ต่อมาอีกสองสามวัน เซวียเสี่ยวหรั่นมีงานยุ่งตลอดเวลา
ทั้งทำน้ำจิ้มพริก ตัดเสื้อผ้า สอนถักไหมพรม ศึกษาการเย็บรองเท้า เรียนรู้การทำขนมประจำท้องถิ่น รวมถึงคอยปลอบอาเหลยที่เซื่องซึมและตื่นตระหนกง่ายหลังจากถูกล่าม
เช้าวันที่ยี่สิบเจ็ด เงาร่างอรชรสามสายเดินเอ้อระเหยไปถึงกลางเนินเขาข้างหมู่บ้านขู่หลิ่งถุน
"ต้นหงหลัน [1] แบบนี้มีเฉพาะทางใต้เท่านั้นหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นสวมเสื้อสีงาช้างกระโปรงสีเหลืองอ่อน กำลังก้มเอวลงไปเด็ดพฤกษาสีเขียวใบเป็มันวาวบนเนินเขา
"ทางเหนือน่าจะมีน้อยกว่า" ซีมู่เซียงชี้ไปที่ต้นไม้บนเนิน "ถ้าใบค่อนข้างเรียวแบบนี้คือต้นหงหลันสีเข้ม ข้าวที่ย้อมออกมาจะได้สีม่วง แต่ถ้าเป็ใบกลมอย่างต้นนั้น คือต้นหงหลันสีอ่อน ข้าวที่ย้อมออกมาจะได้สีแดง"
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาเบิกกว้าง หยิบต้นหงหลันในมือไปเปรียบเทียบ หากไม่สังเกตให้ดีจะไม่พบความแตกต่างเลย
"จริงๆ เลยนะ พืชชนิดเดียวกันแท้ๆ แต่กลับสามารถย้อมได้สองสี วิเศษนัก เฮ่อ... ถ้ากลับไปถึงแคว้นฉี อยากจะกินข้าวห้าสี ก็คงหาสีย้อมได้ไม่ครบ"
เซวียเสี่ยวหรั่นชอบข้าวเหนียวห้าสี จึงเรียนวิธีการทำจากซีมู่เซียงโดยเฉพาะ
"แผงขายสินค้าทางใต้ในภาคเหนือก็น่าจะมี" ซีมู่เซียงยิ้มพลางกล่าวปลอบใจ
"อื้อๆ ถึงเวลาจะลองไปหาดู" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบพยักหน้า
"มู่เซียง น่าจะพอแล้วกระมัง" อูหลันฮวาสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีเทาอ่อนเด็ดต้นหงหลันจาก้าลงมาเป็จำนวนมาก
ซีมู่เซียงเห็นแล้วก็หนังตากระตุก เด็ดมาเยอะขนาดนั้นเอาไปเลี้ยงหมูยังเหลือเฟือ
"หลันฮวา พวกเราเอาไปย้อมข้าวเหนียวไม่ได้้าเยอะเช่นนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะขบขัน
"ต้าเหนียงจื่อบอกว่าจะเอาไว้ทำของกินเผื่อระหว่างเดินทางด้วยมิใช่หรือเ้าคะ" อูหลันฮวาะโข้ามต้นหงหลันมาอยู่ข้างกายพวกนาง
"อากาศเริ่มร้อนแล้ว ทำมากเกินไปกลัวว่าจะเสียก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้า
ทั้งสามคุยกันไประหว่างเดินลงจากเนินเขา
ยามเช้าตรู่ในหมู่บ้าน อากาศบริสุทธิ์เจือไปด้วยกลิ่นหอมของดิน ในทุ่งนาบริเวณเชิงเขา ชาวนากำลังถอนหญ้าและใส่ปุ๋ยในที่นาของตนอย่างขมีขมัน
หลังจากลงเนินมาแล้ว พวกนางก็เดินผ่านทุ่งนามาตามทางลูกรัง
ขณะกำลังเดินอยู่ ก็มีเงาร่างพ่วงพีของคนผู้นี้เดินอาดๆ ตรงเข้ามา
"โอ้ นี่น้องมู่เซียงของเราหรอกมิใช่หรือ เช้าตรู่เช่นนี้ไปไหนกับเหลียนต้าเหนียงจื่อมาหรือจ๊ะ"
ชายอ้วนสวมชุดแพรต่วนสีน้ำเงินดูมีราคา หอบคางสามชั้นมายืนขวางทางของพวกนางอยู่
ซีมู่เซียงแค่เห็นหน้าผู้มา ก็ชักสีหน้าทันที
"พวกเราจะไปไหนก็หาใช่กงการอันใดของเ้า" พูดจบ ก็จูงเซวียเสี่ยวหรั่นคิดจะหลบเลี่ยงเขา
