ตอนที่หลงอวี้เดินออกมาจากหอวิทยายุทธ์ เื่สนุกก็เริ่มต้น
เลี่ยวเล่อเล่อถอยไปหลายก้าว เบิกตาโตท่ามกลางฝูงชน จ้องเขม็งไปที่สองคนบนลานกว้างไม่วางตา นางส่งเสียงะโ
. “หลงอวี้ พยายามเข้า!”
“ศิษย์น้องผู้นี้ ข้าว่าเ้าเหนื่อยเปล่านะ”
ลูกศิษย์ระดับล่างคนหนึ่งด้านหลังของเลี่ยวเล่อเล่อหัวเราะอย่างดูแคลน
“ใครๆ ก็รู้ว่า ผู้ที่ถูกเลือกให้อยู่ฝ่ายธุรการแต่ละเดือนล้วนเป็พวกที่ใกล้จะขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงทั้งสิ้น กล่าวคือ ฝีมือเฟิงหยางตอนนี้อยู่ในอันดับต้นๆ ของเหล่าลูกศิษย์ระดับล่าง เ้าหลงอวี้นี่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของเฟิงหยางได้อยู่แล้ว”
“ทำไมเ้าพูดมากอย่างนี้เนี่ย น่ารำคาญจริงๆ”
เลี่ยวเล่อเล่อกระแทกเสียง
. “ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถานเยว่กับหานเจียนเหมือนกันแล้วเป็อย่างไรล่ะ”
พอได้ยินเช่นนั้นแล้ว ลูกศิษย์ระดับล่างผู้นั้นก็กระแทกเสียงเ็า มองดูเลี่ยวเล่อเล่อกับหลงอวี้อย่างดูแคลน และไม่พูดอะไรอีก
แต่เป็ถานเยว่ที่นอนอยู่บนเปลหามข้างๆ ต่างหากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้วโมโหจนแทบพ่นไฟ นางจ้องเขม็งเลี่ยวเล่อเล่อด้วยแววตาคมกริบราวกับใบมีด
“นังผู้หญิงเวรนี่ บังอาจดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ ข้าต้องให้มันชดใช้แน่”
ถานเยว่พูดเบาๆ อย่างชั่วร้าย
ฟางคางที่นั่งอยู่ข้างๆ พอได้ยินก็กล่าวเสริม
“ศิษย์น้องถาน พอจัดการไอ้สวะหลงอวี้นั่นแล้ว เราค่อยมาต่อกรกับนังผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่สาย”
“หึ”
ถานเยว่กระแทกเสียงอย่างโกรธแค้น ไม่พูดอะไรอีก คำพูดของฟางคางนับว่ามีพลังพอจะยั้งนางไว้ได้บ้าง ถึงอย่างไร ฟางคางเองก็เป็ยอดฝีมือที่จะได้ขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงในไม่ช้าเช่นกัน
บนลานกว้างนอกหอวิทยายุทธ์
เฟิงหยางจ้องเขม็งไปที่หลงอวี้ ในแววตาแฝงความรู้สึกเย้ยหยัน
“ไอ้สวะ เ้าคงบรรลุสุดยอดวิชาบางอย่างในหอวิทยายุทธ์ได้ล่ะสิท่า ถึงได้มั่นใจเสียขนาดนั้น”
“มีสุดยอดวิทยายุทธ์หรือไม่ ทำไมเ้าไม่ลองทดสอบดูเล่า? ลงมือเถอะ”
หลงอวี้แสยะยิ้มเย้ยหยัน กระดิกนิ้วท้าเฟิงหยาง
การกระทำเช่นนี้ เป็การดูถูกเฟิงหยางอย่างชัดเจน สีหน้าของเฟิงหยางกลายเป็ถมึงทึง ก่อนจะก้าวออกไปหนึ่งก้าวแล้วพูดข่มขู่
“ไอ้สวะ คืนนี้เ้าไม่ได้ออกไปจากที่นี่แบบครบสามสิบสองแน่!”
