“เป็เขา!”
เย่กุ้นจ้าวเมืองหมันก็เป็อีกหนึ่งในจำนวนน้อยคนที่รู้จักเย่ชิงหาน เื่ราวของเย่ชิงหานเขาก็ได้ยินมาเช่นกันและคิดว่าเย่ชิงหานคงต้องตายภายในูเาสุสานทวยเทพเป็แน่แท้ คิดไม่ถึงว่ายังสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้และยังถูกแต่งตั้งให้เป็นายน้อยใหญ่ของตระกูลตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกด้วย เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองในตอนนั้นไม่ได้ล่วงเกินหรือผิดใจต่อเย่ชิงหานและยังปฏิบัติต่อด้วยความเกรงอกเกรงใจอีกด้วย ในเวลาเดียวกันดวงตาของเขาเริ่มกลอกกลิ้งไปมากำลังคิดหาทางที่จะผูกสัมพันธ์อันดีกับนายน้อยใหญ่ของตระกูลเย่ในอนาคตผู้นี้อย่างไรดี
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มใช้ความคิดหาวิธีการขึ้นเช่นกัน หน่วยข่าวกรองของตระกูลเล็กๆ ทั้งหลายที่อยู่ภายในฝูงชนเริ่มส่งข่าวกลับไปรายงานบอกแก่ตระกูลของตนเอง ตระกูลเย่กำหนดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลในอนาคตขึ้นมาแล้วซึ่งถือเป็ข่าวใหญ่ที่สำคัญเป็อย่างมากข่าวหนึ่ง
เพียงชั่วครู่สีหน้าอาการของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อยแปดพันเก้าต่างๆ นานา มองดูแล้วยากที่จะเข้าใจ
.................................
แม้เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิแล้ว แต่ว่าไม่มีเวลาทำการเรียนรู้ความสามารถในการเหาะลอยบนอากาศ ดังนั้นหลังจากจบเื่ราวทีู่เาสุสานทวยเทพพวกเขาจึงต้องอาศัยพวกเย่เทียนหลงพาเหาะลอยกลับมา ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มาด้วยมีอยู่ถึงเจ็ดคน พวกเย่ชิงหานและเหล่านายน้อยคุณหนูทั้งหลายรวมกันได้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ดังนั้นการพาพวกเขาเหาะลอยมาเมืองชางโดยตรงจึงเป็เื่ที่ง่ายดายเป็อย่างมาก
ยอดฝีมือทั้งร้อยกว่าคนล้วนเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ดังนั้นใช้การเหาะลอยมาจึงเป็ไปด้วยความรวดเร็วใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็เดินทางมาถึงยังเมืองชางได้
มองดูเมืองชางที่เห็นได้อย่างเลือนรางดูคล้ายกับอสูรั์ที่นอนขดตัวอยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกภายในใจของเย่ชิงหานเริ่มซับซ้อนขึ้น เมืองแห่งนี้เคยมีทั้งความสุข ความยินดี ความเสียใจ และความเกลียดชัง เคยคิดที่จะหนีจากไปไม่หวนกลับคืนมาอีกตลอดกาล แต่ว่าในตอนนี้เขากลับััได้ถึงกลิ่นไอที่คุ้นเคยบางอย่าง...กลิ่นไอแห่งครอบครัว ในทวีปัเพลิงที่แห่งนี้มีเพียงที่เดียวถึงจะเป็บ้านเป็ครอบครัวของเขาจริงๆ
“เหอะๆ เ้าหนูหานกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเราจะลงไปกันแล้ว ตอนนี้ไป๋หู่นำพาผู้คนมารอคอยต้อนรับพวกเราแล้ว!” เย่เทียนหลงพูดขึ้นต่อเย่ชิงหานด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน จากนั้นร่างกายค่อยๆ เลื่อนลดต่ำลงไปยังพื้นเบื้องล่างก่อนที่จะยืนลงบนพื้นอย่างมั่นคง
“ไป๋หู่คำนับท่านหัวหน้าตระกูล คารวะทุกๆ ท่าน ขอแสดงความยินดีต่อทุกท่านที่ได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กลับมาในครั้งนี้!”
“คำนับท่านหัวหน้าตระกูล คารวะเหล่าผู้าุโสูงสุดทุกท่าน คารวะเหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลาย ขอแสดงความยินดีต่อทุกท่านที่ได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กลับมาในครั้งนี้!”
