เมื่อเยว่เฟิงเกอเห็นชิงจื่อมองตนไม่ละสายตา ก็ให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา “เ้าเอาแต่มองข้าเช่นนี้เพื่ออันใด หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือ?”
คำทักท้วงของเยว่เฟิงเกอ ทำให้ชิงจื่อดึงสติกลับมาได้
นางรีบค้อมศีรษะลงก่อนกล่าวว่า “พระพักตร์ของพระชายาหาได้มีสิ่งใดติดอยู่เพคะ เป็บ่าวที่ผิดเอง บ่าวไม่ควรจ้องพระชายาเช่นนั้น”
เยว่เฟิงเกอสังเกตเห็นท่าทีตื่นใของชิงจื่อ ก็ให้รู้สึกว่ากฎเกณฑ์ในยุคโบราณนี้ช่างมีมากมายเสียจริง นางก็แค่เอ่ยปากถามไปอย่างนั้น ดูสิ ชิงจื่อใจนเป็อะไรไปแล้ว
“เอาละ ไม่มีเื่อะไรแล้ว เ้าออกไปก่อนเถอะ” เยว่เฟิงเกอไม่อยากทำให้สาวใช้ใไปมากกว่านี้ จึงสั่งให้นางกลับไปพักผ่อน
หลังจากชิงจื่อจากไป เยว่เฟิงเกอก็กินอาหารไปอีกสองสามคำถึงวางตะเกียบลง จากนั้นก็รีบผลัดเปลี่ยนเป็อาภรณ์ที่เหมาะสำหรับการพรางตัวยามราตรีอย่างรวดเร็ว กระทั่งใบหน้าก็ยังปกปิดไว้ด้วยผ้าคาดสีดำ เพียงไม่นาน นางก็เร้นกายออกไปจากเรือนเยว่เหยา
นางอาศัยเพียงเส้นทางจากความทรงจำก็สามารถมาถึงนอกเรือนหานโยวได้ภายในเวลาอันสั้น สถานที่แห่งนี้คือเรือนพักส่วนตัวของม่อหลิงหาน
นางหันซ้ายทีขวาทีอย่างมีพิรุธอยู่ตรงหน้าเรือนหานโยวได้ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เงียบสงัด ปราศจากเงาของผู้ใด ถึงได้ขวัญกล้าผลักประตูเข้าไป
เมื่อผลักเปิดประตูเข้าไป เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดก็เกิดขึ้นตามมา
เยว่เฟิงเกอกลัวจริงๆ ว่าคนที่อยู่ด้านในจะได้ยินและรู้สึกตัวเสียก่อน จึงรีบแฝงกายเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
นางพยายามเป็อย่างยิ่งในทุกย่างก้าว ระมัดระวังทั้งมือและเท้าเดินย่องไปจนถึงหน้าตั่งเตียง ทว่า สิ่งที่พบกลับเป็เพียงเตียงที่ว่างเปล่า
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่าตนจะมาเสียเที่ยวแล้ว แผนการที่นางคิดมาตลอดทางถูกตีจนแตกกระเจิง...
ขณะเดียวกัน ณ เรือนอิ่งเซวียน
ม่อหลิงหานนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ก้มหน้าก้มตาอ่านตำราพิชัยยุทธ์ที่ถืออยู่ในมืออย่างตั้งใจ
ชั่วขณะนั้นเงาร่างสายหนึ่งพลันปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าม่อหลิงหาน
“สืบได้ความอย่างไรบ้าง?” ม่อหลิงหานถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมสืบได้ความว่า องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ไม่เคยร่ำเรียนวรยุทธ์พ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของถานอี้ทำให้ม่อหลิงหานถึงกับต้องวางตำราพิชัยยุทธ์ในมือลง
เขาเลิกหางตาหงส์ขึ้น ในสายตามีความหนาวเหน็บปกคลุม
คนที่ไม่เคยร่ำเรียนวรยุทธ์จะโจมตีเขาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้นได้อย่างไร อีกทั้งพลังจากมือของนางยังเป็พลังเฉกเช่นคนที่ร่ำเรียนวรยุทธ์มาเท่านั้นถึงจะมีได้
นางเป็ใครกันแน่ เป็องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้จริงหรือ?
“เ้าออกไปก่อนเถิด” ม่อหลิงหานหยิบตำราพิชัยยุทธ์ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” ถานอี้กล่าวจบก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
ทว่า ม่อหลิงหานจดจ่อได้ไม่นานก็โยนตำราพิชัยยุทธ์ในมือทิ้ง จากนั้นเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องตำรา มุ่งหน้าไปยังเรือนเยว่เหยา
เขาจะไปดูว่า ยามนี้สตรีนางนั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ เมื่อเห็นว่าม่อหลิงหานไม่ได้อยู่ที่เรือนหานโยวก็คิดเพียงว่า อย่างไรเสียก็มาแล้ว จะให้จากไปเช่นนี้ก็นับว่าเสียเที่ยวเปล่าๆ
ดังนั้น นางจึงค้นไปทั่วเรือนหานโยว
และแล้วในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็หาสิ่งที่นาง้าพบ สิ่งนั้นอยู่ในหีบใหญ่ใบหนึ่ง นั่นก็คือกางเกงในของม่อหลิงหานนั่นเอง
บนกางเกงในตัวนี้ยังปักรูปพญาเหยี่ยวสยายปีกเอาไว้ด้วย
่ชิงกางเกงในตัวนี้มาได้ ภารกิจของนางก็นับว่าสำเร็จไปอีกหนึ่ง
ทันใดนั้นในโทรศัพท์ก็มีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาว่า ได้มูลค่าการซื้อเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบ บนใบหน้าของเยว่เฟิงเกอพลันปรากฏรอยยิ้มกว้าง
นี่คือสินาของนาง
เยว่เฟิงเกอเดินออกไปนอกตำหนัก นางยิ้มไปพลางแขวนกางเกงในที่ลักมาไว้บนหลังคาของเรือนหานโยวไปพลาง
เมื่อลมพัดผ่านมา กางเกงในตัวนั้นก็โยกย้ายโบกสะบัดเต้นระบำไปพร้อมกับสายลม
เยว่เฟิงเกอมองกางเกงในเต้นระบำล้อสายลมก็อดแค่นเสียงเ็าในใจไม่ได้ “ม่อหลิงหาน เ้ากล้าบีบคอข้า ข้าก็กล้านำกางเกงในเ้าไปแขวนไว้เหนือหลังคา ทำเป็ธงน้อยโบกสะบัดเสียเลย”
ในที่สุดนางก็สามารถทำภารกิจที่โรคจิตที่สุดสำเร็จได้ ตอนนี้จึงสามารถเดินกลับไปเรือนเยว่เหยาของตนได้อย่างมีความสุข
ส่วนภารกิจจุ๊บม่อหลิงหานที่ยังเหลืออยู่นั้น คงต้องรอหาโอกาสครั้งต่อไปถึงจะจัดการให้สำเร็จได้
เยว่เฟิงเกอเดินคลำทางไปในความมืด หลังจากเดินอยู่บนถนนที่ทอดยาวอยู่เป็นาน ในที่สุดนางก็ได้ค้นพบว่า...
ตนหลงทางเข้าให้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้