“เจียวเอ๋อร์ วิธีทำของพวกนี้เ้าห้ามบอกคนนอกเด็ดขาด! ภายภาคหน้าเ้าแต่งออกไป มีสูตรพวกนี้ติดตัวไปด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก!” ได้ยินดังนั้น ฟางซื่อก็ดีใจจนเนื้อเต้น ของพวกนี้ดีขนาดไหน ของพวกนี้ดีแค่ไหนนางลองใช้แล้วจึงรู้ดีต่อให้เป็นางสนมในวังหลวงก็ยังไม่เคยใช้มาก่อน หากนำไปขายในตลาด คงทำกำไรได้มหาศาลเป็แน่!
อวิ๋นฉี่ซานมึนงง ตอนอยู่ที่เมืองหลวง น้องสาวเคยออกไปซื้อของพวกนี้ข้างนอกด้วยหรือ? แต่เด็กผู้หญิงก็มักจะชอบซื้ออะไรแปลกๆ พวกนี้อยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะจำไม่ได้เองก็ได้ ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย เขามองอวิ๋นเจียวด้วยแววตาอ่อนโยน ริมฝีปากเผยรอยยิ้มจางๆ
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้พวกเราไปในอำเภอกันเถอะเ้าค่ะ ข้าอยากไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ มาปลูกเป็ทุ่งดอกไม้ เอาไว้ทำเครื่องประทินผิว” ตอนนี้อวิ๋นเจียวเปลี่ยนแผนเล็กน้อย เครื่องสำอางที่ซื้อจากเถาเป่านั้นให้ผลลัพธ์น่าอัศจรรย์เกินไปสำหรับในยุคนี้ นางจึงคิดว่าอาจจะลองทำเครื่องประทินผิวที่คุณภาพดีกว่าของที่ขายตามร้านขายเครื่องสำอางเล็กน้อย
เครื่องประทินผิวแบบธรรมดา ต่อไปสามารถจ้างคนมาช่วยทำได้ จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นสงสัย ว่าทำไมนางถึงทำเครื่องประทินผิวออกมาได้มากมายขนาดนั้น
การมีระบบเถาเป่าติดตัวย่อมเป็ดั่งของวิเศษที่ฝืนฟ้าลิขิต หากถูกคนอื่นจับได้ ไม่เพียงแต่นางจะตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แม้แต่คนในครอบครัวก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย!
แน่นอนว่าอวิ๋นโส่วจงไม่มีทางปฏิเสธ ไม่ต้องพูดถึงเื่เครื่องประทินผิว ต่อให้ไม่มีเื่เครื่องประทินผิวพวกนี้ เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธคำขอของอวิ๋นเจียวอยู่แล้ว
“ได้สิ บังเอิญพ่อก็ต้องไปทำธุระที่ศาลาว่าการในอำเภอพอดี” อวิ๋นโส่วจงอยากจะรีบไปจัดการเื่ทะเบียนบ้านให้เรียบร้อย เื่นี้ต้องไปที่ศาลาว่าการในอำเภอ
ขณะนั้น อวิ๋นฉี่ซานก็เดินเข้ามาหาอวิ๋นเจียวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เจียวเอ๋อร์ ต่อไปนี้ตอนที่เ้าทำเครื่องประทินผิว หากมีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกได้เลยนะ!”
อวิ๋นเจียวตอบรับด้วยความยินดี ชาติที่แล้วนางเป็แค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ จะไปรู้วิธีทำของพวกนี้ได้อย่างไร ตอนนี้มีคนช่วย นางย่อมดีใจอยู่แล้ว “ตกลง ข้าจะคัดลอกสูตรให้พี่รองเดี๋ยวนี้เลยเ้าค่ะ!”
โชคดีที่ตอนอวิ๋นเจียวอายุสี่ขวบ ได้เรียนเขียนตัวอักษรกับอวิ๋นฉี่เยว่ การคัดลอกสูตรเพียงไม่กี่สูตรจึงไม่ใช่เื่ยากสำหรับนาง
“เจียวเอ๋อร์ สูตรนั่น...” ฟางซื่อคิดว่าสูตรพวกนี้ในอนาคตจะต้องเป็สินสมรสของอวิ๋นเจียว เป็ความลับที่อนุญาตให้อวิ๋นเจียวรู้เพียงคนเดียว
อวิ๋นเจียวรู้ดีว่ามารดากำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบออดอ้อน “ท่านแม่ สูตรนี้ก็มีแค่คนในครอบครัวเราที่รู้ อีกอย่างมีพี่รองช่วยข้าทำ ข้าก็ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวแล้ว ถูกต้องไหมเ้าคะ?”
ใช่แล้ว บุตรสาวยังเด็กเพียงหกขวบ ไม่อาจทำงานหนักได้ อีกอย่างเงินที่บ้านหามาได้ ก็เก็บสะสมไว้เป็สินสอดให้อวิ๋นเจียวอยู่แล้ว ให้คนในครอบครัวรู้สูตรก็ไม่เสียหาย
ฟางซื่อจึงยอมตกลง “ก็ได้ๆ ฟังที่เจียวเอ๋อร์ตัดสินใจ!”
