แรงะเิขนาดใหญ่ไปรบกวนทหารยามบนเกาะ
ยังไม่ทันที่จั๋วอวิ๋นเซียนจะจากไป ทหารยามตรวจตราหลายสิบคนก็ล้อมเขาเอาไว้ทันที
“เ้าเป็ใครกัน? เหตุใดจึงก่อเื่ที่นี่!”
หัวหน้าทหารยามคนหนึ่งเดินเข้ามา เขามองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาเ็า...อีกฝ่ายสวมชุดคลุมดำและใส่หน้ากาก ปรากฏตัวที่นี่กลางดึก ทั้งยังก่อความวุ่นวายขนาดนี้ คิดจะทำอันใดกันแน่?
่นี้เกาะสามเซียนพัฒนารวดเร็วมาก จึงมีทั้งคนดีและคนชั่วมาอยู่รวมกัน ท่านเ้าเมืองสั่งให้ทหารยามตรวจตราเฝ้าระวัง พยายามตรวจสอบคนแปลกหน้าที่ทำตัวน่าสงสัย และคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้าก็เป็คนที่น่าสงสัยอย่างชัดเจน
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตา เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
คนที่ก้าวออกมามีนามว่า “เหยาเถี่ย” เป็หัวหน้าของหน่วยทหารยามที่สี่แห่งเมืองซานเซียนและเป็ผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลังอีกด้วย จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าออกเมืองซานเซียนบ่อยจึงรู้จักอีกฝ่าย แต่จากความเข้าใจของจั๋วอวิ๋นเซียน อีกฝ่ายไม่ควรปรากฏตัวที่นี่ หรือว่ามีเื่อื่นแอบแฝง?
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนมิยอมพูดจา หัวหน้าทหารยามจึงทำสัญลักษณ์มือให้ทหารรอบด้านค่อยๆ ล้อมเขาเอาไว้
ทว่าในเวลานี้เอง จั๋วอวิ๋นเซียนเคลื่อนไหวกะทันหัน...ชักกระบี่ออกมา พุ่งตรงไปทางหัวหน้าทหารยาม
“ชิ้งๆ!”
เงากระบี่ราวกับเข็ม ส่องประกายแสงเย็นเยือก!
เคลื่อนไหวสง่างามดุจเทพเซียนเริงระบำ!
เหยาเถี่ยกล้าสาบานเลยว่าเขามิเคยเห็นวิชากระบี่ที่งดงามเช่นนี้มาก่อน ทว่าในวิชากระบี่ที่งดงามนี้กลับแฝงด้วยจิตสังหาร หากประมาทเพียงเล็กน้อย อาจจะเสียชีวิตได้!
“ซิ้ว!”
กระบี่หยุดชะงักกะทันหัน ปลายกระบี่จ่อที่คอของเหยาเถี่ย ความหนาวเย็นเสียดกระดูกพุ่งตรงไปถึงศีรษะ ทำให้เขาใจนตัวสั่น
“เฮือก!”
เหยาเถี่ยกลืนน้ำลายเฮือก เขาไม่กล้าขยับ มีเหงื่อไหลท่วมเต็มหน้าผาก
ถึงแม้เขาจะมิใช่อัจฉริยะที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อย แต่อย่างไรเขาก็อาศัยพลังถึงสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ได้อย่างมั่นคง ทว่าเมื่อครู่นี้เขาเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต ไม่เพียงมิอาจตอบโต้ แม้แต่ความคิดที่จะตอบโต้ก็ไม่มี
สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายยั้งมือ ตอนนี้เหยาเถี่ยคงตายไปแล้ว
“ฟึบ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนเก็บกระบี่เข้าฝัก ก่อนสบตากับอีกฝ่ายเล็กน้อย จากนั้นก้าวเดินบนอากาศจากไป
“เหาะเหินเดินอากาศ!”
ทหารยามรอบด้านล้วนเผยสีหน้าใ เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงกับวิชาเคลื่อนไหวของจั๋วอวิ๋นเซียน!
เหยาเถี่ยค่อยๆ สงบใจลง เขาส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่ มิใช่เหาะเหินเดินอากาศ คลื่นพลังิญญาจากร่างของคนคนนี้ถึงแม้จะหนาแน่น แต่ยังห่างไกลจากผู้แข็งแกร่งระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นหากอีกฝ่ายเพียงปล่อยพลังเสี้ยวหนึ่งออกมา พวกเราจะยังยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ?”
