“ไป๋เซี่ยเหอ! ผู้ใดมอบความกล้าหาญให้กับเ้า? นึกไม่ถึงว่าเ้าจะกล้าทุบตีคนต่อหน้าข้า!”
ฮั่วิเชินเดือดดาลเสียจนเพลิงโทสะพุ่งสูงเสียดฟ้า
เขาเป็ไท่จื่ออันทรงเกียรติ ทว่าหน้ากลับถูกหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทนไม่ได้แล้วจริงๆ
“ข้ามอบให้เอง!”
ฮั่วเยี่ยนไหวเดินมาอย่างเชื่องช้า สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมปรายตามองเขาแม้เพียงสักแวบ
“นิสัยและความเป็ธรรมชาติของหวังเฟยของข้าคือสิ่งที่ข้าชอบ มีอะไรหรือ? ไท่จื่อมีความเห็นอันใดก็มาหารือกับข้าได้”
นับั้แ่วินาทีที่ฮั่วเยี่ยนไหวเดินมา เพลิงโทสะของฮั่วิเชินก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
เขาหวาดกลัวเสด็จอาผู้นี้มาั้แ่เล็ก เขากล้าทำให้เสด็จพ่อขุ่นเคือง ทว่ากลับไม่กล้าทำให้เสด็จอาขุ่นเคือง
นี่คือคติของเขา
“เสด็จอา นี่เป็การเข้าใจผิดกันพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อไป๋หว่านหนิงที่ยังแสร้งนอนหมอบอยู่บนพื้นได้ยินเช่นนั้น ก็โมโหเสียจนิญญาแทบหลุดออกจากร่าง
นางแทบจะกระอักเืออกมา ฟันก็หักแล้ว นึกไม่ถึงว่าไท่จื่อจะบอกว่าเป็การเข้าใจผิด!
นางไม่เคยรู้เลยว่าไท่จื่อเองก็มี่เวลาที่อ่อนแอปานนี้ด้วย
ไป๋หว่านหนิงลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก สีหน้าของนางซีดเผือด มุมปากยังมีคราบเื “ถวายบังคมเซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ”
ความนุ่มนวลในน้ำเสียงของนางแฝงด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย สีหน้าก็แปรเปลี่ยน “เซ่อเจิ้งอ๋องทรงไม่ทราบว่าพี่สาวของข้าโหดร้ายอย่างยิ่งกระมังเพคะ”
ฮั่วเยี่ยนไหวพยักหน้า
เขาย่อมรู้ดี
สามารถฟันมือสังหารเป็หูหลัวปัวได้ด้วยดาบเดียว คำว่าโหดร้ายออกจะน้อยเกินไปหน่อยกระมัง?
“แล้วอย่างไร?”
เมื่อเห็นว่าฮั่วเยี่ยนไหวสนทนากับตนเอง ไป๋หว่านหนิงก็ดีอกดีใจทันที ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ชอบให้สตรีเข้าใกล้มาแต่ไหนแต่ไร?
เมื่อคิดดูอีกที อันหนิงจวิ้นจู่ก็เป็คนบอบบางไม่ใช่หรือ?
ที่แท้เซ่อเจิ้งอ๋องชมชอบสตรีเช่นนี้นี่เอง
ดังนั้น นางจึงแสดงท่าทีบอบบางยิ่งกว่าเดิม เฮอะ ไท่จื่ออ่อนแอปานนี้ ทั้งยังทำให้นางน้อยเนื้อต่ำใจอีก
หากอาศัยรูปโฉมของนาง ไม่แน่ว่านางกับเซ่อเจิ้งอ๋อง...
“สตรีที่โหดร้ายเช่นนี้จะแบกรับความรับผิดชอบในฐานะชายาเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างไรกันเพคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอมองความคิดของไป๋หว่านหนิงออกในปราดเดียว นางยิ้มหยันทันที “เช่นนั้นมิสู้ข้ายกตำแหน่งชายาเซ่อเจิ้งอ๋องให้เ้าเป็อย่างไร?”
สีหน้าของฮั่วิเชินดูย่ำแย่จนถึงขีดสุด
เพียงแต่ไป๋หว่านหนิงเองก็ไม่โง่ แม้ว่าจะ้าเช่นนั้นทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ เพราะนางไม่กล้าบุ่มบ่ามต่อหน้าฮั่วิเชิน
ดวงตาของนางแดงก่ำ “ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านทำเช่นนี้จะให้เซ่อเจิ้งอ๋องทรงเอาหน้าไปไว้ที่ใด? ท่านเข้าใจน้องสาวผิดเช่นนี้ ข้า...ข้าจะตายให้จบๆ ไป!”
