ใบหน้าหยิ่งยโสของถานเยว่ยิ่งมายิ่งถมึงทึง
หลงอวี้หันหลังจากไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจหักหน้านาง เช่นนี้แล้วหญิงสาวที่ถูกเอาอกเอาใจั้แ่เล็กมีหรือจะทนได้
“ ไปพามันกลับมาหาข้า ข้าจะฟาดปากมัน! ”
ถานเยว่ใช้น้ำเสียงเ็าออกคำสั่งกับเหล่าผู้ติดตามด้านหลัง ผู้ติดตามเหล่านี้ล้วนเป็องครักษ์ที่นางพามาจากตระกูล
“ คุณหนูขอรับ มันเข้าไปในหุบเขาสยบฟ้าแล้ว พวกเราคงไม่สามารถลงมือได้”
ผู้ฝึกวรยุทธ์สูงวัยผู้หนึ่งมีสีหน้าลำบากใจ
หากเป็ด้านนอกหุบเขาคงไม่เป็ปัญหา แต่ตอนนี้หลงอวี้เข้าไปในหุบเขาสยบฟ้าแล้ว ถ้าพวกเขาลงมือนั่นเท่ากับเป็การหาเื่ลัทธิสยบฟ้า
แม้แต่ตระกูลถานที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองอวี้กวนก็ยังไม่กล้าหาเื่ลัทธิสยบฟ้า หากได้รับการขนานนามให้เป็หนึ่งในเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ของอาณาจักรต้าถังได้ ย่อมหมายความว่าลัทธิสยบฟ้าต้องมีขุมกำลังมหาศาล ที่เพียงสะบัดมือก็ทำลายตระกูลถานจนพินาศได้
“ หึ มีแต่สวะไร้ประโยชน์ ”
ถานเยว่สบถออกมาก่อนเดินเข้าไปในหุบเขาสยบฟ้าเช่นกัน “ ข้าจะได้เป็ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าในไม่ช้า ส่วนไอ้เวรที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่น เมื่อใดที่มันออกมาจากหุบเขา เมื่อนั้นพวกเ้าจงหักแขนและขาทั้งสองข้างของมันทิ้งเสีย!”
“ รับทราบขอรับ คุณหนู ”
เหล่าผู้ติดตามน้อมรับคำสั่ง ยืนดูร่างของถานเยว่หายเข้าไปในหุบเขา พวกเขาต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง
นิสัยของคุณหนูเป็อย่างไร มีหรือที่ผู้ติดตามอย่างพวกเขาจะไม่รู้
ไอ้หนุ่มชุดดำที่หาเื่คุณหนู ไม่ว่ามันจะได้เป็ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าหรือไม่ จุดจบของมันย่อมต้องอนาถสุดขีด!
......
หลงอวี้ก้าวเข้าไปในหุบเขา รวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อหาวิธีผ่านออกไป
ส่วนถานเยว่ที่เป็โรคองค์หญิงนั้น เขาคร้านที่จะใส่ใจ
หลงอวี้ยกเท้าขึ้น สังเกตว่าหุบเขาสยบฟ้าเป็หุบเขาที่ยาวและแคบ หน้าผาทั้งสองฝั่งสูงชัน ระหว่างหน้าผามีบันไดทอดยาว ทุกย่างก้าวล้วนมุ่งไปยังที่ตั้งของลัทธิสยบฟ้า
บันไดศิลาที่ทอดยาวมีทั้งหมดสามร้อยขั้น ว่ากันว่าระหว่างที่กำลังขึ้นบันไดจะมีพลังอันหนักอึ้งกดลงมาจากฟากฟ้าคอยหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ไปต่อ ผู้ที่ไม่มีพลังหรือสติปัญญามากพอ ย่อมไม่มีทางบรรลุผ่านบันไดสามร้อยขั้นนี้ไปได้
แต่ถ้าผ่านบันไดทั้งสามร้อยขั้นนี้ไปได้ ก็จะสามารถเข้าร่วมลัทธิสยบฟ้าและได้เป็ลูกศิษย์ระดับล่างของลัทธิทันที
‘ ลองดูก่อนก็แล้วกัน ’
หลงอวี้คิดในใจพร้อมก้าวขึ้นบันไดศิลา
ตอนที่เขาก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่ง พลันมีพลังงานอันหนักอึ้งกดทับลงมาจากฟ้าหากเป็คนทั่วไปที่ไม่เคยบำเพ็ญพลัง แค่บันไดศิลาขั้นแรกเกรงว่าคงถูกกดทับจนกระดูกแหลกทั้งร่าง
หลงอวี้ในตอนนี้มีวรยุทธ์ขั้นสาม มีพละกำลังสี่พันชั่งจึงสามารถต้านทานแรงกดทับนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
เขาเผชิญหน้ากับมัน ทุกขั้นบันไดที่ขึ้นไปจะมีแรงกดทับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โชคดีที่มันเพิ่มขึ้นไม่เร็วนัก เพราะนั่นทำให้หลงอวี้สามารถขึ้นไปถึงขั้นที่หนึ่งร้อยได้เพียงไม่กี่อึดใจ
แรงกดทับที่เกิดขึ้นในขั้นนี้สำหรับหลงอวี้นับว่าหนักหนาเอาการ!
