“ว่าแต่ พวกข้ามีเื่สงสัยจะถามท่าน ตอนที่พวกข้าลงไปหาสุราดอกซ่างฮัวหลัวข้างใต้ม่านน้ำตกนั่น พวกข้าพบ......” เ้าวั่งซูยังพูดไม่จบหลานหลี่เซ่อก็แทรกขึ้นมาว่า “พวกท่านพบข้าใช่ไม๊ ไม่สิเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต”
“ใช่! พวกข้าสงสัย ทำไมเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต ต้องใช้มนต์จำแลงเป็ปรมาจารย์กระจกมากมาย และ ทำไมภายใต้กระจกภพพืชพันธุ์ถึงกลายเป็ภพพืชพันธุ์ที่ไม่เคยมีใครเคยไปเยือนอย่างแท้จริง ท่านหลานหลี่เซ่อโปรดชี้แนะ” ฮวาเฟยฟาถามด้วยความสงสัย
“ได้สิ ั้แ่อดีตกาลมาจนปัจจุบันไม่เคยมีผู้ใดสามารถเข้าสู่ภพพืชพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเปนดวงจิตจากภพภูมิไหน ยกเว้นผู้มาเยือนเพียงหนึ่งเดียวจากภพเดรัจฉาน “ผีเสื้อแห่งความตาย” แต่พวกท่าน ด้วยอาศัยการมีกายทิพย์จากท่านฮวาเฟยฟาผู้สืบทอดเผ่าัเพียงหนึ่งเดียว และท่านคุณชายแห่งสกุลเ้าผู้สืบทอดเคียวสู่ภพอาวุธที่แกร่งที่สุดในทุกภพ จึงสามารถผ่านทะลุมาถึงนี่ได้ สำหรับข้าคิดว่าเป็วาสนาที่เราได้พบกัน ข้ายินดีจะเล่าประวัติความเป็มาและความลับของตัวข้าในฐานะตัวแทนภพพืชพันธุ์ และพระมาดาแห่งชีวิตให้พวกท่านฟัง” หลานหลี่เซ่อกล่าวจบก็พอดีกับการมาถึงของผู้เฒ่าหมู่ซู่ชงโคทองคำ์
ตึง! ตึง! เสียงฝ่ารากย่างก้าวมาถึงทั้งห้า “ขออภัยที่ข้ามาช้า ข้าปูนนี้แล้ว และก็ไม่ค่อยได้ขยับไปไหน ไกลๆ บ่อยๆ จริงๆ แทนที่จะไปเรียกข้ามา พวกเ้าควรจะเดินไปหาข้าไม๊” ผู้เฒ่าชงโคทองคำ์กล่าว
“ฮ่าๆๆ!” ทุกคนต่างพาหันหัวเราะออกมาพร้อมกันขำไปกับคำพูดที่ติดตลกของผู้เฒ่าท่านนี้
“ข้าน้อยขอคารวะบรรพาจารย์ ข้าน้อยอยากรบกวนท่านช่วยเล่าประวัติความเป็มาของภพพฤกษา ความลับของภพภูมิที่มีแต่ป่าดึกดำบรรพ์ที่รกชัดนี่ เผ่าพันธุ์หมู่ซู่ของท่าน และข้าเองจะเล่าต่อในเื่ของข้า และพระมารดาแห่งชีวิต” หลานหลี่เซ่อกล่าวคาระผู้เฒ่า
“ออ! ออ! ได้สิ! งั้นข้าขอเริ่มจากพวกข้าเองละกัน”
“พวกเราเผ่าพันธุ์ยืนต้น “หมู่ชู่ (ต้นไม้แห่งา) ” มีชีวิตอยู่มานานนานขนาดที่พวกเ้าเรียกว่าะนั่นแหล่ะ แต่ไม่ใช่แค่ะเหมือนเทพ เซียน หรือ ปีศาจที่เวลาตายต้องทิ้งร่างและความทรงจำทั้งหมด เข้าสู่สังสารวัฏเวียนว่ายเฉกเช่นทั่วกันทุกภพ แต่พวกเราเมื่อหมดอายุขัยหรือ มีเหตุให้มีอันเป็ไปพวกข้าจะทิ้งร่างแต่ิญญาก็ยังเฝ้ารอร่างเดิมฟื้นฟูและเข้าอยู่ร่างเดิมเป็ปกติ พวกข้าไม่เคยเปิดเผยตัวแก่ใคร ไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา และก็ด้วยที่ไม่ค่อยได้ขยับ ก้คงไม่มีใครรู้ว่าขยับได้อย่างที่พวกเ้าเห็น” ทุกคนขำกับเื่เล่าและความขำขันของผู้เฒ่าชงโคทองคำ์
