หลังจากพลังวัตรก้าวสู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเวลาก็ผ่านมาเกินกว่าครึ่งเดือนแล้ว เสวียนเทียนไม่ได้ฝึกฝนปราณแท้เลย เอาแต่ฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ ดังนั้น พลังวัตรจึงก้าวหน้าช้ามาก
ตอนนี้มีเวลาว่างในที่สุดก็ได้ตั้งใจฝึกพลังวัตรให้มั่นคงเสียที
พลังของเสวียนเทียนในตอนนี้สามารถสังหารคนจำพวกหนิวเจิ้นซานได้แล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้พลังภายนอกมาฝืนเลื่อนขึ้นชั้นพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสี่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ ระดับพลังอ่อนแอที่สุด
ศิษย์ในของสี่สำนักใหญ่ที่สามารถเอาชนะหนิวเจิ้นซานได้ไม่มีเจ็ดแปดคน อย่างน้อยก็มีสี่ห้าคน
ปีที่แล้วฉู่เฟิงเป็ถึงศิษย์ในอันดับหนึ่งแห่งสำนักกระบี่์พลังเมื่อเทียบกับหนิวเจิ้นซานที่ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่แล้วแข็งแกร่งกว่ากันมาก เกรงว่าหนิวเจิ้นซานสามคนก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของฉู่เฟิง
ตอนนี้ฉู่เฟิงพลังวัตรก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่กลายเป็ศิษย์หลักของสำนักแล้ว พลังยิ่งกล้าแข็งขึ้นเสวียนเทียนคิดอยากไล่ตามฉู่เฟิง ตอนนี้ยังไม่พอ ยังต้องพยายามต่อไป
แต่ว่าครั้งนั้นพูดไว้ว่าจะก้าวข้ามฉู่เฟิงในหนึ่งปี ตอนนี้เพิ่งผ่านไปได้สองเดือนกว่าหลังจากนี้ยังมีเวลาอีก่ใหญ่ ถึงเวลาจะก้าวข้าวฉู่เฟิงไม่ยากแต่ในใจของเสวียนเทียนยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า พลังวัตรนั้นนาทีเดียวก็ชักช้าไม่ได้ก้าวแรกของเขาต่ำเตี้ยกว่าผู้อื่น ต้องพยายามให้มากกว่าฝึกฝนให้เร็วกว่าถึงตามทันอีกฝ่าย
แน่นอนโชคดีมีพร์ยอดเยี่ยมในด้านหลอมศาสตราทั้งที ศาสตร์หลอมศาสตราก็ไม่อาจทิ้ง
เวลาของทุกวันเสวียนเทียนจัดไว้อย่างดีทุกวันเช้าขึ้นมา ตอนเช้าฝึก ‘ปราณเบิกนภา’ ‘เคล็ดหลอมปราณ’ ฝึกฝนปราณเบิกภา ฝึกฝนให้ปราณแท้เบิกภาในร่างยิ่งลึกล้ำขึ้นยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น
่บ่ายศึกษาการหลอมศาสตรา ในแหวนมิติมีวัตถุดิบการหลอมศาสตรามากมายส่วนอุปกรณ์การหลอมศาสตรา ตระกูลหวงเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ศาสตราธรรมดาแค่ไฟธรรมดาก็หลอมสร้างขึ้นมาได้มีเพียงศาสตราวิเศษเท่านั้นที่จำเป็ต้องใช้ไฟพิเศษในการหลอม
ยามค่ำ เสวียนเทียนฝึกฝนเพลงกระบี่เสวียนเทียนสามารถสู้กับคนที่มีพลังวัตรสูงกว่าได้ไม่เพียงเพราะความบริสุทธิ์ของปราณแท้เบิกนภาในร่างที่สำคัญกว่าเป็เพราะบรรลุเพลงกระบี่ถึงขอบขั้นสุดยอด
พลังวัตรเพิ่มพูนทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่ศาสตร์เพิ่มพูนทำให้เสวียนเทียนล้มคู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้
ไม่ฝึกฝนเลยไม่รู้ พอฝึกขึ้นมาต้องใจนสะดุ้ง!
ร่างกายของเสวียนเทียนเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในระดับชั้นเดียวกันถึงขนาดที่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงกว่าเขาสี่ห้าชั้นยังเทียบไม่ติด
ไม่ใช้ปราณแท้เบิกนภา พละกำลังอย่างเดียว แขนหนึ่งข้างก็มีแรงถึงเก้าพันชั่งต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหกถ้าไม่ได้มุ่งฝึกฝนร่างกายโดยเฉพาะก็สู้ไม่ได้
ร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ก็เปรียบดั่งภาชนะร่างกายยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งรองรับปราณแท้เบิกนภาได้มากเส้นปราณเป็ช่องทางที่ปราณแท้เบิกนภาไหลผ่าน เส้นปราณยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งรองรับปริมาณของปราณแท้เบิกนภาที่ไหลผ่านได้มากหรือก็คือปราณแท้เบิกนภาโคจรได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ร่างกายและเส้นปราณของเสวียนเทียนล้วนแต่เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา
ดังนั้นในร่างจึงรองรับปราณแท้เบิกนภาได้มากกว่าเส้นปราณโคจรปราณแท้เบิกนภาได้เร็วกว่า
ผลอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดผลอีกอย่างหนึ่ง!
เสวียนเทียนดูดกลืนยาปราณแท้ชั้นล่างอย่างรวดเร็วยิ่งเขาฝึกทั้ง่เช้า กลับใช้แค่ยาควบปราณแท้ชั้นล่างไปเม็ดหนึ่งดูดกลืนหลอมแปรพลังไปจนหมด
ถ้าหากฝึกทั้งวัน เขาคงกินยาควบปราณแท้ชั้นล่างสองเม็ดหากนับเวลาตอนกลางคืนเข้าไปอีก เก็บตัวฝึกฝนอย่างสิ้นเชิง วันหนึ่งยาควบปราณแท้ชั้นล่างสามเม็ดเขาก็ดูดกลืนแปรพลังมาหมดได้
นี่เป็เื่ที่ทำให้เสวียนเทียนตกตะลึง
ต้องรู้ก่อนว่าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งใช้ยาปราณแท้ชั้นล่างหนึ่งเม็ดเพียงพอให้ฝึกฝนได้สามวัน ชั้นเบิกนภาขั้นสองฝึกฝนได้สองวันชั้นเบิกนภาขั้นสามฝึกฝนได้หนึ่งวัน
ความเร็วในการดูดกลืนยาควบปราณแท้ชั้นล่างของเสวียนเทียนเมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามเร็วกว่าเกือบสามเท่า!
เป็หกเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองเก้าเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง!
ร่างกายที่แข็งแกร่ง เส้นปราณที่แข็งแกร่งทำให้เสวียนเทียนสามารถดูดกลืนยาควบปราณได้มาก พลังวัตรของเขาพึ่งพาการดูดกลืนยาควบปราณอย่างเดียวก็ก้าวข้ามผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
การค้นพบนี้ทำให้เสวียนเทียนดีใจไม่เลิกขอเพียงมียาควบปราณแท้เพียงพอ เขาก็สามารถยกระดับพลังวัตรขึ้นสู่ขั้นสองขั้นสามด้วยความเร็วที่มากกว่าผู้อื่นถึงแปดเก้าเท่า