แรงกดทับอันหนักอึ้งชั้นแล้วชั้นเล่า ทำเอาหลงอวี้รู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในน้ำตกก็ไม่ปาน ทุกย่างก้าวล้วนยากเย็นแสนเข็ญ
เขากัดฟันแน่นแบกรับแรงมหาศาลที่กดร่างกายไว้ ถึงกระนั้นเขาก็พยายามยืนหลังตรงไว้ราวกับพู่กัน หยาดเหงื่อพรั่งพรูเปียกปอนไปทั้งร่าง ขาทั้งสองข้างคล้ายจะถูกกดจนคดงอ
“ แรงกดทับบนขั้นนี้ ข้าแทบจะทนรับต่อไปไม่ไหวแล้ว หากคิดจะบรรลุบันไดทั้งสามร้อยขั้น แค่พละกำลังของวรยุทธ์ขั้นสามคงเป็ไปไม่ได้! ”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ยังเหลือระยะทางอีกกว่าสองในสามส่วนที่ต้องขึ้นไป!
ไม่แปลกที่จะร่ำลือกันว่าวิธีคัดเลือกลูกศิษย์เข้าสำนักลัทธิใหญ่ทั้งเจ็ดของอาณาจักรต้าถังล้วนเข้มงวดมาก หากไม่สามารถบรรลุวรยุทธ์ขั้นสี่ได้ก่อนอายุสิบแปด ก็หมดสิทธิ์เข้าร่วมไม่ว่าจะสำนักไหน
แต่หลงอวี้ไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่ อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ได้แล้ว จะยอมถอยกลับไปเช่นนี้ได้อย่างไร เขายังไม่ได้พยายามอย่างสุดความสามารถเลย
‘ วิธีการรับลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้า คงไม่ได้วัดแค่ระดับพลังเท่านั้น ต้องวัดระดับพร์ของผู้ฝึกวรยุทธ์ด้วยเป็แน่ หากเป็เช่นนั้น ย่อมหมายความว่ายังมีวิธีอื่นซ่อนอยู่อีก... ’
หลงอวี้กัดฟันคิด และในตอนนั้นก็พบว่า ก้อนหินั์บนหน้าผาทั้งสองฝั่งของหุบเขาสยบฟ้าเรียงตัวกันในรูปแบบพิเศษคล้ายกับคมมีดที่ยื่นออกมา
ราวกับมีพลังฟ้าดินสถิตอยู่ในกลุ่มก้อนหินั์เหล่านี้ก็ไม่ปาน มันปลดปล่อยกลิ่นอายพิศวงออกมา ทำให้หลงอวี้ประหลาดใจ
ตัวเขาที่แบกรับแรงกดทับจนแทบทนไม่ไหว ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะลึกล้ำบางอย่าง หินั์เ่าั้ในสายตาของเขาดูหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับฟ้าดินรอบบริเวณ ราวกับว่ามันพยายามแสดงบางอย่างให้เขาดู
หลงอวี้ที่เฝ้าสังเกตหน้าผาทั้งสองฝั่งอยู่นั้น เหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง!
