เย่เทียนหลงตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจนี้แม้กระทั่งดวงิญญาของเขาก็ยังสั่นเทิ้มขึ้นด้วยเล็กน้อย ความรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งหนึ่งปีก่อนที่เขาได้รู้ว่าเย่ชิงหานมีอสูรศักดิ์สิทธิ์
นับั้แ่เย่เตาตายไปเมื่อสิบปีก่อนเขาก็หลีกเร้นกายไปไม่อยากสนใจต่อสิ่งใดๆ อีก สิบกว่าปีแล้วที่ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนี้ หนึ่งปีก่อนหลังจากที่เย่ชิงอู่บีบทำลายยันต์หยกสัญญาณที่เย่ชิงหนิวมอบไว้ให้กับนาง ทำให้เขาเองก็พลอยถูกชักนำให้ออกมาด้วย สุดท้ายมาถึงสวนเมามายมองเห็นร่างไร้ิญญาของเย่หรง มองเห็นร่างที่นอนสลบหมดสติจากการเซ่นสังเวยิญญาของเย่ชิงอวี่ และยังมองเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กลางสวนอย่างทระนงองอาจไม่ยอมแพ้
ในตอนนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็อย่างมากจนิญญาสั่นเทิ้มไปด้วย ดังนั้นเขาจึงลงมือ กักบริเวนเย่เจี้ยน ขับไล่เย่ชิงขวง ส่งลูกหลานระดับหัวกะทิของตระกูลทั้งหมดเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครอง และยังแบกหน้าไปยังทะเลตะวันออกเพื่อขอแลกยาิญญาเทวะ ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำก็เพื่อดึงใจของเด็กหนุ่มกลับมา เด็กหนุ่มซึ่งเป็หลานที่ไม่ยอมเรียกเขาว่าปู่อีกต่อไป
วันนี้เขาได้รับข่าวสารเร่งด่วนที่ส่งมาจากเย่ชิงหนิวซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปถึงแปดพันกิโลเมตร ข่าวสารที่ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจจนิญญาสั่นสะท้านขึ้น
เย่ชิงหานบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบ วิชาต่อสู้ร่างอสูรพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง พลังฝีมือโดยรวมของเย่ชิงหานในตอนนี้สำหรับผู้มีพลังฝีมือระดับต่ำกว่าขอบเขตาาจักรพรรดิเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร
คนเดียวสังหารหมู่เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนนับพัน สังหารเยาขาข่าในพริบตา เนื่องจากการมีอยู่ของเขาทำให้เขตปกครองเทพาได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
มือที่ถือจดหมายข่าวของเขาสั่นเทิ้มขึ้น สาเหตุไม่ใช่เพราะแก่ชราอายุมาก แต่เป็เพราะตื่นเต้นดีใจจนเกินไป มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นจากนั้นค่อยๆ ขยายกว้างออกจนสุดท้ายเปลี่ยนเป็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้น
“ท่านหัวหน้าตระกูล มีเื่น่ายินดีอันใด?” เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำเอาเย่ไป๋หู่ที่อยู่ภายนอกหอสะดุ้งใขึ้น เย่ไป๋หู่มองดูเย่เทียนหลงที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้างุนงงสงสัย เนื่องจากว่าเขารู้จักเย่เทียนหลงเป็อย่างดีจึงยิ่งมองด้วยความสงสัย มีเื่อันใดที่สามารถทำให้ผู้ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมคร่ำครึอยู่ตลอดเวลาอย่างเย่เทียนหลงหัวเราะออกมาได้อย่างบ้าคลั่งถึงเพียงนี้
เย่เทียนหลงไม่ได้พูดอะไรออกมายังคงหัวเราะเช่นนั้นต่อไป ทำเพียงแค่ยื่นจดหมายข่าวที่อยู่ในมือส่งไปให้เย่ไป๋หู่ดูเท่านั้น เย่ไป๋หู่รีบอ่านอย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง สีหน้าสงสัยของเขาพลันถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและความปีติยินดีอย่างล้นพ้น จดหมายเป็ลายมือของเย่ชิงหนิวเขารู้จักคุ้นเคยเป็อย่างดี ในเมื่อเป็ลายมือของเย่ชิงหนิวถ้าอย่างนั้นเื่ราวที่อยู่ในจดหมายก็ไม่ผิดอย่างแน่นอน
อายุสิบหกปีระดับขอบเขตนักรบ ที่สำคัญคือวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์ของเขาสามารถพัฒนาเลื่อนขั้นได้ด้วย? เดิมทีก็เป็วิชาที่แหกกฎ์อยู่แล้วยังจะสามารถเลื่อนระดับขั้นได้อีกจนอานุภาพเทียบเท่าเคล็ดวิชาระดับเทพไปแล้ว นี่นับเป็เื่น่ายินดีอย่างที่สุดเลยก็ว่าได้ หากฝึกฝนในระดับความเร็วเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้เวลาเย่ชิงหานอีกสิบกว่าปีเมื่อเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ในตอนนั้นคาดว่าพลังฝีมือของเขาน่าจะมีอานุภาพทรงพลังเพียงพอที่จะสามารถทำอันตรายคุกคามผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน
ระดับความเร็วในการฝึกฝนราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้ถูก คงมีคำว่าแหกกฎ์เกินไปแล้วเพียงเท่านั้นที่จะดูเหมาะสมที่สุด...
