บทที่ 8 ภาพวาดราคางาม
วินาทีที่ภาพวาดปรากฏออกมา ทุกคนก็ถึงกับตะลึงงัน
เห็นได้ชัดเลยว่าเ้าของภาพวาดไม่้าให้คนนอกรู้ว่ามีภาพวาดนี้อยู่ จึงได้นำภาพวาดนี้แปะไว้กับแจกันลายครามนี้เสียแ่า
เย่จื่อเฉินยิ้มขึ้น ไอสีม่วงนั้นคือส่วนบนของภาพวาดภาพนี้นี่เอง
เย่จื่อเฉินดึงเอาภาพวาดออกมา แล้วจึงกางออก...
"ภาพอักษรโบราณ"
หลิวหย่งและเซียวไห่แทบจะเปิดปากพูดขึ้นพร้อมกัน
"คุณเซียวครับ เข้าไปดูภาพวาดในร้านด้วยกันดีกว่าไหมครับ?"
หลิวหย่งออกปากเชื้อเชิญ
ส่วนกัวเฉียงนั้นหน้าตาบูดเบี้ยวไปแล้ว เขาเทียวไปเทียวมาที่ถนนคนเดินโบราณแห่งนี้อยู่หลายปี ก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าภาพวาดนั้นมันคือภาพอักษรโบราณ
บันทึกอักษรโบราณของปาต้าซานเหริน ถ้าราคาขายตามท้องตลาดอย่างน้อยก็ต้องห้าล้านหยวนขึ้นไป
แม่เ้าโว้ย โชคหล่นทับเข้าแล้วจริงๆ
"พี่เฉียงคะ รูปนั่น..."
"รูปบ้ารูปบออะไร ไป!"
กัวเฉียงเอ่ยเสียงฉุนเฉียว จากนั้นจึงพาเหยาเยว่เดินออกไปจากตลาดถนนคนเดินโบราณ
"คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าภายในแจกันปลอมใบนั้นจะมีบันทึกอักษรโบราณของปาต้าซานเหริน[1]อยู่ด้วย"
หลิวหย่งอดประหลาดใจไม่ได้ แต่ว่าบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มฝืดเคืองเจือปนเล็กน้อย
เดิมทีแจกันลายครามใบนั้นเป็ของที่เด็กหนุ่มเอามาเสนอขายให้เขาก่อน ถ้าเขาซื้อมันไว้ ภาพวาดนี้ก็ต้องกลายเป็ของเขาไปแล้ว
แต่หลิวหย่งก็เป็คนเข้าใจอะไรง่าย บางอย่างถ้ามันเป็ของตน ถึงอย่างไรมันก็ต้องเป็ของตน แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้อ้อนวอนขอเท่าใดก็ไม่มีทางได้มา ประโยคนี้เขาเองก็เข้าใจดี
เซียวไห่และหลิวหย่งผู้ชื่นชอบภาพวาดได้ชื่นชมภาพวาดกันอยู่ภายในร้านเพียงสองคน ส่วนซูอี้อวิ๋นและเย่จื่อเฉินก็สูบบุหรี่ไปพร้อมกับพูดคุยกันอยู่ข้างนอก
"เย่จื่อ นายรวยแล้ว"
"ทำไม?"
"นายไม่เห็นสีหน้าของพี่ไห่หรือไง จะบอกอะไรนายให้นะ พี่ไห่น่ะเป็คนที่ชอบภาพวาดมาก ถ้าเขา้าซื้อแล้วล่ะก็ เขาต้องให้ราคานายอย่างงามแน่นอน"
"งั้นเหรอ..."
เย่จื่อเฉินตอบกลับไปโดยที่จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าใดนัก เขาดูออกว่าเซียวไห่เป็คนชื่นชอบภาพวาด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นว่าเ้าของโรงรับจำนำคนนั้นก็เป็คนที่คาดว่าน่าจะร่วมงานกันได้เหมือนกัน
ถ้าหากทั้งสองคน้าภาพวาดขึ้นมาเหมือนกัน เขาจะทำยังไง
และในทันใดนั้น เซียวไห่กับหลิวหย่งก็เดินออกมาจากร้าน
หลิวหย่งนำภาพวาดมาส่งถึงมือของเย่จื่อเฉินอย่างระมัดระวัง พร้อมอ้าปากพะงาบมองเขา
เซียวไห่ก็เช่นเดียวกัน
"น้องชาย คุยกันหน่อยได้ไหม"
หลิวหย่งอดไม่ได้จนเปิดปากพูดขึ้นก่อน
"เชิญครับ"
เย่จื่อเฉินถอนหายใจอยู่ภายใน จริงๆ ด้วย...
"รูปนี้ขายหรือเปล่า ฉันอยากได้ภาพวาดนี้ของนายในราคายุติธรรม แต่ฉันรับรองเลยนะว่าฉันจะไม่เอาไปขึ้นราคาขายที่ไหนเด็ดขาด ฉันแค่ชอบเป็การส่วนตัวเท่านั้น"
"โดนเถ้าแก่แย่งไปก่อนแล้วเหรอเนี่ย" เซียวไห่ส่ายหน้ายิ้มและพูด "ที่จริงฉันก็อยากได้ภาพวาดนี้เหมือนกัน ราคาขายของภาพนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณห้าล้าน ฉันให้เจ็ดล้านไปเลยก็ได้"
พอได้ยินราคาที่เสนอมาของเซียวไห่ เย่จื่อเฉินก็คิ้วกระตุกทันที
ให้ตายเถอะ เจ็ดล้าน!
