วันต่อมา เป็ครั้งแรกที่คุณชายเฟิงไม่ได้ออกจากเรือน แต่อยู่ในจวน กระทั่งตื่นเช้าและเดินไปมาในสวนอย่างสบายๆ
เมื่อสาวใช้หลายคนเห็นเขา ใบหน้าของพวกนางต่างแดงเรื่อ เข้าไปกวาดพื้นหรือเช็ดหน้าต่างใกล้ๆ เขา และกอดรัดรอบๆ เขา สายตาของพวกนางล้วนแอบมองเขาอยู่เรื่อยๆ กระทั่งลืมงานในมือของตนไป
คุณชายเฟิงมาทำให้สาวใช้เหล่านี้ตัวสั่นระริกแต่เช้าตรู่ จนสาวใช้คนหนึ่งทำผ้าขี้ริ้วในมือหล่นลงพื้นเมื่อเห็นเขาเดินไปเดินมา และขณะที่ใจลอยอยู่นั้น เขาก็โน้มตัวลงหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมาคืนให้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“ระวังหน่อย”
ใบหน้าของสาวใช้คนนั้นเปลี่ยนเป็สีแดงเรื่อไปถึงหลังหูของนาง นางนิ่งไม่ไหวติงราวกับิญญาหลุดออกจากร่าง หลิวเยว่ที่ยกอาหารเช้าออกมาจากห้องครัวบังเอิญเห็นฉากนี้พอดี ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ว่าบุรุษเช่นนี้เกิดมาเพื่อล่อลวงผีเสื้อจริงๆ
นางวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะหินที่พ่อบ้านชราสั่งไว้ เนื่องจากเมื่อคืนลมแรงบนโต๊ะหินจึงมีดอกไม้ร่วงหล่นลงมาไม่น้อย หลิวเยว่จึงใช้แขนเสื้อปัดออก จากนั้นก็เรียกอย่างนอบน้อม
“คุณชายเฟิง อาหารเช้าของท่านเสร็จแล้วเ้าค่ะ”
นางยังคงมีท่าทีไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง ทั้งไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำเช่นเคย และไม่รู้สึกอึดอัดจากการกระทำของเขาเมื่อคืนนี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำเสียงเ็าไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ ของนางทำให้คุณชายเฟิงมั่นใจ สาวใช้ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งแต่งตัวเหมือนหญิงสาวในหมู่บ้าน มีผิวสีเหลืองเข้ม คือสาวใช้ที่ชื่อหลิวเยว่คนที่เขาพบเมื่อคืนจริงๆ
ฮ่าๆ เขากินอาหารเช้าไปพลางและจ้องมองหลิวเยว่ไปพลาง นางเกล้าผมแบบหญิงสูงวัยไร้ซึ่งสีสัน ไม่มีเครื่องประดับบนศีรษะ เรียบง่ายเหมือนหญิงชราในชนบท ส่วนเสื้อผ้าของนางก็เป็สีเทาไร้ซึ่งสีสันฉูดฉาด แม้แต่ผิวก็เป็สีเหลืองเข้มแลดูหยาบกร้าน
นางแต่งตัวลวกๆ และไร้รสนิยมเช่นนี้ เพื่อหลอกคนนอกยังพอเข้าใจได้ แต่เขาคุณชายเฟิงเติบโตท่ามกลางพุ่มดอกไม้ ได้ฝึกฝนดวงตาดอกท้อของเขามานานแล้ว มองปราดเดียวก็รู้สึกว่าหลิวเยว่แตกต่างจากคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคืนนี้ เขาได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงนาง ที่ไร้ซึ่งการแต่งหน้าและไร้เครื่องประดับ กระทั่งเขาจำได้ว่าริมสระบัวเมื่อคืน บนร่างของนางคล้ายมีกลิ่นหอมจางๆ ภายใต้แสงจันทร์ทำให้ผิวของนางเรียบเนียนและดูบอบบาง
