู้ปรุงโอสถก็นับเป็เครื่องสังเวยในการเรียกใช้เช่นกัน ฟังว่ายิ่งโอสถเม็ดนั้นมีความวิเศษล้ำลึกมากเพียงใด ราคาจ่ายที่ต้องแลกเปลี่ยนนั้นไม่อาจกล่าวว่าสามัญได้อย่างแท้จริง...” ห่าวหรานเอ่ยด้วยความชื่นชม การหลอมโอสถของเสวี่ยจิงผู้เป็ถึงเทพโอสถานั้นหาใช่เป็ภาพที่เห็นได้โดยง่ายแต่อย่างใด ครั้งนี้สหายของเขาถึงกับทุ่มเทถึงเพียงนี้ช่างเป็โชคดีของเด็กหนุ่มนั้นยิ่งนัก
“การหลอมสร้างโอสถในแต่ละครั้งนั้นไม่สามารถให้เกิดความเสียหายระหว่างขั้นตอนเหล่านี้ได้เพียงนิด เ้าช่วยข้าร่ายบทเวทย์ป้องกันโดยรอบนี้ด้วยแล้วกัน…” ม่อเหยียนกล่าวจบจึงได้ประสานมือขึ้นก่อนถ่ายเทพลังลมปราณผนึกขึ้นเป็โครงข่ายม่านพลังปกคลุมก่อนที่ห่าวหวานจะเสริมความแข็งแกร่งไปอีกชั้นในทันที
ครืน!!
เทพโอสถาเสวี่ยจิงได้ประสานมือเป็ท่วงท่าเฉพาะตัวอีกครั้งก่อนจะตวัดมือออกไปยังเบื้องหน้าเพื่อบัญชาการเตาหลอมโอสถของตน เปลวเพลิงสีเขียวเข้มเหลือบขาวประกายรุ้งลุกโชนเข้าครอบคลุมดั่งใจนึก เพียงเปลวเพลิงแห่งปราณธาตุสายนี้ได้ปรากฎกลิ่นอายอันอหังการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความร้อนแรงได้ก่อให้เกิดสะเก็ดดารานับพันนับหมื่นสายก่อนจะผนึกขึ้นเป็บุปผาดอกหนึ่งที่มีกลีบผกาซ้อนทับมากกว่าหนึ่งพันชั้น ก่อนที่จิติญญาเฉพาะของเทพาโอสถจะแผ่ปกคลุมเหนือเตาหลอมโอสถดังกล่าว ความหนาแน่นของจิติญญาสายนี้ถึงกับมองเห็นได้โดยตาเปล่าเลยทีเดียว
“เซียนโอสถทั้งเก้าครั้งนี้ต้องพึ่งพาพวกเ้าไม่น้อย สมควรแก่เวลาในการหลอมสร้างปรุงโอสถได้แล้วกระมัง …” เมื่อสดับฟังเช่นนั้นเซียนโอสถทั้งเก้าจึงแยกย้ายไปประจำอยู่โดยรอบเตาหลอมโอสถนี้เลยทันที ก่อนที่จะถ่ายเทพลังปราณธาตุออกมาหลอมหลอมบรรดาสมุนไพรที่ได้รับมอบหมายอย่างแข็งขัน นี่ไม่ใช่เป็เพียงการช่วยอาจารย์ในการหลอมสร้างปรุงโอสถเท่านั้น เพราะนี่ยังหมายถึงโอกาสในการแสดงฝีมือว่าในระยะเวลาพันปีมานี้ฝีมือของพวกเขาทั้งเก้าคนนั้นก้าวหน้ามากเพียงใดแล้ว
เสวี่ยจิงเห็นท่าทางจริงจังของบุรุษทั้งเก้า ที่ในยามนี้เป็ถึงเซียนโอสถที่ขึ้นชื่อในมหาพิภพแล้ว แต่กลับยังมีท่าทีที่ไม่เปลี่ยนแปลงในความทรงจำของเขาผู้เป็อาจารย์ได้เพียงนิด ก่อนที่จะหันมาสนใจสมุนไพรระดับตำนานตรงหน้า เพียงตวัดมือไปเบื้องหน้าเปลวเพลิงสีเขียวเข้มแซมขาวประกายรุ้งนั้นจะเข้าแผดเผาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยวิถีโอสถเฉพาะ กระแสพลังจิติญญาของมหาเทพโอสถอันเข้มข้นได้ชักนำให้กระบวนการเหล่านี้เป็ไปอย่างราบรื่น ภาพตรงหน้านี้กล่าวได้ว่าเป็เหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงเป็อย่างยิ่งด้วยเพราะเป็การหลอมสร้างปรุงโอสถอันประกอบไปด้วยหนึ่งเทพโอสถาและเซียนโอสถทั้งเก้าเช่นนี้
ิญญายุทธ์อัปสรพฤกษาวารีรุ้ง์ สำแดง!!!
