บทที่ 117 ผลข้างเคียงของไฟหยาง
“เถาวัลย์ใบมีดนี่หดตัวได้ด้วยหรือ?”
ฉู่อวิ๋นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เขาจึงหยิบต้นอ่อนสีน้ำตาลเล็กๆ สองต้นขึ้นมาวางบนฝ่ามือเพื่อสำรวจดู เขาเองก็ใมากที่สัตว์อสูรระดับกลางที่ดุร้ายสองตัวนี้จะกลายเป็แบบนี้
ต้องรู้ว่า ครั้งเมื่อเราอยู่ที่แม่น้ำโลหิต เถาวัลย์ใบมีดนั้นน่าหวาดผวายิ่งนัก เืจำนวนนับไม่ถ้วนเปรอะเปื้อนอยู่บนใบมีด ทำให้ผู้คนสั่นกลัว แม้แต่นักรบขั้นมหาสมุทรอย่างซ่งอี้และหลางซื่อก็ยังกลัวมันแทบตาย
แต่ตอนนี้ ต้นไม้ปีศาจทั้งสองนี้กลับยอมศิโรราบอยู่ในมือของฉู่อวิ๋น ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย
“เ้าหนู เ้าจะไปรู้อะไร? สุนัขสองตัวนี้ประนีประนอมและยอมรับเ้าเป็นายแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงกลายเป็ต้นอ่อนที่เปราะบางที่สุด ขอเพียงแค่เ้าออกคำสั่ง พวกมันก็จะเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อสู้เพื่อเ้า”
อย่างไรเสีย โยวกู่จือก็เป็ชายชราเมื่อพันปีก่อน มีความรู้มากมาย เขารู้ทันทีถึงสาเหตุของการหดตัวของเถาวัลย์ใบมีด
“จริงหรือ? นี่...นี่ก็ได้หรือ? พวกมันจะไม่แว้งกัดข้ากลับใช่ไหม?” ฉู่อวิ๋นกังวลและจ้องมองต้นอ่อนที่สั่นเทาบนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง ความสุขนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เขาไม่ทันระวังตัวจริงๆ
“ถุย! ข้าลงเรือลำเดียวกันกับเ้า จะโกหกเ้าไปทำไม? ถ้าเ้าตาย ข้าจะไม่ถูกทิ้งให้อยู่ในที่ไร้สหายหรอกหรือ?” โยวกู่จือพูดด้วยความโมโห
ตอนนี้ เหตุผลที่โยวกู่จือยังคงติดตามฉู่อวิ๋น ประการแรกคือ เขาต้องพึ่งพาวงแหวนอวกาศเพื่อพักฟื้น ประการที่สอง เขา้าให้ฉู่อวิ๋นช่วยเขาค้นหาตระกูลของตัวเอง เพื่อจะได้กลับไปยังดินแดนบรรพบุรุษและสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่
อีกอย่าง โยวกู่จือไม่คิดจะให้คนอื่นรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
เพราะิญญาที่เหลืออยู่ของผู้แข็งแกร่งเมื่อพันปีที่แล้วเป็ยาบำรุงชั้นยอดสำหรับทั้งนักรบิญญาและนักพรติญญา สามารถขัดเกลาเพิ่มพลังิญญาได้
แต่แม้ว่าโยวกู่จือจะไม่ไว้ใจคนนอก แต่เขาก็เชื่อใจฉู่อวิ๋นเท่าที่จะเป็ไปได้ เพราะจากมุมมองของเขา เขาเห็นได้ว่าฉู่อวิ๋นให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความชอบธรรม จะไม่มีวันทรยศต่อญาติมิตรและเพื่อนของเขาเด็ดขาด
ในแง่ของคนรู้จัก เ้าสัตว์ปีศาจเฒ่าเมื่อพันปีก่อนนั้นเล่ห์เหลี่ยมเยอะกว่ามาก
“ก็ได้...” ฉู่อวิ๋นพยักหน้า หยิบขวดหยกเล็กๆ สองขวดออกมา และพยายามใส่เถาวัลย์ใบมีดเล็กๆ สองต้นลงไป
แม้ว่าต้นอ่อนทั้งสองจะต่อต้านอยู่บ้าง แต่ด้วยพลังอันน่าเกรงขามของปราณไฟหยาง จึงทำได้เพียงค่อยๆ เข้าไปในขวดหยกอย่างเชื่อฟัง ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกโล่งใจ
“เยี่ยมมาก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสัตว์ปีศาจมาหยุดข้าแล้ว ข้ายังได้เถาวัลย์ใบมีดมาสองต้นด้วย ข้าจะต้องก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นมากแน่ คงจะออกจากป่าสีเืนี้ได้ภายในไม่ถึงวัน!”
