ถึงตอนนี้หวงซื่อจะไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้คนกำลังคิดถึงเื่ใดอยู่ หรือต่อให้นางรู้ คิดว่าคนอย่างหวงซิ่วเหมยผู้นี้จะรู้สึกหวาดกลัวหรือรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ได้กระทำต่อไอ้ตัวมารหัวขนตัวนั้นรึ
ไม่มีทาง!
วันแล้ววันเล่าที่นางต้องกล้ำกลืนฝืนทน เลี้ยงดูไอ้มารหัวขนนั่น มีหลายครั้งที่นางคิดจับเด็กทารกตัวขาวอวบอ้วนกดถังอาจมให้ตายๆ ไปเสีย ติดแต่ไอ้แก่ตายยากจางต้าเกินคอยขัดขวางเอาไว้ หลายครั้งที่ทั้งสองทุ่มเถียงกันอย่างเอาเป็เอาตาย การเลี้ยงเด็กทารกสักคนให้เติบโตในชนบทอันห่างไกล เป็เื่ยากยิ่งกว่าสิ่งใด เหตุใดเ้าคนหยาบช้าอย่างจางต้าเกินถึงไม่เข้าใจเื่ที่นาง้าทำ
มีวิธีการมากมายที่ผู้เลียงสามารถลงมืออย่างลับๆ แค่มารหัวขนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แรกเริ่มหวงซิ่วเหมยหวาดกลัวกลุ่มคนที่ติดตามเด็กคนนั้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เหมือนว่าคนพวกนั้นเพียงมาส่งเด็กเอาไว้แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย นานวันเข้าหวงซิ่วเหมยก็คิดว่าเ้ามารหัวขนคงถูกทอดทิ้ง ไร้คนเหลียวแลอย่างแท้จริง นับแต่นั้นมานางก็ถือเสียว่าตนเองกำลังเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว สิ่งที่ข้าหวงซิ่วเหมยผู้นี้หยิบยื่นให้มัน จะเป็สิ่งใดก็แล้วแต่ นั่นย่อมเป็ความเมตตาจากสรรค์
แต่แล้ว ์นั้นรังเกียจคนมีเมตตาเช่นนาง วันที่ไอ้ตัวมารหัวขนนั่นแอบไปสอบ ไม่รู้ว่ามันทำอีท่าไหน รู้ตัวอีกทีก็มีขบวนแห่ตีฆ้องร้องป่าวมาถึงหมู่บ้าน ว่าอันใดนะ? จางจื้อหลิน บุตรชายคนที่สามบ้านตระกูลจางคือซิ่วไฉที่อายุน้อยที่สุดในมณฑล คือผู้เข้าสอบที่ทำคะแนนเต็มทุกหัวข้อสอบ หวงซิ่วเหมยไม่รู้ว่ามณฑลนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด ในสายตาของนางอำเภอคือสถานที่ที่ยิ่งใหญ่มาก ท่านใต้เท้านายอำเภอคือบุคคลที่น่าเกรงขามในสายตาของนาง ไม่ต้องกล่าวถึงใต้เท้าจากมณฑลใหญ่ที่ให้การชมเชยลงมาด้วยตนเอง
จากวันนั้นนางจะทำสิ่งใดต้องมองหน้าคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้นำหมู่บ้าน ที่จับตามองบ้านจางอย่างใกล้ชิด หากว่าอนาคตและความรุ่งเรืองของหมู่บ้านจางเจี่ยมีอันเป็ไป เพราะคนไร้ความรู้อย่างจางต้าเกินและหวงซิ่วเหมย นางในตอนนั้นเชื่อว่าผู้นำหมู่บ้านต้องฉีกร่างพวกนางสองสามีภรรยาออกเป็ชิ้นๆ อย่างแน่นอน
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานางเหยียบเ้ามารหัวขนนั่นไว้ใต้ฝ่าเท้า ให้มันทำงานหนักที่สุด สกปรกที่สุด แต่ละวันให้ทานเศษอาหารเพียงน้อยนิด ยิ่งยามมองหาภรรยาให้นางก็จงใจเลือกหญิงสาวจากครอบครัวที่เล่าลือว่าอัปมงคลอับโชคมากที่สุด พอพวกมันมีลูกนางก็ไม่คิดมองเด็กเ่าั้เป็คน สถานะของพวกมันคือทาสรับใช้ที่คอยรองมือรองเท้าพวกนางทุกคนในบ้าน
จะอย่างไรมันก็ไม่กล้าร้องขอความเป็ธรรมอีกทั้งยังต้องโขกศีรษะขอบคุณในความเมตตาด้วยซ้ำ หากมันยังกล้าเรียกร้องสิ่งใด นางจะไปตีฆ้องร้องป่าว ว่าไอ้เด็กนอกคอกนี่อกตัญญู!
