เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นแต่เช้าตรู่
ชิงเยว่ช่วยเกล้ามวยผมให้แล้ว นางก็ล้างหน้าบ้วนปาก เปลี่ยนอาภรณ์ก่อนออกไปยังเรือนด้านหน้า
เมื่อคืนหลังจากเหลียนเซวียนกินบะหมี่เนื้อไปชามหนึ่ง กำชับกับนางสองสามประโยคแล้วกลับไป
สถานการณ์ในวังยังไม่ชัดแจ้ง พระอาการของอู่เซวียนตี้ยังน่าวิตก สาเหตุที่เขาต้องออกจากวังมาเมื่อคืน เพราะต้องช่วยผูหยางชิงหลันกลับมาเอาเห็ดหุยซินเข้าวัง
เห็ดหุยซินคือสมุนไพรล้ำค่า เป็องค์ประกอบหลักสำคัญของยาถอนพิษสลายเอ็นกร่อนกระดูก
พิษจากโอสถลูกกลอนของอู่เซวียนตี้แทรกซึมถึงกระดูกแล้ว ก็ต้องใช้เห็ดหุยซินมาเป็ตัวยาหลักเช่นเดียวกันถึงจะเห็นผล
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกไม่ถึงว่าเ้าเห็ดสีม่วงแดงช้ำเืช้ำหนองอย่างนั้นจะมีสรรพคุณล้ำเลิศปานนี้
คิดๆ ดูแล้ว เห็นที่นางเด็ดมาสามารถช่วยชีวิตฮ่องเต้ได้ ก็นับว่าเป็ผลงานใหญ่ชิ้นหนึ่งกระมัง
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกกระหยิ่มใจ
เหลียนเซวียนกับผูหยางชิงหลันต่างยุ่งอยู่ในวัง ท่านหญิงหย่งเจียก็คงได้รับผลกระทบไปด้วย คงไม่อาจมาเที่ยวเล่นที่นี่ชั่วคราว
กินมื้อเช้าเสร็จ เซวียเสี่ยวหรั่นก็เตรียมพาเซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวาออกไปเดินเที่ยวในเมืองหลวง
หงกูมาแต่มิได้ห้ามปรามพวกนาง เพียงแต่แนะนำให้พาชิงหนิงออกไปด้วย
"ชิงหนิงคุ้นเคยกับถนนหนทางเป็อย่างดี มีนางไปด้วย คุณหนูไม่หลงทางแน่เ้าค่ะ"
หงกูตระหนักดีว่า เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ชอบให้คนติดตามเป็ขบวน ดังนั้นจึงให้ชิงหนิงซึ่งเป็คนสุขุมเยือกเย็น และมีวรยุทธ์ติดตัวตามไป
เซวียเสี่ยวหรั่นใคร่ครวญแล้วก็ไม่ปฏิเสธ พวกนางเพิ่งมายังไม่คุ้นที่ทาง มีคนคุ้นเคยกับสถานที่คอยนำทางก็ดีเหมือนกัน
สารถีนำรถม้าไปจอดรอที่หน้าประตูใหญ่ ทั้งสี่ขึ้นรถม้าไป
"คุณหนู พวกเราจะไปไหนกันก่อนเ้าคะ?" อูหลันฮวารู้สึกตื่นเต้น
"อืม ไปถนนที่คึกคักที่สุดก่อนแล้วกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังไม่แน่ชัด
"คุณหนู ถนนสายที่คึกคักที่สุดในเมืองหลวงก็คือถนนใหญ่เซวียนอู่ กับถนนเหยียนโซ่วซีเ้าค่ะ" หนิงซีสงบนิ่งและเยือกเย็นสมชื่อ
"แล้วถนนอันเฉียนเหมินเล่า คึกคักไหม?" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงสถานที่ตั้งร้านค้าของเมิ่งเฉิงเจ๋อ
"ถนนอันเฉียนเหมินก็ไม่นับว่าคึกคักมากเท่าไรในเมืองหลวง แต่ก็ไม่แย่เ้าค่ะ" ชิงหนิงตอบกลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นประหลาดใจอยู่บ้าง ด้วยกำลังทรัพย์ของเมิ่งเฉิงเจ๋อกลับสามารถเปิดร้านได้แต่ในย่านที่ไม่ครึกครื้นเองหรือ
คิดจะทำการค้าในเมืองหลวงแคว้นฉีอันรุ่งเรืองเฟื่องฟูไม่ใช่เื่ง่ายดายเลย มันอาจจะเกี่ยวโยงกับผู้มีอำนาจในแต่ละท้องที่และคนหนุนหลังด้วยกระมัง เื่ราวซับซ้อนยากจะเอ่ยความได้
