เยว่เฟิงเกอไม่สนใจการแจ้งเตือนจากเถาเป่าอีก เมื่อนางปิดการแจ้งเตือนนั้นลง ก็เริ่มกดเข้าไปเลือกซื้อของ
นางเลือกซื้อบัตรโทรศัพท์นั่นมา
หนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อถูกลบไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับที่บัตรโทรศัพท์ใบนั้นมาปรากฏบนเตียงของเยว่เฟิงเกอแทบจะในทันที
เมื่อเยว่เฟิงเกอแกะบัตรโทรศัพท์ใบนั้นออกและใส่ซิมเข้าไป สิ่งแรกที่นางทำไม่ใช่การโทรหาพี่ชายในทันที แต่เริ่มอ่านข่าวก่อน
ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณรุ่นที่สามแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด หากนางตายไป ต้องถูกนักข่าวนำไปเขียนข่าวอย่างแน่นอน
เมื่อเยว่เฟิงเกอเปิดอ่านก็เห็นรายงานข่าวที่เกี่ยวกับตัวนางมากมาย
ใจความสำคัญของข่าวเ่าั้ถูกระบุไว้ว่า ผู้สืบทอดตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณรุ่นที่สามได้จากไปภายในบ้านพักโดยไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด
ภาพขาวดำของเยว่เฟิงเกอเองก็ถูกนำเสนอในรายงานข่าวเช่นกัน
นางมองใบหน้างดงามน่ารักของตนที่ถูกย้อมด้วยสีขาวดำ ก็อดมุมปากกระตุกไม่ได้
นางอ่านต่อไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่าด้านล่างในหน้าข่าวนั้นมีรูปพี่ชายทั้งสองของนางด้วย
พวกเขาต่างสวมแว่นตาดำยืนอยู่หน้าโถงิญญานางด้วยท่าทางโศกเศร้า ส่วนร่างไร้ิญญาของนางนั้นกำลังนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงศพที่มีดอกไม้ประดับอยู่โดยรอบ
เยว่เฟิงเกอไม่อาจทนมองต่อไปได้อีก นางรีบปิดหน้าข่าวนั้นลง ก่อนจะโทรไปหาพี่ใหญ่ตนด้วยซิมโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็มีเสียงสัญญาณ ตู๊ดตู๊ด ดังขึ้น
เยว่เฟิงเกอจับโทรศัพท์ไว้ด้วยความหวั่นใจ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ หัวใจของนางเองก็เต้นอย่างแรงเช่นกัน
เสียงรอสายโทรศัพท์ดังอยู่นานก็ไม่มีใครรับ
เยว่เฟิงเกอเริ่มร้อนใจแล้ว นางพึมพำกับตัวเอง “รีบรับโทรศัพท์สิพี่ใหญ่ รีบรับโทรศัพท์”
ในตอนที่เยว่เฟิงเกอแทบจะรอไม่ไหวจนกำลังจะวางโทรศัพท์แล้ว จู่ๆ ก็มีคนรับสาย
“สวัสดีครับ ใครพูดสายครับ? ” เสียงแหบต่ำสายหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ฟังออกชัดว่าผู้รับสายอีกฟากหนึ่งยังคงจมอยู่กับความเศร้าเสียใจ
และทันทีที่เยว่เฟิงเกอได้ยินเสียงของพี่ใหญ่ น้ำตานางก็ร่วงหล่น
นางอ้าปากจะพูด แต่กลับรู้สึกเหมือนในลำคอมีอะไรมาขัดไว้ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ใครพูดสาย? ถ้าคุณไม่พูด ผมจะวางแล้วนะ” เสียงปลายสายจากเยว่เฉินอวิ้นชัดเจนว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว
ในตอนที่เขากำลังจะวางสาย เยว่เฟิงเกอก็รีบโพล่งออกไป “อย่าเพิ่งวาง พี่ใหญ่ นี่น้องเอง”
เพราะปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง เยว่เฟิงเกอจึงร้อนใจเล็กน้อย นางพูดด้วยความร้อนรน “พี่ใหญ่ นี่น้องเอง เยว่เฟิงเกอ น้องสาวแท้ๆ ของพี่”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดประโยคนี้จบ ปลายสายก็คำรามดัง “ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ อย่ามาเล่นลูกไม้แบบนี้กับฉัน น้องสาวฉันตายไปแล้ว หากว่าแกคิดจะมาแอบอ้างเป็เธอละก็ ฉันจะทำให้แกต้องเสียใจไปชั่วชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
เยว่เฟิงเกอถูกตะคอกใส่จนโง่งมไป
แต่นางยังสามารถดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดูท่าคงมีคนรู้ข่าวการตายของนางแล้วนำไปแอบอ้างเป็นางมาก่อน
คิดได้ดังนี้ เยว่เฟิงเกอก็รีบส่งเสียงตอบกลับ “พี่ใหญ่ นี่น้องเอง น้องของพี่จริงๆ น้องคือซาน [1] เอ๋อร์ยังไงล่ะ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดคำว่า ซานเอ๋อร์ ปลายสายก็เงียบไปราวสองวินาที
เพียงไม่นานปลายสายก็มีเสียงร้อนรนของเยว่เฉินอวิ้นดังขึ้นอีกครั้ง “นี่เธอว่าอะไรนะ เธอบอกว่าเธอคือซานเอ๋อร์ เธอคือซานเอ๋อร์จริงๆ เหรอ? ”
เยว่เฟิงเกอสูดน้ำมูก ก่อนจะปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าตนเองอย่างลวกๆ
เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไป เสียงของนางจึงสั่นน้อยๆ “พี่ใหญ่ น้องคือซานเอ๋อร์จริงๆ น้องยังไม่ตาย เพียงแต่ หากพูดออกไป พี่คงไม่เชื่อ ตอนนี้น้องได้ย้อนเวลามาเกิดใหม่”
ครั้งนี้เยว่เฉินอวิ้นไม่อาจสงบนิ่งได้อีก เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าปลายสายคือน้องสาวของเขาจริงๆ เพราะคำเรียกขานว่าซานเอ๋อร์นี้ มีแค่พี่ชายสองคนของเยว่เฟิงเกอเท่านั้นที่ชอบใช้เรียกนาง
ชื่อนี้เป็พวกเขาสองพี่น้องที่ตั้งให้เยว่เฟิงเกอ และเพราะชื่อนี้เองที่เป็เหตุผลให้เยว่เฟิงเกอโกรธพวกเขาไม่น้อย
แต่พอนานวันเข้า ตัวเยว่เฟิงเกอเองกลับคุ้นชินกับชื่อนี้ไปเสียแล้ว
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดประโยคนี้จบ นางก็อดร้องไห้โฮออกมาไม่ได้
ทางด้านเยว่เฉินอวิ้น เพียงได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องสาวตน หัวใจของเขาก็ราวกับแตกสลาย
“ซานเอ๋อร์ อย่าร้องไห้ รีบบอกพี่ใหญ่มาว่าน้องอยู่ที่ไหน พี่จะไปรับเดี๋ยวนี้”
เยว่เฟิงเกอร้องไห้อยู่นาน ในที่สุดก็กลืนก้อนสะอื้นลงไปได้ “พี่ใหญ่ ถ้าน้องบอกว่าน้องได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ในโลกอดีต พี่จะเชื่อไหม? ตอนนี้น้องอยู่ในแคว้นที่มีชื่อว่าเป่ยชวน ที่นี่คือโลกยุคโบราณ พี่มาไม่ได้หรอก”
เมื่อเยว่เฉินอวิ้นได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดว่าได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ในอดีตอีกครั้ง เขาก็ไม่อาจไม่เชื่อว่านี่คือเื่จริง
กระนั้นก็ยังดีที่ได้ทราบว่าเยว่เฟิงเกอยังไม่ตาย ถึงแม้ตอนนี้น้องสาวของเขาจะอยู่ในโลกยุคโบราณ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอให้เขาดีใจแล้ว
เยว่เฉินอวิ้นกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่โทรศัพท์กลับถูกใครบางคนแย่งชิงไป
