“ขอบพระคุณท่านอาจารย์” เ่ิูทำความเคารพอย่างนอบน้อม
อาจารย์ร่างบึกโบกมือปัด พาเ่ิูเข้าสนามแสดงยุทธ์
หลังจากนั้นเขาจึงเดินไปหยุดยืนอยู่กลางลาน ตะเบ็งใส่ศิษย์คนอื่นที่เหลือดังสนั่น “เอาล่ะ เหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลาย หยุดการกระทำทุกอย่างของพวกเ้าลงก่อน พวกเ้าชั้นนี้ส่วนมากอัดพื้นฐานเขตหนังได้ดีแล้ว ต่อจากนี้ข้าจักสอน ‘กระบวนท่าหมีโอบ’ ของเขตกล้ามเนื้อ ตั้งใจดูให้ดีๆ”
อาจารย์กำยำยืนกางขา ปลายเท้าหันเข้ากัน ท่าทางพลันเปลี่ยนไป เป็มั่นคงแข็งกร้าวขึ้นมา เสมือนพญาหมีในปรัมปรา ไอความโกรธเคืองและก้าวร้าวผังแพ่ไพศาล
“พญาหมี แม้ภายนอกดูทึ่มนัก แต่ภายในนั้นทรงเกียรติที่สุด กล้ามเนื้อแข็งแกร่งเหนือว่าเสือสิงห์ ด้วยกระบวนท่า ชน ฉีก พิง โอบ กระแทก คำราม เขย่า เจ็ดคำนี้ พวกเ้าจงถ่างตาดูเสีย”
อาจารย์เริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย
เ่ิูจับตามองอย่างรอบคอบ
กล้ามเนื้อทั้งร่างพลันบวมปูด ราวกับเป็พญาหมีในตำนานตัวจริง แม้จะเชื่องช้าทว่าทุกอากัปกิริยากลับเต็มเปี่ยมด้วยแข็งแรง ทั้งเจ็ดคำล้วนถูกเขาแสดงออกมาอย่างหมดจดสิ้นเชิง
แนวทางการเคลื่อนไหวของพญาหมี มองผิวเผินเหมือนจะง่ายกว่ากระบวนท่าอสรพิษ ทว่าความหมายลึกซึ้งของมันแอบแฝงอยู่ภายในใช่ภายนอก ้าให้กล้ามเนื้อทั้งตัวเคลื่อนที่ ท่าเดียวก็ต้องใช้กำลังของกล้ามเนื้อมากมายเข้าควบคุม จะให้สัมฤทธิ์ผลได้อย่างชำนาญนั้น ยากไม่แพ้กระบวนท่าอสรพิษ
เมื่อแสดงให้ดูจบรอบหนึ่ง ท่าทีเขาก็กลับมาเป็ดังเดิม กวาดตามองลูกศิษย์ตาดำๆ พลางว่า “ดูอย่างชัดเจนหมดแล้วใช่หรือไม่?”