ในตอนนั้นเอง ถานเยว่ผู้หยิ่งยโสก็เข้ามาภายในหุบเขา มองปราดเดียวนางก็เห็นเงาร่างของหลงอวี้ที่อยู่ตรงบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย นางจึงอดหัวเราะเย้ยหยันไม่ได้
“ ข้านึกว่าเ้าจะมีฝีมือมากกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็แค่สวะที่มีวรยุทธ์ขั้นสามเท่านั้น”
ถานเยว่ผู้จองหอง เงยหน้าและก้าวขึ้นไปบนบันไดศิลา รูปลักษณ์อันงดงามของนางภายใต้ในชุดสีแดงยิ่งมองยิ่งวิจิตร
พี่ชายของนางเป็ลูกศิษย์ระดับสูงของลัทธิสยบฟ้ามายาวนาน เขาเคยบอกกับนางไว้ว่าการจะบรรลุบันไดศิลาทั้งสามร้อยขั้นได้ต้องมีวรยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไป ส่วนผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสามจะมาถึงได้แค่ขั้นที่หนึ่งร้อย
เมื่อนางเห็นหลงอวี้หยุดอยู่ที่บันไดขั้นที่หนึ่งร้อยก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องมีระดับวรยุทธ์เพียงขั้นสามไม่ผิดแน่
ส่วนนางที่เป็หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขตระกูลถานนั้นเข้าสู่วรยุทธ์ขั้นสี่ได้แล้ว ย่อมสามารถบรรลุบันไดทั้งสามร้อยขั้นได้อย่างไม่มีปัญหา
ในการยกระดับวรยุทธ์ไปสู่ขั้นสี่นั้นจะมีอุปสรรคระหว่างขั้นขวางกั้นอยู่ ต่อให้ฝึกฝนมานานแค่ไหน หากผู้ฝึกวรยุทธ์ไม่สามารถทะลวงผ่านคอขวดที่ว่านี้ไปได้ก็ไม่มีทางบรรลุถึงขั้นสี่ ตัวอย่างเช่น เ้าเฟิงลั่วที่ถูกหลงอวี้ขยี้ขาข้างหนึ่งทิ้งผู้นั้น
หากทะลวงผ่านคอขวดไปได้ ก็สามารถบำเพ็ญพลังสร้างลมปราณภายในร่างกาย รวมถึงความสามารถในการโจมตีและการป้องกันก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวะโ ทั้งยังได้รับพละกำลังมหาศาลถึงแปดพันชั่ง
ถานเยว่ใช้พละกำลังแปดพันชั่งแบกรับแรงกดทับและก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานนางก็มาถึงบันไดขั้นเดียวกับหลงอวี้
นางใช้สายตาเย้ยหยันอีกฝ่าย
“ ไอ้สวะ วรยุทธ์แค่ขั้นสามยังกล้ามาให้ขายหน้า ช่างไม่รู้จักเจียมตัวจริงๆ ”
ถานเยว่กล่าวอย่างดูถูก “ เมื่อครู่เ้าทำให้ข้าอับอาย สมควรตายไปนานแล้วด้วยซ้ำ แต่ข้าคร้านจะลงมือเอง รอให้เ้าออกไปจากหุบเขานี่ก่อนเถิด ผู้ติดตามของข้าจะสั่งสอนเ้าเองว่าอะไรคือที่ต่ำที่สูง! ”
นางหวังจะได้เห็นสีหน้าหวาดกลัวจากหลงอวี้หลังจบประโยคนี้ แต่ความเป็จริงกลับทำให้นางต้องผิดหวัง
เพราะขณะนี้หลงอวี้กำลังตกอยู่ในภวังค์อันลึกล้ำ เขาหลับตาทำสมาธิจึงไม่ได้ยินเสียงพูดของนางแม้แต่น้อย
ถานเยว่ถูกหักหน้าอีกครั้งเหมือนกับตอนที่อยู่นอกหุบเขา!
“ ได้ เ้าแน่มาก ”
ถานเยว่เผยสีหน้าเ็า จ้องมองหลงอวี้ที่กำลังหลับตาด้วยความคับแค้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไป
นางไม่กล้าลงมือกับหลงอวี้ภายในหุบเขาสยบฟ้า แต่นางเชื่อว่าหลังจากที่เ้านี่ล้มเหลวในการเข้าร่วมลัทธิ และออกไปจากหุบเขา เวลาตายจะมาเยือนมันเอง
ครั้งแรกที่ถูกหลงอวี้เมิน นางอยากจะทำลายเขาทิ้งเสียตอนนั้น
แต่พอหลงอวี้เมินนางเป็ครั้งที่สอง ถานเยว่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเอาชีวิตเขาให้ได้!