นางหวงซิ่วเหมยเลี้ยงดูสายเืหญิงโคมเขียวมาจนเติบใหญ่ ไม่ควรได้รับคำยกย่องเื่ความมีเมตตารึ?
ในขณะที่หวงซิ่วเหมยหรือหวงซื่อกำลังรำลึกอดีตอันโชต่ วันวานที่ได้เหยียบย่ำครอบครัวเ้าเืชั่วจางจื้อหลินอยู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งหญิงชราก็เกิดความแช่มชื่นราวกับฉีดเืไก่ ยิ่งคิดนางยิ่งมีความสุข ยิ่งนางหวนนึกถึงสภาพศพของมัน ครั้งแรกนางตื่นตระหนกจนขวัญกระเจิง ทว่าเมื่อนึกย้อนกลับไปหลายครั้งความหวาดกลัวกลับแทนที่ด้วยความสุขใจ
ต่อให้เ้า จางจื้อหลิน มีอนาคตสดใสแล้วมันจะอย่างไร? ผู้คนยกย่องเทิดทูนมากใช่หรือไม่ เช่นนั้นเ้าก็ไปเสพสุขในนรกไปเถิด ฮ่าๆๆ หญิงชราหัวร่องอหงายอยู่ในใจเป็พันเป็หมื่นหน
เหล่าสะใภ้น้อยใหญ่ กระทั่งแม่เฒ่าทั้งหลายที่มามุงดูชมความครึกครื้นของคนบ้านจาง ได้แต่มองท่าทางเหม่อลอยเดี๋ยวทำสีหน้าเคร่งครึม เดียวแสยะยิ้ม เกรงว่าหวงซื่อผู้นี้คงถูกหลานสาวกำพร้าทำให้ใจนขวัญกระเจิงไปเสียแล้ว
หลายคนมองแม่เฒ่าจางด้วยสายตาหลากหลาย จนไม่รู้วามีผู้ใดไปตามผู้นำหมูบ้านมา เมื่อหลายคนเห็นชายชราเดินนำบุรุษสี่ห้าคนมาก็คิดอยากจะหายตัวไปจากที่ตรงนี้เสียเดี๋ยวนี้ แต่นั่นก็เป็เพียงความคิดเท่านั้น เพราะไม่มีผู้ใดในที่นี้หลุดรอดสายตาอันเฉียบคมของผู้เฒ่าหลี่ไปได้
“เกิดอะไรขึ้น! หวงซื่อ ฉีซื่อ พวกเ้าที่เป็ผู้ใหญ่มารวมหัวกันรังแกเด็กกำพร้าผู้หนึ่งรู้สึกภูมิใจมากหรือไม่ ต้องให้ข้ามอบป้ายเชิดชูเกียรติให้ด้วยไหม”หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุวุ่นวายที่ริมน้ำ เมื่อได้ฟังต้นสายปลายเหตุ ก็ทำให้ผู้เฒ่าหลี่โกธรจนเคราสีเงินกระตุกยิกๆ หาเื่ไม่เว้นแต่ละวัน พวกคนไร้สมอง ไร้สมอง!
ผู้เฒ่าหลี่พ่นคำด่าออกมาอย่างไม่ไว้หน้า กับคนบางประเภทพูดดีด้วยก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหรือไม่ นี่สิหนาเขาถึงเรียกว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก!