ศิษย์นั้นเล่า ต่างคนต่างก็ตอบไปคนละทิศละทาง
ระดับต่ำสุดของชั้นนี้ ดีกว่าชั้นเมื่อวานของเ่ิูมาก ส่วนใหญ่ก็ได้รับพลังแท้จริงของเขติัมาแล้ว และอาจารย์ร่างสมบูรณ์ก็ถือโอกาสเอาการสอนในชั้นนี้ถ่ายทอดเคล็ดวิชากระบวนท่าหมีโอบให้เ่ิูไปในตัว
เด็กหนุ่มดูจบรอบเดียวก็ปลีกวิเวกไปซ้อมเดี่ยวอยู่ข้างสนามทันที
เขาแสดงกระบวนท่าหมีโอบจบรอบในเวลาอันเร็วรี่
“ยากกว่ากระบวนท่าอสรพิษนิดหน่อยจริงๆ จะควบคุมกล้ามเนื้อทั้งร่างให้ประสานกันได้มีแต่จะต้องทำซ้ำๆ ไปมา จำเป็ต้องทบทวนมากๆ...” เขาแสดงท่วงท่าจบรอบหนึ่งแล้วไม่ได้เริ่มต้นรอบต่อกันเช่นเมื่อวาน แต่หยุดครุ่นคิดพิจารณาจริงจังอีกรอบก่อน จึงเริ่มฝึกฝนรอบที่สอง
อาจารย์กำยำชำเลืองมอง แอบพยักหน้าในที
คนเป็อาจารย์ง่ายนักจักเห็นดีเห็นงามและชื่นชมยินดีที่ศิษย์มีความสามารถมากล้น เป็ความรู้สึกสามัญ ศิษย์ได้ดีผู้เป็อาจารย์ก็ย่อมรู้สึกประสบความสำเร็จไปด้วย
อาจารย์ท่านนี้เป็เช่นนี้มาโดยตลอด
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใส่ใจดูแลเ่ิูเป็พิเศษ
ขณะเด็กหนุ่มฝึกเป็รอบที่สี่ อาจารย์คนเดิมก็ยากที่จะหักห้ามซอกหลืบในใจมิให้ตะลึงงัน
นี่หรือคือฟ้าประทานเหนืุ์?
หากสามครั้งก่อนเ่ิูทำท่าทางไม่ถูกชนิดเข้าถึงจิติญญา ยังจับจุดแก่นแท้ของกระบวนท่าหมีโอบไม่ได้แล้วไซร้ การแสดงครั้งนี้ของเขาก็สิ้นไร้รอยผิดหรือด่างพร้อยแล้ว การควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนสัดในอณูร่างเข้าขากับอักษรทั้งเจ็ดพอดิบพอดี พูนพร้อมไร้ที่ติ!
เวลาผ่านเลยไป
ตลอดทั้งสาย อาจารย์ผ่านไปพร้อมความอึ้งตะลึง
เพราะยามสุริยันเคลื่อนคล้อยสู่เหนือเศียร เ่ิูไม่เพียงแสดงกระบวนท่าแห่งพญาหมีได้สมบูรณ์แบบเท่านั้น เขายังบรรลุถึงระดับกลางของวรยุทธ์ขั้นพิภพเขตกล้ามเนื้ออีกด้วย
ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับสถานการณ์เพราะเหตุการณ์เมื่อวานบ้างแล้ว ทว่าก็ตะลึงลานอีกรอบเข้าจนได้
นี่คงไม่ถึงสองวันดีหรอก หากฝึกได้รวดเร็วเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เ้าเด็กช่างป่วนคนนี้ใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน ก็สามารถบรรลุวิชาฝึกฝนร่างกายได้แน่..ก็ข้ามขั้นวรยุทธ์ขั้นพิภพ เข้าสู่ขั้นอาณาเนื้อฟ้าหรือน้ำพุิญญาได้แน่นอน?
สรุปแล้วนี่มันตัวอะไรกันแน่?
การฝึกซ้อมยังดำเนินต่อไป
ไม่เหมือนกับการฝึกกระบวนท่าอสรพิษ กระบวนท่าหมีโอบไม่เพียงต้องแสดงท่าทางการเคลื่อนไหว กระบวนเจ็ดอักษรเองก็ต้องไขว่คว้ามันไว้ให้ครบถ้วน หนำซ้ำยังต้องพึ่งพาอุปกรณ์ทรงค่าสำหรับการฝึกอีกสองสามอย่าง
กลางลานแสดงยุทธ์ มีผนังเหล็กกล้าไร้สนิมและเสาใหญ่หยัดยืน บรรดาลูกศิษย์วิ่งเข้าไปชน กระแทก พิง โอบอุปกรณ์เหล็กชนิดพิเศษนี้ เพื่อเพิ่มพูนความเร็วในการสัมฤทธิ์ผล
การฝึกเช่นนี้ ลำบากลำบนยิ่งกว่าอะไรดี
ต้องใช้กำลังแรงมาก ง่ายนักจักเกิดาแฟกช้ำ
ดีที่สำนักกวางขาวได้จัดเตรียมยาน้ำบำรุงเืลมกำจัดพิษร้ายไว้เรียบร้อย ในสระยาที่พร้อมใช้งาน และครูฝึกร่างบึกบึนก็คอยเฝ้ามองสถานการณ์การฝึกของศิษย์ทั้งหลายอย่างชำนาญการ หากมีนักเรียนฟกช้ำดำเขียวขึ้นมาจะถูกสั่งให้หยุดฝึกทันที
ในเวลาไม่กี่อึดใจ สระยาข้างสนามฝึกก็มีคนมาใช้บริการกันอุ่นหนาฝาคั่ง
ปัง!