“ท่านหัวหน้าตระกูล เ้าเด็กคนนี้ต้องทำการบ่มเพาะให้ดี อนาคตข้างหน้าไม่แน่ว่า...อาจจะสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ก็เป็ไป ตระกูลเย่อาจจะสามารถกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งเหมือนยุคสมัยของเทพา!” เย่ไป๋หู่รู้สึกชื่นชมเงียบๆ ออกมา จากนั้นดวงตาพลันทอประกายขึ้นแล้วหันไปพูดกับเย่เทียนหลง
เย่เทียนหลงดวงตาเป็ประกายแสงแหลมคมวาบผ่านและเต็มไปด้วยแววปีติยินดี “เื่นี้ยังบอกอะไรไม่ได้ ระดับความยากของการทะลวงผ่านขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตเทพ์เ้าก็รู้ดี แต่ก็รู้ว่าหากเ้าเด็กคนนี้บ่มเพาะฝึกฝนดีๆ อย่างน้อยสามารถนำชื่อเสียงเกียรติยศและความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลเย่ได้หลายร้อยปีแน่!”
“อืม อืม! ข้าคาดเดาว่าความรุ่งโรจน์ของตระกูลเย่จะเกิดขึ้นบนตัวเ้าเด็กคนนี้ ความลับบนตัวของเ้าเด็กคนนี้มากมายจนเกินไป อนาคตไกลอย่างหาขอบเขตมิได้แน่นอน!” เย่ไป๋หู่กำลังคิดถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นบนตัวของเย่ชิงหาน ในตอนแรกเขายังเป็ห่วงว่าพลังฝีมือที่ต่ำต้อยอย่างเย่ชิงหานไปเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองอาจจะได้รับอันตรายเมื่ออยู่บนเกาะแห่งความมืดมิด คิดไม่ถึงว่าหนึ่งปีผ่านไปเขาจะกลายมาเป็ผู้ไร้เทียมทานบนเกาะแห่งความมืดมิดขึ้นมาแทน
ในใจคิดว่ารอเ้าเด็กคนนี้กลับมาถึงจะถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นดูสักหน่อย แต่ทันใดนั้นกลับคิดได้ว่าในตอนเช้าตนเองเพิ่งได้รับข่าวๆ หนึ่งมา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างเป็กังวล “ท่านหัวหน้าตระกูล เมื่อเช้าข้าได้รับข่าวว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เมืองัเกิดพังใช้งานไม่ได้ขึ้นมา คาดว่าน่าจะใช้เวลาสองถึงสามเดือนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ ท่านคิดเหมือนข้าไหมว่ามีคนจงใจทำให้มันพัง?”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายพังใช้งานไม่ได้?” เย่เทียนหลงคิ้วขมวดขึ้นในทันทีค่อยๆ ครุ่นคิดความหมายที่แฝงอยู่ภายในสิ่งที่ได้ฟัง จากนั้นชั่วครู่เขารีบร้องออกมาในทันที “ไม่ได้การแล้ว จะต้องมีเื่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะพังได้ถูกเวลาเกินไปแล้ว? หลายสิบปีไม่เคยพังแต่พอเ้าหนูหานจะกลับมากลับพังพอดี?”
