“เ้า เ้าชื่อหลิงอันใช่หรือไม่ เมื่อก่อนข้าเคยเห็นเ้าครั้งหนึ่ง ตอนนั้นท่าทางของเ้าไม่เหมือนตอนนี้เลย อะไรทำให้เ้าเปลี่ยนไปหรือ ?”
“...”
“เ้าผอมแห้งแรงน้อยขนาดนี้แต่มีความอดทนมากยิ่งนัก เดินขึ้นเขามาตั้งไกลแล้วยังไม่บ่นเหนื่อยสักคำ”
“...”
“เ้า ข้ากำลัง อึก กำลังพูดกับเ้าอยู่นะ เหตุใดถึงเอาแต่เมินเฉยข้า อึก”
“...”
“เ้า ! รอเดี๋ยว อึก พักกันก่อนดีหรือไม่”
หลิงอันเหลือบสายตามองเด็กน้อยที่ตลอดการเดินทางเอาแต่พูดไม่หยุดหย่อน ตนละเชื่อเด็กน้อยคนนี้จริง ๆ ไม่รู้เอาแรงมากมายจากไหนมาพูด ทั้งที่แสดงออกชัดเจนว่าเหนื่อยมาก
ที่เขาบอกว่าเด็กมักมีพลังงานเหลือล้นคืออย่างนี้เองสินะ
“เ้าหันมาสนใจข้าแล้ว !”หยงซ่านเปาที่มีสีหน้าอิดโรยเปลี่ยนมาเป็ยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าสายตาที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้ามองมาที่ตน
“เ้าควรจะพูดให้น้อยแล้วเดินให้มากจะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป”
“ข้าก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ข้าก็อยากจะคุยกับเ้าด้วย”
หลิงอันอยากจะกลอกตามองบนเสียเหลือเกิน แต่เพราะเห็นใจเด็กชายที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“นั่งพักก่อนแล้วค่อยเดินต่อ ระหว่างนี้ข้าจะเดินหาดูว่ามีของอะไรพอจะเก็บกลับบ้านได้หรือไม่”
เดินขึ้นเขามาไกลพอสมควรแล้ว บริเวณนี้คงจะมีของพอให้หาได้บ้าง
“ไม่ข้าจะไปกับเ้าด้วย เ้าไปที่ใดข้าก็จะไปด้วย !”
“ไม่ใช่ว่าเ้าเหนื่อยหรือ ? ข้าถึงอยากให้เ้าพักก่อน ส่วนข้าจะเดินหาของป่ารอบ ๆ นี้ระหว่างรอเ้าพัก”
“ข้าเป็บุรุษจะอ่อนแอกว่าสตรีเช่นเ้าได้อย่างไร ในเมื่อเ้าไม่พักเช่นนั้นข้าก็ไม่พัก !”หลิงอันมองสายตาตรงหน้า มองเด็กชายตัวน้อยที่หอบหายใจหนัก แต่ยังดื้อดึงไม่ยอมแพ้
นางไม่เกลียดเด็กมีความมุ่งมั่นเช่นนี้หรอกนะ
ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจจะทำก็ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรให้มากความ เด็กสาววัยหกขวบปีจึงเงยหน้าหันมองมารดาและท่านลุงจางที่เดินตามหลังมาติด ๆ
“ท่านแม่ ท่านลุง ข้าอยากจะลองเดินดูบริเวณนี้ ดูว่ามีสิ่งใดพอให้เก็บกลับบ้านได้หรือไม่”
“ได้สิ ปกติแล้วชาวบ้านจะขึ้นเขามาไกลประมานนี้แล้วมองหาของป่าเหมือนกัน เพราะหากขึ้นเขาไปไกลมากกว่านี้ก็อาจจะเจอสัตว์ป่า อันตรายมาก”จางเหวินเอ่ย ถือเป็การเตือนให้ทั้งสามคนรู้ถึงอันตรายของป่า
