ดวงตาของหลี่เฟิ่งเหมยบวมแดงไปหมด
เธอใช้ผ้าขนหนูประคบตาอยู่นาน จนรู้สึกว่าพร้อมเจอหน้าผู้คนแล้วถึงยอมออกจากห้อง
ที่จริงทุกคนล้วนมองออกว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ก็ใจตรงกันด้วยการเลือกที่จะไม่ถามไถ่อะไร
หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกว่าปิดบังต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เธอจึงถามเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ทุกคนรู้เื่ลุงหลานหมดแล้วใช่ไหม”
มิน่าอยู่ๆ เซี่ยเสี่ยวหลานถึงบอกว่าจะมาเที่ยวเผิงเฉิง ถ้าอยากเที่ยวจริงๆ ทำไมไม่เลือกมาตอนปิดเทอมฤดูหนาวหรือฤดูร้อนเล่า กลับเลือกมาตอนวันหยุดสุดสัปดาห์... ที่แท้เพราะรู้ว่าหลิวหย่งมีเื่ที่เผิงเฉิง! ตอนนี้หลี่เฟิ่งเหมยคิดว่าทุกคนรู้เื่หมดแล้ว ปิดบังแค่กับเธอคนเดียวสินะ
เจอเื่แบบนี้ ดีไม่ดีคนอื่นคงแอบหัวเราะเยาะเธอ
“มีคนอยากดึงคุณลุงให้พลั้งพลาด แต่อย่างไรลุงก็ยังไม่พลาดไม่ใช่หรือ หลังจากป้าตำหนิลุง ลุงก็ไม่กล้าร่วมงานกับเถ้าแก่ฮ่องกงที่วันๆ เอาแต่ลากเขาไปดื่มเหล้าอีกแล้วล่ะ ป้ายกโทษให้ลุงสักครั้งได้หรือเปล่า”
หลี่เฟิ่งเหมยตบแขนเซี่ยเสี่ยวหลานเบาๆ “อย่าพูดอีกเลย เื่พวกนี้ยังจะต้องให้เธอสอนอีกหรือ ที่ป้าโวยวายกับลุงหลานก็เพราะอยากทำให้เขารู้ว่า ปีศาจจิ้งจอกยังอ่อนโยนกว่าป้า!”
เซี่ยเสี่ยวหลานยกนิ้วให้ ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดจริงๆ
ทะเลาะกันไปแล้ว หลิวหย่งจึงยอมเล่าเื่ทั้งหมดให้เธอฟัง และมันก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้นจริง ทุกครั้งจะมีเก่อเจี้ยนหรือไม่ก็หลี่ต้งเหลียงคอยติดตามเข้าไปด้วย หลิวหย่งไม่เคยไปไหนมาไหนตามลำพังแล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร หลี่เฟิ่งเหมยอายุใกล้สี่สิบปี เธอมีความอดทนมากกว่าสาวน้อยไฟแรงพวกนั้น
ก่อนหน้านี้เธอก็สงสัยแล้วว่า มีคนเข้าหาหลิวหย่งหรือเปล่า เธอลังเลอยู่นาน จนกระทั่งพบว่าตนไม่ได้ฟุ้งซ่านไปเอง มีผู้หญิงอื่นพยายามเข้าหาหลิวหย่งจริง หลี่เฟิ่งเหมยจึงเข้าสู่โหมดพร้อมรบในชั่วพริบตา
ทะเลาะกันเฉยๆ แก้ปัญหาไม่ได้ รังแต่จะเป็การผลักไสหลิวหย่งให้ไปหาคนอื่น ดังนั้นหลี่เฟิ่งเหมยจึงเน้นการวางแผนเป็หลัก อย่างน้อยตอนนี้หลิวหย่งก็ยอมสารภาพกับเธอเอง ถ้าต่อไปเขาไม่ยอมบอกอะไรเธออีก เื่ราวคงร้ายแรงยิ่งกว่านี้
หลี่เฟิ่งเหมยอธิบายความคิดของตนเสร็จสรรพ เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกว่าป้าสะใภ้เป็คนใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดเสียจริงๆ
เื่นี้ไม่เกี่ยวกับการศึกษา การศึกษาอาจจะทำให้สมองของคนเราไม่ขาดสติ แต่เดิมทีหลี่เฟิ่งเหมยเป็คนมีสติดี นั่นเป็สาเหตุให้เธอตัดสินใจหย่าขาดจากสามีเก่าั้แ่เมื่อสิบกว่าปีก่อน หลิวหย่งเป็คนแบบไหน เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ
สิ่งที่หลี่เฟิ่งเหมยกังวลมากกว่าคือเงินหลายหมื่นหยวนที่เสียไป เธอกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของหลิวหย่งหรือไม่
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ตอบอย่างขอไปที เธอครุ่นคิดอย่างละเอียดก่อนตอบกลับไปว่า “ถ้าแค่ไม่กี่หมื่นหยวน ธุรกิจของลุงยังพอไปต่อไหวค่ะ แต่ถ้ารู้ตัวช้ากว่านี้ ทุ่มเงินส่วนใหญ่ลงไปแล้วอยากถอนตัวออกมาทีหลังคงไม่ง่าย”