“ใต้เท้า เช่นนั้นพวกเราต้องตามไปหรือไม่?”
“ตามไปบ้านเ้าสิ!”
เหยาเถี่ยถลึงตามองลูกน้องอย่างไม่สบอารมณ์ ในใจเกิดความรู้สึกมากมาย
คนคนนี้...เป็ใครกันแน่? เหตุใดจึงไม่สังหารข้า? กังวลหรือว่าดูแคลน? เกาะสามเซียนมียอดฝีมือวิถีกระบี่เช่นนี้ั้แ่เมื่อใด?
“มิได้การแล้ว ต้องเอาเื่นี้รายงานให้ท่านเ้าเมือง หากอีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดี เราจะได้เตรียมตัวไว้ก่อน”
เมื่อคิดได้แล้ว เหยาเถี่ยจึงให้ลูกน้องลาดตระเวนต่อ ส่วนตัวเขามุ่งหน้าไปทางจวนเ้าเมือง
……
หน่วยทหารยามจากไปได้ไม่นาน ก็มีเงาสองเงาปรากฏตัวในป่าล่วนสือพร้อมกัน
ทั้งสองคนดูท่าทางอายุสามสิบกว่าปี คนหนึ่งใบหน้าหล่อเหลา ยืนตัวตรงดุจกระบี่ด้วยท่าทางสง่างาม ส่วนอีกคนหนึ่งถือไหสุรา ไว้หนวดไว้เครา ทว่าสายตาแฝงด้วยความลึกล้ำ
หากเหยาเถี่ยยังอยู่ที่นี่ เขาต้องจำสองคนนี้ได้แน่ เพราะพวกเขาก็คือผู้บำเพ็ญพเนจรระดับเปิดชีพจรที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทะเลล่วนซิง ‘คู่หูสุรากระบี่’... จวินซาง ฉายา ‘กระบี่ทะนง เอ่าเจี้ยน’ กับ จุ้ยเจียงหู ฉายา ‘ผีสุรา จิ๋วกุ่ย’
“ตาเฒ่าจิ๋วกุ่ย รู้จักคนเมื่อครู่นี้หรือไม่? วิชากระบี่ของเขางดงามถึงเพียงนี้ แต่ดูจากกลิ่นอายแล้วน่าจะยังอายุน้อยอยู่!”
จวินซางมองทิศทางที่จั๋วอวิ๋นเซียนจากไปด้วยสีหน้าสงสัย
ที่จริงแล้วตอนที่จั๋วอวิ๋นเซียนแสดงวิชากระบี่ พวกเขาอยู่ใกล้ๆ พอดีจึงเห็นตอนที่จั๋วอวิ๋นเซียนลงมือ
กล่าวตามตรงแล้ว ถึงแม้จวินซางจะมีฉายาว่า ‘เอ่าเจี้ยน’ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นวิชากระบี่ที่น่าทึ่งเช่นนี้มาก่อน ไม่แปดเปื้อนโลกมนุษย์ ราวกับมาจากต่างโลกอย่างไรอย่างนั้น
“เหอะ!”
จุ้ยเจียงหูกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เ้าเป็ถึงปรมาจารย์วิถีกระบี่ แม้แต่เ้ายังไม่รู้จัก แล้วข้าจะรู้จักได้อย่างไร? แต่เ้าหมอนี่มาฝึกวิชากลางดึกหรือ? ดูแปลกๆ หรือไม่!”
“บางทีเขาอาจจะไม่อยากโดนรบกวนกระมัง!”
จวินซางโบกมืออย่างมิได้ใส่ใจ จากนั้นหัวเราะเสียงดัง “ข้ามีลางสังหรณ์ว่า คนที่มีวิชากระบี่เช่นนี้ ต้องไม่เก็บซ่อนตัวแน่ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะได้พบกันอีก”
จุ้ยเจียงหูยกมุมปากกล่าวอย่างดูแคลน “เจอกันแล้วอย่างไร หรือว่าเ้ายังคิดจะสู้กับเด็กระดับหลอมิญญาหรือ? แม้เ้าไม่อาย แต่ข้ายัง้าหน้าตาอยู่!”
จวินซานตกตะลึง เขายิ้มขมขื่นอย่างห้ามมิได้ “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีอายุเท่าไร วิชากระบี่ที่อัศจรรย์เช่นนี้ แต่กลับมีระดับหลอมิญญาเท่านั้น ช่างน่าเสียดาย”
“เอาละ มิต้องพูดไร้สาระ ครั้งนี้พวกเรายังจะสู้กันต่อหรือไม่?”
