ปั้ง!
ูเาลูกเล็กๆสีเขียวขจีะเิออกมาจากภายใน เศษหินและทรายฟุ้งกระจายออกไปรอบด้านเหมือนแมลงที่บินว่อนเต็มท้องฟ้า ท่ามกลางกลุ่มควันที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและแผ่นดินมีชายคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ เขามีร่างกายอันแข็งแกร่ง เส้นผมสีฟ้า.......... และดวงตาที่เหมือนหมาป่า
หนึ่งก้าว สองก้าว............ จากนั้นเขาก็หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วจ้องมองไปที่เงาคนที่อยู่ด้านหน้า บรรยากาศระหว่างคนสองคนมีแรงกดดันมหาศาลทำให้เศษฝุ่นที่อยู่โดยรอบถูกกดลงอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ ถูกพี่หาเจออีกแล้ว พี่ชาย จมูกของพี่ดียิ่งกว่าจมูกของหมาป่าซะอีก”
ตรงหน้าของชายผมฟ้าคือเด็กหญิงที่ปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมาราวกับภาพลวงตา
ร่างของเธองดงามและเล็กจ้อย เส้นผมสีม่วงปล่อยสยายอย่างเป็ธรรมชาติ มันยาวจรดบั้นเอวของเธอ แต่เส้นผมสีม่วงนั่นกลับไม่ได้เป็สีม่วงเพียงอย่างเดียว แต่มันยังปลดปล่อยแสงสว่างสีม่วงแปลกๆออกมาด้วย ร่างของเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าจริงๆ แต่มัน..........เป็ชุดอเมทิสต์
มือเรียวทั้งสองข้างของเธอเนียนละเอียดเหมือนหิมะ นิ้วยาวขาวละเอียดเหมือนแท่งหยก และข้อมือทั้งสองข้างของเธอก็มีกำไลคริสตัลสีม่วงรัดแน่นอยู่ทั้งสองข้าง มันคือกำไลคริสตัลสีม่วงที่ค่อนข้างใหญ่หนึ่งคู่ แขนเปลือยเปล่าที่โผล่ออกมาจากเสื้อผ้าของเธอขาวเนียนละเอียด และร่างของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยคริสตัลสีม่วงทั่วทั้งร่าง ทว่าคริสตัลที่อยู่บนร่างของเธอนั้นบางมากจนเผยให้เห็นโครงร่างงดงามที่อยู่ภายใน
ที่เท้าของเธอก็สวมรองเท้าอเมทิสต์คู่เล็กๆเอาไว้คู่หนึ่ง และที่ข้อเท้าของเธอก็สวมกำไลข้อเท้าคริสตัลสีม่วงสองอันเช่นเดียวกัน สองขาของเธอเรียวยาวเนียนละเอียด และเรียวขาของเธอครึ่งหนึ่งก็ถูกปกปิดเอาไว้ด้วยชุดอเมทิสต์สีม่วงเช่นเดียวกัน
ใบหน้าของเด็กหญิงคนนั้นถูกหน้ากากสีม่วงปิดบังไว้ครึ่งหน้าจนทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาทั้งสองข้างของเธอและเผยออกมาเพียงใบหน้าสีน้ำนมและริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังแย้มยิ้มเหมือนเป็เื่สนุกเท่านั้น
เธอเหมือนเด็กที่ถูกแกะสลักออกมาจากอเมทิสต์ แสงสว่างสีม่วงงดงามยังคงเปล่งประกายออกมาจากร่างของเธออย่างต่อเนื่อง หากมองดีๆแล้วแม้แต่ดวงตาของเธอก็เหมือนจะเปล่งแสงสีม่วงงดงามออกมาเหมือนกัน
ตูม!!
ใบหน้าของชายผมฟ้านิ่งสนิทไร้ความรู้สึกใดๆ มือของเขายกขึ้นช้าๆ......... แล้วเสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน สายฟ้าสีดำที่มาพร้อมกับแรงกดดันอันน่ากลัวผ่าลงมาจากท้องฟ้าแล้วพุ่งเข้าสู่มือขวาของเขา แล้วสายฟ้าที่ดุร้ายนั้นก็รวมตัวกันจนกลายเป็ดาบสั้นสีดำเล่มหนึ่งในมือของเขา
เด็กหญิงสีม่วงกระตุกยิ้มมุมปากเผยรอยิ้มลึกลับก่อนจะพูดออกมาช้าๆ “พี่ชาย พี่จะฆ่าฉันเหรอ?”
