อรุณรุ่ง หลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้พากันไปถวายคำนับที่ตำหนักหยาเสวียนด้วยกัน
มิรู้ว่าเพราะพระสนมเต๋อเฟยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติที่ต้องไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ดังนั้นพระนางจึงไม่ได้เอ่ยทัดทานและยินยอมให้รับฮูหยินหลินเข้ามาอยู่ในตำหนักสักระยะ
หลงเทียนอวี้ยังมีงานให้ต้องจัดการดังนั้นเขาจึงขอตัวกลับก่อนและทิ้งหลินเมิ้งหยาเอาไว้ที่นี่เพื่อพูดคุยกับพระสนมเต๋อเฟย
“หยาเอ๋อร์เปิ่นกงรู้ดีว่าหลายวันที่ผ่านมาเ้าต้องรู้สึกอึดอัดใจเป็อย่างมาก”
เมื่อเทียบระหว่าง่เวลาที่ต้องอยู่ในรั้วในวังกับ่เวลาที่ได้อาศัยอยู่ที่จวนแห่งนี้สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยในเวลานี้แช่มชื่นกว่าแต่ก่อนมาก
สีหน้ามิได้ขาวซีดเสมือนก่อนแต่กลับเผยเืฝาดสีแดงระเรื่อให้เห็น
แม้จะไม่ได้เกล้าผมดั่งสตรีชั้นสูงและปักเพียงปิ่นทองลายดอกโบตั๋นแต่พระนางกลับดูสง่างามเกินกว่าใครจะเทียบเทียม
วันเวลาช่างอยุติธรรมกับสาวงามอย่างแท้จริงเสียเหลือเกิน
“หมู่เฟยหมายถึงอะไรหรือเพคะ หยาเอ๋อร์ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนโยนอ่อนหวานร่างกายสวมใส่ชุดกระโปรงตัวยาวสีฟ้าน้ำทะเลประดับลายผีเสื้อลอยละล่อง
ใบหน้าของนางงดงามเป็ทุนเดิมอยู่แล้วในเวลานี้ยิ่งสวยงามและส่งความรู้สึกให้ผู้อื่นรักและเอ็นดู
“เปิ่นกงหมายถึงเื่ของหรูฉินเด็กคนนี้ถูกท่านอาคนโตเอาใจจนติดเป็นิสัย หากมีเื่อันใดที่นางกระทำมิเหมาะมิควรเ้าที่เป็พี่สะใภ้ช่วยอดทนกับนางหน่อยเถิดนะ”
ใบหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเจือไว้ซึ่งความรู้สึกผิด
นางเกิดมาในครอบครัวของชนชั้นสูงได้รับการศึกษาที่ดีั้แ่เด็ก อีกทั้งยังถูกบ่มเพาะมาเป็อย่างดี
เมื่อต้องเจอกับคนกำเริบเสิบสานอีกทั้งยังไร้ซึ่งกิริยามารยาทอันดีงาม ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่พึงพอใจเป็อย่างมาก
เหตุเพราะเห็นแก่หน้าอาคนโตดังนั้นจึงมิได้จัดการโดยเด็ดขาด
อีกอย่าง แม้เจียงหรูฉินจะเป็เพียงลูกของภรรยาอนุแต่นางมีความฉลาดเฉลียวั้แ่ยังเด็ก อีกทั้งยังทำให้พระสนมเต๋อเฟยรักและเอ็นดูดังนั้นเมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจพระนางจึงอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้
“หมู่เฟยอย่ากังวลเลยเพคะ หยาเอ๋อร์เข้าใจดี”
แค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจเพราะเหตุนี้พระสนมเต๋อเฟยจึงตอบรับในเื่ที่ตนเองขอสินะ
ถูกเอาอกเอาใจแต่เด็กแล้วอย่างไร? เจียงหรูฉินสามารถใช้ข้ออ้างข้อนี้มาตบตีผู้อื่นตามใจตัวเองได้กระนั้นหรือ?
น่าเสียดาย นางหาใช่หญิงใจกว้างเมื่อมีความแค้นก็ต้องชำระ นี่สิจึงจะเป็อุปนิสัยที่แท้จริงของหลินเมิ้งหยา
พระสนมเต๋อเฟยยังคิดอยากพูดคุยกับนางอีกเล็กน้อยทว่าหลินเมิ้งหยากลับเอ่ยว่า้าแจ้งข่าวไปยังฮูหยินหลิน ดังนั้นจึงขอทูลลา
อันที่จริงนางเข้าใจดี แม้ว่านางจะเป็ลูกสะใภ้แต่ในสายตาของพระสนมเต๋อเฟยนางก็ยังคงเป็คนนอกอยู่ดีอีกทั้งนางยังไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเืร่วมกับพระสนมเต๋อเฟยอีกด้วย
เมื่อเทียบกันแล้วหลานในไส้ของตนเองย่อมสนิทชิดเชื้อกว่านางมิใช่หรือ?