หลังจากก้าวเท้าออกไป ถึงกับเกิดระลอกคลื่นบนอากาศขึ้นวงหนึ่ง ระยะห่างระหว่างเขาและหลงอวี้ลดลงไปหลายจ้างในพริบตา!
“นั่นมันท่าร่างะเืเวหา!”
หลงอวี้รู้ได้ทันทีที่เห็นว่าเฟิงหยางฝึกวิชาท่าร่างอะไรมา ‘ท่าร่างะเืเวหา’เขาเห็นตอนอยู่ในหอวิทยายุทธ์เมื่อครู่นี้ เป็วิทยายุทธ์ขั้นกลางเหมือนวายุก้าวพริบตา แต่ท่าร่างทั้งสองวิชานี้มีหลักการไม่เหมือนกัน
วายุก้าวพริบตานั้น ทำให้ร่างกายของผู้ฝึกแ่เบาดุจสายลม ทำให้ความเร็วเพิ่มสูงขึ้น แต่ท่าร่างะเืเวหานั้น เป็การสร้างแรงสั่นะเืเพื่อสร้างคลื่นอากาศขึ้นมา และใช้คลื่นอากาศนั้นมากระตุ้นร่างกายของผู้ใช้
ท่าร่างทั้งสองประเภทนี้ หากฝึกสำเร็จเพียงขั้นต้นและกลางจะมีผลลัพธ์ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าสำเร็จถึงขั้นสูงจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง
วายุก้าวพริบตาขั้นสูง เพียงก้าวเดียวก็สามารถเคลื่อนตัวออกไปได้ไกลกว่าสามจ้างในพริบตา เป็การเร่งความเร็วของตัวเองให้ถึงขีดสุด!
ขณะที่ท่าร่างะเืเวหาขั้นสูง จะใช้คลื่นอากาศอันทรงพลังสะกดการเคลื่อนไหวของศัตรูที่อยู่รอบตัว!
เฟิงหยางที่ใกล้เลื่อนขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงนั้น ท่าร่างของเขาย่อมต้องบรรลุถึงขั้นสูงมานานแล้ว เมื่อเงาร่างของเขาเคลื่อนไหว คลื่นอากาศก็แผ่กระจาย เพียงพริบตาเดียวก็สามารถเข้าขัดขวางหลงอวี้ไว้ได้
ชั่วพริบตาเดียว ระลอกคลื่นอากาศหลายชั้นก็ทำให้หลงอวี้หายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย วิทยายุทธ์ที่ฝึกสำเร็จถึงขั้นสูง อานุภาพช่างทรงพลังจนไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูด
“สัญลักษณ์ัปรภพ จงตื่น!”
หลงอวี้คิดในใจ
สัญลักษณ์ตรงอกพลันร้อนผ่าว พละกำลังกว่าหมื่นชั่งได้ไหลทะลักไปทั่วร่างผ่านทางลายเส้นสีดำบนสัญลักษณ์
หากคิดจะต่อกรกับผู้มีวิถียุทธ์ขั้นห้าที่บรรลุวิทยายุทธ์สำเร็จถึงขั้นสูงอย่างเฟิงหยาง หลงอวี้จำเป็ต้องปลุกพลังของสัญลักษณ์ัปรภพอย่างเลี่ยงไม่ได้
วินาทีต่อมา เงาร่างของเฟิงหยางได้เข้าประชิดตัวหลงอวี้จากด้านหน้าพร้อมคลื่นอากาศ
“วิชาเท้าัขด หนึ่งเท้าัขด!”
แววตาของเฟิงหยางเผยแววอำมหิต ขาทั้งสองข้างราวกับมีัั์ขดตัวขึ้นมา เขารวบรวมลมปราณอันทรงพลังและเข้าโจมตีหลงอวี้
วิทยายุทธ์ขั้นสูงอีกวิชา ‘วิชาเท้าัขด’!
“จินตภาพสยบฟ้า สะกด!”