เย่ไป๋หู่เมื่อเห็นพวกเย่เทียนหลงมาถึงจึงรีบออกไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยทันที ส่วนผู้คนที่อยู่ด้านหลังนอกจากผู้าุโของตระกูลเย่แล้ว ลูกหลานของตระกูลคนอื่นๆ ต่างล้วนคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งแล้วร้องะโขึ้นมาพร้อมๆ กัน
สุดท้ายเย่ไป๋หู่ส่งสายตาจับจ้องมองไปที่เย่ชิงหานสองแขนกางออกแล้วพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“เ้าหนูหาน ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”
“นายน้อยใหญ่ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”
ในขณะเดียวกันเหล่าลูกหลานทั้งหลายของตระกูลได้รับการส่งกระแสเสียงจากเย่ไป๋หู่ ดวงตาจึงต่างล้วนจับจ้องมองไปที่เย่ชิงหานสองแขนกางออกพร้อมกับร้องะโกันออกมา
“นายน้อยใหญ่ของตระกูล? ยินดีต้อนรับกลับบ้าน?”
เย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวมองตากันครั้งหนึ่งด้วยความสงสัย ครั้งที่แล้วไม่ใช่ว่าเย่รั่วสุ่ยบอกให้ตั้งเย่ชิงอวี่เป็ว่าที่หัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไปมิใช่รึ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้จัดเตรียมป่าวประกาศออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้? และที่ทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเย่ไป๋หู่ได้รับคำสั่งมาจากเย่รั่วสุ่ย เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้พวกเขาทั้งสองคิดอะไรมากจึงได้หันมองไปทางเย่ชิงหาน
“นายน้อยใหญ่ของตระกูล? ยินดีต้อนรับกลับบ้าน?”
เย่ชิงหานเองก็สะดุ้งใเช่นเดียวกัน พิธีการใหญ่โตเช่นนี้ดูแล้วคงเตรียมมาต้อนรับตนเองอย่างแน่นอน ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีจากลูกหลานคนที่เจ็ดกลายมาเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูล ตำแหน่งฐานะเลื่อนขึ้นมาสูงยิ่งกว่าผู้าุโของตระกูลเสียด้วยซ้ำไป ในตอนนี้อารมณ์หลากหลายบังเกิดขึ้นมาภายในใจ ซับซ้อนเป็อย่างมาก มองดูสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาที่ตนเองเพื่อรอให้พูดสิ่งใดออกไป เย่ชิงหานสูดลมหายใจลงเข้าไปคำหนึ่งจากนั้นโบกมือขึ้นอย่างช้าๆ หนักแน่นมีพลังแล้วเอ่ยออกมาสามคำ
“ไป กลับบ้าน!”
.................................
ในวันนั้นตระกูลเย่จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น เชิญแขกจากทั่วสารทิศรวมถึงเมืองเล็กเมืองใหญ่ตระกูลเล็กตระกูลใหญ่ทั้งหลาย โต๊ะงานเลี้ยงหลายร้อยถูกจัดเรียงรายทั่วทั้งตระกูล เหล้าหมักชั้นดีของตระกูลเย่ถูกนำออกมาดื่มกินหมดไปกว่าครึ่ง
ในระหว่างงานเย่ชิงหานถูกเย่เทียนหลงดันออกมาหน้างานเพื่อแนะนำให้ทุกคนรู้จักเขานายน้อยใหญ่ว่าที่หัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไปอย่างเป็ทางการ ทำให้เย่ชิงหานต้องดื่มเหล้าแสดงความเคารพตอบกลับไปอย่างนับไม่ถ้วน สุดท้ายจึงต้องใช้พลังปราณรบขับเหล้าออกมา หาไม่แล้วคงจะต้องนอนเมาอยู่นานสามวันแน่ๆ
เมื่อถึงตอนบ่ายของอีกวันเหล่าแขกทั้งหลายต่างเริ่มพากันทยอยกลับไป มีเพียงผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์และพวกฮวาเฉ่า เฟิงจื่อ เยว่ชิงเฉิงเหล่านายน้อยและคุณหนูเท่านั้นที่ยังอยู่
เหล่าผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่จากไปแน่นอนว่ารอคอยการแบ่งสมบัติของล้ำค่า ส่วนพวกเฟิงจื่อไม่มีอะไรทำก็อยากจะอยู่พูดคุยเล่นกับเย่ชิงหานให้มากๆ หน่อย
ส่วนเย่ชิงหานถูกเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวพาตัวไปยังูเาด้านหลังตระกูล เพราะเย่รั่วสุ่ยบอกกับพวกเขาั้แ่แรกแล้วว่าหลังจากที่พวกเขาเสร็จจากงานเลี้ยงฉลองให้รีบพาเย่ชิงหานไปพบเขาในทันที
ส่วนเย่ไป๋หู่อยู่เป็เพื่อนพวกตาแก่ทั้งหลายและจัดการเื่ราวภายในตระกูล ที่ตามมามีเพียงแค่เย่ชิงอวี่เท่านั้น เย่ชิงอวี่ั้แ่ที่เจอกับเย่ชิงหานนางก็ไม่เคยห่างกายของเขาอีกเลยแม้แต่เพียงวินาทีเดียว และแน่นอนว่านางก็มีคุณสมบัติพอที่จะไปเจอเย่รั่วสุ่ยด้วย เย่ชิงอู่ไม่ได้ติดตามไปแต่อยู่เป็เพื่อนพวกเยว่ชิงเฉิงและหลงไซ้หนาน
ทั้งสี่คนมาถึงูเาด้านหลังกลับพบว่าที่ข้างทะเลสาบมีคนชุดดำยืนอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง คนชุดดำรู้ว่าทั้งสี่คนเดินเข้ามาจึงหมุนตัวกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่อยู่ภายในดวงตาภายใต้คิ้วขาวยาวนั้น
“คารวะท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ!” เย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวรีบทำการคารวะลงในทันที
เย่ชิงหานมองดูคนชุดดำที่ดูลักษณะคล้ายกับชายวัยกลางคนแต่คิ้วกลับเป็สีขาวไปทั้งหมด เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้ก็คือผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพของตระกูลเย่ที่มีชื่อเสียงสั่นะเืเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งทวีปเมื่อหลายร้อยปีก่อน จากนั้นดึงแขนเย่ชิงอวี่คุกเข่าไหว้ลงไปพร้อมกับพูดขึ้น “เย่ชิงหานและน้องสาวไหว้คำนับท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ!”