เมื่อทั้งครอบครัวตกลงกันได้แล้ว ฟางซื่อก็พาชุนเหมยไปจัดการงานที่ห้องครัว คืนนี้นางเชิญผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าตระกูล อีกทั้งครอบครัวของพี่ใหญ่และพี่สามมากินข้าวด้วยกัน อาหารสำหรับคนจำนวนมากเช่นนี้ ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
อวิ๋นเจียวกลับไปที่ห้อง หยิบหนังสือคู่มือเครื่องสำอางและสบู่ทำมือออกมา จากนั้นก็เริ่มคัดลอกสูตร จริงๆ แล้วสูตรเหล่านี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก กลีเซอรีน [1] สามารถแยกและสกัดออกมาได้ในระหว่างการทำสบู่ ส่วนอิมัลซิไฟเออร์ [2] สามารถใช้น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง หรือไขมันขนแกะ มาใช้แทนได้
อวิ๋นเจียวคัดลอกสูตรเครื่องประทินผิว สบู่หอม และสูตรสกัดน้ำมันหอมระเหยเสร็จ แล้วจึงนำไปให้อวิ๋นฉี่ซาน แต่อวิ๋นฉี่เยว่กลับคว้าสูตรไปก่อนที่อวิ๋นฉี่ซานจะได้ัั ทำเอาอวิ๋นฉี่ซานโกรธมาก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าจะช่วยคัดลอกให้อีกฉบับ!”
ได้ยินดังนั้น อวิ๋นเจียวก็หน้าแดงก่ำ พี่ชายกำลังรังเกียจลายมือนางที่เหมือนไก่เขี่ยงั้นหรือ?
อวิ๋นฉี่ซานเมื่อรู้ว่าพี่ชายไม่ได้แย่งงานของตน จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่รออย่างใจเย็น
ไม่นานอวิ๋นฉี่เยว่ก็คัดลอกสูตรเสร็จ เขาเปิดกล่องไม้แกะสลักที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในกล่องไม้มีกระดาษลายมืออันน่าเกลียด วางซ้อนกันอยู่ปึกหนึ่ง อวิ๋นฉี่เยว่รวบรวมสูตรที่อวิ๋นเจียวเขียนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวางลงไปในกล่องไม้ แล้วลงกลอนอย่างแ่า
“เอาไปสิ” หลังจากออกจากห้อง เขาก็ยื่นสูตรที่ตนคัดลอกเสร็จแล้วให้อวิ๋นฉี่ซาน อวิ๋นฉี่ซานรับมาอย่างทะนุถนอมราวกับเป็สมบัติล้ำค่า หลังจากอ่านสูตรเสร็จ อวิ๋นฉี่ซานก็หันหลังกลับเข้าไปในห้อง คิดคำนวณว่าจะต้องซื้อวัตถุดิบอะไรบ้าง แล้วจดบันทึกลงบนกระดาษ
“ฉี่เยว่ ฉี่ซาน ไปกันเถอะ ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านกับบ้านหัวหน้าตระกูลกับพ่อสักเที่ยว!” หลังจากเขียนเสร็จก็ได้ยินอวิ๋นโส่วจงเรียกอยู่ข้างนอก
อวิ๋นฉี่ซานรีบออกจากห้อง ก่อนจะหันไปบอกอวิ๋นเจียวว่า “เจียวเอ๋อร์ รายการวัตถุดิบที่ข้าเขียนวางอยู่บนโต๊ะ เ้าช่วยดูหน่อยว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่?”
