เว่ยซูหานทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนสองสามีภรรยาหลินซิวผู้ที่ได้รับความเมตตาจากตระกูลเหยียนมาโดยตลอดเมื่อได้ฟังเหตุผลแล้ว ก็แสดงออกว่าเต็มใจให้ความช่วยเหลือเป็อย่างมาก นอกจากนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรพวกเขาก็เป็ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากเื่นี้ ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่อิจฉา
ยังไม่ทันครบสองวันสิ่งต่าง ๆ ก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ซือเยี่ยไม่อยากออกไปอยู่คนเดียว แต่เขาไม่อยากให้เหยียนลั่วส่งกลับไปมากกว่า จึงยอมขึ้นรถม้าไปด้วยท่าทางน่าสงสาร เหยียนลั่วมองคนที่มีท่าทางราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา เขายังคงมั่นใจในการตัดสินใจของตนเองว่าการส่งคนออกไปตั้งรกราก คนที่ทุกข์ใจจะต้องดีขึ้นแน่
เหยียนชิงมองไปที่พี่ชายคนโตของตนที่มีอาการปวดหัวอย่างที่หาที่เปรียบไม่ได้แล้วคิดว่ามันน่าสนุกดี ความรู้สึกของซือเยี่ยที่มีต่อพี่ใหญ่คงคล้ายกับพฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกของลูกนก[1]... อย่างแน่นอน มันอาจจะมีผู้อื่นที่เข้ามา แค่เพียงว่าพี่ใหญ่เป็ผู้ที่ดูแลสถานการณ์โดยรวม
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยามในการเดินทางไปที่ดินในเขตเพาะปลูก ระยะทางไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล มันตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับเขตชานเมืองของเมืองฝูซัง สำหรับในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เว่ยซูหานยังคงให้ผู้พิทักษ์เงาคนหนึ่งคอยติดตามเขา นอกจากนี้เหยียนลั่วยังส่งคนมาอีกสองสามคนโดยให้แฝงตัวเป็ผู้อาศัยในที่ดินแปลงอื่น อีกทั้งยังมีหานตงหลินที่มีวิชาต่อสู้ติดตัวอยู่บ้างเล็กน้อย เช่นนี้ก็คงขาดอะไรอีกไม่มากแล้ว
เื่ที่เหยียนลั่วพาซือเยี่ยไปอาศัยในที่ดินอีกฟากหนึ่งของเขตเพาะปลูกย่อมมีข่าวแพร่กระจายไปถึงตระกูลถัง เหยียนเม่านายท่านแห่งตระกูลถังรู้สึกสบายใจขึ้นมากเกี่ยวกับการที่เหยียนลั่วยังคงเหลือหน้าไว้ให้พวกเขาอยู่บ้าง เขาลากฮูหยินถังไปที่ประตูเป็ด้วยตนเองเพื่อขอบคุณและสัญญาว่าต่อแต่นี้ไปจะจับตามองเหยียนิฮ่วนอย่างใกล้ชิด เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้รับการตอบรับว่าจวนตระกูลเหยียนว่าจะยังคงช่วยจัดงานแต่งของเหยียนิฮ่วนต่อไป
หากเื่นี้สร้างปัญหาใหญ่โตขึ้นมาจริง ๆ การแต่งงานของเหยียนิฮ่วนจะต้องสิ้นสุดลง
สำหรับเื่ลับ ๆ ของเหยียนิฮ่วนที่ไม่อาจพูดออกมาได้ ด้วยมันเป็เื่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ย่อมไม่กล้าพูดออกไปว่ายังไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่เื่นี้กำลังจะถูกเปิดเผยออกไปแล้วในตอนนี้
วันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกวัน ในที่สุดฮูหยินถังที่ใจสลายก็สามารถฟื้นฟูใบหน้าที่บวมราวกับหัวหมูของเหยียนิฮ่วนให้กลับมาได้
วันมงคลกำลังจะมาถึงในอีกสองวัน อิ้งหลีผู้ขอวันหยุดกับตี้จวินก็กลับมาถึงเมืองฝูซัง ภาพลักษณ์ของอิ้งหลีในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่ได้เป็เพียงแค่บุตรคนรองของตระกูลเหยียน แต่เป็ถึงท่านราชครูผู้ได้ตราประทับราชครูของฮ่องเต้ แม้แต่ท่านเ้าเมืองแห่งเมืองฝูซังก็ยังต้องให้เกียรติเขา
คราวนี้อิ้งหลีกลับมาเข้าร่วมงานแต่งของเหยียนิฮ่วน สามารถกล่าวได้ว่าเป็การให้หน้าตระกูลถังมากพอแล้ว แม้ว่าฮูหยินถังจะมีคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการปกป้องซือเยี่ยของตระกูลสายหลักแต่ก็ทำได้เพียงกลืนกลับไปเท่านั้น
นายท่านม่อมาที่จวนตระกูลเหยียนในวันที่อิ้งหลีกลับมานอกจากนี้ยังมอบของชั้นเลิศเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่เขา ด้วยหากสามารถอยู่ในสายตาของอิ้งหลีได้ ในภายภาคหน้าถือได้ว่าเป็สิ่งสำคัญมากต่อตระกูลถังและตระกูลม่อในการขยับขยายไปเมืองหลวง
วันงานเป็วันที่อากาศดีมากท้องฟ้าสว่างแจ่มใส บุตรสาวจากตระกูลม่อแต่งเข้าจวนถังแห่งตระกูลเหยียนด้วยการแต่งหน้าสีแดงสิ่งของมงคลสิบลี่อย่างสมฐานะ งานแต่งของคุณชายแห่งจวนถังถือได้ว่าเป็งานที่ยิ่งใหญ่อลังการ เป็คู่ที่เหมาะสม อาจกล่าวได้ว่าเป็ภาพที่สวยงามเป็อย่างยิ่ง ดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่คุณชายเหยียนชิงแต่งงานมากถึงสิบเท่า แน่นอน ทุกคนย่อมรู้ดี ว่าการแต่งงานของเหยียนชิงนั้นเป็เื่ที่ไม่ปกติ
ทั้งคึกคักทั้งมีชีวิตชีวา กลีบดอกสีแดงกระจายไปทั่วพื้น เหยียนชิงอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปใน่เวลาที่เขาพาเว่ยซูหานเข้าประตูมา เมื่อเทียบกันแล้วมันราวกับเป็ความแตกต่างระหว่างเมฆกับโคลน[2]ที่ต้องอ้างว้างอย่างถึงที่สุด หัวใจรู้สึกเ็ปขึ้นมาเล็กน้อย จึงหันหลังกลับด้วยความเคยชินแต่กลับไม่พบคนที่คุ้นเคย
เขาเกือบลืมไปแล้วว่า ั้แ่ใน่แรกเว่ยซูหานไม่เคยเข้ามามีส่วนร่วมในงานแต่งของเหยียนิฮ่วนเลย แม้กระทั่งวันนี้เขาก็ยังปฏิเสธที่จะออกมาปรากฏตัว
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเว่ยซูหานถึงได้เกลียดชังเหยียนิฮ่วนมากถึงเพียงนี้ ยังดีที่เขาเหมือนจะไม่มีความทรงจำของชีวิตก่อน ไม่อย่างนั้นเว่ยซูหานจะต้องเข้าสังหารเหยียนิฮ่วนอย่างแน่นอน
แม้ว่าในสายตาของคนนอก เว่ยซูหานจะค่อนข้างหยาบคายที่ไม่มาแสดงความยินดีกับจวนถัง แต่เหยียนชิงกลับรู้สึกดีที่ภรรยาของตนเป็เช่นนี้ เพื่อช่วยเขาออกจากความทุกข์ หลังจากหมดความตื่นเต้นแล้วเขาจะรีบกลับไปหาภรรยา...