คุณชายเฟิงเคยผ่านสตรีมามากมาย ทุกคนล้วนงดงามมีเสน่ห์ งดงามมากกว่านางเสียอีก ทว่ายากนักที่จะมีคนบุคลิกเยี่ยงหลิวเยว่ นางนิ่งสงบ เ็า การยืนอยู่ตรงนั้นทำให้คนไม่อาจมองข้ามการมีอยู่ของนางได้
เช่นเดียวกับเมื่อเช้านี้ เขาจงใจเดินไปมาในลานบ้าน สามารถดึงดูดความสนใจของสาวใช้ทั้งหมด หลิวเยว่เองก็มองมาที่เขาเช่นกัน แต่แววตานั้นกลับไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
มันเป็ท่าทางสงบซึ่งกระตุ้นความตื่นเต้นในร่างกายเขา ราวกับกระตุ้นสัญชาตญาณของนักล่าเมื่อเห็นเหยื่อของเขา สำหรับสตรีแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานหลายปี
ตอนที่หลิวเยว่เตรียมจะจากไป ทันใดนั้นนางก็ถูกกระชากมานั่งลงบนตักของคุณชายเฟิง
เขาใช้แขนข้างหนึ่งดึงแขนของนาง ส่วนอีกข้างหนึ่งโอบเอวของนางไว้ และคว้ามาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก สายตาเร่าร้อนเขาสามารถมองเห็นแววตาที่เ็าของนางได้ ก่อนจะลูบเอวนางเบาๆ
ฉากนี้ ทำให้บรรยากาศเช้าตรู่ของตระกูลเฟิงเหมือนตกอยู่ในมนตร์คาถา ความเงียบที่น่าหวาดกลัวนี้ แม้แต่เสียงนกร้องบนกิ่งไม้ในวันธรรมดายังหยุดกะทันหัน
สาวใช้หลายคนจ้องมองภาพนี้ด้วยความไม่เชื่อ แม้แต่สาวใช้ที่ทิ้งเศษผ้าไปเมื่อครู่ยังดวงตาแดงก่ำ พ่อบ้านชรายิ่งพูดไม่ออก
รสนิยมของคุณชายเฟิงของพวกเขาเปลี่ยนเป็เช่นนี้ั้แ่เมื่อไร คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้คือหลิวเยว่ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดและแก่ชราที่สุดในจวนแห่งนี้
หลิวเยว่ในเวลานี้ หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ควบคุมสองมือไม่ให้เหวี่ยงออกไป หากเป็ยุคปัจจุบัน นางคงตบหน้าเขาไปโดยไม่ลังเลแล้ว แต่ในยุคนี้ที่ชายเป็ใหญ่กว่าหญิง นางจึงลังเลเล็กน้อย เพราะนางครุ่นคิดอย่างใจเย็นถึงราคาของการตบครั้งนี้
นางยังคิดไม่ทันเสร็จ คุณชายเฟิงกลับผลักนางออกไปด้วยความรังเกียจ ราวกับกำลังประเมินบางอย่าง
“อืม เ้าน่าสนใจกว่าสตรีในหอนางโลมพวกนั้นมาก”
จากนั้นก็ปัดฝุ่นบนแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
ทิ้งให้ผู้คนเดือดพล่านอยู่ในลาน
หลิวเยว่ไม่รู้ว่านางมีความแค้นอะไรกับคุณชายเฟิง นางอุตส่าห์จงใจทำให้ตนดูต่ำต้อยที่สุดก็ยังไปยั่วโมโหเขาจนได้ เกิดเื่วุ่นวายขึ้นในเรือนั้แ่เช้าตรู่ การทำเช่นนี้จะทำให้หลิวเยว่กลายเป็เป้าของทุกคน ไม่เพียงแต่คนพวกนั้นจะไม่หยุดพูดถึงเื่นาง แต่ยังจะชี้หน้าด่าลับหลังนาง ราวกับเกลียดชังที่นางไปแย่งชายของพวกนางมาก็ไม่ปาน
เมื่อพ่อบ้านชราเห็นนางก็ส่ายหัวให้นางทันที