หลงอวี้กัดฟัน จินตภาพสยบฟ้าปะทุออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สะกดพลังของเฟิงหยางได้เล็กน้อย จากนั้นออกหมัดข้างหนึ่งชกไปที่สองเท้าของเฟิงหยาง
วิชากายาพิชิตมารทำให้พลังพื้นฐานของเขาแข็งแกร่งขึ้น หมัดของเขาตอนนี้มีพละกำลังเกือบสองหมื่นชั่ง เทียบเท่ากับแรงม้าพยศยี่สิบตัว!
หนึ่งหมัดปะทะเข้าที่สองเท้า ลมปราณภายในอันทรงพลังะเิเป็ลมพายุสายหนึ่ง สาดกระจายไปทั่วบริเวณ จนเศษฝุ่นทั่วบริเวณปลิวกระจายไปทั่วฟ้า บดบังวิสัยทัศน์ของผู้คนไม่น้อย
หลงอวี้รู้สึกถึงความเ็ปรุนแรงสายหนึ่งที่ถูกส่งจากหมัดของตน การฝืนใช้หมัดเปล่าๆ ปะทะกับวิชาที่ฝึกสำเร็จขั้นสูงแล้วอย่างวิชาเท้าัขดเช่นนี้ เขาก็ย่อมต้องตกเป็เบี้ยล่างอยู่แล้ว
แต่เพราะเขาได้รวบรวมลมปราณมาอัดแน่นไว้ที่กำปั้น อีกทั้งระดับพลังของทั้งสองก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทำให้เขาไม่ได้รับาเ็สาหัสการในการปะทะครั้งนี้
เฟิงหยางถูกหลงอวี้ชกจนถอยไปสองก้าว เส้นเืสีเขียวปูดโปนอย่างเดือดดาลบนใบหน้า
‘ไอ้สวะนี่ มีพลังขนาดที่ทำให้เขาต้องถอยได้เลยหรือ’
แล้วไอ้พลังประหลาดที่ทำให้ร่างกายของเขาช้าลงนั่นมันอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับถูกฟ้าดินกดทับเหมือนตอนที่อยู่ในหุบเขาสยบฟ้า
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด หลงอวี้ที่อยู่ตรงหน้าพลันเคลื่อนไหว ท่ามกลางฝุ่นควันลอยฟุ้ง เขาเปลี่ยนตัวเองเป็สายลมเบาบาง เลือนหายไปจากสายตาของเฟิงหยาง
“หืม? วายุก้าวพริบตาขั้นกลางหรือ”
เฟิงหยางไม่ทันได้ระวังตัว ปล่อยให้อีกฝ่ายคลาดสายตา เขาเผยสีหน้าตื่นตะลึง คาดไม่ถึงสักนิดว่า เพียงแค่วันเดียว เ้าสวะหลงอวี้กลับสามารถฝึกวิชาวายุก้าวพริบตาสำเร็จถึงขั้นกลางได้!
ตึงๆๆ!
เสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังมาจากฝั่งซ้ายของเขา จนทำให้เขารู้สึกระแวง งอขาทั้งสองข้างลงราวกับัขด ก่อนจะะโถีบไปทางซ้ายทันที!
แต่วินาทีต่อมา เขาก็พบว่าสองเท้าของตัวเองเพียงถีบโดนอากาศ หลงอวี้จงใจสร้างเสียงฝีเท้าขึ้นทางฝั่งซ้ายก่อนจะฉีกตัวหลบไปอีกทาง
“โดน!”
หมัดอันหนักอึ้งถูกชกออกไปทางฝั่งขวาของเฟิงหยางฉับพลัน เขาที่โจมตีไปก่อนแล้ว ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้
เปรี้ยง!