หลี่เฟิ่งเหมยโล่งอก
พวกเธออยู่เผิงเฉิงได้ไม่นาน บ่ายนี้ก็ต้องนั่งเครื่องบินกลับแล้ว
เที่ยวบินสมัยนี้ การเดินทางระหว่างสองเมืองใหญ่มีเที่ยวบินแค่หนึ่งถึงสองเที่ยวเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานต้องกลับปักกิ่งเช่นกัน พรุ่งนี้วันจันทร์เธอมีคาบเรียน่เช้า ตอนเที่ยงทังหงเอินบอกว่าอยากเลี้ยงข้าวพวกเซี่ยเสี่ยวหลาน จนกระทั่งเวลาสิบเอ็ดโมง หลิวหย่งที่พาคนไปเก็บของที่เซียงมี่หูก็ยังไม่กลับมา เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเริ่มรู้สึกเป็ห่วง
พอได้ยินว่านายกเทศมนตรีทังจะเลี้ยงข้าว ทำอย่างไรหลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่ยอมไป
คนที่สนิทกับนายกเทศมนตรีทังคือเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟิน หลี่เฟิ่งเหมยจะไม่รู้จักกาลเทศะแล้วเสนอหน้าไปทานอาหารมื้อนี้ด้วยได้อย่างไร
เซี่ยเสี่ยวหลานเถียงสู้เธอไม่ได้ ด้านพานซาน เมื่อเขาบอกว่าช่วยแล้วต้องช่วยให้ถึงที่สุดจึงขอตามหลิวหย่งไปด้วย ไหนจะมีหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนที่ฝีมือดีเช่นกัน ต่อให้เกิดเื่ปะทะกับทางหลิวเทียนเฉวียน เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ค่อยเป็ห่วงความปลอดภัยของหลิวหย่งสักเท่าไร
แต่ไปั้แ่เช้า เที่ยงยังไม่กลับมา ทางหลิวเทียนเฉวียนคงไม่ยอมรามือง่ายๆ อย่างแน่นอน บาดหมางกับเขาเช่นนี้ สิ่งที่เสียหายอาจจะไม่ใช่แค่เงินไม่กี่หมื่นหยวน ถึงอย่างไรหลิวเทียนเฉวียนก็เป็ถึงเถ้าแก่ใหญ่ในวงการก่อสร้างของเผิงเฉิง ต่อไปหากเขา้าหาเื่ หย่วนฮุยก็คงต้องรับมือกันหืดขึ้นคอแน่ๆ
ทว่าก็ยังดีกว่าคลุกคลีอยู่กับคนอย่างหลิวเทียนเฉวียน
หากหลิวเทียนเฉวียน้าทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ร่วมงานกันหาเงินเพียงอย่างเดียวคงไม่มีปัญหาอะไร ผู้ชายคนนี้มาทำธุรกิจที่แผ่นดินใหญ่ แต่ลับหลังกลับคิดไม่ซื่อ สมองของเซี่ยเสี่ยวหลานคงมีปัญหา ถ้าอยากสนิทชิดเชื้อกับคนอย่างเขา
ทังหงเอินนัดทานข้าวตอนเที่ยงครึ่ง แต่เขากลับมาถึงตอนบ่ายโมงตรง
สถานที่นัดทานข้าวเป็ที่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินรู้จักดี ซึ่งก็คือห้องส่วนตัวในบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองเผิงเฉิง ่นี้ทังหงเอินต้องฟื้นฟูกระเพาะอาหาร จึงไม่ค่อยทานอาหารของโรงอาหารสักเท่าไร ดังนั้นตอนเที่ยงจึงมักจะสั่งให้ทางบ้านพักรับรองเตรียมอาหารให้เป็พิเศษ
“ฉันติดประชุมจนเลยเวลาไปครู่ใหญ่ เธอสองคนคงรอกันนานเลยสินะ”
ทังหงเอินมาสาย ระหว่างที่รอเขาเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินดื่มชาไปไม่น้อย ที่จริงสองแม่ลูกกำลังคุยเื่หลิวหย่งอยู่จึงไม่ทันสังเกตเวลาที่ล่วงเลยไป
“คุณอาทัง พวกเราเองก็เพิ่งมาถึงค่ะ... แต่ไม่นานมานี้คุณอาเพิ่งผ่าตัดมา ทำไมทานข้าวไม่ตรงเวลาอีกแล้วล่ะคะ”
ทังหงเอินพยักหน้า “เธอพูดเหมือนเลขาเผิงไม่มีผิด อายุยังไม่มากแต่ขี้บ่นเสียจริง”
เซี่ยเสี่ยวหลานหุบปากบัดดล
ปีนี้เธอเพิ่งอายุสิบเก้า เธอไม่อยากถูกคนพูดว่าเป็คนขี้บ่น
“สวัสดีค่ะ นายกทัง”