หลิงอันเข้าใจที่เขาอยากจะสื่อจึงไม่คิดอะไรมากนัก เด็กสาวตัวน้อยเงยหน้ายิ้มกว้างส่งไปให้พลางเอ่ยขึ้นมาว่า
“ขอบคุณท่านลุงที่บอกกล่าว อันเอ๋อร์จะระวังเ้าค่ะ”พูดจบแล้วก็หันหลังคิดจะเดินหาของบริเวณนี้
แต่ก่อนจะเดินออกห่างจากเส้นทางเดินหลัก หลิงอันได้หักกิ่งไม้ออกมาใช้สำหรับตบ ๆ ลงบนพุ่มไว้สำหรับตรวจดูก่อนว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ตรงหน้าหรือไม่ เพราะเส้นทางด้านข้างเต็มไปด้วยพุ่มไม้ ต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกชัฏอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอันตรายซ้อนอยู่ก็เป็ได้
เพื่อไม่ประมาทหลิงอันจึงใช้ไม้ในการนำทางไปก่อน
จางเหวินเห็นการกระทำของนาง ใบหน้าเขาถึงกับเผยความประหลาดใจ หันไปคุยกับสตรีข้างกาย
“แม่นางหลิงบุตรสาวเ้าฉลาดยิ่งนัก รู้จักระวังอันตรายใช้กิ่งไม้ตรวจทางดูก่อน”เขากล่าวยิ้ม ๆ ยามหันสายตามองเด็กสาวตัวน้อย ั์ตาจางเหวินเคลือบความอบอุ่นจาง ๆ
หลิงซุนเห็นสายตาเขาจึงมองตามสายตาไปยังบุตรสาวตัวน้อย
วันสองวันมานี้หลิงอันของนางรู้ความขึ้นมากจริง ๆ ช่างพูดมากกว่าเมื่อก่อน ทั้งยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศของผู้ใหญ่คนหนึ่ง จนนางเผลอคิดไปว่า นี่ใช่บุตรสาวของตนหรือไม่ ทว่าพอได้รับอ้อมกอดความสงสัยเ่าั้พลันหายไปจนหมด
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ยังไง หลิงอัน ก็คือบุตรสาวที่นางคลอดออกมาอยู่ดี
“อันเอ๋อร์ให้แม่ช่วยเ้าหา ช่วยกันจะได้พบเจอของป่าเร็วขึ้น”หลิงซุนเดินเข้าใกล้ ก้มหน้าลงคุยกับบุตรสาว
“เ้าค่ะท่านแม่ อันเอ๋อร์ให้”
“ขอบใจอันเอ๋อร์มาก”หลิงซุนจับกิ่งไม้ที่บุตรสาวยื่นมาให้มาถือ ยกมือข้างที่ว่างลูบศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“เ้าหักให้ข้าสักไม้หน่อยสิ”เสียงหยงซ่านเปาเอ่ยขัดบรรยากาศระหว่างแม่ลูก
“ทำเอง เ้ามีมือหาก้าก็ต้องทำเอง”
“แม่เ้าก็มีมือ เหตุใดถึงทำให้ได้”
“เพราะนางคือแม่ของข้า ! ข้าให้ของแม่ข้าถือเป็เื่ปกติ”
“ข้าก็เป็สหายเ้า เ้าทำให้ข้าไม่ได้หรืออย่างไร”
โว๊ย !!! นางอยากกระชากคอเด็กคนนี้เข้ามาเขย่า ๆ เสียรู้แล้วรู้รอดไปเลย ทั้งที่ดูแล้วก็เหมือนคนรู้ความแต่ทำไมถึงได้เถียงคำไม่ตกฝากเช่นนี้ ทั้งยังดื้อดึงไม่ฟังใครอีก
คนถูกหงุดหงิดใส่ยิ้มพึงพอใจเป็อย่างมาก
นางโกรธเขาเช่นนี้แสดงว่าตนมีความสำคัญต่อนาง !
