เงากายของหลัวสือซานปรากฏออกมาทันเวลาพอดี เขาสะบัดดาบเล่มบางสกัดคนชุดดำสองคนลงได้
เจินจูยังไม่ทันวางใจ เพราะทางด้านผิงอันเริ่มรับมือไว้ไม่แล้ว ปรากฏวิกฤตอันตรายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การต่อสู้จริงๆ ครั้งแรกของผิงอันก็พบเข้ากับหน่วยกล้าตายที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาเลยทีเดียว ทุกมีดลงมืออย่างโเี้รุนแรง ทุกดาบ้าถึงแก่ชีวิต เขาสามารถประคับประคองการรุมโจมตีของคนชุดดำได้สิบกว่ายกก็ไม่ง่ายอย่างมาก
“โอ๊ย” ผิงอันส่งเสียงเ็ปออกมาหนึ่งที
ต้นแขนข้างซ้ายของเขาถูกคมดาบของคนชุดดำแทง เืสดหนึ่งสายไหลออกมา
คนชุดดำอีกหนึ่งคนพุ่งดาบตรงมาที่ใบหน้าของเขา
“ไม่”
เจินจูอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ใจนร้องเสียงเล็กแหลม
หูฉางกุ้ยวิ่งออกมาจากในห้อง ยกราวไม้ไผ่ถลันไปทางคนชุดดำ
ขณะที่กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง เงาดำโผเข้าไปประดุจสายฟ้าแลบ คนชุดดำที่ถือดาบในมือรู้สึกเพียงท้ายทอยเย็นเยียบและเ็ป จากนั้นก็หมดสติล้มพับลงไปบนพื้นในชั่วพริบตา
คนชุดดำที่อยู่ด้านข้างตื่นตระหนกทันที ขยับถอยไปสองก้าวสังเกตอย่างละเอียด จึงค้นพบแมวสีดำสนิทตัวหนึ่ง ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเขียวเข้ม ทั่วทั้งตัวแผ่ความน่าเกรงขามกดดันได้อย่างน่าประหลาดใจ
ครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาเลย มีผู้มีฝีมือสูงความสามารถคล่องแคล่วสองคน และเด็กหนุ่มที่มีทักษะการต่อสู้ไม่เลว ยังมีสุนัขตัวใหญ่ว่องไวและเฉียบแหลมหนึ่งตัว แมวน้อยแสนโเี้ตัวนั้นอีก แล้วยังมีเด็กสาวที่ใช้พิษเป็อีกคนด้วย
เขาชำเลืองมองคนที่สติหลุดลอยคว้างสองคนด้านข้างปราดหนึ่ง หัวเราะและร้องไห้ไปมาไม่แน่นอน ต่างก็ซวนเซไปซ้ายทีขวาที เห็นได้ชัดว่าถูกพิษเข้า
เจินจูวิ่งเข้าไปประคองผิงอัน แขนของเขาถูกย้อมไปด้วยเืสีแดงสด
หูฉางกุ้ยก็มาถึงข้างกายของเขาด้วย บุรุษที่ใจดีประพฤติตัวซื่ออยู่ตลอด ในยามนี้ปวดใจจนริมฝีปากเริ่มสั่นระริก
เจินจูหยิบผ้าแห้งหนึ่งผืนออกมาจากมิติช่องว่าง คิดจะพันาแให้เขาก่อนสักรอบ
“ท่านพี่ อย่าเพิ่งเลย พวกท่านหลบไปก่อน คนพวกนี้ลงมือโเี้นัก ้าชีวิตของพวกเราทั้งครอบครัว” ผิงอันเริ่มใบหน้าซีดขาว ดวงตาจับจ้องคนชุดดำที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยความระมัดระวัง
“…นี่ นี่ล้วนเป็ผู้ใดกัน? …ครอบครัวเรา ก่อความคับแค้นใจให้ผู้ใดมากมายเพียงนั้น” ไม่คิดเลยว่าพวกคนเหล่านี้้าจะฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัว คำพูดหูฉางกุ้ยสั่นเครือ
“ท่านพ่อ สิ่งเหล่านี้เอาไว้ค่อยคุยนะเ้าคะ!”
