ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อทนมองความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างชาวบ้านกับิเป่าจูไม่ได้ จึงเริ่มมีความคิดชั่วร้าย ระดมความคิดวางแผนการที่บ้านทุกวัน
เมื่อเห็นว่าท่านหมอหลี่ก็หาเงินได้เป็กอบเป็กำ จากการจัดยาให้ชาวบ้านตามเทียบยาที่ิเป่าจูออกให้ ก็เริ่มอิจฉาตาร้อน
ทั้งสองต่างไม่อาจข่มตาหลับได้ตลอดคืน
หลังจากปรึกษาหารือกัน ก็ตัดสินใจเสี่ยงดวงดูสักครา
วันรุ่งขึ้น
หวังซื่อไปที่บ้านของท่านหมอหลี่อย่างอุกอาจเพื่อขอส่วนแบ่งจากเขา
ทันทีที่เดินเข้าไป ก็เห็นคนต่อแถวยาวเหยียดอยู่ที่หน้าประตู คนรอซื้อยาเบียดเสียดกันจนแทบจะเข้าออกไม่ได้
หวังซื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา หากสามารถขอแบ่งน้ำแกงข้น [1] มาสักถ้วยก็คงได้เงินไม่น้อยเลย
“ท่านหมอหลี่ ท่านหมอหลี่” หวังซื่อเบียดฝูงชนเข้าไปในร้าน ทำให้ทุกคนต่างไม่พอใจ แต่นางก็หานำพาไม่
“จะซื้อยาก็ไปรอข้างนอกโน่น ไม่เห็นหรือว่ามีคนต่อแถวอยู่เยอะแยะ” หลี่ฟู่กุ้ยไม่แม้แต่จะเงยหน้า พูดไปก็จัดยาให้ชาวบ้านไปด้วย
“โธ่เอ๋ย ข้าไม่ได้มาซื้อยา แค่มีธุระจะคุยกับท่านเล็กน้อย” หวังซื่อเอ่ยพลางหัวเราะร่วน
นางเป็พวกรังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่ง ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลี่ฟู่กุ้ยย่อมจะแตกต่างจากิเป่าจู
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ” หลี่ฟู่กุ้ยมองมาปราดหนึ่ง ที่แท้ก็หวังซื่อ พวกเขาสองคนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน นางจะมีธุระอะไรกับตนเองได้
“ท่านทำงานของท่านไป ข้าไม่รีบ รอเสร็จงานแล้วข้าค่อยพูดก็ได้” หวังซื่อมองรอบด้าน วางตัวราวกับเป็เ้าของร้าน หาเก้าอี้นั่งอย่างไม่เกรงใจ
ระหว่างที่ทั้งสองสนทนากัน ก็มีชาวบ้านเข้ามาซื้อยาอีกหลายคน
“ไม่เห็นหรือว่ามีคนมาไม่ขาดสาย มีธุระอะไรก็รีบพูดมา ถ้าไม่มีก็กลับไปเสีย ข้ายุ่งจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว” หลี่ฟู่กุ้ยเห็นท่าทางของหวังซื่อก็รู้สึกรำคาญเหลือทน หมดอารมณ์จะคิดบัญชี ไหนเลยจะเสียเวลากับนางต่อไป อยากให้นางรีบพูดแล้วรีบไปให้พ้นๆ จะได้ไม่เสียเวลาทำมาหากิน
เดิมทีหวังซื่อเลือกตำแหน่งที่สะดวกสบายสำหรับการนั่งรอนานๆ ไว้แล้ว พอได้ยินหลี่ฟู่กุ้ยกล่าวเช่นนี้ ก็มองคนกลุ่มใหญ่ที่ประตู
มีคนไม่น้อยเลยจริงๆ ทั้งยังมาเพิ่มตลอดเวลา ทว่าเื่นี้ไม่เหมาะที่จะคุยอย่างเปิดเผย ดังนั้นหวังซื่อจึงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้น
“นี่ นี่ มีอะไรก็พูดตรงนี้ ตู้ยาคือที่สำคัญ คนนอกอย่างเ้าจะเข้ามาได้อย่างไร”
หวังซื่อเดินไปถึงหน้าตู้ พยายามจะอ้อมเข้าไปข้างใน แต่ถูกหลี่ฟู่กุ้ยผลักออกมา
“ได้ เช่นนั้นข้าจะพูดตรงนี้” หวังซื่อสะกดกลั้นอารมณ์ ข่มใจไว้ได้ “เป็อย่างไรบ้าง ่นี้คงหาเงินได้ไม่น้อยเลยกระมัง”
จือจื่อ [2] ดอกจินอิ๋น [3]...