แน่นอนเงื่อนไขแรกคือเสวียนเทียนต้องฝึกฝนวิชาปราณชั้นนิล ไม่อย่างนั้นดูดกลืนยาควบปราณไปมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์วิชาปราณชั้นนิลต้องรอกลับสำนักกระบี่์ค่อยเรียน ยังไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้ใช้โอกาสที่ว่างอยู่ที่นี่ร่ำเรียนคัมภีร์หลอมศาสตราบทพื้นฐานกับบทชั้นทองให้สำเร็จเสียก่อนฝึกพื้นฐานให้ดีแล้ว รีบเร่งเวลากลายเป็ช่างหลอมศาสตราที่แท้จริงที่หลอมศาสตราวิเศษชั้นนิลได้ให้ได้ในเร็ววัน
พลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบกับพลังธาตุทองขั้นยอดเยี่ยมของเสวียนเทียนเป็พร์ดุจปีศาจของการหลอมศาสตราแล้วก็ยอดเยี่ยมจริงๆ ความรู้ทฤษฎีของบทพื้นฐานกับบทชั้นทองเสวียนเทียนอ่านรอบเดียวก็เข้าใจส่วนใหญ่แล้ว ขาดก็เพียงการลงมือปฏิบัติจริงเมื่อเข้าใจได้ที่แล้ว ก็ไม่ใช่อ่านหนังสือแล้วจะเรียนเป็ได้ต้องลงมือทำด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจถ่องแท้
แต่อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะความเร็วในการเรียนรู้สิ่งต่างๆเหนือกว่าคนทั่วไปเพียงแค่สองวันเสวียนเทียนก็สร้างผลงานสำเร็จชิ้นที่หนึ่งขึ้นมาได้แล้วเป็กระบี่ยาวชั้นทองระดับล่างเล่มหนึ่ง
แม้ว่านี่จะเป็กระบี่ยาวที่ธรรมดาเป็ที่สุดแต่ว่า ช่างตีเหล็กคนหนึ่งจากเริ่มเรียนจนมาถึงตีสร้างอาวุธชิ้นแรกสำเร็จขึ้นมาได้ก่อนอื่นต้องเรียนทฤษฎี จากนั้นก็ฝึกฝนพละกำลัง สุดท้ายลงมือทำจริงอย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสี่ห้าเดือนโดยประมาณ
เสวียนเทียนอ่านทฤษฎีรอบเดียวก็เข้าใจพละกำลังไม่จำเป็ต้องฝึกฝน ร่างกายเทียบเท่ากับช่างหลอมศาสตราชั้นนิลแล้วที่จำเป็ต้องทำมีเพียงฝึกฝนปฏิบัติเท่านั้นแต่ความเร็วก็ยังเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่มากแค่เวลาครึ่งวันของสองวันก็กลายเป็ช่างตีเหล็กชั้นต้นที่คุณสมบัติผ่านแล้ว
ช่างหลอมศาสตรามีเพียงสร้างศาสตราวิเศษออกมาได้เท่านั้นถึงจะใช้นามนี้ได้ไม่อย่างนั้นก็ได้ชื่อเป็เพียงช่างตีเหล็กเท่านั้นจากระดับอาวุธที่ตีขึ้นมาชั้นทองระดับล่าง ระดับกลาง ระดับสูง แบ่งเป็ชั้นต้นชั้นกลาง ชั้นสูง ส่วนช่างตีเหล็กที่ตีอาวุธมีชื่อออกมาได้ ถึงเรียกว่าปรมาจารย์
เส้นทางช่างหลอมศาสตราของเสวียนเทียนใช้คำว่าเร็วเหลือเชื่อมานิยามได้เพียงแค่ห้าวันผ่านไปวันที่เจ็ดเสวียนเทียนก็ตีกระบี่ยาวชั้นทองขั้นกลางเล่มหนึ่งออกมาได้แล้วกลายเป็ช่างตีเหล็กชั้นกลางคนหนึ่ง
มีพละกำลังน่าหวั่นเกรง พร์ยอดเยี่ยมในชั้นช่างตีเหล็กนี้ เสวียนเทียนไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย
ระหว่างที่เสวียนเทียนฝึกฝนความแข็งแกร่งของพลังวัตรร่ำเรียนการหลอมศาสตรา หวงิซาน หวงฉีซาน หวงคุนซานสามคนใช้ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นกระดูก’ รักษาอาการาเ็ อาการดีขึ้นมากแล้ว วันที่หกหวงิซานกับหวงฉีซานก็ออกมาจากการเก็บตัว พลังวัตรปลดผนึกมาถึงชั้นเบิกนภาขั้นหก
หวงคุนซานยังคงอยู่ระหว่างการรักษาอาการาเ็ขอเพียงมีเวลาพอ จะฟื้นพลังวัตรถึงชั้นเบิกนภาขั้นหกไม่ใช่เื่ยาก!