"เอ๊ะๆๆ อย่าไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้สิ อยู่คุยกับพี่ชายก่อนจะเป็ไรไป" ชายอ้วนยื่นมืออวบอูมเข้ามา ดวงตาตี่จดจ้องเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งสวมเสื้อสีขาวกระโปรงสีเหลืองอย่างจาบจ้วง
การแต่งง่ายเรียบง่ายไร้สีสัน ไม่มีทั้งปิ่นปักผมและต่างหู ทว่าผิวพรรณขาวอมชมพูเนียนละเอียดแลดูผุดผ่องภายใต้แสงตะวัน ขับเสริมให้ดวงหน้าเรียวรูปผลแตงยิ่งงามพิลาส
ชายอ้วนมองแล้วพานไม่อยากละสายตา
"ว้าก" ขณะกำลังมองอย่างหลงใหล ก็ร้องโหยหวนออกมากะทันหัน "เจ็บๆๆ รีบปล่อยมือเร็วเข้า"
"อูเหล่าซาน เ้าไม่อยากได้ดวงตาตี่ๆ คู่นี้แล้วใช่หรือไม่" อูหลันฮวาออกแรงบิดข้อมือเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
"ไอ้หยา อูหลันฮวา เ้าก็อยู่ด้วยหรือ นังหญิงโหดร้าย ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะ" อูเหล่าซานเจ็บจนน้ำตาเล็ด
ซีมู่เซียงรีบดึงเซวียเสี่ยวหรั่นเดินเลี่ยงออกไปอย่างรังเกียจเดียดฉันท์
อูหลันฮวาก้าวมาด้านหน้า ปล่อยมือของอูเหล่าซานแล้วผลักออกไป
"คนตัวใหญ่ๆ ยืนอยู่ทนโท่ เ้าถึงกับมองไม่เห็นเชียวรึ" อูหลันฮวายิ้มหยันจนเห็นฟันขาวทอประกายเยียบเย็นอยู่ภายใต้แสงตะวัน
อูเหล่าซานตัวสั่นในบัดดล นวดข้อมือบวมแดงพลางเดินถอยหลังไปหลายก้าว
นังเด็กสมควรตายเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่เสียจนเขาจำไม่ได้ไปชั่วขณะ ดวงซวยจริงๆ
"อูหลันฮวา นังหญิงสมควรตาย เ้าหน้าตาขี้ริ้ว นิสัยดุร้าย มิน่าถึงแต่งไม่ออกเสียที" เขาชี้หน้าอูหลันฮวาแล้วด่าสาดเสียเทเสีย
เซวียเสี่ยวหรั่นพลันสีหน้าบึ้งตึง นางจำได้แล้ว เ้าอ้วนน่ารังเกียจผู้นี้คือบุตรชายคนที่สามของเถ้าแก่แผงเนื้อหน้าหมู่บ้านนี่เอง
"ข้าจะแต่งออกหรือไม่แล้วเกี่ยวอะไรกับเ้า แน่จริงก็อย่าถอยสิ เข้ามาคุยกันดีๆ" อูหลันฮวาย่างสามขุมเข้าหา
อูเหล่าซานใสุดขีด เดินซวนเซ ใต้ฝ่าเท้าประหนึ่งทาด้วยน้ำมัน "คนโง่เท่านั้นแหละที่จะคุยกับหญิงดุร้ายอย่างเ้า" กล่าวจบก็วิ่งหนีไม่คิดชีวิต
เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีมู่เซียงสบตากัน
"จริงสิ หลันฮวา จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งอูเหล่าซานคิดจะกลั่นแกล้งเ้า เ้าเลยอัดเขาเสียน่วม ดูเหมือนบิดาเขาบอกว่าจะออกหน้าแทนเขาเอง แล้วผลต่อมาเป็อย่างไรบ้าง"
ซีมู่เซียงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อปีกลาย
"จะเป็อย่างไรได้ ข้าก็อัดบิดาเขาด้วยอีกคนน่ะสิ" อูหลันฮวาทำสีหน้าไม่แยแส
"หา? จริงหรือ เหตุใดไม่ได้ยินคนในหมู่บ้านเอ่ยถึงเลยเล่า" ซีมู่เซียงเบิกตากว้าง อูควานมักชอบพาลหาเื่ผู้อื่นเป็เนืองนิจจนไม่มีใครกล้ายั่วโทสะ แต่อูหลันฮวาถึงกับชกต่อยเขามาแล้ว
"เขาไปหาเื่ข้าที่หลังเขา จากนั้นก็ชกต่อยกันไปยกหนึ่ง ผลปรากฏว่าเขาแพ้ คงกลัวเสียหน้ากระมัง" อูหลันฮวานึกถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อน ก็ยังโมโหอยู่บ้าง "ข้ากำลังดักไก่ป่า พอเขาโผล่มาทำเอาไก่ตื่นหนีไปหมด ข้าโมโหเลยชกเขาไปเต็มแรง"