หลี่ฟู่กุ้ยกำลังจัดยา พอได้ยินคำกล่าวก็หันไปถามด้วยความประหลาดใจ “ข้าหาเงินได้หรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเ้า” พูดจบ ก็หันไปจัดยาต่อ
“ฮึ จะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร”
ในร้านยังมีคนอีกสองคนรอซื้อยาอยู่ พอได้ยินคำพูดของหวังซื่อก็เงยหน้ามองมา
หวังซื่อเท้าแขนบนโต๊ะ เขย่งปลายเท้าพยายามยื่นทั้งตัวเข้าไปหาหลี่ฟู่กุ้ย ก่อนกดเสียงกระซิบ “ท่านไม่ควรปันส่วนแบ่งให้ข้าสักหนึ่งส่วนหรือไร”
หลี่ฟู่กุ้ยหยุดสิ่งที่ทำอยู่ลงทันควัน หันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง มอบส่วนแบ่งให้นาง?
“ถือสิทธิ์อะไร” น้ำเสียงเจือแววเยาะหยัน “เ้ามีส่วนร่วมในการตรวจโรคหรือจัดยากับเขาด้วยหรือ” สตรีนางนี้หิวเงินจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วกระมัง
“กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ก็อาศัยที่หลานสาวข้าเป็คนออกเทียบยานี้น่ะสิ ข้าย่อมมีสิทธิ์ในส่วนแบ่งของน้ำแกงข้นถ้วยนี้” หวังซื่อพูดฉะฉานมีเหตุผลเสียเต็มประดา
ถ้อยคำและสีหน้าของหลี่ฟู่กุ้ยดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ด้านนอกให้ชะเง้อชะแง้ ยื่นศีรษะเข้ามาดูกันเป็แถว หวังซื่อรู้สึกเสียหน้าก็ขึ้นเสียงทันควันโดยไม่ปิดบังอีกต่อไป
ทว่าคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบเข้าใจจุดประสงค์การมาของนางอย่างชัดเจน ต่างพากันหัวเราะทันที
“หัวเราะอะไร หัวเราะอะไรกัน” หวังซื่อตวาดอย่างโกรธจัด
“หลานสาวเ้า?”
ตอนแรกหลี่ฟู่กุ้ยยังตระหนักไม่ได้ แต่หลังจากครุ่นคิดสักพักก็เข้าใจแล้วว่านางหมายถึงผู้ใด ใบหน้าเขากลาดเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน นางยังอุตส่าห์พูดออกมาได้
“สะใภ้สกุลิ เ้าช่างน่าขันยิ่งนัก แม่หนูเป่าจูตัดขาดความสัมพันธ์กับเ้าไปตั้งนานแล้ว เหตุใดถึงยังกล่าวอ้างความเป็ญาติว่าเป็ลุงเป็ป้าสะใภ้กันอีกเล่า” ชาวบ้านบ้านเริ่มโห่ร้อง
“คงไม่ใช่ว่าเห็นแม่หนูคนนั้นมีความสามารถเข้าหน่อย ก็จะมาตามตอแยไม่เลิกราหรอกกระมัง”
...