“เสี่ยวเฮย รีบหลบเร็ว!”
เจินจูเห็นคนชุดดำผู้นั้นพุ่งไปทางเสี่ยวเฮย พร้อมกับสะบัดดาบออกมา
เสี่ยวเฮยะโและข้ามไปถึงแปลงปลูกดอกไม้ด้านข้าง
คนชุดดำไม่สนใจมันอีก หมุนกายกลับมาทางพวกเขาสามคน
ผิงอันใช้แขนขวาข้างที่ไม่ได้รับาเ็ชูดาบยาวขึ้นทันที ตั้งท่าเตรียมป้องกันอย่างดี คนในครอบครัวของเขา้าการปกป้องจากเขา เขาจะถอยหลังไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เจินจูกำผงม่านถัวหลัวหนึ่งห่อไว้ในมือ เตรียมหาโอกาสสาดออกไปอีกหนึ่งรอบ
คนชุดดำสองคนก่อนหน้านั้นที่สูดผงม่านถัวหลัวเข้าไป เป็ตัวยืนยันแล้วว่าความร้ายแรงของม่านถัวหลัวที่เพิ่มระดับขึ้นมีพิษแข็งแกร่งเพียงใด
กว่าหลัวสือซานจะจัดการคนชุดดำหนึ่งคนลงไปได้ไม่ง่ายเลย เขาสะบัดอีกหนึ่งคนออกไปก่อน และรีบยกดาบพุ่งเข้ามา
ผิงอันอายุน้อย ทั้งยังได้รับาเ็อีก หากไม่ระวังเพียงนิดจะมีอันตรายถึงชีวิตได้
คมดาบของหลัวสือซานพุ่งตรงมาข้างหลังคนชุดดำ คนชุดดำทำได้เพียงหมุนกายกลับไปรับมือ ส่วนคนชุดดำอีกคนที่ถูกสะบัดออกไปก่อนหน้าได้ไล่ตามเข้ามา ชั่วขณะหนึ่งในลานด้านในตกสู่สถานการณ์ตะลุมบอนขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่ฟางเสิงเข้ามา ทั้งสามคนกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงเต็มที่
ฟางเสิงไม่ได้เร่งเข้าไปช่วยในทันที เขากวาดสายตาหนหนึ่ง เห็นจ้าวหงยู่และหลี่ซื่อสีหน้าซีดขาวหลบอยู่หลังประตู เขาเลยสงบจิตใจลงได้เล็กน้อย หันไปเห็นแขนซ้ายของผิงอันถูกเืสีแดงฉานย้อมไปทั่วแขนเสื้อ เขาขมวดคิ้วแน่น สาวเท้าไปข้างหน้า “ปึกๆ” สกัดจุดให้ผิงอันเล็กน้อย บรรเทาาแที่มีเืแดงฉานไหลออกมาให้หยุด
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ยกดาบกำจัดคนชุดดำสองคนที่จิตใจกำลังลอยเคว้งอยู่ด้านข้างในดาบเดียว
จนกระทั่งหลัวจิ่งมาถึง เขาเจตนารั้งการต่อสู้กับคนชุดดำสองคนไว้
“ต้องเหลือไว้เป็พยานหรือไม่?” เขาถามหลัวจิ่ง
เขารู้สึกว่าคนชุดดำเหล่านี้น่าจะพุ่งเป้าไปที่พวกเขา อย่างไรเสียสกุลหูก็เป็เพียงครอบครัวธรรมดาในชนบท ท่านอ๋องหรือท่านโหวตระกูลสูงศักดิ์จะส่งมือสังหารมาจัดการพวกเขาเพื่ออะไรกัน?