“ตกลงเ้าค่ะ” หลังจากตอบรับแล้ว อวิ๋นเจียวก็ตรงไปที่ห้องของพี่ชาย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อดูรายการที่อวิ๋นฉี่ซานเขียน
วัตถุดิบที่อวิ๋นฉี่ซานเขียนมานั้นครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็ต้องเพิ่มเติมสิ่งใด มองกระดาษ พู่กัน และหมึกที่อยู่บนโต๊ะ อวิ๋นเจียวนึกถึงลายมือของตนเองเมื่อครู่ มันช่างขี้เหร่จริงๆ จนแม้แต่พี่ชายยังรังเกียจ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ ฝึกเขียนตัวอักษรสักหน่อยก็แล้วกัน
หลังจากเขียนเสร็จ มองดูลายมือที่เหมือนไก่เขี่ยของตนเอง อวิ๋นเจียวก็ขมวดคิ้วก่อนจะขยำกระดาษเซวียนจื่อ [3] เป็ก้อนกลมๆ แล้วโยนทิ้งไปด้านหลัง นางปลายแท่งพู่กัน อยากจะฝึกเขียนต่อ แต่สุดท้ายก็ถอดใจ
เฮ้อ ต่อไปเอาปากกาขนนกโบราณที่จุ่มหมึกมาใช้ดีกว่า
ขณะนั้นนางรู้สึกคันหน้าเล็กน้อย จึงยกมือขึ้นมาเกา แต่ลืมไปว่ามือเปื้อนหมึก จึงกลายเป็รอยหมึกสีดำพาดผ่านใบหน้าจากซ้ายไปขวา
“นกขมิ้นเหลืองสองตัวขับขานบนกิ่งหลิว ฝูงกระยางขาวเหินลับตาเหนือฟ้าคราม
ชมซีหลิงผ่านหน้าต่างหิมะขาวโพลน ฝูงกระยางขาวเหินลับตาเหนือฟ้าคราม
ตะวันสาดส่องกระทบยอดเขาเกิดเงาหมอก ฝูงกระยางขาวเหินลับตาเหนือฟ้าคราม
เพ่งพิศน้ำตกแขวนหุบผา ฝูงกระยางขาวเหินลับตาเหนือฟ้าคราม…[4]”
เสียงไพเราะดุจสายลมดังขึ้น อวิ๋นเจียวหันไปมองด้วยความตระหนก ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าซีดเซียวเอนพิงอยู่บนเตียง ในมือถือกระดาษยับๆ แผ่นหนึ่ง ดวงตาเป็ประกายฉายแววล้อเลียนเล็กน้อยพร้อมด้วยความสนุกสนาน และรอยยิ้มขบขันจางๆ
แม้เขาจะสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีของพี่รอง แต่แขนเสื้อกลับสั้นไปเล็กน้อยจนเผยให้เห็นข้อมือ แต่ก็ไม่อาจปิดบังบุคลิกอันสูงส่งของเขาได้ คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ดูดุร้าย แถมยังอ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตากลมโตใต้คิ้วคู่นั้น เหมือนทะเลสาบยามต้องแสงที่เปล่งประกายระยิบระยับ ม่านตาสีดำขลับราวกับน้ำหมึกนั้น ช่างลึกล้ำราวกับบ่อน้ำลึก ดึงดูดให้ผู้คนจมดิ่งลงไป
“ถึงจะดูไร้สาระ แต่กลับมีเสน่ห์อีกแบบ ฝูงกระยางขาวเหินลับตาเหนือฟ้าคราม! ลายมือนี้ก็... น่ารักไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว”
ตัวหนังสือที่เหมือนไก่เขี่ย บวกกับใบหน้าเปื้อนหมึกของอวิ๋นเจียว ในสายตาของฉู่อี้ ยิ่งทำให้นางดูน่ารักมากขึ้น ถึงแม้เด็กหญิงตัวน้อยจะอายุยังไม่มาก แต่บนใบหน้าอวบอิ่มขาวราวกับหิมะ ประดับด้วยดวงตากลมโตราวกับลูกผูเถาม่วง [5] ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก รอยหมึกสีดำพาดผ่านใบหน้าเล็กๆ ของนาง แก้มนุ่มนิ่มแดงระเรื่อด้วยความโกรธ น่ารักจนชวนให้คนอยากจะเอื้อมมือไปบีบเล่นสักที
เฮอะ! อยู่มาตั้งยี่สิบกว่าปี กลับถูกเด็กน้อย (น่ารัก) (น่ากิน) มาหยอกเย้าเช่นนี้ จู่ๆ ก็อยากจะซัดเขาขึ้นมา จะทำยังไงดี?
อวิ๋นเจียวพุ่งเข้าไปแย่งกระดาษที่เขาถืออยู่ พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
ฉู่อี้กลับไม่โกรธ แถมยังยิ้มๆ พลางพูดว่า “ข้าชื่อฉู่อี้ แล้วเ้าล่ะ?”
เชอะ! แนะนำตัวเองซะเหมือนข้าอยากจะสนใจเ้านักแหละ รอยยิ้มของฉู่อี้ช่างงดงามนัก แต่ในสายตาของอวิ๋นเจียว... กลับดูเ้าเล่ห์ อวิ๋นเจียวรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่เขาดันเป็ผู้าเ็ จึงไม่อยากจะทะเลาะด้วย ดังนั้น อวิ๋นเจียวจึงไม่สนใจเขา หันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้องไป จากนั้นฉู่อี้ก็ได้ยินเสียงใสกังวานราวกับนกขมิ้นของอวิ๋นเจียว
“ท่านแม่ เ้าเด็กนั่นฟื้นแล้วเ้าค่ะ!”
เชิงอรรถ
[1] กลีเซอรีน (甘油) เป็สารที่มีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว และถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง
[2] อีมัลซิไฟเออร์ (乳化剂) หมายถึง สารช่วยทำให้ส่วนประกอบที่มีน้ำและน้ำมันให้เข้ากัน
[3] กระดาษเซวียนจื่อ (宣纸) มีต้นกำเนิดั้แ่สมัยราชวงศ์ถัง เป็กระดาษสีขาวที่มีลักษณะลื่นและนุ่ม ซึ่งยากที่จะยับและเน่าเปื่อย เหมาะสมต่อการวาดภาพและเขียนตัวอักษร
[4] บทกวี 'นกกระยางขาวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม' (绝句)แต่งโดยตู้ ฝู (杜甫) กวีจีนสมัยราชวงศ์ถัง
[5] ผูเถา (葡萄) คือผลองุ่น