คิดอยากพาป๋ายซ่าวกลับไปยังสวนหลิวซินทว่าระหว่างทางเดินกลับพบเจียงหรูฉินเข้า
ร่างบางสวมใส่ชุดสีชมพูข้างหลังคือสาวใช้สวมใส่ชุดสีแดงสี่คน สีหน้าไม่น่ามอง
โลกนี้ช่างกลมเหลือเกิน ทั้งที่เป็เช้าสว่างสดใสแต่กลับต้องมาเจอตัวซวยได้ยินมาว่าแม้แต่แม่ของใครบางคนยังถูกฆ่าให้ตาย ชิๆเห็นทีข้าต้องบอกให้ท่านพี่และท่านป้าต้องระวังตัวเอาไว้แล้ว!”
หลินเมิ้งหยาเงยหน้า เหลือบมองด้วยสายตาดูแคลนใบหน้านวลขาวราวเกล็ดหิมะเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งยโสโอหัง
เจียงหรูฉินสั่งคนตีเสี่ยวอวี้ดังนั้นนางจึงแสดงท่าทางหยิ่งจองหองเช่นนี้แต่นางคงลืมสิ่งที่เจียงเฉิงเคยบอกนางไปว่าอย่าทำให้หลินเมิ้งหยาต้องขุ่นเคืองเป็อันขาด
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังนางล้วนรอดูอะไรสนุกๆ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า “เพียะ”เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนชะงักอยู่กับที่
“เ้ากล้าตบข้า!”
เจียงหรูฉินคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาที่มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอจะกล้าตบหน้านาง
“ข้าตบเ้าแล้วอย่างไรเล่า?หากเ้ายังกล้าพูดจาเลื่อนเปื้อน ข้าจะกรีดหน้าของเ้าเสีย”
หลินเมิ้งหยาชักมือซ้ายกลับ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเ็าริมฝีปากเอื้อนเอ่ยส่งเสียงเน้นย้ำทีละคำ
“เ้า...อย่าลำพองใจไปหน่อยเลยท่านป้าไม่มีทางยอมให้คนอย่างเ้ามาเหิมเกริมเสพสุขอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเฉิบหรอก!”
เจียงหรูฉินที่กำลังโกรธเกรี้ยวลืมไปจนหมดสิ้นว่าตนเองเป็เพียงแขกเท่านั้น
เมื่อสาวใช้ทั้งสี่เห็นว่าเ้านายของตนเองถูกทำร้ายพวกนางเองก็ลืมสถานะของตนเองแล้วรีบเข้าไปห้อมล้อมหลินเมิ้งหยากับป๋ายซ่าวเอาไว้
“หืม? กล้าลงมือกับข้าในจวนแห่งนี้อย่างนั้นหรือ!”
น้ำเสียงเ็าระคนน่าเกรงขาม
สาวใช้ทั้งสี่ขยับเท้าถอยหลัง ทว่าเจียงหรูฉินไม่มีวันยอมแพ้ฝ่ามือยกขึ้นจับใบหน้าข้างแก้มสีแดงซึ่งกำลังร้อนผ่าว ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นในใจ
“ชุนฮวา ชิวเยว่ ล่าเหมย ตงเสวี่ยพวกเ้าจงสั่งสอนนางให้กับข้า!”
สาวใช้ทั้งสี่เชื่อเหลือเกินว่าคุณหนูของตนเองจะต้องได้ขึ้นเป็นายหญิงของจวนแห่งนี้ดังนั้นพวกนางจึงมิได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย
ขณะที่คิดจะก้าวขึ้นไปจับตัวหลินเมิ้งหยาทว่าด้านหลังกลับปรากฏทหารองครักษ์ขึ้นเจ็ดถึงแปดคน
“ใครกล้าเสียมารยาทกับพระชายา!”
เสียงทุ้มต่ำเ็าเจือไว้ซึ่งแรงอาฆาตสาวใช้ทั้งสี่ไม่อาจต่อกรกับความน่าหวั่นเกรงเช่นนี้ได้
“พระชายา ข้าน้อยชิวิขอถวายคำนับพระชายา”
หลินเมิ้งหยาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีทหารองครักษ์พุ่งตัวเข้ามาอารักขา
มองบุคคลตรงหน้า ใบหน้าดำถมึงทึงแต่เพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกคุ้นเคยนัก?