เ่ิูกระแทกกำแพงเหล็กอย่างแรง
เสียงดังสนั่นเหมือนค้อนเหล็กทุบกระแทก
ทว่าเขาไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย ราวกับว่าไร้ความเ็ป
ร่างกายของเขา เนื้อหนังมังสาสีแทนชุ่มโชกด้วยหยาดเหงื่อใต้แสงแห่งตะวัน เอ่อท้นด้วยรัศมีประหลาด แนวกล้ามเนื้อกลมกลืน ทำให้เขาดูงดงามน่ามองอย่างร้ายกาจ
กล้ามเนื้อส่วนไหล่และแผ่นหลังถูกทุบต่อเนื่องจากแรงกระแทกจู่โจมนี้
การเคลื่อนของวิถีทางล้ำค่าแห่งวิชา ‘กระบวนท่าหมีโอบ’ สามารถหลีกเลี่ยงาแตลอดจนความเ็ป ทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างแกร่งกระด้างดุจเหล็กหยาบ ถูกโจมตีทุบซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ท้ายสุดแล้วก็จัดการปรับสภาพความด่างพร้อยในร่างไป แปรเปลี่ยนเป็เหล็กกล้า
ชน พิง จู่โจม โอบ...
กระทำการแตกต่าง ก็ออกกำลังกล้ามเนื้อคนละส่วน
โครมๆๆๆ!
เสียงดังสนั่นยังมีต่อเรื่อยๆ
ศิษย์คนอื่นล้วนเริ่มมึนงงบ้างแล้ว
ตอนเห็นเ่ิูใช้ท่าการฝึกนั่นอย่างบ้าคลั่งและบังคับตัวเอง พวกเขาก็หลงเหลือความตระหนกอยู่บ้าง เริ่มสงสัยหากการกระทำรุนแรงนี้จะเป็การหาเื่ตาย คงมีน้ำอดน้ำทนอยู่ไม่ได้นาน ทว่าเมื่อเห็นเ่ิูยังยืนหยัดเอาเป็เอาตายอย่างไร้อารมณ์ ก็พลันยืนยันได้เลยว่าคนๆ นี้ทำสิ่งที่ไม่ใช่คนทำได้
เพิ่มสิ่งที่ไร้คำอธิบายเยี่ยงน่าประหลาดเข้าไปอีก เ่ิูรักษาระดับการทรมานตัวเองอย่างรุนแรงอยู่เช่นนั้นโดยตลอด แต่กลับไม่เคยะโลงสระยาเพื่อเยียวยาาแฟกช้ำเลยสักครั้ง
ระหว่างนั้นมีอยู่หลายครั้ง ที่อาจารย์ร่างกำยำจะสั่งให้เขาหยุดฝึกซ้อมกลางคัน ทว่าเมื่อสำรวจร่างกายศิษย์แล้ว ก็พลันพบเื่น่าใ กล้ามเนื้อของเขาไร้รอยฟกช้ำหรือาแใด
ร่างกายของเ่ิู แข็งแกร่งประหนึ่งชาวเผ่ามาร
นอกจากเ่ิูแล้ว ไม่มีนักเรียนคนใดผ่านการฝึก ‘กระบวนท่าหมีโอบ’ ในสามสิบนาทีไปได้โดยไม่ะโลงสระยา หยิบยืมยาช่วยขับไล่ความฟกช้ำ
เวลาผันผ่าน ใกล้เที่ยงวันเต็มที
“เอาล่ะ การฝึกรอบสายของวันนี้จบลงแค่นี้” อาจารย์ผู้เดิมละสายตาจากเ่ิู ตบมือแล้วว่าเสียงดัง “ยังเหลือเวลาคาบอยู่มาก พอสำหรับฤกษ์ดีฤกษ์งาม ทุกคนหยุดก่อน มาทำความรู้จักกันหน่อยซิ...”