“ท่านผู้เฒ่าหลี่ ท่านเป็ถึงผู้นำหมู่บ้านจะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้นะเ้าคะ ท่านดูแม่สามีของข้าสิถูกจางจื่ออี๋กระทำการอกตัญญูจนขวัญหายไปหมดจนถึงบัดนี้ท่านยังไม่ได้สติเลยเ้าค่ะ! หากปล่อยไว้เช่นนี้เกรงว่าจะกระทบต่อสุขภาพเอาได้ ท่านแม่ที่แก่ชราของข้า...ท่านต้องะเืใจมากเพียงใดกัน”ฉีซื่อแต่เดิมก็เป็สตรีที่มีวาทศิลป์เป็เอก วาจาของนางโน้มน้าวความคิดผู้นได้ไม่ยาก
มีชาวบ้านที่ทยอยเดินมาสมทบเรื่อย ๆ จนกลายเป็การชุมนุมกล่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เฒ่าหลี่กวาดสายตามองลูกบ้านหลายคนที่มีสีหน้าคล้อยตามคำพูดเหลวไหลของฉีชื่อ โทสะในใจยิ่งเพิ่มพูน ร้องว่าตัวไร้ประโยชน์ ดีแต่สร้างความร้าวฉาน อยู่ในใจหลายสิบหน
“อกตัญญูรึ จางจื่ออี๋มีเื่ใดต้องกตัญญูต่อพวกเ้า ฉีซื่อข้าจะบอกเ้าให้ อย่าได้เห็นกฎหมายต้าฉู่อันศักดิ์เป็เื่ล้อเล่น หวงซื่อหากเ้ายังไม่เลิกแสดงละคร ข้าจะให้คนจับเ้าแม่ผัวลูกสะใภ้ไปส่งที่ว่าการอำเภอ! ข้าอยากจะรู้นักว่าไม้โบยจะทำให้พวกเ้ามีความเป็คนขึ้นมาได้บ้างหรือไม่”ผู้นำหมู่บ้านเช่นข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามาถรถทำให้พวกไร้ประโยชน์เหล่านี้สงบเสงี่ยมขึ้นมาได้
สิ้นวาจาอันเด็ดขาดของท่านผู้นำหมู่บ้าน ร่างแก่ชราของหวงซื่อที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่นั้นพลันล้มตึงลงพื้น เสียงดังโครม แล้วก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องราวกับจะขาดใจของลูกสะใภ้อย่างฉีซื่อ
ช่างเป็การเทคตัวลงพื้นได้อย่างสมจริงยิ่งนัก จางจื่ออี๋อยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองคำให้เหลือเกิน ช่างเป็หนึ่งคนร้อง หนึ่งคนรับ ได้อย่างลงตัว พวกที่ชอบเล่นละครไปวันๆ ก็มีแค่นี้ นึกว่าจะมีลูกไม่เด็ดดวงอะไรเสียอีก อีกอย่างอย่าคิดว่านางมองไม่ออกว่าในใจหวงซิ่วเหมยกำลังนึกสิ่งใดอยู่ แค่มองความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเหี่ยวๆ นั่น นางก็เข้าใจทุกอย่าง
คงนึกถึงคืนวันแสนสุขที่ได้ทรมานครอบครัวพวกนางสินะ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
“ท่านปู่หลี่ ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ”
“เ้าไปเถอะ! อย่ามาเสียเวลากับเื่ไม่เป็เื่เหล่านี้ ปล่อยให้ชายแก่ผู้นี้จัดการเอง เ้าวางใจได้เื่เชนนี้ข้าถนัดนักแล”
ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านผู้เฒ่าจะจัดการหญิงชรามหาภัยอย่างไร แต่นั่นก็เป็ความสงสัยเล็กน้อยเท่านั้น เื่ที่ไม่ทำให้ชีวิตกินอิ่มนอนอุ่น นางก็ไม่นำมาคิดให้รกสมอง
นี่แค่หอมปากหอมคอ คิดว่าลงทุนลงแรงทิ้งตัวลงกับพื้นเช่นนั้นจะรอดพ้นจากการาเ็ไปได้ ทำสิ่งใดไม่นึกถึงกระดูกแก่ๆ ของตัวเองเสียบ้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้