“พระชายาอาจจะลืมข้าน้อยเคยทำงานให้กับพระชายาที่โรงน้ำชาพ่ะย่ะค่ะ”
ชิวิอดที่จะหยักยิ้มขึ้นมาไม่ได้ดวงตาขณะจ้องมองพระชายาเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส
เขาไม่เคยลืมภาพอเนจอนาถของอันธพาลทั้งสี่
เกรงว่าตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาพระชายาคงกลายเป็ฝันร้ายของพวกเขาทั้งสี่คนนั้นไปแล้ว
“โอ้ ข้านึกออกแล้ว ที่แท้ก็เป็เ้านี่เอง”
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็นึกออกตอนที่นางอยู่บนถนนแล้วเจอเข้ากับกลุ่มอันธพาลเข้าตอนนั้นเป็ชิวิที่ควบคุมทหารองครักษ์
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่กลัวที่ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่าเหตุเพราะนางมั่นใจว่าดวงความเตรียมพร้อมของนาง อีกทั้งยังมีเรี่ยวแรงของป๋ายซ่าวพวกนางจะไม่มีวันเป็รองของศัตรูอย่างแน่นอนมากสุดใบหน้าของาเ็จนไม่น่ามองก็เท่านั้น
แต่ในเมื่อมีคนมาช่วยความงดงามของนางเอาไว้เช่นนั้นนางก็ยินดี
“เ้า...เ้าเป็ใคร?เหตุใดจึงกล้าเข้ามาแส่เื่นี้!”
ใบหน้าครึ่งซีกของเจียงหรูฉินม่วงช้ำคิดไม่ถึงเลยว่านางที่กำลังเป็ต่ออยู่เมื่อครู่จะถูกพลิกกระดานจนกลายเป็รองเพราะองครักษ์เหล่านี้
นางส่งเสียงตวาดจนแหบแห้ง แต่นางลืมไปว่าใครกันแน่ที่เป็ผู้ควบคุมจวนแห่งนี้
“นี่เป็เื่ภายในจวนของพวกเราดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเ้าแล้วกระมัง? ชิวิสาวใช้สี่คนนั้นบังอาจเสียมารยาทกับพระชายาจับตัวพวกนางเอาไว้แล้วรอคำตัดสินจากพระชายา!”
เมื่อโอกาสของป๋ายซ่าวมาถึงดวงตากลมโตถลึงขึงขัง มือยกขึ้นเท้าเอว ท่าทางของนางไม่ต่างอะไรจากสาวสวยจอมบงการ
หลินเมิ้งหยาหยุดยืนอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าเ็าถึงขั้นกล้าตบตีเ้าบ้านในบ้านของเขา ดูท่านางจะต้องสั่งสอนพวกสาวใช้ไม่รู้ฟ้ารู้ดินทั้งสี่ตรงหน้าสักหน่อยแล้ว
ชิวิไม่รอช้า ฝ่ามือยกขึ้นโบกเล็กน้อยสาวใช้ทั้งสี่ถูกองครักษ์เข้าจับกุมและถูกมัดเอาไว้จนหมด
“หลินเมิ้งหยา พวกนางเป็คนของสกุลเจียงเ้าไม่มีสิทธิ์!”