หลิงอันพยายายมข่มกลั้นอารมณ์ความรู้สึก ไม่รู้ว่าเพราะเข้ามาอยู่ในร่างเด็กหรือไม่ ถึงได้อารมณ์ขึ้นง่ายแตกต่างจากชาติก่อน
“หยงซ่านเปาเอาเช่นนี้ เ้าเห็นกิ่งไม้ข้าง ๆ นั่นหรือไม่ เ้าแค่ยื่นมือออกไปหักลงมาก็ได้แล้ว...”หลิงอันพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น ชี้นิ้วบอกให้อีกฝ่ายหันไปมองด้านหลัง แต่เหมือนเด็กชายหยงซ่านเปาจะยังไม่ยอมแพ้คิดจะเปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง
“หยุด หากเ้ายังคิดจะเถียงข้าออกมาอีก ข้าจะไม่พูดกับเ้าแล้ว !”
ได้ผล หยงซ่านเปารีบยกมือขึ้นปิดปากฉับพยักหน้าขึ้นลงเร็ว ๆ กลัวว่านางจะไม่คุยด้วยอีก เด็กชายตัวน้อยที่เมื่อสักครู่พูดไม่รู้ความรีบหันไปหักกิ่งไม่ลงมาถือว่าทันที
“ข้าพร้อมแล้ว”พร้อมเปลี่ยนเื่คุยไปด้วยเลย
หลิงอันพยักหน้าให้ “เอาละเช่นนั้นก็ออกหาของป่าได้แล้วเสียเวลาไปมากแล้ว”
“ได้ ข้าจะช่วยเ้าหาเอง เ้าจะได้มีของอร่อย ๆ กิน !”หลิงอันมองความไร้เดียงสาของเขา เด็กอย่างไรก็คือเด็ก
แม้จะมีมุมที่เหมือนผู้ใหญ่หรือมีคำพูดช่างเจราจาสุดท้ายแล้วก็จะเผยความเป็เด็กออกมาอยู่ดี
ดูสิ ประกายตื่นเต้นในดวงตาเขานะ ไร้เดียงสามากเลยมิใช่หรือ ? เห็นเช่นนี้แล้วหลิงอันพลันคิดว่า หยงซ่านเปาคนนี้ก็ไม่ใช่เด็กเลวร้ายเท่าใดนัก
เื่วุ่นวายทุกอย่างถูกแก้ไขแล้ว จากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มช่วยกันหาของป่า บรรยากาศรอบข้างที่เคยวุ่นวายเปลี่ยนมาเป็สงบลง ทุกคนตั้งหน้าตั้งตามองหาสิ่งที่พอจะกินได้ พร้อมเสียงพูดคุยที่เกิดขึ้นเป็ครั้งคราว
ระหว่างที่พวกเขากำลังตั้งหน้าตั้งหน้าหาของป่าอยู่นั้น หยงซ่านเปาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลิงอันมากนักพลันส่งเสียงขึ้นมาภายใต้ความเงียบสงบ เสียงเขาดังมากพอให้ผู้ใหญ่ทั้งสองและเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งเข้าไปหา
“โอ๊ย !! เจ็บ !!”
“เ้าเป็อันใดเกิดอะไรขึ้น !”หลิงอันรีบวิ่งเข้าไปใกล้ และทันทีที่สายตานางมองเห็นของตรงหน้า ั์ตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา หันมองคนเจ็บจนน้ำตาเล็ด
“เ้าจะยืนยิ้มให้ข้าอีกนานไหม ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
หลิงอันไม่สนใจน้ำเสียงตัดพ้อของเขา ขยับก้าวเข้าไปใกล้ยกมือขึ้นตบ ๆ ไหลที่สูงกว่าของอีกฝ่าย
“หยงซ่านเปาเ้าทำได้ดีมาก !”
