เมื่อฉินเฟิงถามออกไปหลิ่วปิงปิงก็พบว่าร่างกายของตนเองรู้สึกแปลกๆท้องของเธอเริ่มปวดขึ้นมาจริงๆ และความปวดก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทันใดนั้นหลิ่วปิงปิงก็ตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นระลอกความหนาวเย็นแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ เธอจ้องเขม็งไปยังฉินเฟิง“นาย...สลับแก้วใช่ไหม?”
“ท่านรองหลิ่ว คุณหมายความว่าอะไร? ทำไมผมต้องสลับแก้วด้วยล่ะ?”ฉินเฟิงแกล้งเมิน
หลิ่วปิงปิงกัดฟันด้วยความโกรธเธอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอโดนฉินเฟิงเล่นเข้าให้แล้วเมื่อคิดย้อนไปว่าฉินเฟิงอาจจะสลับถ้วยตอนที่เธอก้มลงเก็บเอกสาร
เมื่อเธอคิดเื่ที่ฉินเฟิงกวาดเอกสารลงจากโต๊ะหลิ่วปิงปิงก็รู้ว่าไอ้เด็กนี่ทำให้เธอวิ่งเต้นไปรอบๆและเมื่อคิดว่าเธอถึงขนาดเริ่มสำนึกผิดในตอนแรก ตอนนี้หลิ่วปิงปิงคิดว่าเธอไร้เดียงสาเกินไป
“ฉินเฟิง ทำได้ดีมาก รอก่อนเถอะ”
ท้องของหลิ่วปิงปิงปวดมากขึ้นเธอรู้สึกถึงแรงกระตุ้นอยากจะปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างแต่ทันใดนั้นเธอก็ขัดขืนความอยากที่จะอัดฉินเฟิงและวิ่งไปยังประตูห้องสืบสวนทันทีหลังจากปล่อยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจะกลับมาเคลียร์กับฉินเฟิง
“เดี๋ยว” หลิ่วปิงปิงยังไม่แม้แต่จะได้ััประตู ฉินเฟิงก็พิงประตูซะก่อน“ท่านรองหลิ่ว คุณอธิบายก่อนสิว่าคุณหมายความว่าอะไร ผมไปหาเื่คุณได้อย่างไร?แล้วทำไมคุณต้องให้ผมรอก่อนด้วย?”
เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงแกล้งทำเป็ไม่รู้เื่ั์ตาของหลิ่วปิงปิงก็มอดไหม้ เธอตะคอกออกมา “ฉินเฟิง หลีกไปซะ นายรู้ชัดเจนอยู่แล้วว่าทำอะไรลงไป”
“ท่านรองหลิ่ว ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยคุณทำให้ชื่อเสียงที่มีคุณธรรมของผมแปดเปื้อนและทำร้ายจิตใจที่สูงส่งของผมนะถ้าผมทำอะไรผิดไปก็แค่บอกผมตรงๆ ผมจะได้เปลี่ยนแปลงแต่ผมทนไม่ได้เวลามีคนมาใส่ร้ายผมมั่วๆ เช่นนี้มันไม่ถูกต้อง ดังนั้นท่านรองหลิ่วต้องอธิบายมาไม่งั้นผมไม่ปล่อยคุณไป”ฉินเฟิงยืนเอามือเท้าสะเอวและกล่าวด้วยบรรยากาศที่ดูชอบธรรม
