แม้จะได้ยินแบบนั้น แต่เฉินเฟิงยังคงไม่เปลี่ยนใจ
"ผมไม่ได้พูดถึงตอนนี้ ผมกำลังพูดถึงอนาคต ในวันที่คุณทรยศประเทศเหยียนหวงเพื่อผลประโยชน์! เมื่อนักลงทุนต่างชาติ้าเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเทคโนคอมเซียงเหลียน ผมจะเข้าซื้อหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของบริษัท
อย่าคิดว่าผมพูดจาโอ้อวดไปเรื่อยเลย ผมจะผลักดันให้บริษัทปี้หลงเยี่ยน เฉียนต๋า และถางเฉินกลายเป็บริษัทแนวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์ ปี้หลงเยี่ยนและเฉียนต๋าหาใช่เื่ยากสำหรับผม สิ่งเดียวที่ยากคือผู้เฒ่าถางผู้ที่มีดวงชะตาเป็คนอายุสั้น ถ้าเขาตาย ผมต้องก้าวออกจากเื้ัเพื่อเข้ามาคุมเบื้องหน้าทั้งหมด ในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตเอง ผมก็พร้อมผลักดันให้เกิดบริษัทั์ใหญ่อีกสามบริษัท และทำให้พวกเขากลายเป็บริษัทชั้นนำทีละบริษัท ส่วนชื่อของพวกเขา คุณไม่คู่ควรจะรู้
ในแวดวงเทคโนโลยีนี้ ผมจะเป็คนสนับสนุนคู่แข่งของเซียงเหลียนกับอีกสองกลุ่มเทคโนโลยีั์ใหญ่ที่แม้แต่คุณก็คาดไม่ถึง!"
ถึงคำพูดของเฉินเฟิงจะฟังดูเลื่อนลอย แต่ตัวเขากลับแผ่รัศมีอันยิ่งใหญ่กว่าเ้าสัวรวมกันสามคนเสียอีก
ยังไงเสีย ชาติก่อนเฉินเฟิงก็เป็บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศเหยียนหวงตัวจริง
แม้ว่าในอดีตชาติ เฉินเฟิงจะพลาดโอกาสลงทุนในบริษัทั์ใหญ่ของวงการอินเทอร์เน็ตและอสังหาริมทรัพย์ในจังหวะที่พวกเขาลำบากเหล่านี้
แต่เฉินเฟิงก็ซื้อหุ้นของพวกเขาจำนวนมากในตลาดหุ้น และหุ้นทุกหน่วยก็ทำกำไรให้เขาอย่างมั่นคง
หลังจากผ่านไปสิบกว่าปี เฉินเฟิงก็สะสมทรัพย์สินได้กว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็เงินกว่าเก้าแสนล้านหยวน!
ในปี 2021 มหาเศรษฐีของประเทศเหยียนหวงมีทรัพย์สินมากที่สุดเพียงสี่ถึงห้าแสนล้านหยวน!
ไหนๆ ชาตินี้เฉินเฟิงได้รับโอกาสเกิดใหม่ในปี 1995 เขาก็พร้อมลงทุนอย่างหนักในกลุ่มั์ใหญ่เหล่านี้ที่ลำบากมาก่อนจะกลายเป็มหาเศรษฐี เพื่อที่ตัวเขาเองจะได้เข้าไปถือหุ้น
แถมนี่ยังเป็การป้องกันไม่ให้นักลงทุนชาวต่างชาติเข้าควบคุมกิจการส่วนใหญ่ด้วย
ลองมองดูหุ้นของบริษัทั์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตทั้งสามอย่างอาลีมามา เพนกวินชิวชิว และตู้เหนียง หุ้นส่วนใหญ่และความมั่งคั่งตกอยู่ในมือของนักลงทุนต่างชาติเป็ส่วนมาก
ในปี 2021 มูลค่าของอาลีมามาและเพนกวินชิวชิวอยู่ที่ประมาณ 4-5 ล้านล้านหยวน
แต่ของสองหม่า 1 ผู้ก่อตั้งกลับมีหุ้นในน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์
ในชาตินี้ เฉินเฟิงต้องป้องกันไม่ให้เกิดเื่แบบนั้นขึ้น เขา้ากีดกันนักลงทุนต่างชาติทั้งหมดออกจากเหยียนหวง
เมื่อเหล่าบริษัทั์ใหญ่ตกต่ำและขาดแคลนเงินทุน เฉินเฟิงจะปรากฏตัวและเข้าซื้อหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์เอง
ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในภายหลัง แต่พวกนั้นจะกลายเป็ผู้ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้
เมื่อั์ใหญ่ทั้งสามได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง พวกเขาต่างจ้องหน้ากันโดยพูดอะไรไม่ออก