นางร่ำไห้ใจจะขาด ราวกับถูกทำให้น้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ
ร่ำไห้อย่างอ่อนแอ หากเปลี่ยนเป็บุรุษธรรมดาคงจะรู้สึกปวดใจเป็อย่างยิ่ง
ทว่าการเสแสร้งทำตัวบอบบางของนางนั้น ทำใส่ผิดคนเสียแล้ว
“ในเมื่อเ้าอยากตายปานนี้ ข้าจะสนองให้ก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนไหวเปลี่ยนเป็เ็าทันที
ไป๋หว่านหนิงเกิดความระแวดระวังในใจขึ้นมา “ไม่ใช่นะเพคะ เซ่อเจิ้งอ๋อง พระองค์ทรงเข้าใจผิดแล้วเพคะ”
ทว่าฮั่วเยี่ยนไหวไหนเลยจะมีความคิดที่จะฟังนางอธิบาย มือใหญ่โบกเรียกคน “ลากตัวไปโบยยี่สิบไม้”
แม้ว่าจำนวนไม้จะไม่มาก ทว่าต้องดูว่าผู้ใดเป็คนโบย
นั่นคืออินทรีโลหิตที่ติดตามฮั่วเยี่ยนไหวมานาน พวกเขาย่อมเข้าใจเจตนาของฮั่วเยี่ยนไหว พวกเขารีบเข้ามาลากไป๋หว่านหนิงออกไปอย่างไม่รอช้า
ไป๋หว่านหนิงใเสียจนพูดไม่ออก เหตุใดเื่ราวถึงไม่เป็ไปตามที่นางคิดเอาไว้? “พี่เชิน...ไท่จื่อ ช่วยด้วยเ้าค่ะ!”
“เ้าจะขัดขวางข้าหรือ?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเหลือบมองฮั่วิเชินที่เตี้ยกว่าเขาครึ่งศีรษะอย่างเ็า ร่างกายแผ่ความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ออกมาทันที
“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ...หนิงเอ๋อร์พูดผิดเอง เสด็จอา...สั่งสอนได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
คำกล่าวนั้นมีเสียงกัดฟันแฝงอยู่ด้วย
เมื่อไป๋หว่านหนิงเห็นว่าฮั่วิเชินไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ นางก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที
นางไม่กล้าส่งเสียงอีก
เมื่อขอร้องแล้วไม่ได้ผล เกรงว่าถึงแม้จะะโจนคอแตกก็ไม่มีผู้ใดสนใจ
นางอิจฉา อิจฉาที่เหตุใดนางแพศยาอย่างไป๋เซี่ยเหอถึงได้ตบแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง!
นางเสียใจ นางไม่อยากตบแต่งให้ไท่จื่อแล้ว นางอย่างตบแต่งให้เซ่อเจิ้งอ๋อง!
เมื่อเปรียบเทียบกับไท่จื่อที่อ่อนแอไร้ความสามารถแล้ว หากฮั่วเยี่ยนไหวคิดจะเป็ฮ่องเต้ ก็เพียงพูดออกมาประโยคเดียวเท่านั้น
หากนางได้เป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง นางจะยุยงให้ฮั่วเยี่ยนไหวแย่งชิงราชบัลลังก์
เมื่อถึงเวลานั้น นางจะได้รับอำนาจ ความโปรดปราน และบารมี นั่นต่างหากที่เป็สิ่งที่นาง้า!
หลังจากไป๋หว่านหนิงถูกอินทรีโลหิตพาตัวออกไปแล้ว ฮั่วิเชินก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ นอกจากนี้ก็เป็ไป๋หว่านหนิงที่พาเขามา
ดังนั้น เขาจึงจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อสองคนนั้นจากไปแล้ว บริเวณลานก็เหลือเพียงฮั่วเยี่ยนไหว ไป๋เซี่ยเหอ และฝูเอ๋อร์ สามคนเท่านั้น
พูดตามหลักแล้ว หากเ้านายสองคนสนทนากัน ฝูเอ๋อร์ที่เป็สาวใช้จำต้องหลบออกไป
ทว่าวันนี้นางไม่ทำเช่นนั้น
นางได้ยินเื่ราวทั้งหมดแล้ว นางไม่อยากให้คุณหนูอยู่กับบุรุษหลายใจผู้นี้ตามลำพัง
ไม่อย่างนั้นหากคุณหนูที่จิตใจดีและบริสุทธิ์ใจอ่อนขึ้นมาจะทำอย่างไร?