“ฉันจะไม่ฆ่าเธอ และฉันก็คงฆ่าเธอไม่ได้........... แต่เธอจะต้องกลับไปยังที่ที่เธอควรจะกลับไปซะ” ชายผมฟ้ายกดาบสีดำในมือของเขาขึ้นมาก่อนจะชี้ปลายดาบสายฟ้าสีดำดุร้ายไปที่เด็กสาวคนนั้น
“หึ แต่ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้วนี่นา พี่ชาย พี่ว่าฉันจะทำยังไงดีล่ะ?”
เปรี้ยง!
มือทั้งสองข้างของเด็กหญิงะเิแสงสีม่วงออกมา ทันใดนั้นในมือทั้งสองข้างของเธอก็ปรากฏดาบแสงสีม่วงขึ้นมาเล่มหนึ่ง! ดาบแสงนั้นมีความยาวประมาณครึ่งเมตรและเปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้า การปรากฏของมันนำมาซึ่งแรงฉีกกระชากอันน่ากลัว บรรยากาศรอบๆดาบแสงสีม่วงถูกผลักออกไปทำให้บรรยากาศรอบๆตัวของมันบิดเบี้ยวและปั่นป่วนขึ้นมาอย่างชัดเจน
ชายผมฟ้าไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเ็าไร้อารมณ์ของเขาคือคำตอบแล้ว
“พี่ชาย ก่อนหน้านี้พวกเราไม่น่าจะเคยเจอกันมาก่อนนะ แล้วทำไมเวลาฉันไปที่ไหนพี่จะต้องตามฉันไปอยู่เรื่อยเลยห๊ะ?”แม้ว่าจะเรียกอาวุธของตัวเองออกมาแล้วแต่ในน้ำเสียงของเด็กหญิงสีม่วงก็ยังคงมีเสียงหัวเราะและความอ่อนโยนที่ชวนให้ผู้คนในอ่อนยวบ จนดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ใส่ใจชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าและไม่รับรู้ถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย
ชายผมฟ้าก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วหรี่ตาลงครึ่งนึง ในดวงตาของเขามีประกายคมกริบราบกับใบมีด “ฉันกับเธอไม่มีความแค้นต่อกัน แต่เพื่อคนๆนึง ฉันจำเป็ต้องเอาชนะเธอ.......... นี่เป็หนึ่งในไม่กี่เหตุผล............. ที่ฉันยังคงมีชีวิตอยู่”
ใบหน้าของเด็กหญิงสีม่วงปรากฏความสงสัย จากนั้นเธอก็พูดออกมายิ้มๆ “พี่ชาย พี่เป็คนแปลกมากๆคนหนึ่งเลย........ พี่ชาย พี่เก่งมากๆ เป็คนที่เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย แต่ว่าพี่สู้ฉันไม่ได้หรอกนะ.......... ที่ฉันซ่อนตัวจากพี่มาตลอดไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัวพี่หรอกนะ แต่ฉันแค่กลัวว่าเวลาที่เราสู้กันพลังของฉันจะดึงดูดพวกคนที่ฉันไม่อยากเจอเข้ามาน่ะสิ......... แต่ว่าถ้าพี่ชายยังอยากจะตามฉันไปอีกล่ะก็ ฉันจะโกรธแล้วน๊า”
“จริงๆแล้วฉันก็ไม่ใช่คู่มือของเธอหรอก........ เขาก็ไม่ใช่คู่มือของเธอเหมือนกัน ในบรรดามนุษย์ทั้งหมดคงไม่มีใครสามารถเอาชนะเธอได้......... แต่ถ้าเพิ่มคู่หูฉันไปด้วยอีกสักคนล่ะ!?”
เมื่อเสียงของชายผมฟ้าจบลงแสงสีฟ้าสดใสก็สว่างวาบขึ้นมาข้างกายของเขาก่อนเงาร่างหมาป่าั์ที่มาพร้อมกับสายลมจะปรากฏตัวขึ้นมา ดวงตาที่ทอแสงสีฟ้าคู่นั้นล็อคเป้าหมายไปที่ร่างของเด็กหญิงสีม่วงทันที มันปลดปล่อยไอสังหารรุนแรงเหมือนเปลวไฟที่โหมไหม้และดุเดือดจนแทบบ้าคลั่งออกมา..........