หวังซื่อถูกคนนี้พูดคำคนนั้นพูดคำก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ หายใจถี่กระชั้นไม่หยุด
“ตัดความสัมพันธ์อะไรกัน ขาดอีกสิบตำลึงยังไม่ได้จ่ายเลย”
เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวัน นางจะดูว่านางเด็กสารเลวนั่นจะมีปัญญาจ่ายหรือไม่ มิเช่นนั้นก็อย่าหวังจะดิ้นหลุดจากครอบครัวพวกเขาไปได้เลย
“ผู้อื่นมีวิชาแพทย์ติดตัว ต้องกลัวด้วยหรือว่าจะหาสิบตำลึงมาไม่ได้” ชาวบ้านต่างหัวเราะครืนใหญ่ หลี่ฟู่กุ้ยเองก็หัวเราะตามไปด้วย
ตอนเกิดเื่ คนที่มาซื้อยาเหล่านี้ล้วนอยู่ในเหตุการณ์ ไม่แปลกสักนิดที่ิเป่าจูจะรับปากจ่ายยี่สิบตำลึงโดยไม่ลังเล เป็ใครมีความสามารถถึงเพียงนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น
แผนการที่ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อคำนวณมาอย่างดีเกรงว่าคงสูญเปล่าเสียแล้ว
“ฮึ พวกเ้าคอยดูไปเถอะ”
เพียงไม่กี่วันท่าทีของชาวบ้านต่างเปลี่ยนไปจนเกินความคาดหมายของหวังซื่อ พอรู้ว่าวันนี้คงไม่ได้เงินแน่แล้ว จึงสะบัดแขนจากไปอย่างรวดเร็ว
“เพ้ย! พวกเห็นเงินแล้วตาโต” หลี่ฟู่กุ้ยถ่มน้ำลายรดพื้นแล้วจัดยาให้ชาวบ้านต่อ
หวังซื่อไม่นึกว่าแผนการเริ่มต้นวันนี้จะไม่ได้ดีอย่างที่คาดไว้ นอกจากขอเงินไม่ได้ ยังถูกคนหัวเราะเยาะ ต้องผิดหวังกลับไป เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ลากิเถี่ยจู้ไปปรับทุกข์
ตอนนั้นิเถี่ยจู้ยังเห็นอกเห็นใจปลอบนางอยู่หลายคำ แต่หลังจากออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านรอบหนึ่งกลับไปถึงบ้าน สีหน้าก็ดำเป็ก้นหม้อ ชี้หน้าด่าหวังซื่อสาดเสียเทเสีย
เื่ที่หวังซื่อไปขอส่วนแบ่งจากหลี่ฟู่กุ้ยวันนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว
เขาออกไปข้างนอกเพียงแค่ชั่วจิบชาสั้นๆ ก็ถูกสตรีลิ้นยาวเ่าั้พูดเหน็บแนมจิกกัดอยู่หลายคำ อับอายจนใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู จำต้องหันหลังกลับบ้านแทบไม่ทัน
เขาพกพาความโกรธจากข้างนอก เมื่อกลับถึงบ้านก็ไประบายใส่หวังซื่อโดยตรง
“ดูเื่โง่ๆ ที่เ้าทำลงไปซิ! สกุลิของพวกเราต้องอับอายขายหน้าหมดแล้ว”
หวังซื่อไหนเลยจะใช่คนที่สามารถทนกล้ำกลืนต่อความโกรธ ปล่อยให้คนทุบตีดุด่าตามอำเภอใจได้ นางเข้าไปฉุดกระชากตบตีกับิเถี่ยจู้ทันที ทั้งยังฝากรอยข่วนเืซิบไว้บนใบหน้าของเขาอีกหลายรอย
“หน็อย... เ้าิเถี่ยจู้ตัวดี ที่ข้าลำบากอยู่นี่ก็เพื่อผู้ใด ไม่ใช่เพื่อครอบครัวนี้หรอกรึ เื่นี้จะโทษข้าคนเดียวได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนพวกเราต่างก็ปรึกษาหารือกันแล้ว คนตัดสินใจก็คือเ้า! อย่าคิดจะโยนถังมูลใส่หัวข้าคนเดียว ไม่มีทาง!”