แต่หลัวจิ่งเป็ขุนนางฝ่ายการรบขั้นสี่ ทั้งยังเป็ทหารรับใช้ขององค์ชายสี่อีก มีความเป็ไปได้ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขัดแย้งของพรรคพวกองค์รัชทายาทอย่างมาก ถึงได้ดึงดูดมือสังหารมาจัดการเขาเช่นนี้
“เหลือ!” หลัวจิ่งสายตาเคร่งขรึม
คนชุดดำที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันเหล่านี้อันตรายอย่างมาก คืนนี้หากไม่ใช่ว่าฟางเสิงมาได้ทันเวลา เกรงว่าทั่วทั้งสกุลหูคงผ่านคืนนี้ไปไม่ได้
จำเป็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็มือสังหารของผู้มีอิทธิพลที่ไหนส่งมา และเหตุผลคืออะไร เช่นนี้พวกเขาจึงจะเตรียมแผนการรับมือออกมาได้
คนชุดดำสองคนมองหน้ากันแวบหนึ่ง เกิดความบ้าคลั่งขึ้นทันที มุ่งโจมตีฟางเสิงอย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง
ฟางเสิงขมวดคิ้วแน่น การกระทำในมือรวดเร็วขึ้น บนร่างของคนชุดดำมีร่องรอยดาบไปทั่วทั้งตัวพร้อมกับมีเืไหลออกมา
หลัวจิ่งยกดาบขึ้นกำลังจะเข้าไปช่วยด้านหน้า ทว่าคนชุดดำสองคนกลับถอยหลังไปพร้อมกัน ศีรษะเอียงลง ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ล้มลงไปบนพื้นไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
“แย่แล้ว” ฟางเสิงพุ่งเข้าไปรีบบีบปากคนชุดดำไว้ ทว่าสายไปเสียแล้ว
“พวกมันกินยาพิษ” หลัวสือซานเข้ามาดูใกล้ๆ ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
หลัวจิ่งสีหน้าเคร่งขรึม “ค้นตัว ดูว่ามีอะไรเป็เบาะแส”
หลังจากเจินจูรีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อจุดตะเกียงออกมา นางหิ้วตะเกียงเข้าไปใกล้ผิงอันก็พบว่าเืแดงสดบนาแของเขาได้หยุดไหลลงแล้ว จึงผ่อนลมหายใจลงได้
คนชุดดำในลานบ้านล้มกองอยู่บนพื้นทั้งหมด หลี่ซื่อวิ่งเข้ามาข้างกายผิงอันอย่างตัวสั่น มองเืที่ไหลบนแขน ปวดใจจนน้ำตาร่วงหล่นลงมา
“…ผิงอัน เ้าเข้ามาในห้อง แม่จะพันาแให้เ้าก่อน” หลี่ซื่อพยุงแขนของบุตรชายด้วยความสั่นเทา
จ้าวหงยู่ก็วิ่งออกมาอย่างซวนเซเช่นกัน นางมองฟางเสิงปราดหนึ่ง เห็นว่าเขาไม่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย เส้นประสาทที่ตึงเครียดจึงผ่อนคลายลง
ฟางเสิงชำเลืองมองนาง และเดินเข้าไปใกล้ไม่กี่ก้าวอย่างไม่ให้เป็จุดสังเกต สองคนมองหน้ากันอย่างเงียบเชียบสองสามหน
“อาจารย์... อาจารย์...” น้ำเสียงของอาชิงโศกเศร้าแว่วมาตลอดทาง “เสี่ยวหวงถูกเตะจนอาเจียนออกมาเป็เืแล้ว ฮือๆ... มันจะตายแล้วใช่หรือไม่?”