ตอนที่อยู่ด่านดินแดนแห่งภาพลวงตานั้นเย่รั่วสุ่ยสอนสิ่งต่างๆ ให้เขามากมาย ถ้าหากไม่ได้เขา เย่ชิงหานไม่รู้ว่าจะออกมาจากูเาสุสานทวยเทพได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังได้ยินอีกว่าเย่รั่วสุ่ยดีต่อน้องสาวของเขาเป็อย่างมาก ดังนั้นจึงทำการไหว้คำนับแทนคำขอบคุณลงไปจากใจจริงครั้งหนึ่ง
“เหอะๆ ลุกขึ้นเถอะ เ้าหนูหานยินดีต้อนรับกลับบ้าน!” เย่รั่วสุ่ยยืนนิ่งๆ รับการไหว้คำนับจากเย่ชิงหานครั้งหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เ้าหลานชาย อยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพเป็ระยะเวลาห้าปีคงทำให้เ้าลำบากไม่น้อยเลยสินะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว กลับมาถึงบ้านแล้ว เ้าไม่ต้องกังวลต่อสิ่งใดๆ อีกแล้ว มีข้าอยู่เ้าไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้ายเ้าได้อีก นอกเสียจากว่าข้าจะล้มลงไปเพียงเท่านั้น ฮ่าๆ!”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ เหอะๆ ภายในทวีปัเพลิงแห่งนี้ผู้ที่จะสามารถทำอะไรท่านได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น! ข้าย่อมต้องไม่กลัวอย่างแน่นอน!” เย่ชิงหานดึงเย่ชิงอวี่ลุกขึ้นยืน ภายในใจนึกถึงลู่ซีผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเทพ์ที่อยู่ภายในแหวนเซียวเหยา มีลู่ซีคอยปกป้องคิดว่าทั่วทั้งทวีปัเพลิงคงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทำอันตรายต่อเขาได้
“อืม...เ้าคงไม่โทษข้าที่แต่งตั้งเ้าเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูลโดยไม่ถามความเห็นของเ้าหนอกนะ ความจริงแล้วเดิมทีคิดที่จะแต่งตั้งเย่ชิงอวี่น้องของเ้าให้ขึ้นเป็แทน แต่เมื่อเ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัยตำแหน่งนี้จึงต้องตกมาอยู่กับเ้าอย่างช่วยไม่ได้ อนาคตของตระกูลเย่คงต้องฝากไว้ให้เ้าช่วยดูแลแล้วละ!” เย่รั่วสุ่ยหัวเราะฮ่าๆ ออกมา
“เย่ชิงหานไม่กล้าที่จะโทษท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าข้าจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องคนที่ข้าควรจะต้องปกป้องให้ได้!” เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับ จากนั้นหันหน้ามองไปยังเย่ชิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ เย่ชิงอวี่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเพียงเท่านั้น
“เ้าช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนับั้แ่ด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาเป็ต้นไปมาให้ข้าฟังอย่างละเอียดหน่อย ข้าอยากจะแน่ใจในเื่ราวบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่จะได้ตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้ถูกต้องต่อไป!”
เย่รั่วสุ่ยพยักหน้าออกมาจากนั้นเริ่มถามถึงเื่ราวอื่นๆ ที่เกิดขึ้นภายในูเาสุสานทวยเทพ เย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวที่อยู่ข้างๆ ต่างก็รีบทำการเงี่ยหูฟังขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น บนเส้นทางขากลับมาแม้จะพูดคุยกับเย่ชิงหานมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงรายละเอียดมากนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้