เนื้อมาถึงปากกลับหลุดลอยไป นางจะไม่โกรธได้อย่างไร
ซีมู่เซียงอ้าปากค้าง คนในหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าอูหลันฮวามีกำลังวังชาเยอะ เื่ทะเลาะต่อยตีก็ร้ายกาจยิ่ง แต่นึกไม่ถึงว่านางจะเคยเอาชนะอูควานผู้ขึ้นชื่อเื่ความจองหองและดุร้ายที่สุดในหมู่บ้านมาแล้ว ชวนให้คนตกตะลึงจริงๆ
"อูควานไม่ไปฟ้องลุงใหญ่ของเ้าหรอกรึ" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอีกประโยค
"ฟ้องสิ แต่เปล่าประโยชน์ คิดจะมาเรียกร้องค่าเสียหายและคำขอขมาจากคนอย่างอูต้าฟาง ฮึ ฝันไปเถอะ"
อูหลันฮวายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ หากสามารถทวงค่าชดเชยและคำขอขมาจากคนตระหนี่ถี่เหนียวอย่างอูต้าฟางได้ ถึงจะนับว่าแน่จริง
ทั้งสามคุยกันไปจนกลับมาถึงท้ายหมู่บ้าน
"อูเหล่าซานเป็พวกไม่รู้จักจำ สมน้ำหน้าถูกเ้าบิดมือจนแทบหัก" ซีมู่เซียงนึกถึงครั้งที่ครอบครัวอูเหล่าซานไหว้วานคนมาสู่ขอนางที่บ้าน ก็หงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
"เ้าอ้วนมากตัณหาผู้นั้นเห็นสาวงามเข้าหน่อยก็เดินไม่ถูกทางแล้ว บังอาจมาจ้องต้าเหนียงจื่อตาไม่กะพริบ น่าควักลูกตาเสียให้รู้แล้วรู้รอด"
อูหลันฮวาแค่นเสียงหึ พลางผลักประตูเรือนเข้าไปข้างใน
"อย่าพูดส่งเดช" เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
เหลียนเซวียนนั่งอยู่หน้าระเบียง
"ข้าไม่ได้พูดส่งเดชเสียหน่อย" อูหลันฮวาค่อนข้างจะสมองช้าอยู่บ้าง "ต้าเหนียงจื่อหน้าตางดงาม เ้าบ้านั่นถึงกับมองตาค้าง แม้แต่ข้ายืนอยู่ข้างๆ ทั้งคนก็ยังมองไม่เห็น"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ เหลียนเซวียนมองมาทางนี้แล้ว
"อูหลันฮวา เกิดเื่อะไรขึ้น"
เสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยกระแสเย็นะเื เห็นชัดว่าไม่พอใจมาก
"นายท่าน เมื่อครู่ยามพวกเราลงจากเขา พบกันเ้าอ้วนบ้ากามคนหนึ่งเ้าค่ะ" อูหลันฮวาดีใจมาก ปรี่เข้าไปรายงานราวกับคนขี้ฟ้อง
นางเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังอย่างละเอียด แม้จะมีปัญหาลิ้นคับปาก แต่กลับไม่แยแสสักนิด ยังคงพูดจ้อน้ำไหลไฟดับ
เหลียนเซวียนฟังแล้วก็ปวดขมับ
ดูเหมือนจะจำได้ว่าโรคลิ้นคับปากสามารถรักษาได้ เอาไว้วันหลังต้องจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อยอีกอย่าง
...
[1] ต้นหงหลัน หรือเรียกว่าหญ้าม่วง หรือต้นไหมแดง เป็พืชสมุนไพรที่มีมากในภาคใต้ของประเทศจีนโดยเฉพาะแถบมณฑลกว่างซี เนื่องจากเมื่อนำมาทุบแล้วต้มในน้ำจะได้สีม่วงอมชมพู ชาวจ้วงชอบนำมานึ่งข้าวเหนียวให้เป็สีม่วง สรรพคุณทางยาช่วยขับปัสสาวะ ลดไข้ ต้านการอักเสบ บรรเทาอาการไอ ลดความร้อนในปอด ห้ามเื ลดอาการบวมเป็ต้น