เขาวิ่งตะบึงมาจากลานด้านหน้า
เสี่ยวหวงอาเจียนออกมาเป็เื? เจินจูตื่นตระหนกทันที นางส่งตะเกียงน้ำมันไปให้หูฉางกุ้ย “ข้าจะไปดูเสี่ยวหวงเ้าค่ะ”
หลัวจิ่งเห็นนางวิ่งไปลานหน้าบ้าน กำลังคิดจะตามไป
หลัวสือซานที่ค้นตัวคนชุดดำมาหนึ่งรอบ เอ่ยปากรายงานขึ้น “คุณชาย บนร่างพวกมันไม่มีเครื่องหมายอะไร อาวุธก็ไม่มีสัญลักษณ์ด้วยขอรับ”
หลัวจิ่งสีหน้าเคร่งขรึม หากไม่มีเบาะแส จะตรวจสอบถึงตัวผู้บงการเื้ัได้อย่างไรกันนะ ตรวจไม่เจอผู้บงการต่อไปจะตอบโต้อย่างไร
“หน่วยกล้าตายเหล่านี้ล้วนเป็พวกที่ถูกท่านอ๋องหรือท่านโหวตระกูลสูงศักดิ์เลี้ยงดูมา พอถูกจับกุมได้ก็จะกัดถุงพิษที่อยู่ในปากเพื่อฆ่าตัวตาย คิดจะควานหาเบาะแสของพวกมันได้นั้นยากมาก” ฟางเสิงกล่าว เขาไม่เคยัักับกลุ่มคนเหล่านี้แต่เมื่อก่อนเคยได้ยินข่าวมาไม่น้อย
หน่วยกล้าตายที่ท่านอ๋องหรือท่านโหวตระกูลสูงศักดิ์เลี้ยงดู? หลัวจิ่งขมวดคิ้วยาวเฉียงขึ้นแน่นเป็ปม เขาเคยได้ยินมาว่าภายในจวนองค์ชายสี่ก็เลี้ยงดูหน่วยกล้าตายหนึ่งหน่วยที่เชื่อฟังรับคำสั่งจากองค์ชายเช่นกัน
แต่พวกเขาจะมาปรากฏอยู่ที่นี่ทำไม? เป็เพราะเขาหรือ?
สีหน้าหลัวจิ่งเริ่มขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ เขานำพาความยุ่งยากเช่นนี้มาให้สกุลหูหรือ?
หากไม่เช่นนั้น ยังมีสาเหตุอะไรอื่นอีก?
เขากำหมัดแน่นอย่างรุนแรง...
...เจินจูวิ่งมาถึงหน้าบ้าน เห็นเสี่ยวหวงนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ใต้ชายคาได้ทันที ยังมีศพคนชุดดำที่ตายเกลื่อนอยู่บนพื้นด้วย
มองคนที่ตายอยู่บนพื้น ในใจพลันขลาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจนานเพียงนั้น รีบวิ่งตรงไปถึงข้างตัวเสี่ยวหวงและนั่งยองลง
ปากและตาของเสี่ยวหวงมีเืสีแดงสดไหลออกมา พอมองก็รู้ได้ว่าภายในได้รับาเ็หนัก
แต่พอมันเห็นเจินจูก็คราง “หงิงๆ” หนึ่งทีแล้วยังออกแรงส่ายหางให้นางอยู่สองทีด้วย
เจินจูเ็ปใจจนน้ำตาร่วงหล่นลงมาฉับพลัน นางรีบลูบหัวของมันเบาๆ แล้วหมุนหัวของมันขึ้นมา จากนั้นยื่นนิ้วมือออกไป สายน้ำไหลรินจากนิ้วมือของนางเข้าสู่ลำคอของเสี่ยวหวง
“เหมียว” เสี่ยวเฮยนั่งอยู่ข้างตัวเสี่ยวหวงอย่างเฉลียวฉลาด หันไปร้องเรียกเพื่อนสี่ขาของมันด้วยความร้อนใจเช่นกัน
“ไม่เป็ไร เสี่ยวหวงจะไม่เป็อะไร”
คำพูดของนางราวกับกำลังปลอบใจเสี่ยวเฮย ทั้งที่จริงก็กำลังปลอบใจตนเองอยู่ด้วย
เสี่ยวหวงกลืนน้ำลงไปอย่างเชื่อฟัง เดิมทีดวงตาที่อ่อนแสงอยู่ก็เริ่มมีความแวววาวขึ้นช้าๆ