ปลายสายเป็เสียงตื่นเต้นของพี่รองเยว่เฉินอี้ “ซานเอ๋อร์ นั่นน้องจริงๆ หรือ? น้องยังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม? ”
เมื่อได้ยินเสียงพี่รอง เยว่เฟิงเกอที่หยุดน้ำตาไว้ได้แล้ว ก็ถึงกับน้ำตาร่วงอีกครั้ง
“พี่รอง น้องคือซานเอ๋อร์ น้องยังไม่ตาย” เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดประโยคนี้จบก็ร้องไห้จ้าออกมาอีกครั้ง
เสียงร้องของนางลอดไปยังปลายสายอีกฝั่ง ทำให้พี่ชายทั้งสองดวงตาแดงก่ำ
น้องสาวของพวกเขาไม่ใช่เด็กขี้แย ต่อให้จะาเ็เพราะฝึกยุทธ์ก็ไม่เคยร้องไห้สักครั้ง ดังนั้น เสียงร้องปานจะขาดใจของเยว่เฟิงเกอในยามนี้ จึงทำให้พี่ชายสองคนที่รักใคร่นางที่สุดถึงกับไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงหล่นได้
สุดท้ายก็เป็พี่ใหญ่เยว่เฉินอวิ้นที่เอ่ยปากปลอบใจ “ซานเอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลย รีบบอกพี่เถอะ น้องอยู่ที่นั่นเป็อย่างไรบ้าง มีใครรังแกน้องหรือไม่”
เยว่เฟิงเกอรีบร้อนเช็ดน้ำตา แล้วบอกเล่าพวกพี่ชายว่านางอยู่ที่นี่สุขสบายดี ทั้งยังได้เป็ถึงพระชายาของจั้นอ๋องเสียด้วย
ถึงแม้วันเวลาที่อยู่ที่นี่จะไม่อาจเรียกได้ว่าสุขสมบูรณ์ดี แต่ก็ถือว่าไม่เลว
ส่วนพวกคนที่คิดจะรังแกนาง แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่ดี
เยว่เฉินอวิ้นและเยว่เฉินอี้ฟังเยว่เฟิงเกอเล่าเื่ราว พวกเขาก็สบตากันไปทีหนึ่ง และต่างได้เห็นความสบายใจในดวงตาของอีกฝ่าย
น้องสาวของพวกเขา พวกเขารู้จักดี เห็นทีจะมีแต่เยว่เฟิงเกอที่ไปรังแกผู้อื่น ส่วนคนอื่นที่คิดจะรังแกเธอ? คาดว่าคงหนีห่างจากความตายไม่ไกลนักแล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ น้องสาวของพวกเขายังได้เป็ถึงพระชายา นี่เป็เื่ที่เจ๋งยิ่งกว่าการได้เป็ผู้สืบทอดรุ่นที่สามของตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณเสียอีก
เยว่เฉินอวิ้นกล่าวเสียงสั่น “ซานเอ๋อร์ ขอแค่น้องอยู่ที่นั่นอย่างสุขสบายดี พวกพี่ก็วางใจแล้ว แต่น้องต้องจำไว้ให้ดีว่า อยู่ที่นั่นต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี น้องเป็ถึงพระชายาแล้ว จะทำตัวดื้อรั้นแบบเมื่อก่อนไม่ได้อีก แต่ถ้าอ๋องผู้ชายอะไรนั่นรังแกน้องเมื่อไร ต้องรีบบอกพี่ทันทีนะ ได้ยินไหม”
“น้องทราบแล้วพี่ใหญ่ พี่ใหญ่กับพี่รองวางใจได้” เยว่เฟิงเกอสูดจมูกอย่างแรง นางไม่ได้เล่าเื่ที่ม่อหลิงหานชอบบีบคอนางบ่อยๆ ออกมาด้วยไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองต้องเป็กังวลอีก
โทรศัพท์สายนี้ต่ออยู่นานจนกระทั่งเยว่เฟิงเกอรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือนี้ร้อนจี๋แล้ว กระนั้นนางก็ยังไม่อยากวางสาย
เพียงแต่หากยังไม่วาง ก็เกรงว่าโทรศัพท์เครื่องนี้คงได้ะเิไปเสียก่อน
คิดๆ ดูแล้วนางควรจะรีบทำภารกิจต่อไป เพื่อจะได้นำมาซื้อซิมโทรศัพท์เช่นนี้อีก
สุดท้ายเยว่เฟิงเกอก็ตัดใจบอกลาพี่ชายทั้งสองอย่างอิดออด
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ซาน (三)แปลว่าสาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้