ในคืนที่เงียบสงัด น้ำในแม่น้ำจินหลานส่งเสียงดังมาก เรือที่แล่นผ่านไปมาในตอนกลางวันจอดลอยลำอยู่ในระยะไกลจากหลัวเลี่ย เขาเห็นแสงไฟจากเรือนั้นอยู่ไกลๆ
แม่น้ำจินหลานในตอนกลางคืนเปรียบเสมือนัตัวยาวที่แหวกว่ายไม่หยุด
หลัวเลี่ยซึ่งอยู่ในน้ำก็รู้สึกถึงกระแสน้ำเช่นกัน ความแตกต่างคือเขารู้สึกถึงแก่นพลังของน้ำจากแม่น้ำจินหลานที่ไหลแทรกซึมเข้าสู่ในตัวของเขา
แก่นพลังของน้ำนี้เปรียบเสมือนการไหลเวียนของอากาศที่บริสุทธิ์แทรกซึมเข้ามาชำระร่างกายของหลัวเลี่ย และยังหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณในร่างกายของเขาทั้งหมดด้วย
ในขณะที่หลัวเลี่ยหายใจออกและหายใจเข้า เขาก็ดูดซับแก่นพลังของน้ำเข้าไปด้วย พลังภายในที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเขายังคงเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันค่อยๆ ไหลเวียนดั่งการไหลของสายน้ำ
เมื่อพลังภายในทั้งหมดถึงระดับหนึ่ง มันก็รวมตัวกันเคลื่อนเข้าสู่ภายในเส้นลมปราณของหลัวเลี่ย
ทุกครั้งที่มีพลังแทรกซึมเข้าไปในเส้นลมปราณ เส้นลมปราณของหลัวเลี่ยจะเกิดการขยายตัวและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับพลังที่เข้ามา
หลังจากที่พลังภายในเส้นลมปราณโคจรจนทั่วร่างกายแล้ว มันก็ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนพร้อมกัน
และในวินาทีนั้นเอง จุดตันเถียนของหลัวเลี่ยก็เกิดการสั่นะเื
หลัวเลี่ยตัวสั่น
พลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผัวะ!
แพไม้ไผ่ที่เขานั่งแตกเป็เสี่ยงๆ
น้ำในแม่น้ำรอบตัวเขาถูกกดดันด้วยพลังภายในอันทรงพลัง ทันใดนั้นน้ำก็พุ่งขึ้นก่อตัวเป็เสาน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบหลัวเลี่ย และพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ดื่ม!”
หลัวเลี่ยลุกขึ้นยืนทันที เขาเหยียบแพไม้ไผ่ที่หักแล้วปล่อยหมัดออกไป
เสาน้ำแตกออกกลายเป็หยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วน และกระจายออกไปทุกทิศทาง บางส่วนตกลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดเป็เสียงคำรามลั่น
“ทะลวงแล้ว!”
“การฝึกตนระดับที่เก้า!”
เขายืนอยู่บนไม้ไผ่ที่หักสองท่อน และแม้ว่ากระแสน้ำในแม่น้ำจินหลานจะไหลเชี่ยว แต่เขาก็ยังนิ่งเฉย
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีสายลมพัดผ่านเส้นผมของหลัวเลี่ย เขาดูราวกับเซียนหนุ่มที่กำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางสายลม ท่าทางเช่นนั้นราวกับคนชนชั้นสูง
คุณสมบัติระดับที่เก้าของเคล็ดวิชาั์ คือการกำเนิดขึ้นใหม่และการเคลื่อนไหวดั่งสายลม
การกำเนิดขึ้นใหม่ คือการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก เปลี่ยนกระดูกธรรมดาของร่างกายมนุษย์ให้เป็กระดูกสำหรับผู้ฝึกวิชายุทธ์ เรียกได้ว่าตอนนี้หลัวเลี่ยได้เข้าสู่เส้นทางแห่งวรยุทธ์อย่างแท้จริง
วิชายุทธ์นี้ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเข้าสู่ระดับพลังผู้ฝึกตนระดับหยินหยาง หรือระดับแก่น์แล้วจะเป็การเข้าสู่วิชายุทธ์
แต่วิชายุทธ์ที่แท้จริงคือเส้นทางที่นำไปสู่การขึ้นเป็เทพหรือสูงกว่าเทพ นับเป็การฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ละเอียดอ่อน ซึ่งแตกต่างจากการฝึกยุทธ์ทั่วไป