ฉู่อวิ๋นยกยิ้มที่มุมปาก ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทำให้เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่เป็รางวัลหลังจากผ่านความยากลำบากมามาก เขายังคิดถึงเมื่อครั้งที่เข้าไปในป่าสีเืครั้งแรก เขาเป็เพียงชายหนุ่มของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น
หลังจากที่กลืนกินิญญาศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่พลังของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น แต่หนทางข้างหน้าก็ยังราบรื่นยิ่งนัก น่าตื่นเต้นจริงๆ
ฉู่อวิ๋นรวบรวมความคิดของเขา ใช้ก้าวเงาบินก้าวออกไปจนกลายเป็ภาพเงาเคลื่อนตัวผ่านป่าทึบ มุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
ในป่าสีเื เสียงเสือคำรามและเสียงของลิงดังไม่ขาดสาย บางครั้งนกสีดำก็มารวมตัวกันเป็ฝูงกลายเป็ม่านสีทมิฬ พวกมันบินข้ามท้องฟ้าและส่งเสียงร้องขณะกระพือปีก ภาพนั้นทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัว
ฉู่อวิ๋นใช้พลังปราณเดินทางไปตลอดทาง ภายในครึ่งวัน เขาก็ออกจากสถานที่ที่ชุบชีวิตใหม่ให้เขา
ข้างหน้ายังคงเป็ป่ากว้างใหญ่ที่มีเสียงนกร้องไพเราะ สภาพแวดล้อมงดงามหลุดพ้นจากเขตป่าสีเืแล้ว ใบไม้เขียวขจี หญ้าไหวส่งเสียงผะแ่ ดูเงียบสงบมาก
ป่าเขียวขจีแห่งนี้ถือเป็สถานที่ปลอดภัยสำหรับคนธรรมดา เนื่องจากสัตว์ปีศาจจำนวนมากได้หนีเข้าไปในป่าสีเืั้แ่่ที่เกิดความวุ่นวายครั้งก่อนแล้ว
ทันทีที่สัตว์อสูรเ่าั้วิ่งหนีไป สถานที่หลายแห่งที่มีพลังิญญาอันเข้มข้นสมบูรณ์ก็ว่างเปล่า ฉู่อวิ๋นได้ค้นพบสถานที่ทางจิติญญาหลายแห่งในระหว่างการเดินทาง เขาแวะเก็บสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และขุดได้แร่อัญมณีมาได้ไม่น้อย
แน่นอนว่า นี่เป็เพราะฉู่อวิ๋นอยู่ใกล้ที่นี่มากกว่า และหนีมาที่นี่ทันทีหลังจากการจลาจลของสัตว์ปีศาจ เขาย่อมจำได้
ในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไป ดินแดนจิติญญาอันเข้มขันเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกกลุ่มอำนาจที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามายื้อแย่งกัน และจะไม่มีทางปล่อยให้นักพรตพเนจรมาหยิบฉวยไปได้ง่ายๆ
“หญ้าผี บุปผาใจทะเล... วัตถุดิบยาพวกนี้ไม่เลว ข้าจำได้ว่าข้าเคยใช้พวกนี้มาชงชาบ้วนปากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่จิบแล้วก็โยนทิ้งไป” โยวกู่จือกล่าวอย่างภาคภูมิใจด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของชายชราคนนี้ ตลอดทางมานี้ ฉู่อวิ๋นคงไม่รู้จักวัตถุดิบยาเหล่านี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ใช่นักปรุงยา
“ผู้าุโ ผลไม้นี้กินได้หรือไม่?” เขาไม่สนใจคำอวดอ้างของโยวกู่จือ ฉู่อวิ๋นค้นหาดินแดนแห่งจิติญญาทีละแห่ง โดยชี้ไปที่ลูกท้อ[1]สีชมพูขนาดใหญ่เท่ากำปั้นแล้วถาม
“หืม? ลูกท้อหลอมจิต ก็ได้อยู่ กินได้ ตอนที่นักปรุงยามาขอความช่วยเหลือจากข้าก็นำของขวัญชิ้นหนึ่งมาให้ เป็เนื้อลูกท้อสีแดงสด แม้แต่มองข้ายังไม่มอง เพียง...”