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกทอดถอนใจ เดิมทีเธอยังคิดอยู่ว่าจะเปิดร้านขายของเล็กน้อยเองดีหรือไม่ ดูจากตอนนี้ ไหนเลยจะเป็เื่ง่ายปานนั้น
ช่างเถอะ ดูๆ ไปก่อนค่อยว่ากัน
พวกเขาสี่คนไปยังถนนหลักอู่เซวียนตามคำแนะนำของชิงหนิง รถม้าไปหยุดจอดอยู่ที่นอกหัวถนน
"ถนนอู่เซวียนมีผู้คนสัญจรเยอะ ดังนั้นจึงมีกฎระเบียบห้ามใช้รถม้า ได้แต่เดินเที่ยวชมเท่านั้นเ้าค่ะ" ชิงหนิงอธิบาย
โอ้โห ยุคสมัยนี้ก็เริ่มมีแิของการทำถนนคนเดินแล้วหรือนี่
พอลงจากรถม้า เซวียเสี่ยวหรั่นก็ตกตะลึงกับบรรยากาศที่ถนนกว้างใหญ่อัดแน่นไปด้วยผู้คน
คนเยอะอะไรอย่างนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นอุทานในใจ
กระแสชนเบื้องหน้าล้นหลามจนมืดฟ้ามัวดินเหมือน่วันหยุดยาวของยุคปัจจุบันไม่มีผิด
สตรีที่มาเดินเล่นชมตลาดก็ไม่น้อย มีสตรีเพียงส่วนน้อยที่สวมหมวกม่าน ส่วนใหญ่แล้วล้วนไม่สวม เซวียเสี่ยวหรั่นก็เป็หนึ่งในนั้น เพราะรู้สึกสะดวกสบายมากกว่า
ดูไปแล้วธรรมเนียมของแคว้นฉียังนับว่าเปิดกว้าง ไม่คร่ำครึอย่างที่จินตนาการไว้
"ร้านหนังสือใหญ่มากเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นอุทานอย่างตะลึงพรึงเพริด
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมองก็เห็นอาคารสามชั้น หน้าร้านกว้างขวางสว่างไสว อักษรสีทองสามตัวบนป้ายใหญ่เขียนไว้ว่า "ผิ่นเหวินเก๋อ"
ในร้านคนไม่เยอะ แต่แขกในโถงใหญ่ล้วนสวมอาภรณ์หรูเสียเป็ส่วนใหญ่ มีผู้ติดตามไม่น้อย ดูก็รู้ว่าเป็ร้านหนังสือระดับที่คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง
"คุณหนู นี่คือร้านภายใต้นามของท่านหญิงหย่งเจียเ้าค่ะ" ชิงหนิงกระซิบบอก
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะกวาดมองโดยรอบ
ท่านหญิงหย่งเจียเคยบอกว่านางมีโรงทำกระดาษแห่งหนึ่ง ถ้ามีร้านหนังสืออีกแห่งมารองรับก็เหมาะเจาะพอดี เรียกได้ว่าเป็การค้าครบวงจร
จิ๊ๆ ธุรกิจของท่านหญิงเป็ระดับไฮเอ็นด์ขนานแท้เลยนะเนี่ย
พวกเขาเดินอย่างเอ้อระเหยไปตามกระแสผู้คน จากหัวถนนไปถึงท้ายถนนรอบหนึ่ง จากนั้นค่อยไปเดินถนนเหยียนโซ่วซีอีกรอบ
สุดท้ายถึงจะไปยังถนนอันเฉียนเหมิน
เมื่อเปรียบกับถนนสองสายแรก ถนนอันเฉียนเหมินเงียบกว่าไม่น้อย
เมื่อเห็นร้านเป่าฟางไจที่คุ้นเคย ดวงตาของพวกเขาพลันสว่างวาบ
"คำนวณจากเวลา คุณหนูเมิ่งคงใกล้จะมาถึงเมืองหลวงแล้วกระมัง" อูหลันฮวาเอ่ยพึมพำ
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า พวกนางเกิดเหตุระหว่างทางจึงมาถึงเมืองหลวงช้ากว่ากำหนด
แม้เมิ่งหว่านเหนียงจะออกเดินทางช้ากว่า แต่หากการเดินทางราบรื่นก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นกะพริบตาเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปในร้าน