ตอนนี้มาทำรังเกียจรังงอนว่านางทำขายหน้า
แล้วตอนแรกไปมุดหัวอยู่ที่ใด
ความแสบร้อนบนใบหน้ายิ่งทำให้ิเถี่ยจู้บันดาลโทสะ
สองสามีภรรยาลงไม้ลงมือกันอย่างหนักหน่วง ทว่าความแข็งแกร่งของชายหญิงย่อมต่างกันลิบลับ สุดท้ายหวังซื่อก็ถูกตบจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียว นั่งร้องห่มร้องไห้ที่พื้นไม่ยอมลุกขึ้นมา
ิเถี่ยจู้คร้านจะดูความน่ารำคาญของนาง จึงกระแทกประตูอย่างแรงออกจากบ้าน เดินหลบเลี่ยงผู้คนไปแสวงหาไออุ่นที่บ้านของจ้าวจินจือ
มีคำกล่าวว่าเื่ดีไม่พ้นประตูเรือน เื่อื้อฉาวกระจายไปไกลพันลี้
ข่าวที่ทั้งสองทะเลาะวิวาทกันแพร่กระจายไปทั่ว
ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างมองเป็เื่ขบขัน พอได้หัวเราะแล้วก็ผ่านไป มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นว่าิเถี่ยจู้เป็คนมีเหตุผล ซ้ำยังยกนิ้วให้เขาอีกด้วย
เดิมทีิเถี่ยจู้คิดว่าการถูกสตรีข่วนใบหน้าเป็เื่ที่น่าอดสูใจยิ่ง
แต่เวลานี้พลันรู้สึกว่าการตบตีหวังซื่อเสียบ้างก็เป็ทางเลือกที่ถูกต้อง
ไม่เพียงแต่จะกู้หน้าคืนได้ ยังได้ระบายอารมณ์อีกด้วย
แต่หลังจากกลับบ้านก็ไปปลอบประโลมหวังซื่ออยู่ครึ่งวัน ในที่สุดทั้งสองก็กลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม
สตรีมักจะเต็มใจให้อภัยบุรุษของตนเอง แล้วโยนความผิดพลาดทั้งหมดไปให้ผู้อื่นเสมอ
หวังซื่อก็คือตัวอย่าง นางให้อภัยิเถี่ยจู้อย่างง่ายดาย แต่กลับโทษว่าิเป่าจูคือคนที่ทำร้ายตนเอง ทำให้นางขายหน้าซ้ำยังถูกตบตี
หลังจากคิดแค้นด้วยความจงเกลียดจงชัง ก็เริ่มขบคิดแผนการอีกครั้ง สาบานกับตนเองว่าจะทำให้ิเป่าจูต้องตายอย่างน่าสังเวชให้จงได้
เชิงอรรถ
[1] ขอแบ่งน้ำแกงข้น หมายถึง ขอแบ่งผลประโยชน์
[2] จือจื่อ (Gardenia fruit) ชื่อไทยว่าพุดซ้อน พุดจีน หรือพุดใหญ่ มีสรรพคุณช่วยระบายความร้อนขจัดไฟ ดับร้อนในเื ลดบวม ล้างพิษ ขจัดความชื้น
[3] ดอกจินอิ๋น ชื่อไทยว่าดอกสายน้ำผึ้ง คือดอกตูมหรือดอกแรกแย้มแห้งของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lonicera japonica Thunb. วงศ์ Caprifoliaceae มีรสหวาน เย็น เข้าสู่เส้นลมปราณปอด หัวใจ และกระเพาะอาหาร ขจัดความร้อนและขับพิษ กระจายลมร้อน