กลับกลายเป็ซูอี้อวิ๋นที่นิ่งสงบอย่างเห็นได้ชัด ด้วยรู้จักกับเซียวไห่มานาน เขาจึงรู้ในความสามารถของเซียวไห่เป็อย่างดี
"เถ้าแก่ให้ได้เท่าไรล่ะ?"
"คุณเซียวก็เสนอราคาไปเจ็ดล้านแล้ว ฉันยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ แต่พูดออกไปก็ไม่ได้กลัวว่านายจะหัวเราะหรอกนะ ฉันให้ได้มากสุดแค่ห้าล้านเท่านั้นแหละ"
หลิวหย่งทำหน้าขมขื่น เดิมทีเขาก็เป็คนที่ชื่นชอบภาพวาดเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งได้มาเห็นภาพอักษรโบราณของปาต้าซานเหรินก็ต้องเจ็บจี๊ดในใจเป็ธรรมดา
แต่ช่วยไม่ได้ที่คู่ต่อสู้ที่เขาพบเจอดันเป็คุณชายเซียว...
"โอเค ถ้าอย่างนั้นรูปนี้ขายให้เถ้าแก่ห้าล้านก็แล้วกัน"
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย่จื่อเฉินก็นำภาพวาดส่งไปให้ถึงมือของเถ้าแก่ และในขณะเดียวกัน เขาก็ยิ้มฝืดเคืองอธิบายกับเซียวไห่
"พี่ไห่ เมื่อกี้นี้..."
"ไม่ต้องอธิบายหรอก เถ้าแก่หลิวเป็คนที่มีชื่อเสียงในแวดวงคนรักภาพวาดราวกับชีวิต นายขายให้เขาก็เท่ากับได้ให้บ้านพักที่ดีกับภาพวาดภาพหนึ่ง ฉันก็แค่สะสมไว้เป็การส่วนตัวเท่านั้น มีหรือไม่มีก็ไม่เป็ไร"
เซียวไห่เพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับโบกมือไปมา
เมื่อออกมาจากตลาดถนนคนเดินโบราณ เข้ามานั่งอยู่ในรถของซูอี้อวิ๋น เย่จื่อเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
มาตลาดถนนคนเดินโบราณแค่ครั้งเดียว ก็หาเงินกลับไปได้ตั้งห้าล้าน
แต่เขาแน่ใจว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็สิ่งที่กลุ่มวีแชทมหัศจรรย์กลุ่มนั้นมอบให้เขา
แต่ในใจของเขาก็ยังกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย เห็นได้ชัดเลยว่าเซียวไห่นั้นเป็บุคคลที่ไม่ธรรมดา เสนอซื้อภาพในราคาเจ็ดล้าน คนแบบนี้ไม่ใช่บุคคลที่เขาจะสามารถไปต่อกรด้วยได้
"เ้าสาม พี่ไห่เขาคงจะไม่โกรธหรอกนะ?"
"คิดมากเกินไปแล้วน่า" ซูอี้อวิ๋นหลุดขำพรืดออกมา แล้วพูด "พี่ไห่เขาไม่ใช่คนใจคอคับแคบขนาดนั้นหรอกนะ จะบอกอะไรนายให้นะ ตอนที่นายขายรูปให้หลิวหย่ง พี่ไห่ยังพูดถึงนายลับหลังกับฉันอยู่เลยว่านายมันอวดดี"
"อวดดี? นั่นมันคำด่าไม่ใช่เหรอ?"
"ใช่ ด่านั่นแหละ นายเตรียมตัวตายได้เลย พี่ไห่เป็คนมีหน้ามีตาในเมืองปิงเฉิง แต่นายดันขายรูปให้เถ้าแก่หลิวหย่งแต่ไม่ขายให้เขา เขาโกรธมาก นายรีบเอาพวกโทรศัพท์บัตรเอทีเอ็มมาให้ฉันเก็บไว้เลย ถ้าเกิดนายตาย ฉันจะได้เอาไปให้คุณน้า"
ซูอี้อวิ๋นด่าขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย เย่จื่อเฉินยิ้มโล่งอกอยู่ในใจอย่างประหลาด หลังจากที่ได้ยิน
"ประสาท"
ตรู๊ดดด...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่จื่อเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วต้องเลิกคิ้ว เมื่อคนที่โทรเข้ามาคือผู้การหลิว
"พี่หลิว พี่ไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหมครับ"
"ฮ่าฮ่า ไม่เป็ไร" ผู้การหลิวหัวเราะร่าและพูดขึ้น "เสี่ยวเย่ เื่เมื่อวานต้องขอบคุณนายมากจริงๆ นะ"
"พี่หลิวเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ"
"ฮ่าฮ่า เสี่ยวเย่ ตามจริงที่พี่หลิวโทรมาหานายครั้งนี้เพราะมีเื่อยากจะขอร้องนาย นายมีเวลาว่างหรือเปล่า มาหาฉันหน่อยได้ไหม"
เย่จื่อเฉินแสดงอาการตื่นตระหนก
ผู้การหลิวเป็ถึงผู้บังคับการตำรวจเลยนะ ส่วนตัวเขาเองเป็แค่นักศึกษายากจน แต่กลับมาขอร้องให้เขาจัดการธุระให้ แบบนี้มันผิดแผกไปหน่อยนะ
แต่เขาก็พูดมาเสียขนาดนี้แล้ว ตัวเขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
"ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่หลิวบอกที่อยู่ผมมาเลยครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้"
เมื่อวางสายโทรศัพท์ ซูอี้อวิ๋นจึงเปิดปากพูดขึ้น
"ผู้การหลิวโทรมา?"