เจียงหรูฉินโกรธจนตัวสั่น ใบหน้านวลยับยู่ยี่เครื่องสำอางบนหน้าเปรอะเปื้อน ท่าทางเหมือนอยากกินคนอย่างไรอย่างนั้น
“คนของสกุลเจียง? แล้วอย่างไรเล่า? เข้ามาเอาตัวสาวใช้ทั้งสี่ไปโยนลงบ่อน้ำ”
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
ออกคำสั่งเสียงเย็น สาวใช้ทั้งสี่ “ตูม” “ตูม”ร่วงลงบ่อน้ำ
สาวใช้ทั้งสี่ที่ถูกมัดเอาไว้ร่วงลงบ่อน้ำโดยไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตะเกียกตะกายขึ้นมา
มองดูฟองอากาศ ในที่สุดผิวน้ำก็สงบนิ่งสีหน้าของเจียงหรูฉินซีดเผือด
“เมืองจิ้นมีคำกล่าวที่ว่านอกจากภรรยาที่ตกแต่งเข้ามาอย่างถูกตามประเพณีแล้วหญิงอื่นล้วนเป็ภรรยาอนุ การตัดสินใจล้วนขึ้นกับภรรยาเอกภรรยาอนุสุดท้ายแล้วก็ยังเป็ภรรยาอนุ คุณหนูเจียง ข้าให้เกียรติเ้าในฐานะแขกฉะนั้นจึงจัดการสาวใช้ที่มิรู้ความแต่ดุดันประหนึ่งเสือแทนเ้าหากเ้าอยากคิดเข้ามาเป็ชายารองของท่านอ๋องจริงสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีเอาตัวรอด”
น้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาอ่อนโยนเพราะพริ้งทว่าความหมายในคำพูดล้วนทิ่มแทงใจ
ตำแหน่งพระชายาของนางถูกแต่งตั้งโดยตราราชลัญจกรของฮ่องเต้อย่าว่าแต่นางที่มีฐานะเป็เพียงลูกสาวของภรรยาอนุเลยแม้แต่ฮองเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ได้มาของนางตามอำเภอใจ
ใบหน้าของเจียงหรูฉินซีดเผือด ดวงตาจับจ้องหลินเมิ้งหยาด้วยความโกรธระคนหวาดผวาทว่านางกลับไม่กล้าเอื้อนเอ่ยวาจาหยาบคายอีก
จ้องมองหลินเมิ้งหยาด้วยความเกลียดชังราวกับกำลังจับจ้องศัตรูคู่แค้น นางกระทืบเท้าก่อนจะหายไปจากแนวสายตา
“นายหญิง ท่านเก่งเหลือเกิน ฮึ ข้าจะรอดูว่าคุณหนูเจียงยังจะแผลงฤทธิ์อะไรออกมาได้อีก! แม้อนาคตข้างหน้าจะแต่งงานเข้ามาจริงแต่ก็คงถูกนายหญิงขับไล่ออกไปอย่างแน่นอน”
ป๋ายซ่าวหัวเราะพลางจ้องมองหลินเมิ้งหยาแววตาเผยให้เห็นความนับถือ
“ข้าเพียงแต่้าสั่งสอนนาง การจะขึ้นเป็ชายารองของท่านอ๋องได้จะต้องได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจใช่จะตบตีใครก็ทำได้ตามอำเภอใจอย่างเช่นครอบครัวธรรมดาทั่วไป”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าราชวงศ์ย่อมไม่เหมือนกับครอบครัวคนธรรมดาอย่างแน่นอน
หากเป็เช่นคนธรรมดาป่านนี้พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงคงถูกฮองเฮากำจัดทิ้งไปนานแล้วไม่มีทางมีอายุยืนยาวจนกระทั่งตอนนี้หรอก
“เอ๋? หนู่ปี้เชื่อเ้าค่ะ นายหญิงคำพูดแทงใจของนายหญิงรุนแรงกว่าผู้อื่นเป็ร้อยเท่าเลยเ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ป๋ายซ่าวจะเชื่อนางเช่นนี้
นางเองก็เหมือนกับเจียงหรูฉินพวกนางต่างถูกเลี้ยงดูมาในกรอบในระเบียบ แล้วจะเข้าใจกฎหมายบ้านเมืองได้อย่างไร
ผิดกับหลินเมิ้งหยาสมัยก่อนนางมักจะอ่านหนังสือของท่านพ่อทุกแขนงดังนั้นหญิงสาวสติฟั่นเฟือนคนนั้นจึงมีความรู้มากมายอยู่ในสมอง
ดังนั้นนางจึงสามารถอ้างอิงคำพูดเ่าั้มากล่าวจนทำให้ใครต่อใครใได้อย่างไรเล่า
“พระชายา หากไม่มีเื่อะไรแล้วกระหม่อมขอทูลลา”
ชิวิถวายคำนับด้วยความเคารพนับถือ
หากสาวใช้ทำให้พระชายาขุ่นเคืองการที่พระชายากำจัดพวกนางย่อมเป็เื่ที่สามารถทำได้ถึงอย่างไรก็เป็เพียงสาวใช้สี่คนเท่านั้น หาใช่เื่ใหญ่อันใด
“อืม วันนี้ขอบคุณเ้ามาก แล้วข้าจะเข้าไปทูลท่านอ๋องเองเ้าไปก่อนเถอะ”
องครักษ์เ่าั้จึงเดินเป็แถวผ่านสระน้ำแห่งนี้ไป
หลินเมิ้งหยากวาดสายตามององครักษ์เ่าั้ดูเหมือน่นี้ภายในจวนจะมีการป้องกันเข้มงวดมากขึ้นเป็พิเศษ