นี่ก็เป็ความพิเศษของกระบวนการเรียนการสอนวรยุทธ์ของสำนักกวางขาวอย่างหนึ่ง
เวลาที่ใกล้จบคาบ จะให้ลูกศิษย์ลูกหามาพูดคุยทำความรู้จักกัน เรียนรู้ร่วมกัน เพิ่มพูนความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เป็ผลประโยชน์เสริมของคาบสอน
และเป็บรรยากาศที่น่าสนใจที่สุดของบรรดาผู้เรียน
เ่ิูเองก็หยุดการฝึก
เพราะเขามีผู้คนห้อมล้อมรอบตัวเยอะที่สุดนั่นเอง
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ไม่ใช่คนโง่ ต่างก็รู้ว่าเ่ิูเข้าใจกระบวนท่าหมีโอบถึงระดับอาจารย์หลักไปแล้ว หลายคนจึงเข้าหาให้เขาช่วยสอน ชี้แนะความเข้าใจที่มีต่อวิชาฝึกฝนร่างกายนี้
เ่ิูเองก็ไม่ได้อุบเอาไว้คนเดียวแต่อย่างใด นำความรู้ความเข้าใจตัวเอง...ประเคนให้เหมือนยื่นจานใบหนึ่ง
ยามนั้นเอง...มีบางอย่างเกิดขึ้นทันใด
“เฮอะๆ พวกเศษเดนเริ่มชี้นิ้วสั่งคนอื่นแล้วสินะ ดูๆ แล้วเ้าช่างเชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกิน” น้ำเสียงพิลึกเสียดแทงมากลายๆ จากด้านข้าง
หมู่ชนหันหน้าไปมอง ไม่รู้ว่านักเรียนห้าคนจากชั้นอื่นเดินมาในอาณาเขตลานซ้อมั้แ่เมื่อไร
หนึ่งในนั้น คือหลิวเย่
เด็กหนุ่มห้าคนย่างก้าวเข้าลานมา เชิดหน้าชูคอหยิ่งยโส
คนที่เป็หัวโจกเองก็รุ่นราวคราวเดียวกัน ตัวสูง ร่างบางเหลือเกิน จมูกเหมือนอินทรี แนวคิ้วยาว แววในั์ตาปรือเล็กน้อยนั่นมีเค้าลางอันตรายเยี่ยงสัตว์ป่า
“เ้าคือเ่ิู?” เด็กหนุ่มจมูกอินทรีจ้องมานิ่งหนัก
เ่ิูพยักหน้า “เ้าคือใคร?”
“ได้ยินมาว่าเ้าโอหังนัก ไม่เห็นหัวชนชั้นสูงอยู่ในสายตา” เขายกริมฝีปากขึ้นเป็รอยยิ้มแกนๆ “ข้าแค่อยากรู้ว่าเ้าเป็ตัวอะไร ถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานนัก?”
เ่ิูยังอยากเอ่ยอะไร แต่เพื่อนรอบกายก็สอดมือเข้ามาเสียแล้ว รู้สึกถึงน้ำเสียงรสชาติเหมือนกลิ่นควันจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว ต่างคนต่างก็เริ่มไม่เป็มิตรขึ้นมา
“พวกเ้าเป็เด็กชั้นไหน?”
“พวกเรากำลังเรียนอยู่ กล้ามารบกวนหรือไง?”
“จะหยิ่งหรือไม่หยิ่งแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเ้าวะ? พวกเรากำลังเรียนอยู่ กรุณาไสหัวไป!”