การฝึกยุทธ์ทั่วไปแม้จะเข้าสู่ระดับพลังแก่น์แล้ว แต่ก็อาจไปไม่ถึงระดับนี้ และมักต้องรอโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
มีเพียงเคล็ดวิชาั์เท่านั้นที่ทำได้ และนี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เคล็ดวิชานี้ได้รับการยกย่องจากเทพ
การเคลื่อนไหวดั่งสายลมก็เป็พลังยุทธ์หนึ่ง วิชายุทธ์นี้หากไปจนถึงจุดสูงสุดแล้วจะถือว่าเข้าสู่หนทางการมีอายุยืนยาวอย่างแท้จริง
ไอพลังของหลัวเลี่ยที่แสดงออกมาทำให้เสวี่ยปิงหนิงและซูชิวเชิงหัวใจเต้นแรง พวกเขาราวกับว่ารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง
มีเพียงเยี่ยนอวิ๋นหวู่เท่านั้นที่ในดวงตาของนางแสดงความหวาดกลัวออกมา นางเกือบจะซ่อนความใเอาไว้ไม่ได้ นางรีบก้มศีรษะลง ดวงตาของนางยังคงมีประกายบ่งบอกว่าใ และหัวใจของนางก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น เขาเพิ่งถึงระดับผู้ฝึกตนขั้นที่เก้า แล้วทำไมถึงมีไอพลังยุทธ์ได้”
“ไอพลังยุทธ์คือการเปลี่ยนกระดูกมนุษย์ให้เข้าสู่เส้นทางวิถียุทธ์ที่แท้จริง และมันยังเป็ส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวดั่งสายลมด้วย”
“การฝึกตนระดับที่เก้า เปลี่ยนกระดูก และการเคลื่อนไหวดั่งสายลม”
“นี่คือลักษณะของเคล็ดวิชาั์นี่ เว้นแต่ว่าหลัวเลี่ยจะโชคดี หรือมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งสนับสนุน แต่เห็นได้ชัดว่าสองสิ่งนี้เป็ไปไม่ได้ เขาต้องฝึกเคล็ดวิชาั์อยู่แน่”
เมื่อคิดได้แล้ว เยี่ยนอวิ๋นหวู่ก็เกือบจะหายใจไม่ออก
ในประวัติศาสตร์ของการฝึกฝนด้วยเคล็ดวิชาั์ ระดับที่สูงที่สุดคือระดับผู้ฝึกตนระดับที่ห้า และไม่มีใครเคยฝึกได้ถึงระดับที่หก
แต่หลัวเลี่ยกลับฝึกฝนจนถึงผู้ฝึกตนระดับที่เก้าแล้ว
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ตามข่าวที่นางได้รับรู้มา หลัวเลี่ยเพิ่งจะถึงระดับที่หกเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้เขาได้มาถึงระดับที่เก้าของระดับผู้ฝึกตนแล้ว ความเร็วในการก้าวหน้าทางพลังเช่นนี้นับว่าเป็ตำนาน
หัวใจของเยี่ยนอวิ๋นหวู่เต้นแรง นางใเมื่อเห็นหลัวเลี่ย
จากนั้นนางก็คิดได้อีกว่า ข้างกายของหลัวเลี่ยมีสัตว์วิเศษ ซึ่งก็คือแพนด้าน้อยที่สามารถรักษาโรคที่รักษาไม่หายได้ สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าหลัวเลี่ยเต็มไปด้วยความลึกลับ
นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความใ
หลัวเลี่ยก้าวไปบนไม้ไผ่ที่หักสองท่อน เขาเคลื่อนตัวไปตามสายลม และในหนึ่งลมหายใจก็มาถึงฝั่งแล้ว
ทั้งสี่คนพูดคุยและหัวเราะ จากนั้นก็ออกจากแม่น้ำจินหลาน และกลับไปที่เมืองหลวงของแคว้นจินหลาน
คืนนี้ในเมืองหลวงของแคว้นจินหลานครึกครื้นมาก เพราะผู้คนจากสิบแคว้นได้มารวมตัวกัน และพูดคุยเกี่ยวกับเื่การประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นแม้ว่าจะดึกแล้ว แต่ก็ยังเห็นโรงเตี๊ยมหลายๆ แห่งเปิดไฟสว่างไสวอยู่
ราชครูแห่งแคว้นจินหลานไม่ได้อยู่ภายในจวนของเขา ไม่รู้ว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยง หรือว่ามีเื่บางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อเทียบกับภายนอกแล้ว ภายในจวนของราชครูนั้นเงียบสงบมาก
ทั้งสี่คนกลับไปที่เรือนและกินอาหารเย็นด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องของตนเอง
หลัวเลี่ยไม่รู้สึกง่วงเลย