ส่วนหลงอวี้นั้นยังคงจมดิ่งอยู่ในภวังค์ มิได้รู้เื่รู้ราวใดๆ
ถานเยว่รวบรวมพลังที่มากกว่าหลงอวี้สองเท่ามุ่งหน้าไปต่อ จนมาถึงบันไดขั้นที่สามร้อยตามกฎของลัทธิ ตอนนี้นางได้เป็ลูกศิษย์ระดับล่างของลัทธิสยบฟ้าแล้ว
ลูกศิษย์สองคนที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าก้าวมาต้อนรับทันที พวกเขาก็เป็ลูกศิษย์ระดับล่างเช่นกัน แต่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลเหล่าลูกศิษย์หน้าใหม่ที่ผ่านหุบเขาสยบฟ้ามาได้
“ ศิษย์น้องถานเยว่ ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็ลูกศิษย์ระดับล่างของลัทธิสยบฟ้า ”
หนึ่งในนั้นเป็ชายรูปร่างผอม ดวงตาเล็กคู่นั้นดูขี้ประจบประแจงจนออกนอกหน้า “ ข้ามีนามว่าอู๋ชิง รับหน้าที่ดูแลเื่เข้าลัทธิของศิษย์น้องถานเยว่ ศิษย์พี่ถานเจียนเป็ผู้ออกคำสั่งให้ผู้น้อยมาคอยอยู่ที่นี่ ”
“ อู๋ชิงหรือ ”
ถานเยว่มองชายรูปร่างผอมก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ การประจบเอาใจของอู๋ชิงดูจะทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองเป็องค์หญิงสูงศักดิ์
“ ข้าคือหานเจี้ยน ยินดีที่ได้พบศิษย์น้องถานเยว่ ”
ชายอีกคนหนึ่ง มีใบหน้าเหลี่ยม ท่าทางแข็งกระด้าง แต่สายตาที่ใช้มองถานเยว่กลับมีเปลวไฟอันเร่าร้อนปรากฏขึ้น
ถานเยว่มีทั้งฐานะที่สูงส่งและรูปโฉมที่งดงาม เขาหลงเสน่ห์นางทันทีั้แ่ครั้งแรกที่พบ หากได้รับความชื่นชอบจากนาง เขาอาจมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ถานเจียน
“ ดีมาก ว่าแต่พวกเ้ามีวรยุทธ์ระดับใดกันบ้าง ”
ถานเยว่พยักหน้า ถามด้วยน้ำเสียงคล้ายออกคำสั่ง
“ วรยุทธ์ของข้าคือขั้นสี่ ส่วนศิษย์พี่หานเจี้ยนคือขั้นห้า ”
อู๋ชิงรีบตอบกลับอย่างพินอบพิเทา
“ ขั้นสี่กับขั้นห้า ไม่เลวนี่”
ถานเยว่พยักหน้า พลันมีประกายอำมหิตปรากฏขึ้นในแววตา “ พวกเ้ารออยู่ที่นี่กับข้าสักครู่ ตรงบันไดศิลาขั้นที่หนึ่งร้อยมีไอ้สวะตัวหนึ่งอยู่ ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันจะดิ้นรนต่อไปอย่างไร ”
“ มีคนกล้าหาเื่ศิษย์น้องถานเยว่ด้วยหรือ ถ้ามันขึ้นมาได้ อู๋ชิงผู้นี้จะสั่งสอนมันให้หลาบจำ ให้มันได้รู้ว่าหาเื่ผิดคนแล้ว! ”
อู๋ชิงตาเป็ประกายขึ้นมา เขากำลังคิดหาวิธีประจบเอาใจถานเยว่อยู่พอดี ไม่คิดว่าจะมีคนส่งมาให้ถึงที่แบบนี้!
“ เ้าประเมินมันสูงเกินไปแล้ว วรยุทธ์ของไอ้สวะนั่นเพิ่งจะขั้นสามเอง จะมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ”
ถานเยว่กระแทกเสียงด้วยสีหน้าดูถูก
“ ที่แท้ก็แค่ขั้นสาม เช่นนั้นข้าขออยู่ดูเื่สนุกเป็เพื่อนศิษย์น้องด้วยก็แล้วกัน”
หานเจี้ยนที่อยู่ข้างกันหัวเราะอย่างเฉยเมย “ ข้าได้ยินว่าแรงกดทับของหุบเขาสยบฟ้าฆ่าพวกไม่เจียมตัวจนตายมานักต่อนักแล้ว พลังยังไม่พอแต่ริอ่านฝืนเข้ามา จุดจบมีแค่ถูกขยี้จนกระดูกแหลกทั้งตัวเท่านั้น ”
ถานเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็ตาเป็ประกาย
หากเป็เช่นนั้นจริง สู้ใช้คำพูดดูถูกกระตุ้นไอ้สวะนั่นให้มันฝืนขึ้นมาดีกว่า ตอนมันถูกแรงกดทับขยี้จนตายคงจะน่าดูไม่น้อย
ทั้งสามคนก้าวมายังขอบบันไดขั้นที่สามร้อยทันที เมื่อมองลงไปก็พบว่าหลงอวี้ในชุดสีดำยังหยุดอยู่ขั้นที่หนึ่งร้อย
“ เป็แค่สวะขั้นสามจริงๆ ด้วย ”
อู๋ชิงกล่าวดูถูก แม้ระดับพลังของเขาจะสูงกว่าขั้นสามเพียงขั้นเดียว แต่เป็ขั้นเดียวที่ห่างชั้นราวฟ้ากับเหว!
ในที่สุดหลงอวี้ที่ตกอยู่ในภวังค์ปริศนาก็ลืมตา และเงยหน้าขึ้นราวกับบรรลุถึงบางอย่าง
‘ ความรู้สึกเหมือนจะหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับฟ้าดินรอบบริเวณนี้! ’
หลงอวี้ที่ตื่นจากภวังค์ เริ่มออกก้าวเดินออกไปอีกครั้ง!