“เอ๊ะ! นี่! เ้าไม่รักชีวิตแล้วหรืออย่างไร?!” จู่ๆ โยวกู่จือก็อุทานออกมา
หลังจากที่ฉู่อวิ๋นได้คำตอบแล้ว เขาก็หยิบลูกท้อเข้าปากทันที ฟันในปากขบเคี้ยวจนได้ยินเสียง “กรวบ กรวบ กรวบ” ปากของเขาชุ่มไปด้วยน้ำผลไม้รสหวานและอร่อย
“อืม... หวานมาก” ฉู่อวิ๋นส่งเสียงคราง กลืนเนื้อผลไม้อีกคำ และทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังิญญาที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย ทำให้เขารู้สึกเติมเต็มอย่างมาก
“ต้องขนาดนั้นเลยหรือ? เสียของชะมัด!” โยวกู่จือมองฉู่อวิ๋นที่กลืนกินมันและรู้สึกหดหู่ใจ นักปรุงยาควรลิ้มรสผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หอมหวานนี้หลังจากที่มันกลายเป็เนื้อโอสถ
ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกินมันทันที คุ้มหรือไม่เล่า? เหมือนคนป่าไม่มีผิด น่ารังเกียจจริงๆ!
“ข้าต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างสงบ แล้วกัดเนื้อลูกท้อิญญาอีกครั้ง แล้วเดินต่อ
“ช่างเป็เด็กน้อยที่ไม่เข้าใจชีวิต!”
โยวกู่จือ้าสอนฉู่อวิ๋นต่อ แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็หยุดนิ่ง ทำให้เขาประหลาดใจและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เ้าหนู หรือเ้าจะท้องเสียขึ้นมา?"
“รู้สึกว่า... มีบางอย่างผิดปกติ!” ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นตื่นตะหนกอย่างยิ่ง เพราะลูกท้อหลอมจิต พายุยุทธ์ในจุดตันเถียนของเขาจึงพลุ่งพล่าน พลังปราณไฟหยางก็ไหลอย่างต่อเนื่องอย่างกระฉับกระเฉง
ทันทีที่พลังปราณเกิดใหม่นี้ถูกกระตุ้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมเชื่อฟัง
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าถูกไฟแทรกเข้าสู่มารแล้วหรือ?” ฉู่อวิ๋นกังวลจนเหงื่อแตก พายุไฟหยางห้าลูกถูกสร้างขึ้นใน่เวลาเร่งด่วน เขาไม่รู้ผลที่ตามมาของการทำเช่นนั้นจริงๆ
หากนี่เป็วิธีที่ชั่วร้าย เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ในขณะที่ระดมความคิด ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดง เขาสับสน มองเห็นจมูกของเขาพ่นควันออกมาด้วยตาเปล่า
“ไม่ใช่กระมัง?! ผู้าุโบอกข้ามาตามตรง! นี่… สมุนไพริญญาพวกนี้มีฤทธิ์ปลุกกำหนัดหรือไม่?!”