เย่จื่อเฉินพยักหน้าโดยไม่ปริปากพูดสักคำ ได้แต่ครุ่นคิดถึงบทสนทนาในโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
"ผู้การหลิวให้ฉันไปหาเขา นายไปส่งฉันหน่อย"
สถานที่ที่อธิบดีหลิวนัดพบเป็คลับเฮาส์ธุรกิจหรูหราแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงคลับเฮาส์ เย่จื่อเฉินก็เห็นว่าอธิบดีหลิวและนายตำรวจจางยืนอยู่ข้างนอก ราวกับกำลังรอเขาอยู่
"เสี่ยวเย่"
"ผะ...ผู้การหลิว?"
ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงของผู้การหลิวเย่จื่อเฉินก็ยังดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขามา
ผู้การหลิวคนเมื่อวานยังเป็ผู้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบอยู่เลย แต่ตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งคู่เพิ่งจะเจอกันไปเมื่อวาน เย่จื่อเฉินต้องสงสัยว่าเขาไปทำศัลยกรรมมาแน่นอน
"จำไม่ได้เลยเหรอ?"
ผู้การหลิวหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะนั้นพึงพอใจมาก มองซูอี้อวิ๋นที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย แล้วผู้การหลิวก็พยักหน้าและพูด
"นี่มันเด็กบ้านตระกูลซูนี่"
"สวัสดีครับผู้การหลิว"
ซูอี้อวิ๋นยิ้มรับพร้อมพยักหน้า แต่ในใจนั้นก็ใอยู่เช่นเดียวกัน
ทุกคนนั่งลงแล้ว เย่จื่อเฉินยังจมดิ่งอยู่กับความใที่ผู้การหลิวมอบให้เขา
เปลี่ยนไปมากเลย ไม่เจอกันแค่วันเดียวก็เปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว
"เสี่ยวเย่ ฉันรอนายอยู่ที่นี่นานเลยนะ"
"ผู้การหลิว..."
เย่จื่อเฉินไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง ให้ผู้บังคับการตำรวจมารอด้วยตัวเอง เื่นี้เอาไปคุยโวได้เป็ปีเลยนะ
"นายก็อย่ามาเกรงใจพี่หลิวของนายนักเลยน่า" ผู้การหลิวตบบ่าเย่จื่อเฉินสองที หลังจากนั้นดวงตาก็ลุกวาว แล้วพูด "เสี่ยวเย่ นายคือคนคนนั้นสินะ!"
"ครับ?"
เย่จื่อเฉินหน้าตางุนงง
คนนั้น?
คนไหน?
ท่าทางของเย่จื่อเฉินสะท้อนเข้าสู่สายตาของผู้การหลิวเขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแล้วพูด
"ยังจะแกล้งทำเป็งงอีก ที่ฉันเป็แบบนี้ได้ก็เป็เพราะยาวิเศษเม็ดนั้นของนายไม่ใช่หรือไง"
บอกเลยว่าอาการโรคหัวใจของผู้การหลิวนั้นเกินจะรักษาแล้ว แต่พอไปตรวจมาวันนี้กลับพบว่าอาการโรคหัวใจกลับหายเป็ปลิดทิ้ง แม้แต่กลไกการทำงานของร่างกายก็ย้อนกลับไปเมื่ออายุสามสิบ
เมื่อได้รับรู้จากคำพูดของนายตำรวจจาง เขาก็มั่นใจเลยว่าเย่จื่อเฉินต้องเป็คนคนนั้นแน่นอน
"ครับ?"
เย่จื่อเฉินยังอยู่ในอาการมึนงง
"ช่างมันเถอะ! ฉันก็เป็คนที่เข้าใจกฏดี ไม่ถามมากหรอก"
ผู้การหลิวส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ เย่จื่อเฉินฟังแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ ก่อนจะถามขึ้น
"ผู้การหลิว้าพบผมทำไมเหรอครับ?"
"จะพานายไปเจอเพื่อนสักหน่อย"
ผู้การหลิวตบบ่าเย่จื่อเฉินพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
___________________________________________________
[1] ปาต้าซานเหริน คือจิตรกรภิกษุจีน