เสียงฆ้องและกลองดังก้องส่งผลให้บรรยากาศอึกทึกครื้นเครง ประทัดจำนวนมากถูกจุดจนเสียงดังสนั่น เมืองฝูซังทั้งเมืองแลดูคึกคักกว่าปกติ เว่ยซูหานยืนถือขวดเหล้าพิงราวบันไดขั้นที่สูงที่สุดบนห้องใต้บันไดของหอหล่านเยวี่ยซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกของจวนตระกูลเหยียน เขาแอบมองไปทางด้านนอกประตูด้วยท่าทางอ่อนแรง แม้จะมองไม่เห็นจวนถัง แต่เสียงประทัดและควันไฟนั้นชัดเจนเป็อย่างมาก
กลับมาเกิดใหม่ได้เกือบสองปีแล้ว ในทุกคืนวันที่ผ่านมาเขาอยากฟันเหยียนิฮ่วนด้วยดาบเป็พันครั้ง จนถึงในตอนนี้ยังต้องอดทนสงบจิตสงบใจต่อความโกรธและความอัปยศแล้ววางแผนร่วมเหยียนชิงถึงเื่ต่าง ๆ ในภายภาคหน้า สภาวะทางอารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก เื่นี้คงต้องขอบคุณเหยียนชิงที่ยอมมอบใจให้เขา หากไม่มีเหยียนชิง เขาคงไม่อาจทนต่อความอัปยศนี่ได้ เกรงว่าคงจะเสียการควบคุมไปนานแล้ว...
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตของเหยียนิฮ่วนนั้นเขาจะต้องได้รับมัน รอก่อนเถอะ!
อิ้งหลีกลับมาคราวนี้ บอกเขาว่าเมื่อไม่นานมานี้ตี้จวินได้รับข่าวสารจากฎีกามากมายเกี่ยวกับชายแดนเหนือที่กำลังถูกชาวต่างแคว้นคุกคาม และอาจมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ก่อนฤดูหนาว ทั้งยังย้ำเตือนกับเขาว่าสามารถใช้โอกาสนี้ในการแสดงความแข็งแกร่งออกมาในวงกว้างได้ แม่ทัพที่แข็งแกร่งในกองทัพนั่นหายาก หากสามารถใช้โอกาสนี้ลงมือช่วยเหลือชายแดนเหนือไว้ได้อีกครั้ง การยกเลิกคำสั่งห้ามในภายภาคหน้าก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เหยียนลั่วกลับมาแล้ว เขาสามารถจดจ่อกับสิ่งที่้าจะทำได้ แม้ว่าในเวลาเดียวกันกับชีวิตก่อนใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาจะถูกเหยียนิฮ่วนจองจำเอาไว้ส่งผลให้เขาไม่รู้อะไรเลย แต่หลังจากอ่านบันทึกเหตุการณ์แล้วก็ได้รู้ว่าชายแดนใน่นี้ไม่ค่อยสงบนัก และตอนนี้ยังมีอิ้งหลีค่อยช่วยเหลือจึงยิ่งง่ายดายมากขึ้น...
แม้ว่าจำเป็ต้องแยกจากเหยียนชิงอีกครั้ง แต่ก็เพื่อความมั่นคงในวันหน้าของพวกเขา ความเ็ปจากความคิดถึงจึงต้องยอมกัดฟันทน
“ฮูหยินน้อย...”
“ฮูหยินน้อย”
หลินชวนะโหาเขามาจากชั้นล่าง เว่ยซูหานออกจากความคิดของตนแล้วมองลงไป
“หลินชวน เกิดอะไรขึ้น?”
หลินชวนไม่ได้ตอบในทันที เขาะโเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อขึ้นมายังห้องใต้หลังคาก่อนจะตอบว่า
“ฮูหยินน้อย ผู้ติดตามของใต้เท้าถังขอพบขอรับ”
เว่ยซูหานรู้สึกประหลาดใจ “ผู้ติดตามของใต้เท้าถังหรือ?”
มีเื่อะไรถังเจิงถึงได้เรียกหาเขาใน่เวลาเช่นนี้? หรือว่าจะเป็ข่าวเกี่ยวกับคุณชายรองแห่งชายแดนเหนือ?