หลังจากเก้าวันของการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกสบายมากกว่าการได้นอนเป็เวลาเก้าวันเก้าคืนเสียอีก
การไปถึงระดับที่เก้าของผู้ฝึกตน หมายความว่าหากเขาพัฒนาพลังขึ้นไปอีกหนึ่งระดับก็จะสามารถเข้าสู่ระดับหยินหยางได้แล้ว
หลัวเลี่ยมองออกไปนอกหน้าต่าง เขามองไปที่ดวงจันทร์สลัวๆ ข้างนอก แล้วนึกถึงสิ่งที่เขาประสบมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งนึกถึงการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากเผลอหลับไป พอตื่นมาก็รุ่งสางแล้ว
หลัวเลี่ยลุกขึ้น และไปอาบน้ำ หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็กินอาหารเช้าก่อนจะออกเดินทาง
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในรถม้า โดยผู้บังคับม้าคือซูชิวเชิง พวกเขาค่อยๆ ออกเดินทางไปยังสถานที่จัดการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น
ทันทีที่พวกเขาออกจากจวนของท่านราชครูไป ก็มีคนรีบเข้ามาทำความสะอาดห้องทันที ราวกับว่าการที่หลัวเลี่ยและคนอื่นๆ อาศัยอยู่ที่นี่คือโชคร้าย และดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อว่าหลัวเลี่ยต้องตายในครั้งนี้แน่
แม้แต่คนรับใช้ก็เป็แบบนี้ ดังนั้นใครๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่า ตอนนี้ผู้คนจากทั้งสิบแคว้นคิดอย่างไรกับหลัวเลี่ย
ภายในรถม้า หลัวเลี่ยหลับตาและพักผ่อนจิตใจ
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงลานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน
มีการสร้างแท่นทรงกลมขนาดใหญ่ที่นี่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยแท่นทรงกลมนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามสิบจั้งและสูงเกือบสองจั้ง นี่คือสถานที่สำหรับการประลอง
ห่างจากแท่นประลองในระยะสามจั้งล้อมรอบด้วยทหารองครักษ์ชั้นยอดของแคว้นจินหลาน โดยเว้นระยะห่างอยู่ที่สามก้าวต่อทหารหนึ่งคน พวกเขาคอยเฝ้าไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในบริเวณการประลอง
ทางทิศเหนือของแท่นกลมเป็ที่ตั้งของอัฒจันทร์ชั่วคราว
คนที่นั่งอยู่บนเวที ได้แก่ ไป๋หลี่ชาง ผู้าุโห้าของหอการค้าฟ้านเทียน หลิวจื่ออั๋ง ผู้าุโเจ็ดของหอเซียวเหยา และผู้มีอิทธิพลหรือมีชื่อเสียงบางคน ยังรวมถึงาาแห่งแคว้นจินหลาน ท่านราชครูซาเฉียนหลี่ และพวกองค์ชายด้วย
“ดูเหมือนว่าเ้าจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย” เยี่ยนอวิ๋นหวู่เลิกม่านรถม้าขึ้น ชำเลืองมองไปยังผู้คนบนอัฒจันทร์
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “พวกเขาเป็ใครบ้าง”
เยี่ยนอวิ๋นหวู่กล่าวขึ้น “ห้ากองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในแปดร้อยแคว้น ยกเว้นตระกูลซือคงแล้ว อีกสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ล้วนมาที่นี่กันหมด”
ห้ากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแปดร้อยแคว้น ได้แก่ หอการค้าฟ้านเทียน หอเซียวเหยา วัดเซียหยาง แคว้นเฉียนเฮ่อ และตระกูลซือคง
หลัวเลี่ยก็มองออกไปเช่นกัน
ศึกครั้งนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่
“หือ?” หลัวเลี่ยเห็นคนคนหนึ่งก้าวขึ้นไปบนอัฒจันทร์ และตรงไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลาง “เผ่าัก็มาที่นี่ด้วยหรือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้