พวกเขาล้วนตอบโต้เพื่อปกป้องเ่ิู
ประการแรกก็เพราะถูกความทรหดและอดทนในการซ้อมของเ่ิูทำให้ยอมศิโรราบเข้าอย่างจัง และการที่เพื่อนใหม่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่รู้จากการฝึกฝนให้ฟังโดยไม่หวงวิชา ก็มากพอจะเอาชนะใจพวกเขาได้แล้ว
“เฮอะๆ...” เด็กหัวโจกแค่นยิ้ม กวาดตามองดูถูก “พวกกากเดนอ่อนปวกเปียก หนอนน่าสมเพช อ่อนแอน่ารังเกียจที่สุดในสำนักกวางขาว ยังมีหน้ามาเห่าหอนใส่หน้าข้าอีก ถลำลึกจนยาไหนก็รักษาไม่หาย...”
เสียงต่างๆ เงียบงัน
เด็กหนุ่มจมูกงุ้มยกมือขึ้นฉับพลัน
ครืนๆ!
เสาเหล็กไร้สนิมที่ใช้สำหรับฝึกกระบวนท่าหมีโอบราวกับถูกสายฟ้าฟาด สะท้านะเืรุนแรง หินฐานรากพังทลายไม่เป็ท่า รอยหมัดชัดเจนพิมพ์ประทับบนเหล็กกล้านั้น ลึกถึงสามนิ้ว
“นี่มัน...”
“พลังน่ากลัวอะไรอย่างนี้!”
“หรือจะเป็พลังระดับน้ำพุิญญา?”
เหล่านักเรียนที่แรกเริ่มไม่นับหน้าถือตานั้น อ้าปากเสียกว้าง สีหน้าดูไม่ได้
พลังระดับนี้มากเกินกว่าความรู้ของพวกเขานัก
โจมตีเสาเหล็กไร้สนิมด้วยมือเปล่าแล้วกลายเป็รอยประทับลึกเช่นนี้ หมัดของหนุ่มน้อยจมูกอินทรีกลับไม่มีแผลสักนิด ไม่มีทางเป็พลังในระดับขั้นพิภพเด็ดขาด
“เป็อย่างไรเล่า? เด็กน้อยชั้นเดนมั่นอกมั่นใจทั้งหลาย กลัวหรือเปล่า? โอ้ ใช่แล้ว ไอ้ไร้น้ำยาที่ชื่อเ่ิูน่ะ ได้ยินมาว่าเชิดหน้าชูคอเป็ว่าเล่น มั่นใจในตัวเองนัก ตอนนี้กล้ามาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับข้าตัวต่อตัวหรือเปล่านะ?”
เขาหัวเราะเหยียดหยาม ยื่นนิ้วก้อยไปหาเ่ิูเยี่ยงท้าทาย
“พอแล้ว หลิวเล่ย หยุดอยู่แค่นี้เถอะ” อาจารย์ผู้เงียบงันมาตลอดเปิดปากห้าม “อย่ามาก่อกวนแถวนี้ นี่คือห้องเรียน ไม่ใช่ที่ให้เ้าบ้าคลั่ง”
แท้ที่จริงแล้วเด็กหัวโจกจมูกงุ้มผู้นี้มีนามว่าหลิวเล่ย
อาจารย์ร่างกำยำรู้จักเขาดี
หลิวเล่ยเข้าสำนักมาเป็อันดับที่เจ็ด เป็หนึ่งในต้นกล้าในแปลงเพาะที่สำนักกวางขาวเอาใจใส่เป็พิเศษ ฐานันดรเป็ชนชั้นสูงแต่กำเนิด เป็พวกบ้าวรยุทธ์ อายุน้อยนิด แต่กลับลงมือไม่รู้บันยะบันยัง
นิสัยเด็กหนุ่มคนนี้โเี้ ก่อนจะเข้าสำนักมา เขาก็ได้สู้กับคู่แข่งในสนามประลองยุทธ์มามากมาย าเ็เืกระอัก กระทั่งล้มตายเพราะเขาไปสี่สิบกว่าคน เกิดคลั่งขึ้นมาเมื่อไร ศีลธรรมจรรยาอะไรก็เหลือค่าแค่เศษสวะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้