“ไม่สู้แล้ว”
จวินซานส่ายศีรษะด้วยความรู้สึกปลง ได้เห็นวิชากระบี่เช่นนี้ เหมือนเป็เื่เพลิดเพลินอย่างหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ต่อสู้กันอีกแล้ว
ดูท่าเกาะสามเซียนแห่งนี้ จะเป็สถานที่เสือซ่อนัหมอบจริงๆ
จุ้ยเจียงหูครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้า “ก็ดี ครั้งหน้าพวกเราค่อยนัดกันใหม่ ตอนนี้ไปดื่มสุรากัน”
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว โรงเตี๊ยมปิดหมดแล้ว ยังมีที่ไหนเปิดอีก?”
“หอนางโลม”
“……”
จวินซานตะลึงไปครึ่งลมหายใจกว่าจะได้สติกลับมา “เ้ากล่าวได้มีเหตุผล ข้ามิรู้จะเถียงอย่างไรเลย”
“มิต้องพูดไร้สาระ จะไปหรือไม่?”
“ไป ไปอยู่แล้ว แต่เ้าเลี้ยงนะ”
“ไป”
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็หายไปจากป่าล่วนสือ
……
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีอีกเงาเดินออกมาจากกองหิน เขาก็คือจั๋วอวิ๋นเซียน สายตาของเขาเผยแววครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้ตอนลงมือ จั๋วอวิ๋นเซียนก็ััได้แล้วว่ามีคนกำลังมองอยู่จึงแกล้งจากไป แล้ววนกลับมาอีกครั้ง ซ่อนตัวอยู่ที่นี่
กายาเซียนกระเรียนไม่เพียงมีร่างกายแข็งแกร่ง ทั้งยังสามารถควบคุมลมหายใจ เก็บซ่อนกลิ่นอาย บวกกับพร์วายุไร้สุ้มเสียงของเขา ดังนั้นจวินซางกับจุ้ยเจียงหูสองคนจึงััถึงเขามิได้
“คู่หูสุรากระบี่หรือ? เป็พวกเขานั่นเอง!”
สำหรับยอดฝีมือในทะเลล่วนซิง จั๋วอวิ๋นเซียนจะไม่รู้จักได้อย่างไร แต่สองคนนี้มักจะไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ไม่คบค้ากับขั้วอำนาจใดทั้งสิ้น เหตุใดจึงปรากฏตัวบนเกาะสามเซียนได้เล่า?
เมื่อกล่าวถึงสองคนนี้ เื่เล่าของพวกเขาค่อนข้างมหัศจรรย์
จวินซางกับจุ้ยเจียงหูต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เมื่อพบหน้ากันเป็ต้องสู้กัน ั้แ่อยู่ระดับรวมพลังจนถึงระดับเปิดชีพจร
แต่ในเวลาต่อมา เล่ากันว่าทั้งสองคนถูกตำหนักเซวียนหนี่ว์เล่นงานในระหว่างต่อสู้ จนเกือบตายไปด้วยกัน ั้แ่นั้นเป็ต้นมาความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อยๆ เปลี่ยนไป สู้กันไปสู้กันมาจนกลายเป็สหาย
สำหรับประวัติความเป็มาของ ‘ตำหนักเซวียนหนี่ว์’ นับว่าไม่เล็กเลย ก่อนที่เกาะสามเซียนจะรุ่งเรืองขึ้นมา ตำหนักเซวียนหนี่ว์เป็ถึงขั้วอำนาจอันดับหนึ่งของทะเลล่วนซิงอย่างแท้จริง และเ้าตำหนักซือเต้าหานยังเป็ยอดฝีมือระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีใครกล้าหาเื่
น่าเสียดายที่ตำหนักเซวียนหนี่ว์รับเพียงศิษย์สตรี อีกทั้งยังเกลียดชังบุรุษ แค่ขยับก็ถูกตีถูกไล่ล่าแล้ว ทำให้คนทั้งทะเลล่วนซิงโกรธแค้น จนท้ายที่สุดขั้วอำนาจต่างๆ จึงต้องตั้งกฎขึ้นมา
ดูท่ายุคแห่งความวุ่นวายกำลังจะมาถึงแล้ว!