เจินจูเห็นเช่นนั้น หัวใจที่ลอยหวิวในที่สุดก็สงบลงได้
ดีกลับขึ้นมาได้ก็ดีแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่ายังสามารถค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้
“พี่เจินจู เสี่ยวหวงจะตายแล้วใช่ไหม?” อาชิงวิ่งเข้ามาอย่างมือหนึ่งปาดน้ำมูกมือหนึ่งปาดน้ำตา
“เหลวไหล เสี่ยวหวงแค่ได้รับาเ็เล็กน้อยเท่านั้น กล่าวว่าจะตายหรือไม่ตายได้อย่างไรกัน” นางมองเขาปราดหนึ่งอย่างหมดคำพูด
“…แต่ มันอาเจียนออกมาเป็เืเยอะมากเลยนะ แล้วดวงตามันยังมีเืออกมาอีก ต้องได้รับาเ็ภายในอย่างรุนแรงมากแน่ๆ น่าสงสารยิ่งนัก ไอ้คนเลวระยำไม่น่าได้ตายดีผู้ใดกัน แม้แต่สุนัขน่ารักเพียงนี้ยังไม่ละเว้น” อาชิงนั่งยองลงข้างตัวเสี่ยวหวง กล่าวด้วยเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้นขึ้น
เจินจูเห็นเขาเข้ามาใกล้ จึงหยุดการกระทำในมือลง ขอแค่เสี่ยวหวงไม่น่าเป็กังวลจนถึงแก่ชีวิตก็พอ ภายภาคหน้าค่อยๆ บำรุงรักษาให้ดีขึ้นก็ได้
“พอแล้ว เสี่ยวหวงไม่ได้เป็อะไร แค่ได้รับาเ็เท่านั้น เ้าไปหาแผ่นไม้กระดานที่ห้องเก็บของมาที พวกเราหามมันไปข้างเตียงผิงอันกัน ในนั้นอบอุ่นมากกว่า” ตอนเย็นเสี่ยวหวงมักเดินเล่นไปทั่ว บางครั้งจะนอนข้างเตียงผิงอัน หรือบางครั้งก็จะนอนอยู่ข้างแท่นเตาที่ยังหลงเหลือไอความร้อนอยู่
“ได้เลย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” อาชิงรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาและน้ำมูก หลังจากนั้นวิ่งออกไปทางหลังบ้าน
เจินจูหยัดกายลุกขึ้นยืน กวาดสายตาเยือกเย็นไปยังศพที่เต็มลานบ้าน คนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ใดส่งมานะ? เหตุใดต้องพุ่งเป้ามาที่สกุลหูด้วย?
นางรู้สึกอยู่ลางๆ ว่ามือสังหารกลุ่มนี้น่าจะพุ่งเป้ามาที่พวกนาง ไม่ใช่พุ่งไปที่หลัวจิ่ง
หากเป็หลัวจิ่งดึงดูดเข้ามา คนชุดดำเหล่านี้คงไม่มีเหตุผลอะไรให้วิ่งไปถึงลานด้านหลัง ควรล้อมโจมตีเขาอยู่หน้าบ้านสิถึงจะถูก
เช่นนั้น... เป็ทางด้านกู้ฉีเกิดปัญหาขึ้นหรือ?
ดวงตาเจินจูหนาวเย็นขึ้น หากทางด้านกู้ฉีเกิดปัญหาขึ้น เช่นนั้นมือสังหารเหล่านี้ก็เป็ไปได้ที่สุดว่าจะเป็องค์ไท่จื่อส่งมาเอาชีวิตพวกนางแน่ เพราะผู้ใดให้พวกนางถวายโสมคนชั้นยอดขึ้นไปกันล่ะ หากพระประชวรของฮ่องเต้ดีขึ้นก็เท่ากับมีสิ่งขัดขวาง การขึ้นครองบัลลังก์ขององค์ไท่จื่อก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด พวกเขาไม่คลั่งสิถึงจะเรียกว่าน่าแปลก
การคาดคะเนของนางถูกต้องยิ่งนัก...