ฉับพลันนั้นเองเปลวเพลิงอันเกิดจากปราณธาตุเฉพาะของเทพโอสถาได้ผนึกตัวขึ้นเป็นางอัปสรนางหนึ่งที่มีรูปร่างครึ่งบนคล้ายคลึงกับมนุษย์แต่ส่วนล่างกลับคล้ายต้นพฤกษายืนต้นขนาดใหญ่ เรือนกายนางเป็สีเขียวอ่อนอีกทั้งยังมีบุปผาดอกน้อยใหญ่เบ่งบานส่งกลิ่นหอมอบอวนแผ่ซ่านกำจายไปทั่วทิศ เพียงร่างจำแลงแห่งิญญายุทธ์ปรากฎขึ้นได้เสริมพลังปราณธาตุไฟของบรรดาเซียนโอสถทั้งเก้านั้นมีความร้อนแรงในการแผดเผาสมุนไพรเ่าั้หลายเท่า
เสวี่ยจิงตวัดพลังลมปราณไปเบื้องหน้าชักนำสมุนไพรระดับตำนานลงเตาหลอมโอสถ จากนั้นสองมือประสานเป็ท่วงท่าตามวิถีโอสถเฉพาะ เงาร่างจำแลงของอัปสรพฤกษาออกท่าร่ายรำด้วยท่าทางพิศดารแปลกประหลาดทว่ากลับงดงามแปลกตายิ่ง สมุนไพรนานาชนิดต่างถูกหลอมกลั่นอยู่ในเตาหลอมอย่างต่อเนื่องโดยที่เทพโอสถาและเซียนโอสถทั้งเก้ายังคงท่าทีสงบเงียบนิ่งคล้ายกับว่าการหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้ยังคงเป็ไปตามวิถีที่ควรจะเป็
“ิญญายุทธ์อัปสรพฤกษาวารีรุ้ง์นับเป็ิญญายุทธ์สายควบคุมสังกัดปราณธาตุพฤกษาที่ทรงอาณุภาพสมบูรณ์ การหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้นับว่าเสวี่ยจิงทุ่มเทไปอย่างสุดกำลังยิ่ง วิถีโอสถของพวกเขาตรงหน้ามีความสมบูรณ์แบบแข็งแกร่งอย่างแท้จริง” ม่อเหยียนเอ่ยด้วยความชื่นชมเสียไม่ได้ ฟังว่าิญญายุทธ์จะมีความแข็งแกร่งมากน้อยตามสายสังกัดก็จริง ทว่ากับิญญายุทธ์ของสหายผู้นี้ไม่น้อยหน้ากว่าิญญายุทธ์สายโจมตีคงไม่เกินจริงไปนัก อีกทั้งเส้นทางของนักปรุงโอสถนั้นกล่าวว่าหาได้เรียบง่ายดั่งใจ ทอดสายตาไปทั่วมหาพิภพพิสดารแล้วการหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้นับว่ายิ่งใหญ่อหังการอย่างแท้จริง
“ที่สำคัญนั่นคือโอสถเม็ดนี้เป็เด็กหนุ่มที่ได้ใช้ พร์ในวันข้างหน้าของเขาย่อมไม่ธรรมดาสามัญเป็แน่ ช่างเป็โชคชะตาฟ้าลิขิตที่หาได้ยากยิ่งนัก” แน่นอนว่าหลังจากนี้หากเด็กหนุ่มคนนั้นได้กลืนกินสุดยอดโอสถนี้เข้าไป พร์ความสามารถในด้านต่างๆ จะไปได้สุดยอดเพียงใด เขตขั้นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์ิญญาที่ไม่มีผู้ใดข้ามผ่านได้มาเนิ่นนานหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็ผู้ใดกัน…