“และการที่พวกข้ารู้เื่ราวของทุกภพเพราะพวกเรามีชีวิตอยู่ในทุกภพ และพวกเราสามารถสื่อถึงกันได้ทั้งหมด เหมือนโยงใยกันตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกข้าจึงรับรู้เื่ราวแม้จะอยู่ที่ไกล หรือแม้กระทั่งคนละภพกัน พวกเ้าหรือดวงจิตจากภพอื่นๆ อาจจะรู้สึกถึงเราได้ แต่ไม่เคยเห็นตัวตน และอาจจะมีทราบว่าพวกเรามีอยู่ ก็อาจจะด้วยพลังเวทย์ พลังจักรา พลังเซียนอะไรก็ว่าไป แต่ก็เป็เพียงการสร้างภาพจำลอง และรับรู้ถึงการมีอยู่ที่ห่างไกล แต่ไม่เคยมีใครเข้ามานี่ได้จริงๆ สักคน” ผู้เฒ่าเล่าต่อยาว
“ใช่! ั้แ่อดีตมาจนปัจจุบัน ไม่มีบันทึกหรือตำราใดในหอมนตรา์เขียนว่ามีต้นไม้มีชีวิต หรือขยับได้ มีเพียงบันทึกว่ารับรับรู้ถึงพลังเวทย์ พลังจักรา จากภพนึงๆ ซึ่งเดาว่าคือพืชพันธุ์ แต่ไม่รู้ว่ามาจากสิ่งมีชีวิตหรือดวงิญญาชนิดใด ภพพืชพันธุ์เป็หนึ่งในภพภูมิที่ลึกลับที่สุด” ฮวาเฟยฟาเล่า
“ใช่ แต่หมู่ซู่ คือธรรมชาติและธรรมชาติ คือหมู่ซู่ พวกเรารับรู้ทุกสิ่งและอยู่ทุกที่ พวกเรารู้สึกเสมอว่าเราเป็ส่วนหนึ่งของทุกคนทุกภพเพียงแต่ ไม่เคยได้รู้ถึงการมีอยู่ของเรา ั้แ่ามาภพพืชพันธุ์แห่งนี้ก็ไม่มีใครสามารถข้ามมาได้ เว้นแต่ตอนเกิดะเิใหญ่ที่จัตุรัสเฟิงสุ่ยแรงะเิที่รุนแรงนั่นสร้างรอยแตกร้าวมายังผนังภพ และแรงกระเพื่อมก็แตกกระจายออกเป็วงกว้างทำให้ ญาติมิตรข้ามากมายเสียชีวิตลง และ อีกบ้างก็กระเด็นกระดอนแตกออก และด้วยความจำเป็ และความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะดำรงสืบต่อเผ่าพันธุ์ไว้ของพวกข้า หมู่ซู่จึงจำต้องพยายามกระจายเมล็ดพันธุ์ด้วยพลังจักราที่มีอยู่เฮือกสุดท้ายก่อนิญญาจะดับลง โดยที่ขณะนั้นรอยร้าวของตัวภพยังแตกกระจาย เหล่าเมล็ดพันธุ์ที่ถูกกระจายออกมาจากต้นหมู่ซู่ บ้างก็ถือกำเนิดได้ในภพนี้ บ้างก็หลุดลอยไปปฏิสนธิต่างภพ แต่อย่างที่พวกเ้าเห็นว่า ถ้าพวกข้าที่ไปกำเนิดและยืนต้นในภพอื่นจะไม่สามารถมีชีวิตขึ้นมาได้ นอกจากลับมายังภพภูมิต้นกำเนิดคือที่นี่ เมื่อนั้นิญญาก็จะฟื้นคืนกลับ” ผู้เฒ่าหมู่ชู่เล่า ในขณะนั้นมีเหล่าหมู่ซู่มากมายเริ่มขยับตัวมาใกล้มารวมตัวและลืมตาร่วมรับฟัง
“นี่พวกท่านคือจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง ธรรมชาติคือพวกท่าน พวกท่านคือธรรมชาติ พวกท่านสงบนิ่ง แต่รับรู้การเคลื่อนไหวและความเป็ไปความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง และมีชีวิตมายาวนานก่อนทุกภพจะกระจายแตกตัวมากมายเช่นทุกวันนี้” เ้าวั่งซูเอ่ย ขณะที่ทุกคนก็ทึ่งกับการมีอยู่ยาวนานก่อนทุกสรรพสิ่ง ความเป็ะของเผ่าพันธุ์หมู่ซู่นี่ และความสามารถในการสื่อสารทั่วถึงกันข้ามภพ อีกทั้งความสามารถในการมีชีวิตอยู่ในทุกภพของพวกเค้า และที่สำคัญบรรพบุรุษคือเดินได้พูดได้และเป็ะ ช่างเป็เผ่าพันธุ์ที่มหัศจรรย์และยิ่งใหญ่เกินบรรยาย