ใบหน้าของหลิ่วปิงปิงหมองคล้ำเธอรู้สึกว่าฉินเฟิงนี่มันน่ารังเกียจจริงๆเขาพูดเื่ความไม่ถูกต้องอย่างหน้าตาเฉยอย่างกับว่ามันเป็เื่จริง แต่หลิ่วปิงปิงไม่สามารถยกหัวข้อที่ฉินเฟิงสลับแก้วได้เพราะเธอเป็คนใส่ยาถ่ายเองถ้าเธอยกเื่นี้ขึ้นมาเธอต่างหากที่จะเป็ฝ่ายอับอาย
“ถอย!” ท้องของหลิ่วปิงปิงเริ่มทนไม่ไหวและเธอไม่มีแรงจะโกรธอีกแล้ว
“ในนามแห่งความเที่ยงธรรมและชื่อเสียงที่สูงส่งผมไม่ถอย เว้นแต่ว่าวันนี้คุณจะข้ามศพผมไปก่อน”ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับนิ่วหน้า
“ฉินเฟิง ทำไมไม่ไปตายเสียล่ะ?” หลิ่วปิงปิงทนไม่ไหวอีกต่อไปครั้งนี้ เธอนั่งกุมท้องบนพื้น เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก
“ท่านรองหลิ่วคุณดูไม่ดีเลย คุณมีไข้หรือเปล่า?” ฉินเฟิงก็นั่งยองๆและช่วยหลิ่วปิงปิงเช็ดเหงื่อด้วยสีหน้าเป็ห่วง
“เอามือสกปรกออกไปจากฉัน ฉันไม่้าความเห็นใจของนาย”หลิ่วปิงปิงตบมือฉินเฟิงไปและจ้องเขา “บอกมา ทำยังไงถึงจะให้นายไสหัวไป?”
“ผมไม่เข้าใจเลยทำไมท่านรองหลิ่วต้องใช้คำหยาบคายพรรค์นั้นเพื่อให้ผมถอยไปด้วย? ในฐานะที่เป็คนดี ผมจะถอยได้อย่างไร?” สีหน้าเคร่งเครียดของฉินเฟิงเปลี่ยนเป็ยิ้มบางทันทีสายตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าอกของหลิ่วปิงปิง “ท่านรองหลิ่วคุณยอมให้ผมทำทุกอย่างจริงๆ เหรอ?”
หลิ่วปิงปิงกลอกตาถ้าเธอไม่ปวดท้องจนหมดแรงไปล่ะก็แม้ว่าเธอจะสู้ฉินเฟิงไม่ได้ เธอก็ยังจะสู้ตาย “เอาสายตาสุนัขของนายออกไปซะถ้านายกล้ากวาดมองไปทั่วอีกรอบ ฉันจะควักลูกตานายมาเหยียบให้เละไปเลย”
“ก็ได้ งั้นวันนี้ท่านรองหลิ่วก็คงทำได้แค่ข้ามศพผมเท่านั้น”ฉินเฟิงมีบรรยากาศที่ดูชอบธรรมกลับมาอีกครั้ง เขายืนอยู่หน้าประตูและเริ่มผิวปาก
หลิ่วปิงปิงโดนข้าศึกบุกประชิดประตูเมืองอย่างสิ้นท่าดังนั้นเมื่อเธอได้ยินเสียงผิวปากที่โคตรจะดังของฉินเฟิง เธอก็อยากจะเป็บ้าสีหน้าของเธอเริ่มเลวร้ายขึ้นไปอีกขณะที่ยาถ่ายเริ่มออกฤทธิ์ถึงประสิทธิภาพสูงสุดของมันเธอรู้สึกเหมือนว่าภายในตัวเริ่มจะเดือดเธอกลัวว่าเธอจะไม่ได้ออกไปและทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้า
“ฉินเฟิง...ฉันไม่ไหวแล้ว เร็วเข้า” ไม่นานหลังจากนั้นหลิ่วปิงปิงก็เลิกชักสีหน้าและมองฉินเฟิงอย่างละมุนละไม
ฉินเฟิงเกือบจะสะดุดล้มกับพื้นคำพูดของหลิ่วปิงปิงตีความสองแง่สองง่ามได้ดีมาก “ท่านรองหลิ่วคุณอยากให้ผมเร็วอย่างไรเหรอ?”