การตกแต่งภายในคล้ายคลึงกับร้านเป่าฟางไจที่เมืองชางตาน แขกในร้านไม่มาก ทว่าแต่ละคนต่างมีลูกจ้างร้านคอยต้อนรับขับสู้
พอเห็นแขกเข้าประตูมา ไม่มีลูกจ้างว่างออกมาต้อนรับ เถ้าแก่ซึ่งอยู่หลังโต๊ะไม้จึงต้องออกโรงเอง
"คุณหนูท่านนี้ ร้านเล็กๆ ของเรามีขายแป้งชาด ปิ่นดอกไม้ประดับผม คันฉ่องทองแดง หวีแปรงผม ไม่ทราบว่าท่านจะรับอะไรดีขอรับ"
ผู้ที่นั่งตำแหน่งเถ้าแก่ร้านได้อย่างมั่นคง ความรู้ย่อมจะไม่ตื้นเขิน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสตรีร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราที่อยู่ตรงกลางคือเ้านายตัวจริง
"เถ้าแก่ ข้าอยากจะถามว่าคุณหนูเมิ่งของพวกท่านเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วหรือยัง?" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อ้อมค้อม ถามเลยตามตรง
เถ้าแก่ตะลึงพรึงเพริด "คุณหนูท่านนี้ ท่าน... รู้จักคุณหนูนายของพวกเราด้วยหรือ"
"ย่อมรู้จักสิ นางบอกว่าเดือนห้าจะออกเดินทางมาจิงเฉิง คำนวณเวลาก็น่าจะถึงแล้วกระมัง" เซวียเสี่ยวหรั่นถามด้วยความใคร่รู้
"อ้อ ใช่แล้วๆ คุณหนูเ้านายของพวกเรามาถึงเมืองหลวงแล้ว ไม่ทราบว่าจวนของท่านอยู่ที่ใด ข้าจะส่งคนไปแจ้งคุณหนูให้รับทราบ" เถ้าแก่ถามอย่างนอบน้อม
แม้สตรีที่อยู่เบื้องหน้า เสื้อผ้าอาภรณ์จะไม่นับว่าพิเศษมาก แต่สถานที่อย่างเมืองหลวง อย่าได้ดูแคลนคนตามอำเภอใจเป็อันขาด ตระกูลใหญ่ครอบครัวขุนนางมีมากยิ่งกว่าขนวัว โยนหินออกไปมั่วซั่วยังอาจไปโดนขุนนางในราชสำนักคนไหนเข้า
"อ้อ ข้าแซ่เซวีย ตอนนี้อยู่จวนสกุลเซวียที่ตรอกจิ่วถ่า บอกคุณหนูของพวกเ้าไปตามนี้ นางก็จะทราบเอง" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้ม ไม่นึกว่าเมิ่งหว่านเหนียงจะมาถึงเร็วกว่าพวกนางเสียอีก
"ขอรับๆ ข้าน้อยจะส่งคนไปแจ้งเดี๋ยวนี้เลย" พอเถ้าแก่ได้ยินชื่อสถานที่หัวใจก็หดเกร็ง ตรอกจิ่วถ่าเชียวหรือ คนที่อยู่แถวนั้นส่วนมากล้วนเป็ขุนนางในราชสำนัก สถานะไม่ต่ำต้อย
"ไม่รีบๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือ "พวกเราก็เพิ่งมาถึงเมืองหลวง รอให้นางเสร็จธุระก่อนค่อยติดต่อกัน ไม่ต้องรีบร้อน"
เถ้าแก่รีบรับคำ แต่ภายในใจกลับไม่กล้าเพิกเฉย
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินออกจากร้านเป่าฟางไจ เถ้าแก่ก็ออกมาส่งถึงหน้าประตูด้วยตนเอง
พวกเขาเดินไปได้ไม่ไกล เถ้าแก่ก็ให้คนไปแจ้งเมิ่งหว่านเหนียง
"คุณหนู คุณหนูเมิ่งมาถึงเมืองหลวงก่อนพวกเราอีกนะเ้าคะ" อูหลันฮวาเอ่ยถึงเื่นี้ขึ้นมา
"ก็นั่นน่ะสิ พวกเราเสียเวลาระหว่างทางนานเกินไป" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกจนใจ
ชิงหนิงซึ่งเดินตามพวกนางอยู่ข้างหลัง สมองแล่นไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังนึกไม่ออกว่าคุณหนูเมิ่งผู้นี้คือคุณหนูจากตระกูลไหน