ท่าทางของหลิวเฟินนั้นดูเกร็งมาก แต่ทังหงเอินกลับกำลังยิ้มแย้ม “ไม่มีอะไรหรอก ได้ยินว่ามาที่เผิงเฉิงเลยอยากเลี้ยงอาหารสักมื้อ เสี่ยวหลาน ทำไมพวกลุงเธอถึงไม่มาล่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดปิดบัง “วันนี้ลุงไปเก็บวัสดุก่อสร้างที่เซียงมี่หูค่ะ ตอนนี้เขากับหลิวเทียนเฉวียนแตกหักกันแล้ว แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้ว่าการไม่มีหลิวเทียนเฉวียนคอย ‘ผลักดัน’ คงทำให้หย่วนฮุยเติบโตช้าลงบ้าง แต่ก็ไม่ต้องรู้สึกระแวงอยู่ตลอดเวลา”
เถ้าแก่ใหญ่ผู้ร่ำรวยหลายสิบล้าน แค่โยนงานที่มีอยู่ในมือออกมาบ้าง ก็มากพอจะทำให้บริษัทเล็กๆ อย่างหย่วนฮุยอยู่ได้นานเป็ปี
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ค่อยใส่ใจเื่นี้เท่าไร เผิงเฉิงเต็มไปด้วยโอกาส ไม่มีหลิวเทียนเฉวียนก็ใช่ว่าหย่วนฮุยจะอยู่ต่อไม่ได้ อย่างน้อยหย่วนฮุยก็ประสบความสำเร็จในโครงการบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง นับว่ายังมีชื่อเสียงติดตัวอยู่บ้าง ใช้เวลาอีกสักสองปีก็กิจการคงดีขึ้นกว่านี้
เผิงเฉิงจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้เื่นี้ดีกว่าใคร ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องร้อนใจแต่อย่างใด
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้อนาคตดี แต่ทังหงเอินไม่รู้ เขาจึงรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนมองการณ์ไกล คนเราทำธุรกิจหากเจอผู้หวังดีช่วยผลักดันย่อมเติบโตได้ในเวลาอันสั้น หลิวหย่งสามารถคิดได้เช่นนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก ถึงกับยอมตัดขาดความสัมพันธ์กับหลิวเทียนเฉวียนเสียด้วย
“ความมั่นคงระยะยาว ดีกว่าความก้าวหน้าเพียงชั่ววูบ”
เงินไม่กี่หมื่นหยวนสำหรับหลิวเทียนเฉวียนแล้วไม่ใช่ตัวเลขมากมายอะไร แต่สำหรับหลิวหย่งนั้นเงินนั่นไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ทว่าทังหงเอินก็ไม่อาจออกหน้าขอให้หลิวเทียนเฉวียนยอมคืนเงินแต่โดยดีได้ หากทางราชการเข้าไปแทรกแซงภาคเอกชนย่อมส่งผลกระทบที่ไม่ดีตามมา อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะไม่มีวิธีการอื่น
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าเื่ทั้งหมดให้ทังหงเอินรับรู้ก็พอ เนื่องจากบ่ายนี้เธอต้องกลับปักกิ่งแล้ว วันนี้คงจัดการปัญหาให้เสร็จสิ้นไม่ได้
ทังหงเอินแค่สั่งการเลขาเพียงไม่กี่คำ ย่อมได้ผลกว่าการปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งดิ้นรนเอาเอง
ทังหงเอินบอกเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินว่าไม่ต้องเกรงใจ ทานอาหารให้เต็มที่
พ่อครัวของบ้านพักรับรองฝีมือเป็เลิศ ได้ทำอาหารให้กับนายกเทศมนตรีทัง เขายิ่งทุ่มเทใส่ใจอย่างเต็มที่ วัตถุดิบไม่ต้องใช้ของราคาแพงหรือหายาก อาหารกวางตุ้งนั้นให้ความสำคัญกับความสดใหม่คงรสชาติเดิมของวัตถุดิบให้ได้มากที่สุด ดังนั้นมื้อนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงทานอาหารได้อย่างมีความสุข
แต่ใครจะไปคิดว่า หลังสองแม่ลูกกลับมาที่ร้านขายวัสดุ พวกหลิวหย่งก็ยังไม่กลับมา
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องขึ้นเครื่องแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกไม่สบายใจจึงขอให้คังเหว่ยช่วยขับรถพาไปดูสถานการณ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้