เพราะพวกเขาทั้งหมดเพิ่งรู้ตัวว่า พวกเขาประเมินเฉินเฟิงต่ำเกินไป
เฉินเฟิงไม่ได้้าแค่หุ้นของเฉียนต๋า ปี้หลงเยี่ยน และเซียงเหลียนเท่านั้น เขายังจับตามองวงการอินเทอร์เน็ตและบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่มีใครให้ความสนใจ
แต่เดิมผู้เฒ่าหวังคิดว่าตัวเขาเข้าใจเฉินเฟิงอย่างถ่องแท้ คิดว่าอ่านแผนการเล็กๆ ของเขาจนทะลุปรุโปร่ง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเป็แค่กบในกะลาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น มองเห็นแค่เพียงพื้นที่เล็กๆ ในวงการของตัวอง
แต่เฉินเฟิงมองเห็นอนาคตที่ไกลกว่านั้น มองเห็นอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่ไม่มีใครมองเห็นตอนนี้
ทันใดนั้นเอง ผู้เฒ่าหวังหวนนึกถึงสิ่งที่เฉินเฟิงเคยพูดไว้ว่า หลังจากปี 2016 เมื่อเขากลายเป็มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเหยียนหวง เวลานั้นเฉียนต๋าจะถึงจุดอิ่มตัว
แม้ว่าเฉินเฟิงจะพูดอย่างคลุมเครือในตอนนั้น แต่เมื่อผู้เฒ่าหวังลองคิดอีกครั้ง ประกอบกับเื่หุ้นบริษัทอินเทอร์เน็ตและบริษัทเทคโนโลยี เขาก็เข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง
หลังปี 2016 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะรุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดแล้วจึงเริ่มหดตัวลง ในขณะที่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตจะเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู
รู้ขนาดนี้ ผู้เฒ่าหวังอยากเซ็นสัญญาฉบับที่สองกับเฉินเฟิงใจจะขาด ณ ตอนนี้เลย เพราะเฉินเฟิงเคยเอ่ยปากไว้ว่า สัญญาเดิมพันฉบับที่สองจะเกี่ยวกับ่หลังปี 2016
ผู้เฒ่าหวังถึงขนาดอยากจะโอนหุ้นอีกยี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ให้กับเฉินเฟิงตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
เดิมพงเดิมพันอะไรกัน ตอนนี้เขาเชื่อใจลูกบุญธรรมคนนี้มากกว่าลูกชายแท้ๆ ของเขาอีก
ณ เวลานี้ หลังจากหลิ่ว่จื้อสบตากับตาเฒ่าสองคน แล้วในที่สุดสายตาที่มองเฉินเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนไปเอาจริงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ
"ไอ้หนู แกเป็ใครกันแน่? คนธรรมดาที่เพิ่งถูกสวมเขาจะมีสายตาเฉียบแหลม หรือวิสัยทัศน์กว้างไกลขนาดนี้เชียวหรือ"
เฉินเฟิงแค่นเสียงหัวเราะ คำพูดของผู้เฒ่าหลิ่วจี้ใจดำพอดิบพอดี
"ไม่ใช่เพราะลูกสาวคนโตของคุณเหรอที่แอบชอบผมตั้งสามปี แล้วยอมะโเข้ามาช่วยให้ผมเริ่มมีสติได้! แม้จะไม่ได้รักเธอหมดหัวใจอะไร หรือก็แค่ชอบนิดหน่อย แต่ผมก็พร้อมจะไปจดทะเบียนสมรสกับเธอพรุ่งนี้ แต่ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเป็ลูกสาวคุณ สงสัยคงต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง!"
หลิ่วอีอีถูกขนาบระหว่างเฉินเฟิงและหลิ่ว่จื้อ เธอตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากเธอรู้ว่าเื่จะเป็แบบนี้ เธอคงไม่พาพ่อมาด้วยอย่างแน่นอน
"พวกแกยังอายุไม่ถึงกำหนดตามกฎหมายด้วยซ้ำ และถึงจะขอได้ ฉันก็ไม่อนุญาต!"