“หลิวเยว่ ข้านึกว่าเ้าฉลาดตั้งใจทำงาน อยากเลี้ยงดูปูเสื่อเ้าอย่างดี ถึงได้ไว้ใจให้เ้าเป็สาวใช้ส่วนตัวของคุณชายเฟิง แต่คิดไม่ถึงว่าเ้าจะมีใจคิดไม่ซื่อ ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ”
“ข้าไม่ได้เป็เช่นนั้น ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ หากท่านไม่เชื่อข้าจริงๆ ข้าสามารถออกไปจากตระกูลเฟิงได้เดี๋ยวนี้”
เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ พ่อบ้านก็ไม่ได้ไล่บี้หาความรับผิดชอบจากนาง แต่กลับถอนหายใจ
“ในเมื่อคุณชายเฟิงสนใจเ้า หากเ้าไปเช่นนี้ ครั้งหน้าคุณชายเฟิงตามหาเ้าข้าจะรายงานอย่างไร ถ้าเ้าจะไป ก็รอให้คุณชายเฟิงอนุญาตเสียเถอะ”
พ่อบ้านชราคนนี้มีสถานะที่สูงมากในตระกูลเฟิง ว่ากันว่าคุณชายเฟิงพามาจากตระกูลกู้ คอยดูแลเขาเติบโต ถือเป็ผู้าุโคนหนึ่ง
อ้อ จริงสิ ชื่อเดิมของคุณชายเฟิงคือกู้หนานเฟิง เป็บุตรชายของเสนาบดี ั้แ่เด็กเขาไม่สนในเื่เส้นทางขุนนางแต่กลับมาทำการค้า ท่านเสนาบดีได้ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเขา จากนั้นเขาจึงออกมาสร้างจวนของตนเอง ก่อตั้งกิจการและสร้างตระกูลเฟิง
นี่คือสิ่งที่หลิวเยว่รู้ใน่สองวันที่ผ่านมา ในปีแรกยังมีบ่าวรับใช้จากตระกูลกู้มาที่ตระกูลเฟิง แม้ว่าฉากหน้าจะมาเพื่อปรนนิบัติคุณชายเฟิง แต่จริงๆ แล้วเป็คนที่ท่านเสนาบดีส่งมาสอดแนม คนพวกนี้จึงถูกพ่อบ้านชราไล่ออกไป เขาซื่อสัตย์และภักดีต่อคุณชายเฟิง ดังนั้นฐานะของเขาจึงเป็รองเพียงคุณชายเฟิงเท่านั้น
อันที่จริงในสองวันที่ผ่านมา แม้จะไม่มีเื่นี้เกิดขึ้นในวันนี้ หลิวเยว่ก็คิดจะไปจากสถานที่ที่ไม่ควรอยู่นี้ ไม่มีเหตุผลอื่นใด
แซ่ของคุณชายเฟิงคือกู้ ชื่อกู้หนานเฟิง บิดาของเขาคือเสนาบดีกู้ และยังมีจุดหนึ่งที่สำคัญ สนมซินที่เป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็แซ่กู้ กู้ซิน ซึ่งก็คือน้องสาวแท้ๆ ของกู้หนานเฟิง
เมื่อหลิวเยว่ได้รู้ข่าวนี้ นางก็ตั้งใจจะจากไปอยู่แล้ว นางมาจากยุคปัจจุบัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม นางยังไม่้าเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงเกลียดความสัมพันธ์ที่โยงใยไปทั่วแบบนี้
“หลิวเยว่...”
พ่อบ้านชราเรียกนาง
“มีอะไรหรือเ้าคะ?”
“สตรีที่คุณชายเฟิงถูกใจ เขาต้องได้มา เ้าหนีไม่พ้นแล้ว” พ่อบ้านชรากล่าวอย่างตรงไปตรงมา
หลิวเยว่ประหลาดใจ
“ท่านไม่คัดค้านหรือ? ตอนแรกที่ท่านให้ข้าเข้ามาตระกูลเฟิง ท่านมั่นใจมากว่าเขาจะไม่ชอบข้าจึงให้ข้าเข้ามา”
พ่อบ้านชราเพียงยิ้มเยาะ
“สตรีของคุณชายเฟิงไม่ได้มีแค่คนสองคน เพิ่มเ้าอีกสักคนย่อมไม่มีปัญหา และยิ่งไปกว่านั้น หลิวเยว่ เ้าฉลาด”
ประโยคสุดท้ายคือการดูถูกนางหรือชื่นชมนาง?