ตระกูลหวงไม่เพียงแต่กวาดเงินมาจากตระกูลหนิวเฉิง จางได้มากมาย ทั้งยังมีโอสถทิพย์ล้ำค่าอีกไม่น้อยมีประโยชน์ต่ออาการาเ็ของคนในตระกูลหวงคนอื่นมาก เพียงแต่โอสถทิพย์เหล่านี้ฤทธิ์ไม่ได้เห็นผลเร็ว ได้ผลดี เท่า ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ขนาดนั้นผ่านไป่หนึ่งพลังของตระกูลหวงทั้งหมดคงเพิ่มขึ้นจนเปลี่ยนโฉมไป
วันที่เจ็ดหวงคุนซานออกมาจากการเก็บตัวอาการาเ็รักษาหายดีไปไม่น้อย พลังเปิดผนึกมาถึงชั้นเบิกนภาขั้นหก
คราวนี้ตระกูลหวงมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหกสามคนในหมู่ตระกูลขั้นแปดไม่นับว่าต่ำชั้นแล้ว
พรรคพวกที่เหลือของตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูล ผ่านมาหลายวันส่วนใหญ่ก็กวาดล้างไปจนสิ้นแล้วแต่อำเภอเป่ยมั่วจะว่าใหญ่ก็ไม่โหญ่ จะเล็กก็ไม่เล็ก อาณาเขตมีห้าหกร้อยลี้สาขาของตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลแยกกระจายอยู่ในแต่ละหมู่บ้านเมื่อได้รับข่าวก็หนีหายกันไปก่อนแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหนิว เฉิง จางที่หลบหนีไปไม่มีที่ไป มีเพียงมายังอำเภอหนานเหย่หาตระกูลเติ้งที่พวกเขาส่งบรรณาการให้ทุกเดือนเท่านั้นและในเวลานี้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอำเภอเป่ยมั่วก็ดังมาถึงหูของตระกูลเติ้งแห่งอำเภอหนานเหย่แล้ว
การต่อสู้ระหว่างตระกูลโดยทั่วไปสำนักไม่สอดมือเข้ายุ่งเพราะว่าลูกศิษย์ของสำนักมีลูกหลานของหลายตระกูลใหญ่อยู่บางครั้งตระกูลใหญ่สองตระกูลสู้กัน ลูกหลานของทั้งสองตระกูลอาจอยู่ในสำนักเดียวกันนอกเสียจากจะมีตำแหน่งสำคัญเป็พิเศษในสำนัก ไม่อย่างนั้นสำนักย่อมไม่เข้าข้างข้างใดข้างหนึ่ง
ต่อให้ลูกหลานอยู่ต่างสำนักกันสองสำนักก็ย่อมไม่เปิดศึกระหว่างสำนักเพราะการต่อสู้ระหว่างตระกูลของลูกศิษย์สองคนหลักการเดียวกันนอกเสียจากลูกศิษย์ผู้นั้นมีตำแหน่งสำคัญพิเศษในสำนัก
การต่อสู้ระหว่างตระกูลหวง กับตระกูลหนิว เฉิงจางที่อำเภอเป่ยมั่ว การต่อสู้ระหว่างตระกูลเช่นนี้ในอำเภอน้อยใหญ่นับร้อยนับพันในอาณาจักรเสินเตา เกิดขึ้นเป็ประจำอย่างไรก็ไม่กระทบผลประโยชน์ สำนักย่อมไม่อาจตัดสินว่าใครผิดใครถูกสรุปคือผู้ชนะเป็ฝ่ายถูก ตระกูลที่ได้ชัยก็ยังคงต้องส่งบรรณาการให้เบื้องบนผลประโยชน์ในที่สุดก็ยังคงตกทอดเป็ห่วงๆไหลไปถึงสำนัก
ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างตระกูลของลูกศิษย์ในสำนัก สี่สำนักใหญ่ขนาดสายตายังไม่แลศิษย์ในอาจต่างไปอยู่บ้าง นั่นก็คือเมื่อต่อสู้กันขึ้นมาห้ามทำอันตรายศิษย์ในสำนักใหญ่ถึงแก่ชีวิตแต่สำนักใหญ่ย่อมไม่ออกหน้าเพื่อศิษย์ในคนหนึ่ง
สรุปก็คือ ศิษย์ในหากเพื่อสำนักโดนเอารัดเอาเปรียบสำนักก็จะหนุนหลังเขาถ้าเสียชีวิตสำนักก็จะล้างแค้นให้เขา แต่ถ้าเป็เพื่อตระกูลของตนเอง สำนักก็ไม่สนใจ
เป็ไปได้มากที่ลูกหลานของตระกูลอีกฝ่ายจะเป็ศิษย์ในของสำนักเดียวกันหรือเป็ศิษย์ในของสำนักใหญ่สำนักอื่น เช่นนี้เื่ยิ่งซับซ้อนจัดการยากถ้าหากเพราะเหตุนี้เกิดศึกระหว่างสองสำนักใหญ่ขึ้นมา นั่นย่อมได้ไม่คุ้มเสีย
ดังนั้น ขอเพียงไม่ทำร้ายศิษย์ในของสำนักจนถึงชีวิตการต่อสู้ระหว่างตระกูลสำนักจะลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่ง
ลูกหลานชั้นเบิกนภาของตระกูลหนิว เฉิงจางกลับสำนักไปนานแล้ว รักษาชีวิตไว้ได้ แต่ตระกูลของพวกเขาถูกทำลายคิดอยากพึ่งสำนักออกหน้าล้างแค้น นั่นเป็ไปไม่ได้
แต่ว่าในสำนัก ระหว่างศิษย์ในสำนักหากมีสัมพันธ์ฉันมิตรกันก็อาจขอให้สหายช่วย เื่นั้นทำได้นี่ไม่นับว่าเป็ตัวแทนของสำนักแต่เป็ตัวแทนเื่ส่วนตัว
ตระกูลเติ้งแห่งอำเภอหนานเหย่รู้ว่ามีตระกูลใหม่เพิ่งเกิดแต่กลับกำจัดตระกูลชั้นเก้าสามตระกูลใหญ่ ตระกูลหนิวเฉิง จางได้ก็ใมาก ในเวลาเดียวกันก็โกรธจัด
ตระกูลเติ้งเป็ตระกูลขั้นแปดที่เข้มแข็งรุ่งเรืองตระกูลหนึ่งไม่เพียงมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหกในตระกูลยังมีผู้ฝึกยุทธชั้นเบิกนภาขั้นเจ็ดพวกเขาส่งผู้าุโชั้นเบิกนภาขั้นหกคนหนึ่งนำผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามขั้นสี่ ขั้นห้าจำนวนหนึ่งมุ่งมายังตระกูลหวงแห่งอำเภอเป่ยมั่วยกพลเข้าสอบสวนโทษในทันที
ตระกูลเติ้งส่งผู้าุโชั้นเบิกนภาขั้นหกกำลังพลที่พลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้มา ความหมายง่ายมากไม่เพียงแต่จะข่มขวัญตระกูลหวง ถึงเวลาจำเป็ก็สามารถใช้ข้ออ้าง ‘ทวงความเป็ธรรมให้ตระกูลหนิวเฉิง จาง’ กำจัดตระกูลหวงได้เพียงคนของตระกูลเติ้งออกจากอำเภอหนานเหย่มุ่งมายังอำเภอเป่ยมั่วข่าวสารก็ส่งมาถึงมือของตระกูลหวงในอำเภอเป่ยมั่วแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้