ไหล่ของเฟิงหยางถูกหมัดของหลงอวี้ชกใส่เต็มๆ จนเซถลาถอยไปหลายก้าว
โชคดีที่เขารวบรวมลมปราณไว้ที่ไหล่ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นหมัดนี้คงได้ทำลายแขนข้างนี้ไปแล้ว
พอััได้ว่าบริเวณไหล่เกิดอาการชา ศีรษะของเฟิงหยางก็เริ่มชาตามไปเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
เป็แค่ไอ้สวะหลงอวี้ที่มีวิถียุทธ์เพียงขั้นสี่ จะมีพลังเหนือกว่าเขาได้อย่างไร
วิถียุทธ์ขั้นห้ามีพละกำลังเทียบเท่าแรงม้าพยศสิบหกตัวเท่านั้น แต่สวะหลงอวี้กลับมีพละกำลังมากถึงยี่สิบแรงม้าพยศ ในแง่ของพละกำลังสามารถสยบเฟิงหยางได้เลยทีเดียว!
พละกำลังของทั้งสองต่างกันอยู่สามพันกว่าชั่ง ทำให้ความได้เปรียบเื่วิทยายุทธ์ขั้นสูงของเฟิงหยางหายไปทันที
“ได้เวลาจบเื่แล้ว”
หลงอวี้แสยะยิ้ม เคลื่อนไหวต่อทันทีไม่หยุดพัก ซัดฝ่าเท้าใส่เฟิงหยางอย่างรุนแรงจากด้านหลังอีกหนึ่งฝ่าเท้า
“ข้ารอจังหวะนี้อยู่เลย!”
ทางเฟิงหยางเองก็ไม่ได้โง่ เขาย่อมเตรียมพร้อมไว้แล้ว สองขาัขด ท่าร่างะเืเวหาถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เขาหันกลับไปถีบเท้าทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งป้องกันการโจมตี อีกข้างพุ่งตรงไปยังหัวของหลงอวี้!
“หลบ!”
หลงอวี้เห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนตัว ถอยหลบออกมาราวกับสายลม จากนั้นเปลี่ยนทิศทางพุ่งโจมตีต่อ
แม้ว่าท่าร่างะเืเวหาของเฟิงหยางจะสำเร็จถึงขั้นสูงแล้ว สามารถใช้คลื่นอากาศขัดขวางการเคลื่อนไหวของหลงอวี้ได้ แต่จินตภาพสยบฟ้าที่หลงอวี้บรรลุได้นั้น มีผลขัดขวางการเคลื่อนไหวได้มากกว่า!
หลังจากปะทะกันอย่างดุเดือด เฟิงหยางก็ตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“อ๊ะ คารวะผู้าุโ!”
ในตอนที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างกินกันไม่ลง เสียงพูดใสกังวานของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากกลุ่มคน
เสียงของหญิงสาวผู้นี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนไว้ไม่น้อย กลุ่มคนที่เดิมทีจดจ่ออยู่กับการต่อสู้พากันกวาดสายตามองหาตัวผู้าุโที่ว่า
แม้แต่เฟิงหยางเอง พอได้ยินคำพูดนี้ก็พลอยลนลานไปด้วย
“แย่แล้ว เื่ที่ข้ายึดตราประจำตัวของคนอื่นไว้ ถ้าถูกผู้าุโรู้เข้าต้องกลายเป็เื่ใหญ่แน่”
เฟิงหยางลนลานไปชั่วขณะ รีบกวาดสายตามองทันที
มีเพียงหลงอวี้เท่านั้นที่ไม่ได้สนใจ ในสายตาของเขามีเพียงคู่ต่อสู้อย่างเฟิงหยางเท่านั้น พอเห็นว่าเฟิงหยางเริ่มกวาดมองไปทั่ว หลงอวี้ก็รู้ตัวทันทีว่าได้โอกาสเผด็จศึกแล้ว
“จินตภาพสยบฟ้า! ย้าก!”
พลังจินตภาพแผ่ขยายปกคลุมเฟิงหยางอย่างสมบูรณ์ จากนั้นหลงอวี้ได้ออกกระบวนท่าวายุก้าวพริบตา เข้าประชิดเฟิงหยางอย่างรวดเร็วก่อนจะระดมหมัดและเท้าใส่เฟิงหยางอย่างต่อเนื่อง
ทุกการโจมตีล้วนมาจากทางที่ยากจะป้องกัน ยิ่งตอนนี้เฟิงหยางกำลังสับสนลนลาน
แต่ต่อให้เขามีสมาธิอยู่ก็ยากที่จะป้องกันทุกการโจมตีได้!