หากนางฉลาดพอ นางควรเก็บของแล้ววิ่งหนีไปในวันแรกที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณชายเฟิง
ไม่เช่นนั้น หากนางอยู่ในตระกูลเฟิงนานอีกหนึ่งวัน โอกาสที่จะถูกเปิดเผยย่อมจะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน ถ้าอวิ๋นซู่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ อันตรายของนางก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
นางคิดว่าเขาลืมนางไปนานแล้ว แต่จากคำอธิบายของบิดามารดาของนาง รวมถึงสายตาอันน่าหวาดกลัวบนท้องถนนในวันนั้น เขายังคงเกลียดนางมาก แม้นางจะไม่รู้ว่าความเกลียดชังของเขามาจากที่ใด แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่้านางแล้ว
ถ้าเขารู้ว่านางยังอยู่ ผลที่ตามมานั้นไม่อยากจะคิดเลย
บุคลิกของหลิวเยว่ไม่สนใจการถูกคนโปรดปราน นางจึงไม่ถือเอาคำดูถูกของพ่อบ้านชรามาใส่ใจ และทำตัวตามปกติของนาง ในขณะที่สาวใช้คนอื่นต่างจงใจจับผิดนาง ถ้านางสามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จะทำ ถ้านางหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางก็จะเผชิญหน้ากับมัน
หัวหน้าของสาวใช้ในเรือนชื่อหลานอวี้ นางเป็สาวใช้กลุ่มแรกที่เข้ามาั้แ่เริ่มก่อตั้งตระกูลเฟิง และนางก็อยู่มานานที่สุด นอกจากนี้ ว่ากันว่านางเป็หนึ่งในคนที่ได้ขึ้นเตียงกู้หนานเฟิงบ่อยที่สุด ตราบใดที่กู้หนานเฟิงไม่อยู่ในจวน นางก็ไม่เห็นใครในสายตา งานสกปรกและงานหนัก นางล้วนจะปล่อยให้ผู้มาใหม่ทำงานแทนทั้งหมด และพ่อบ้านชราก็ได้แค่ทำเป็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น
และบังเอิญว่าหลิวเยว่คือคนที่มาใหม่ คราแรกหลานอวี้ไม่ได้สนใจนาง กระทั่งเกลียดการพูดคุยกับนางด้วยซ้ำ ต่อมา พ่อบ้านชราส่งให้นางไปเป็สาวใช้ส่วนตัวของคุณชายเฟิง หลานอวี้จึงมาพูดคุยกับนางสองสามประโยค ตอนนั้นนางเองก็ไม่คิดว่าหลิวเยว่จะคุกคามนางได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว กู้หนานเฟิงได้แสดงการกระทำที่คลุมเครือดังกล่าวอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน และทันใดนั้นหลิวเยว่จึงกลายเป็เสี้ยนหนามสำหรับทุกคน
บางครั้งเสื้อผ้าที่นางใส่ในตู้มักจะหายไปโดยไม่มีเหตุผล บางครั้งเตียงนอนของนางก็จะเปียก และบ่อยครั้งที่นางไปที่ห้องครัวเพื่อกินข้าว ข้าวของนางกลับหายไป
นางไม่้าใส่ใจกับการกระทำของเด็กเมื่อวานซืนที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ แต่นานวันเข้านางก็รู้สึกรำคาญ ทำได้เพียงต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม
ในวันนี้ เป็เวลาใกล้เที่ยง ยากนักที่จะได้เห็นกู้หนานเฟิงอยู่เรือน เขากำลังงีบ และอากาศวันนี้ก็ค่อนข้างร้อน สาวใช้หลายคนยุยงให้หลานอวี้เข้าไปในห้อง เพื่อพัดให้คุณชายเฟิงข้างๆ เตียง
สาวใช้นอกห้องต่างมองอย่างเงียบๆ พลางยิ้มบางๆ
ในเวลานี้ หลิวเยว่ตรงไปที่เตียงของกู้หนานเฟิงอย่างเงียบเชียบ หลานอวี้ที่กำลังพัดจ้องนางด้วยความโกรธ และใช้สายตาไล่ให้นางรีบออกไป แต่หลิวเยว่เพิกเฉยต่อการกระทำของนาง เพียงแค่เหลือบมองกู้หนานเฟิง และแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้หลับ ดังนั้นนางจึงพูดขึ้น
“คุณชายเฟิง ข้ามีเื่อยากจะพูด”
“เ้าอย่ารบกวนการพักผ่อนของคุณชายเฟิง” หลานอวี้ห้ามปรามอยู่ด้านข้าง
กู้หนานเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของหลิวเยว่ เขาจึงลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านและมองไปที่นาง นอกจากนี้ เสียงของเขายังฟังดูงัวเงียมีเสน่ห์
“มีเื่อะไร?”
หลิวเยว่ก้มหน้าแล้วมองไปที่เขาด้วยท่าทีเฉยขา
“ข้าอยากได้ห้องส่วนตัวสักห้อง”
ทันทีที่นางพูดเช่นนั้น หลานอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็จ้องมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้างทันที และสาวใช้ที่แอบฟังอยู่นอกห้องต่างอ้าปากค้าง