เย่เทียนหลงและเย่ไป๋หู่มองตากันครั้งหนึ่งต่างรู้สึกเหมือนกันว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่ข้างในข่าวที่ได้ฟัง ต่อมาเย่เทียนหลงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้สีหน้าดำคล้ำพูดออกมาอย่างเดือดดาล “แย่แล้ว สภาพจิตใจของเย่ชิงหานในตอนนี้เมื่อรู้ว่าข้าได้ยาิญญาเทวะมาแล้ว เขาจะต้องไม่รออีกเป็เวลาหลายเดือนค่อยกลับมาอย่างแน่นอน คาดว่าตอนนี้คงรีบออกเดินทางกลับมายังเมืองชางแล้ว อย่างนี้ไม่ดีแน่ ไป๋หู่เ้ารีบนำคนออกไปคุ้มกันเขากลับมา”
ระยะทางจากนครแห่งเทพมาถึงเมืองชางหากรีบเร่งเดินทางอย่างเร็วที่สุดต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ที่สำคัญหากจะเดินทางกลับมาโดยใช้เวลาน้อยที่สุดคือการใช้เส้นทางตรงซึ่งจำเป็จะต้องผ่านูเาสุสานทวยเทพที่เป็หนึ่งในสามสถานที่อันตรายที่สุดของทวีป เย่เตาก็ถูกเผ่าปีศาจดักซุ่มโจมตีจนตายอยู่ที่แห่งนั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้สีหน้าของเย่ไป๋หู่เปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง ไม่ได้พูดอะไรมากรีบหมุนตัวเตรียมที่จะลงจากเขาไปเรียกรวมพลผู้คน
“ไม่ต้อง เ้าอยู่นั่งรักษาการณ์อยู่ที่นี่แหละข้าจะนำคนไปด้วยตัวเอง!” เย่เทียนหลงเดินกลับไปกลับมาหลายรอบ จากนั้นพลันร้องบอกออกมาเงาร่างพุ่งทะยานลงเขาไปพร้อมกับร้องคำรามออกมาครั้งหนึ่งดังะเืเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งตระกูลเย่
“ผู้าุโทุกท่านมารวมตัวกันที่หอผู้คุมกฎเดี๋ยวนี้!”
เสียงร้องคำรามของเย่เทียนหลงทำเอาทุกคนในตระกูลเย่สะดุ้งใไปตามๆ กัน เย่เชียงหยุดการฝึกหอกลงใบหน้าที่ดูราวกับสุภาพชนปรากฏแววตื่นตระหนกขึ้น จากนั้นเก็บหอกยาวเข้าไว้ด้านหลังแล้วรีบวิ่งทะยานออกไปยังหอผู้คุมกฎ
เย่เทียนชิงวางหนังสือที่อยู่ในมือลง เย่เทียนสิงวางแก้วน้ำชาที่อยู่ในมือลง... ผู้าุโหลายสิบคนต่างรีบวิ่งทะยานออกไปยังหอผู้คุมกฎในทันทีที่ได้ยินเสียง ทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่ที่ประตูใหญ่หอผู้คุมกฎและต่างมองหน้ากันไปมามองตากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าทำไมเย่เทียนหลงถึงได้บันดาลโทสะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่หอผู้คุมกฎอีกด้วย...หรือว่ามีผู้าุโท่านใดกล้าท้าทายอานุภาพัของเย่เทียนหลงอีกแล้ว? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อนกำลังจะฉายซ้ำอีกครั้งรึ?
ฟิ้ว!
เย่เทียนหลงกลายเป็เงาเลือนรางเหาะลอยมาโดยตรงจากูเาด้านหลัง จากนั้นกวาดตามองเหล่าผู้าุโที่อยู่ด้านล่างพร้อมกับเรียกชื่อออกมาอย่างรวดเร็ว “เย่เชียง เย่เทียนสิง เย่เฉวียน... พวกเ้าไปกับข้า คนที่เหลือนั่งเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่ตระกูลเย่ เื่ราวทุกอย่างฟังคำสั่งจากเย่ไป๋หู่ พวกเราไป!”
เพียงชั่วครู่ เงาร่างสีดำหลายสายเหาะลอยขึ้นมากลางอากาศจากตระกูลเย่ จากนั้นเงาร่างทั้งหมดบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำเอาประชาชนชาวเมืองแตกตื่นใไม่เข้าใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้นตระกูลเย่ถึงได้ส่งยอดฝีมือออกไปมากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าเตรียมตัวจะไปสังหารัเขียวอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในป่าม่านหมอกแห่งนั้น
.................................