“รีบบอกสิ่งที่นาย้ามาและรีบให้ฉันไปจากที่นี่เร็วเข้า”คำพูดของหลิ่วปิงปิงกระชับและได้ใจความ เธอไม่พูดให้มันอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว
“ท่านรองหลิ่ว คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นถ้าผมเสนอบางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง คุณจะดูถูกและหัวเราะเยาะผมในใจหรือเปล่า?”
หลิ่วปิงปิงกัดฟันและพูดทีละคำ“ไม่ หรอก”
“ในเมื่อท่านรองหลิ่วพูดแล้วงั้นผมขอรบกวนคุณและให้คุณทำตามข้อเสนอที่ไม่ถูกต้องนี้จริงๆ นะ...ท่านรองหลิ่วมาจูบกันเถอะ”
“ไม่มีทาง!” แม้ว่าหลิ่วปิงปิงเกือบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเธอก็ปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างราบเรียบ
ฉินเฟิงคิดสักพักและกล่าวจริงจัง“เอางี้เป็ไง? กอดผมและให้ผมได้รู้ความจริงใจของคุณผมถึงจะปล่อยคุณไป”
จูบมันมากเกินไปสำหรับหลิ่วปิงปิงแม้แต่กอดก็ทำให้เธอรู้สึกต่อต้าน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเธอถูกบังคับจนหมดปัญญาหลิ่วปิงปิงกัดฟันและกอดฉินเฟิง
ทั้งคู่นั่งยองๆบนพื้นและกอดกัน กลิ่นหอมธรรมชาติโชยเข้าจมูกของฉินเฟิงเขายื่นจมูกไว้บนผมที่เงางามของหลิ่วปิงปิงและสูดดมเข้าลึกๆสองครั้งก็รู้สึกชื่นใจอย่างไม่มีเหตุผล
หลังจากกอดฉินเฟิงเธอก็ได้กลิ่นลักษณะของผู้ชายบนตัวของเขามันทั้งหอมและมีเสน่ห์นิดหน่อย หลิ่วปิงปิงแปลกใจที่พบว่าตนเองไม่ได้เกลียดมัน
แม้ว่าเธอจะเคยโดนสัตว์ป่าฉินเฟิงกอดมาก่อนแต่สถานการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้านี้ที่เป็การกอดด้วยความบังเอิญขณะที่ยังไม่ได้เตรียมใจแต่ครั้งนี้หลิ่วปิงปิงเป็คนเริ่มกอดฉินเฟิงมันแปลกจริงๆ นอกจากความรู้สึกต่อต้านและรังเกียจแล้วมันก็มีเศษเสี้ยวของความอัศจรรย์ใจอยู่ด้วยหลิ่วปิงปิงผวาที่พบว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น!
“ฉินเฟิง พอได้แล้ว” หลังจากกอดมา 10 วินาทีหลิ่วปิงปิงรีบผลักฉินเฟิงออก
“ท่านรองหลิ่ว ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดนะ เรานับได้ว่าเป็เพื่อนที่ดีต่อกันดังนั้นผมจึงอยากจะกอดตามภาษาเพื่อนผมไม่มีความคิดผิดศีลธรรมหรือเจตนาไม่ดีอะไรเลยนะการกอดแบบนี้ไม่จำเป็ต้องใช้เวลาเกินสองวิด้วยซ้ำแต่พอเห็นหัวหน้าหลิวกำลังเพลิดเพลินอยู่ ผมเลยรู้สึกไม่ดีที่จะรบกวนคุณ”
“ถอยไปซะ!”
พวกเขาได้กอดกันไปแล้วดังนั้นฉินเฟิงจึงถอยออกมาหลิ่วปิงปิงพุ่งออกจากห้องสืบสวนราวกับจรวดและมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ
หลิ่วปิงปิงเพิ่งออกไปไม่นานนักลุงฝูและหัวหน้าจางก็รีบร้อนมาหาหลังจากเห็นฉินเฟิง ลุงฝูก็รีบปรี่เข้ามา