รุ่งเช้าตรู่ของวันถัดมา คนสกุลหูที่ไม่ได้นอนทั้งคืนได้มารวมตัวกันทานอาหารเช้าอยู่ในห้องโถง
เมื่อคืนพวกเขาทำความสะอาดคราบเือยู่ทั้งคืน ราดน้ำถังใหญ่ถังแล้วถังเล่าและขัดอยู่หลายรอบ จึงพอถูไถให้กลิ่นคาวเืในลานบ้านสะอาดไปได้บ้าง
เมื่อเป็เช่นนี้ คนทั้งครอบครัวต่างก็มีสีหน้าท่าทางอิดโรย
าแของผิงอันไม่กล้าเชิญท่านหมอเข้ามาตรวจดู เมื่อฟางเสิงดูแล้วไม่พบพิษที่าแ จึงจัดการทำความสะอาดและป้ายจินชวงเย่า [1] พันไว้อย่างเรียบร้อย
ฟางเสิงและอาชิงกลับไปแล้ว พวกเขายังมีชั่วโมงสอนตอนเช้าอยู่
หูฉางกุ้ยยุ่งอยู่ทั้งคืนด้วยความเป็กังวลจากการได้รับความหวาดกลัว หนวดเคราเริ่มผุดออกมา แสดงให้เห็นได้ชัดว่าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก เจินจูจึงเสนอให้ทางด้านสถานที่ทำอาหารหมักหยุดสักวัน รอให้พวกเขาสืบหาเบาะแสความเป็มาของมือสังหารเหล่านี้ได้ชัดเจนแล้ว ค่อยทำการคิดวางแผนใหม่
ทุกคนล้วนไม่มีกะจิตกะใจทานอาหาร ต่างคนต่างถือหมั่นโถวกัดเข้าไปอย่างไม่รู้รสชาติ
หลัวจิ่ง หลัวสือซาน ฟางเสิง และหูฉางกุ้ยรวมสี่คน เมื่อคืนนำศพของคนชุดดำไปโยนทิ้งในร่องน้ำระหว่างูเาใหญ่หลังูเาซิ่วซี สี่คนไปกลับสามรอบจึงจะนับได้ว่าเสร็จสิ้น
หลัวจิ่งคิดมาทั้งคืน สังเกตเห็นจุดที่ไม่ถูกต้องออกมาได้ คนชุดดำคล้ายว่าไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา แต่พวกมันแบ่งกำลังคนออกครึ่งหนึ่งไปทางลานด้านหลัง
หาก้าชีวิตเขา ควรล้อมโจมตีเขาก็พอ ทำไมต้องก่อเหตุเพิ่มขึ้นให้เสียเวลาเปล่า ด้วยการไปสังหารคนสกุลหูทั้งครอบครัวด้วยล่ะ?
แต่... หากเป็การพุ่งเป้าไปที่คนสกุลหู เช่นนั้นเหตุผลคืออะไรกันนะ?
ครอบครัวเกษตรกรครอบครัวหนึ่งที่ไม่เคยออกจากรัฐโจวเลย จะไปยุแหย่ท่านอ๋องหรือท่านโหวตระกูลสูงศักดิ์ได้อย่างไร?
สมองของเขาดั่งเชือกป่านยุ่งเหยิงหนึ่งขดก็ไม่ปาน ทำความเข้าใจต้นตอของภัยครั้งนี้ไม่ออก
เชิงอรรถ
[1] จินชวงเย่า คือ ยาผงสมานแผล มีสรรพคุณห้ามเื แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้