วินาทีต่อมา เฟิงหยางที่ยังไม่ทันได้โต้กลับ ถูกหมัดและเท้าของหลงอวี้กระหน่ำใส่ร่างกายไม่ยั้งรวดเร็วราวกับสายฝน
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
ถูกโจมตีด้วยพละกำลังยี่สิบแรงม้าพยศนับครั้งไม่ถ้วนเช่นนี้ ทำให้เฟิงหยางไม่อาจต้านทานได้ จึงกระเด็นออกไปกระอักเื ก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง!
เฟิงหยางล้มลง ทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ สายตาของผู้คนได้เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
สู้กันแค่นี้ หลงอวี้ก็ชนะแล้วหรือ
เ้าเฟิงหยางอยู่ระดับสูงสุดของวิถีวรยุทธ์ขั้นห้าไม่ใช่หรือ กลับถูกคนขั้นสี่โค่นล้ม าเ็สาหัสจนหมดสติ
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“ยอดไปเลย เ้าชนะได้จริงๆ ด้วย!”
เสียงะโด้วยความยินดีเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็เสียงเดียวกับสาวน้อยที่พูดว่า ‘คารวะผู้าุโ’ เมื่อครู่
จากนั้นสาวน้อยชุดเทาก็ได้ะโเข้าไปในลานกว้าง วิ่งไปอยู่ข้างเฟิงหยางที่นอนาเ็สาหัสอยู่บนพื้น
เ้าของร่างนี้ นอกจากเลี่ยวเล่อเล่อแล้วจะเป็ใครได้อีก?
เสียงะโว่า ‘คารวะผู้าุโ’ ของนางเมื่อครู่นี้ สร้างความปั่นป่วนในจิตใจของเฟิงหยาง ทำให้หลงอวี้เผด็จศึกได้ในคราเดียว แถมทำร้ายเฟิงหยางจนสาหัส!
ตอนนี้เลี่ยวเล่อเล่อมาอยู่ข้างเฟิงหยางที่หมดสติไป ยื่นมือไปค้นของในเสื้อของอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ไม่นานก็หยิบตราประจำตัวแผ่นหนึ่งและขวดหยกชั้นดีขนาดเล็กออกมา
เมื่อได้เห็นสองสิ่งนี้ ใบหน้าน่ารักของเลี่ยวเล่อเล่อก็เผยรอยยิ้มพอใจ
“โอสถชิงหัวอยู่นี่ หลงอวี้ รับไป!”
พอเลี่ยวเล่อเล่อเก็บตราประจำตัวของตัวเองเสร็จแล้ว ก็โยนขวดหยกให้หลงอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
หลงอวี้ยื่นมือไปรับไว้ พอเปิดดูกลิ่นหอมของสมุนไพรก็ลอยโชยออกมา เป็โอสถคุณภาพระดับกลาง โอสถชิงหัวไม่ผิดแน่!
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ผ่อนคลาย ก็มีเสียงหัวเราะเ็าดังขึ้น
“เล่นไม่ซื่อ ชนะด้วยวิธีสกปรก คืนนี้ข้าฟางคางจะทำให้ไอ้สวะอย่างเ้าเผยธาตุแท้ออกมา เพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์น้องเฟิงหยาง!”
ผู้คนหันไปมองต้นเสียง เห็นชายหนุ่มรูปร่างผอมชุดน้ำเงินผู้หนึ่งกำลังเดินจากข้างเปลหามของถานเยว่มายังลานกว้าง
ชายหนุ่มผู้นี้ มีผิวสีดำ กล้ามเนื้อเป็มัด ดูมีพละกำลังมหาศาล เขาคือผู้ติดตามของถานเจียน ‘ฟางคาง’ ที่เพิ่งจะก้าวสู่วิถียุทธ์ขั้นหกได้ไม่นานนี้!