“ฮ่าๆ! อะแฮ่ม... ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินเื่นี้ ตอนนั้นที่ข้ากินก็ไม่มีปัญหานะ!” โยวกู่จือพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่และแสร้งทำเป็จริงจัง
หลังจากนั้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “อ้อ! ข้าเข้าใจแล้ว นี่อาจไม่ได้เกิดจากลูกท้อ และไม่ได้เกิดจากพายุยุทธ์ระดับห้า มันต้องเป็ผลข้างเคียงของิญญาศักดิ์สิทธิ์แน่"
“ผลข้างเคียง…มีผลข้างเคียงแบบนี้ด้วยหรือ?!” ฉู่อวิ๋นะโอย่างพูดอะไรไม่ออก
“เ้าหนู! เ้ากลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดินที่เป็ที่รู้จักในนามวัตถุิญญาสูงสุดในขอบเขตการควบแน่นพลังปราณไปนะ ทั้งร่างกายยุทธ์ของเ้าเองก็แทบจะทนไม่ไหว! ตอนนี้เกิดผลข้างเคียงสักหน่อยก็เป็เื่ปกติ”
“จากที่สังเกต ิญญาศักดิ์สิทธิ์เป็วัตถุิญญาที่มีสติปัญญา แม้ว่าผู้ที่กลืนกินมันจะมีพลังมากจนดูดซับลักษณะของิญญาศักดิ์สิทธิ์ไปพร้อมๆ กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“เท่าที่รู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนคนหนึ่งกลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์ฟ้าร้องเข้าไป นิสัยของเขารุนแรงมาก ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับเขา เขาก็จะฆ่าคนคนนั้น โเี้เหลือคณา ในตอนนั้น มีผู้าุโหลายคนที่ออกไปฆ่าเขาคนเดียว”
แม้ว่าโยวกู่จือจะยังคงอธิบายอยู่ แต่ใครได้ยินก็ย่อมรับรู้ถึงรอยยิ้มที่อดกลั้นในน้ำเสียงของเขา
“แล้วข้าควรทำอย่างไรดี?!” ฉู่อวิ๋นะโเสียงดังจนใบไม้ร่วงหล่น รู้สึกหดหู่ใจมาก
“ทำอย่างไรหรือ? เ้าใจเย็นลงก่อน ถ้าไม่ได้ผลก็แค่บุกเข้าเมืองต่อไป ฮ่าๆๆ!!!” ในที่สุด โยวกู่จือก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและหลุดขำออกมา วงแหวนอวกาศสั่นไหวไม่หยุด
"อย่ามาล้อเล่นนะผู้าุโ! ถ้าข้าบุกเข้าไปในเมืองชุยเสวี่ยในสภาพนี้ ไม่เพียงไม่ได้เข้าแถมยังถูกมองว่าเป็คนร้ายอีก! ไหนเลยจะได้ช่วยคน? ข้าคงถูกควบคุมตัวในเดี๋ยวนั้นเลย!” ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นกุมขมับ มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วร้องลั่น
หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้ว ฉู่อวิ๋นก็ตัดสินใจที่จะไม่ฟังคำพูดไร้สาระของโยวกู่จือ เขา้าหาสถานที่ทางจิติญญาที่อุดมไปด้วยพลังิญญาที่มีคุณลักษณะเป็น้ำ เพื่อระงับพลังปราณในร่างกายของเขา
“อยากใช้น้ำเย็นปลุกสติหรือ? พลังไฟหยางไม่ธรรมดาขนาดนั้นหรอก เ้าหนู เ้าไร้เดียงสาไปหน่อยหรือเปล่า? ฮ่าๆ!”
“แต่สัตว์ปีศาจก็ไปจากที่นี่หมดแล้ว บางทีนักพรตหญิงบางคนอาจจะมาสำรวจและมองหาวัตถุิญญาก็ได้นะ เหตุใดไม่เข้าไปช่วยนางเล่า? ข้อเสนอนี้เป็อย่างไร? หืม?” โยวกู่จือพูดล้อเล่น
“ผู้าุโ! ข้า... ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” ฉู่อวิ๋นดุด้วยความโมโห ผู้เฒ่าเสียงดังคนนี้ไม่น่าเคารพเลยจริงๆ!
ในที่สุด หลังจากการค้นหารอบหนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็พบสถานที่ที่มีพลังิญญาน้ำแข็งแกร่ง
นี่คือสระน้ำที่เต็มไปด้วยของเหลวิญญาที่เติบโตตามธรรมชาติ อุดมไปด้วยพลังปราณและเมฆหมอก ดูใสสะอาดั้แ่แรกเห็น
ที่ปลายสระน้ำเล็กๆ แห่งนี้ มีน้ำตกขนาดใหญ่ราวกับแม่น้ำดวงดาวที่ห้อยกลับหัวลงมา มีเสียงดังซู่ซ่า ตระหง่านและตระการตา
สิ่งที่อัศจรรย์ก็คือ หลังจากน้ำตกไหลลงมาก็จะถูกดูดซับโดยแอ่งิญญาและไม่ล้นออกมา นี่คือปรากฏการณ์การควบแน่นของของเหลวิญญา
“ที่นี่ล่ะ!” ฉู่อวิ๋นะโลงไปกลางน้ำตกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่แม้แต่จะถอดเสื้อผ้าออก ปล่อยให้กระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดเข้าหา หวังว่าตนเองจะสงบลง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ฉู่อวิ๋นก็ตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่า แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ไม่ไกลจากนี้ มีเสียงหัวเราะที่ค่อนข้างอ่อนโยนดังขึ้นมา
----------
[1] ลูกพีช