หลิ่ว่จื้อที่เห็นเฉินเฟิงล่วงเกินเขาไม่หยุดก็เริ่มมีน้ำโห
"หลิ่วอีอีเป็ลูกสาวคนโตของคุณ งั้นคุณคงมีลูกสาวคนรองอีกคนชื่อ หลิ่วชิงชิง ใช่ไหม? ผมค่อนข้างถูกใจอนาคตของเธอมาก ไว้รออีกสักสองสามปี บางทีผมอาจแต่งงานกับเธอก็ได้"
เฉินเฟิงแค่้าแสดงความแข็งกร้าวต่อต้านหลิ่ว่จื้อให้ถึงที่สุด ยังไงเขาก็ไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้จริงๆ เพราะอายุยังไม่ถึงกำหนด
ในเมื่อเขาอายุ 21 ปีส่วนหลิ่วอีอีก็กำลังจะย่างเข้า 20 ในวันพรุ่งนี้
อายุของเฉินเฟิงนับว่าอยู่ในเกณฑ์การศึกษาปกติ อายุ 18 จบมัธยมเข้ามหาลัย ปีนี้อายุ 21 ก็กำลังจบปีสาม
ส่วนหลิ่วอีอีนั้น ด้วยความที่เธอมีพื้นเพทางบ้านที่มีฐานะดี ทำให้เธอเรียนล่วงหน้าก่อนอายุหนึ่งปี
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง หลิ่วอีอีอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
"ฉันมีน้องสาวต่างแม่อยู่คนหนึ่งที่ชื่อหลิ่วชิงชิงอยู่จริง แต่ฉันไม่เคยบอกมาก่อนไม่ใช่เหรอ? เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ไปค้างบ้านฉัน ร่องรอยของชิงชิงสักนิดก็ไม่มี"
ในที่สุดเฉินเฟิงก็ยอมเงยหน้ามองหลิ่วอีอีตรงๆ สำหรับเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ที่รักเขาข้างเดียวตลอดสามปีที่ผ่านมา อีกทั้งเธอยังช่วยเหลือเขาต่างๆ นานา
เขารู้สึกเสียใจต่อเธออย่างสุดซึ้ง
แต่เื่นี้ไม่มีทางออกอื่นแล้ว เมื่อเขาพบว่าเธอคือลูกสาวของหลิ่ว่จื้อ การจะจดทะเบียนสมรส หรือแต่งงานกับเธอก็เป็ไปไม่ได้อีกต่อไป
"อีอี คุณควรลืมผมไปดีกว่า พวกเราคงไม่เหมาะสมกัน... ยังไงผมก็มีผู้หญิงที่ต้องดูแลแล้วถึงสองคน!"
ในที่สุดเฉินเฟิงก็เอ่ยปากกล่าวจบความสัมพันธ์
หลิ่วอีอีไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าเฉินเฟิงจะบอกเลิกกับเธอเช่นนี้ เวลาสามทุ่มตรง ทั้งที่เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมาพวกเธอสองคนเพิ่งจะจูบกระชับความสัมพันธ์กันไปหมาดๆ เอง
แถมยังโดนบอกเลิกต่อหน้าพ่อแม่แท้ๆ ด้วย
เื่แบบนี้มันโหดร้ายเกินไป
"เฉินเฟิง ไม่...ได้โปรด ฉันลืมไม่ได้"
หลิ่วอีอีเอ่ยปากพร้อมน้ำตาไหลริน เธอมิอาจอดกลั้นน้ำตาเหล่านี้ไว้ได้อีกต่อไป
เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าพ่อแท้ๆ ของเธอกับชายหนุ่มอันเป็ที่รัก จะมีความไม่ลงรอยกันถึงเพียงนี้
"เอาตราประทับบริษัทกับสัญญาแปดแสนหนึ่งหมื่นหยวนให้ผมเถอะ รวมถึงสัญญาซื้อขายอาคารสองหลังจากปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปด้วย ต่อจากนี้ไปถ้ามีธุระอะไรเกี่ยวกับบริษัท ก็ปรึกษากับเด็กผู้หญิงคนนั้นนะ เพราะผมอาจแต่งเธอเป็ภรรยาในอนาคต แล้วผมกำลังจะผลักดันให้เธอกลายเป็มหาเศรษฐินีที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงในปี 2007"
เฉินเฟิงทำใจแข็งเอ่ยคำพูดโหดร้ายใจดำ พลางชี้มือไปทางหยางฮุ่ยเหยียนซึ่งกำลังรับชมเหตุการณ์ทุกอย่างจากด้านข้าง เพื่อช่วยหลิ่วอีอีตัดใจจากตัวเขาให้ได้สักที