ยามนี้เมื่อเขา้าส่งข่าวไปยังชายแดนเหนือสารทั้งหมดจะถูกส่งไปในนามของถังเจิงโดยส่งผ่านไปยังบุตรชายของเขาเพื่อส่งต่อให้แม่ทัพฮั่วและคนอื่น ๆ ทำให้สะดวกขึ้นมาก
หลินชวนพยักหน้า “ใช่ขอรับ โดยบอกว่าขอเชิญฮูหยินไปที่จวนขอรับ”
เว่ยซูหานวางขวดเหล้าลงแล้วลุกขึ้นจัดชุดให้เข้าที่
“ได้ เ้าไปที่จวนถังแล้วบอกกับชิงเอ๋อร์ว่าไม่ต้องรีบกลับ เพราะข้าจะไปจวนท่านเ้าเมือง”
หลินชวนยิ้มออกมา “ขอรับ”
เดิมทีเหยียนชิงต้องอยู่ที่จวนถังด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย เพราะกังวลว่าเว่ยซูหานจะเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่จวนเพียงผู้เดียว หลังจากได้ทราบข่าวจากหลินชวนแล้วจึงได้ปล่อยวางลง ถังเจิงเรียกหาเว่ยซูหานมันจะต้องมีเื่จริงจังที่จำเป็ต้องพูดคุยอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาก็สามารถอยู่ให้กำลังใจเหยียนิฮ่วนกับเหล่าท่านพี่ต่อได้อย่างสบายใจ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเหยียนิฮ่วนเป็คนในตระกูลเหยียน แค่เถ้าแก่ม่อก็ถือได้ว่าเป็ผู้มีหน้ามีตาในแคว้นเทียนซูแล้ว ทั้งสองตระกูลผูกสัมพันธ์กันจึงมีผู้ที่มีฐานะใหญ่โตในเมืองฝูซังมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย ตระกูลของฮูหยินถังก็ให้หน้าเหยียนิฮ่วนหลานนอก[3]ผู้นี้อยู่พอสมควร โดยท่านลุงในฐานะเ้าตระกูลได้นำของชั้นเลิศมามอบให้เหยียนิฮ่วนเป็การส่วนตัว
แคว้นเทียนซูใหญ่มาก ตระกูลเสวียตั้งอยู่ที่ชายแดนระหว่างเมืองเทียนซูกับเมืองหลิน ไดู้เาทั้งลูก แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับตระกูลเหยียนก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็ตระกูลที่มีชื่อเสียงในแคว้นเทียนซูด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นความโอ่อ่าตระการตาของตระกูลเสวีย ก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าเพราะเหตุใดเสวียซื่อถึงได้สามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ภายในจวนถังได้ ตระกูลฝั่งมารดามั่งคั่งร่ำรวย ทั้งยังเป็ทายาทสายตรงของตระกูลเสวีย หากตระกูลเหยียนไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป เกรงว่าเหยียนเม่าคงต้องสูญเสียศักดิ์ศรีในฐานะนายท่านของจวนไปแล้ว
เชิงอรรถ
[1] พฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกของลูกนก (雏鸟情结) หมายถึง การที่คนคนหนึ่งมีความรู้สึกลึกซึ้งอยากเฝ้าติดตามบุคคลแรกของที่ได้พบในชีวิตหรือบุคคลแรกที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองเป็คนสำคัญ ถือเป็ความรักความผูกพันที่ค่อนข้างซับซ้อนและพิเศษแบบหนึ่ง
[2] ความแตกต่างระหว่างเมฆกับโคลน (云泥之别) อุปมาว่า แตกต่างกันเป็อย่างมาก
[3] หลานนอก (外甥) หมายถึงหลานชายที่ไม่นับว่าเป็คนในตระกูล คือลูกของหญิงสาวในตระกูลที่แต่งออกไปแล้ว เช่นลูกของพี่สาวหรือน้องสาว