นางจำต้องอยู่เป็เพื่อนคุณหนูผู้ใสซื่อของนาง!
“ถวายบังคมเซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ ร่างกายของคุณหนูมีาแ จึงยืนไม่ไหว หากเซ่อเจิ้งอ๋องทรงไม่ถือสา บ่าวจะอยู่ประคองคุณหนูที่นี่เพคะ”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ ทว่าเ็าและห่างเหิน
โลกของฝูเอ๋อร์นั้นเรียบง่ายนัก ผู้ที่ทำดีกับคุณหนูคือคนดี ผู้ที่ทำไม่ดีกับคุณหนูคือคนชั่ว
หลังจากฮั่วเยี่ยนไหวเค้นเสียงอืมออกมาจากลำคออย่างเฉยเมย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไป๋เซี่ยเหอยืนทำสีหน้าเ็าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอบกายอย่างเฉยเมยโดยไม่ยอมช้อนตามองฮั่วเยี่ยนไหว “หากเซ่อเจิ้งอ๋องไม่มีเื่ใดแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
“ต้องทำเช่นนี้เชียวหรือ?”
ฮั่วเยี่ยนไหวมุ่นคิ้วทันที เขาไม่ชอบท่าทีเช่นนี้ของไป๋เซี่ยเหอเอาเสียเลย
ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอเ็า นางคร้านที่จะสนใจเขาอีก ไม่อยากเคารพก็ไม่เคารพ หากอยากลงโทษก็สั่งปะาจวนสกุลไป๋เก้าชั่วโคตรแล้วกัน
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอสะบัดหน้าจากไป ฮั่วเยี่ยนไหวก็เดินหน้าไปหนึ่งก้าวก่อนจะโพล่งออกมา “จิ้งจอกน้อยอยู่กับเ้าหรือไม่? ข้าอยาก...”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ฮั่วเยี่ยนไหวก็หยุดพูดเสียก่อน เขามองไป๋เซี่ยเหอที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว
ไป๋เซี่ยเหอไม่พูดอะไรสักคำ เพียงยืนอยู่ตรงนั้นมองฮั่วเยี่ยนไหวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยียบจนถึงขีดสุด
เงียบเสียยังดีกว่าเอ่ยปาก
“มันไม่อยากพบท่าน!”
เมื่อกล่าวจบ ไป๋เซี่ยเหอก็หมุนกายจากไปด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ฝูเอ๋อร์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นางยอบกายด้วยความรวดเร็ว “คุณหนูต้องกลับไปเปลี่ยนยาแล้ว บ่าวขอทูลลาเพคะ”
ทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว
อิ๋งเฟิงเดินออกมาจากด้านข้าง เห็นฮั่วเยี่ยนไหวยืนคิ้วขมวดมุ่นอยู่ที่เดิมก็คิดว่าเขาโกรธเสียแล้ว
เขาจึงกล่าวออกมาอย่างไม่กลัวตาย “กระหม่อมได้ยินว่าคุณหนูไป๋าเ็สาหัสนัก าแนั้นเป็รอยยาวจากกระดูกสะบักไปจนถึงเอว ลึกจนเห็นกระดูก แม้แต่หมอหลวงฉินยังบอกว่าต้องทิ้งรอยแผลเป็แน่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หัวใจของฮั่วเยี่ยนไหวราวกับถูกทุบด้วยค้อนั์อย่างแรงก็ไม่ปาน เขาบีบมือแน่นทันที
“นางคงเกลียดข้าแล้วกระมัง”
หญิงสาวผู้ใดบ้างที่ไม่รักสวยรักงาม ทว่านางยังไม่ทันออกเรือนก็มีรอยแผลเป็ที่น่ากลัวเช่นนี้เสียแล้ว
โหยวพิงถิงเพียงโดนฟันเล็กน้อยก็ร้องไห้ด้วยความเครียดไม่หยุด ทว่าไป๋เซี่ยเหอฝืนเดินกลับมาที่กระโจมด้วยตนเอง
ความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่าจะปรากฏอยู่บนร่างของหญิงสาวนางหนึ่ง
“ยังดีที่คุณหนูใหญ่สกุลไป๋คือหวังเฟยของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ”
ฮั่วเยี่ยนไหวคลายมือออกเล็กน้อย เขาไม่รังเกียจรอยแผลเป็ของนางเลย
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้