เป็ความจริงที่เวลานี้เย่ชิงหานเดินทางออกมาจากนครแห่งเทพแล้ว ในวันที่สามที่ได้ทราบข่าวจากนครแห่งเทพว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายทางด้านเมืองัต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมอย่างน้อยสองถึงสามเดือนถึงจะใช้งานได้ เย่ชิงหานจึงไปหาเย่ชิงหนิวพร้อมกับบอกความ้าว่าอยากที่จะรีบเร่งเดินทางกลับ
นครแห่งเทพตั้งอยู่ใจกลางระหว่างสามเขตปกครอง ถ้าหากเย่ชิงหานรีบเร่งเดินทางอย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงแค่ห้าวันก็สามารถเข้าสู่อาณาเขตของเขตปกครองเทพาได้ จากนั้นรีบเร่งเดินทางอีกเป็เวลาครึ่งเดือนก็จะกลับไปถึงเขตเมืองชาง
แน่นอนว่าถ้าหากให้เย่ชิงหนิวพาเย่ชิงหานเหาะลอยกลับไปละก็ใช้เวลาแค่เพียงเจ็ดถึงแปดวันก็พอ แต่เมื่อได้ยินว่าเย่ชิงหานจะกลับไป เย่ชิงอู่จะเป็จะตายอย่างไรก็จะกลับไปด้วยให้ได้ เยว่ชิงเฉิงไม่ต้องพูดถึงย่อมไม่พลาดที่จะต้องเดินทางกลับไปตระกูลเย่ด้วยแน่นอน เมื่อเย่ชิงหานช่วยเหลือน้องสาวให้ฟื้นขึ้นมาได้ตนเองก็สามารถแต่งงานกับเย่ชิงหานได้แล้ว เมื่อเย่ชิงหาน เย่ชิงอู่ และเยว่ชิงเฉิงจะกลับไป เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าอยู่ต่อก็รู้สึกเงียบเหงาเลยจะขอกลับไปด้วย อีกอย่างเยว่ชิงเฉิงรับปากว่าจะมอบสาวงามของทะเลสาบแห่งความเงียบสงบให้พวกเขาคนละสองคน ดังนั้นพวกเขาไม่กลับไปด้วยไม่ได้อย่างแน่นอน
ผู้ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิล้วนสามารถเหาะลอยบนอากาศได้ เหล่าผู้าุโทั้งหลายจึงไม่มีปัญหา เดิมทีเย่ชิงหานคิดอยากจะให้เย่ชิงหนิวและเหล่าผู้าุโทั้งหลายพาทุกคนเหาะลอยกลับไปยังเมืองชาง แต่เย่ชิงหนิวรีบปฏิเสธความคิดไร้เดียงสานี้ขึ้นมาในทันที ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเขาพาคนเหาะลอยไปไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว
เหล่าผู้าุโทั้งหลายก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ปัญหาจริงๆ อยู่ที่เหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลาย ต้องเข้าใจว่าการเหาะลอยบนอากาศด้วยความเร็วนั้นจะต้องเผชิญกับสภาพแรงกดดันของอากาศ พลังฝีมืออย่างพวกเขาย่อมไม่สามารถทนรับกับสภาพเช่นนั้นได้เป็เวลานาน ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิสามารถอาศัยพลังปราณรบที่แข็งแกร่งของตนเองห่อหุ้มปกป้องร่างกายของตนเองเอาไว้ได้ แต่ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่ถ้าจะให้เหาะลอยอย่างช้าๆ ละก็ยังไม่สู้นั่งรถม้าไปจะดีกว่าหรือ
ครั้นแล้วทุกคนจึงปรึกษาหารือกันตัดสินใจให้เย่ชิงหนิวเป็ผู้นำขบวน เหล่าผู้าุโของตระกูลทั้งหลายและของเมืองัร่วมกันอารักขา โดยไปส่งเหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลายที่เมืองชางก่อนเพื่อช่วยเหลือน้องสาวของเย่ชิงหานให้ฟื้นขึ้นมา จากนั้นเรียกรวมเหล่าหัวหน้าตระกูลทั้งหลายเพื่อปรึกษาหารือร่วมกันถึงแนวทางจัดการเกี่ยวกับเื่ตระกูลเสว่
ส่วนพวกเย่สือซานกับลูกหลานระดับหัวกะทิของตระกูลทั้งหลายให้ค่อยๆ เดินทางติดตามกลับมาด้านหลังเรื่อยๆ
หลังจากจบงานประลองาระหว่างเขตปกครองวันที่สี่ รถม้าหรูหราโอ่อ่าจำนวนหกเจ็ดคันเคลื่อนตัวออกมาจากนครแห่งเทพมุ่งหน้าไปสู่เขตปกครองเทพา
ภายในรถม้าเย่ชิงหนิวมองดูเย่ชิงหานและเย่ชิงอู่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า จากนั้นมองออกไปภายนอกแล้วเริ่มพูดอธิบายถึงลักษณะภูมิประเทศในละแวกใกล้เคียงให้พวกเขาฟัง
“เ้าหนูหาน อีกหนึ่งวันพวกเราก็จะเดินทางเข้าเขตสถานที่อันตรายอันดับหนึ่งของทวีปูเาสุสานทวยเทพแล้ว ที่นั่นเป็แหล่งกำเนิดของสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษและระดับศักดิ์สิทธิ์ของทวีป เล่าลือกันว่าภายในยังมีสมบัติล้ำค่าระดับเทพอยู่ด้วย เพียงแต่ไม่มีใครสามารถเอามาได้ อืม...ูเาสุสานทวยเทพ อีกห้าปีข้างหน้าเส้นทาง์จะเปิดขึ้นอีกครั้ง ในตอนนั้นหากพลังฝีมือของเ้าบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ละก็ ข้าจะให้เ้าเข้าไปเปิดหูเปิดตาดูพร้อมกับถือโอกาสเสาะหาสมบัติด้วย...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้