“นี่มัน! จิติญญาสีฟ้า!” เด็กหญิงสีม่วงะโออกมาเสียงดังอย่างใ ทันใดนั้นเธอก็เผยยิ้มบางเบาออกมา “จิติญญาสีฟ้าไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พี่ชายคนนี้ทำให้นายยอมจำนนได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้สินะ? แต่ว่า จิติญญาสีฟ้า ฉันน่ะเก่งมากนะ นายน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ นายคิดจริงๆเหรอว่าพวกนายสองคนจะเอาชนะฉันได้? หึ ตลกชะมัด.........”
เปรี้ยง!
เสียงแตกหักดังขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่า ด้านหลังของเด็กหญิงสีม่วงมีเงาร่างสีม่วงที่มีลักษณะเหมือนกันกับร่างของเธอตัดผ่านความว่างเปล่าออกมาปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น.......... การปรากฏตัวของเธอทำให้บรรยากาศที่กดดันอยู่แล้วปั่นป่วนขึ้นมา ใบหน้าของชายผมฟ้าและเด็กหญิงสีม่วงแสดงออกถึงความตกตะลึงขึ้นมาพร้อมกันทันที
ผมดำ ชุดสีม่วง ร่างงดงาม ใบหน้าละเอียดอ่อน ดวงตาปิดสนิท มือและเท้าทั้งสองข้างของเธอห้อยลงตามธรรมชาติ ร่างของเธอลอยค้างอยู่กลางอากาศเงียบๆและไม่ไหวติงราวกับกำลังหลับอยู่อย่างไรอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงะเิท่ามกลางความว่างเปล่าดังเข้ามาในหูชายผมฟ้าและเด็กหญิงสีม่วงก็คงไม่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของเธอ
“.............เธอนี่เอง!” รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหญิงสีม่วงกลายเป็รอยยิ้มที่งดงามในที่สุด เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับจิติญญาสีฟ้าและชายผมฟ้าที่อยู่ทางด้านซ้ายมือและเด็กสาวลึกลับที่อยู่ทางขวามือ........ ศัตรูแบบนี้ แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันอันหนักหน่วง
“เพื่อพี่ชาย........ต้อง.........เอา.........ชนะ.........เธอ..........” เสียงกระซิบแ่เบาออกมาจากปากของเด็กหญิงคนนั้น แม้ว่าดวงตาของเธอจะปิดสนิท แต่ประสาทการรับรู้ของเธอก็รับรู้ตำแหน่งของเด็กหญิงสีม่วงได้อย่างแม่นยำ มือเล็กๆสีขาวยกขึ้นช้าๆก่อนจะตวัดลงท่ามกลางความว่างเปล่า...........
ตูม..............
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้ไม่ใช่การะเิของพลัง ไม่ใช่การะเิของธาตุ แต่เป็.............การะเิของความว่างเปล่า!!
————
————
ม้วนคัมภีร์เชื่อมต่อ : ม้วนคัมภีร์ระดับเซียน หลังจากใช้งานแล้วจะยกระดับความสามารถในการควบคุมสัตว์เลี้ยงให้สูงขึ้น เมื่อถึงเวลาต่อสู้สามารถนำสัตว์เลี้ยงออกมาต่อสู้ได้มากกว่า 1 ตัว
“เอาสัตว์เลี้ยงออกมาได้มากกว่า 1 ตัว! แม่เ้า! นี่ตาผมไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม!” เมื่อมองม้วนคัมภีร์ ที่ดูภายนอกแล้วไม่มีความพิเศษใดๆอย่างละเอียดแล้วจั้วพั่วจวินก็เบิกตาโตแล้วมองมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เขายังคงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ม้วนคัมภีร์ระดับเซียนมักจะมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งเป็ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้
การนำสัตว์เลี้ยงออกมาต่อสู้ได้มากกว่า 1 ตัวหมายความว่าอะไรน่ะเหรอ? เมื่อผู้เล่นคนหนึ่งได้รับสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งมากพอเวลาที่ต่อสู้ร่วมกับสัตว์เลี้ยงพลังในการต่อสู้ของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง และการนำออกมาได้สองตัวก็หมายความว่าพลังในการต่อสู้จะสามารถเพิ่มขึ้นมาได้ถึงสองเท่า............ ถ้าเป็สัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง ผลของมันก็ยิ่งน่าตื่นตะลึง การเรียกสัตว์เลี้ยงออกมาสองตัวในครั้งเดียวนั้นเป็อำนาจพิเศษที่มีเพียงผู้อัญเชิญเท่านั้นถึงจะมีได้
เย่เทียนเซี่ยมองคุณสมบัติของคัมภีร์เชื่อมต่ออยู่สักพักก่อนจะเก็บมันเข้าไปแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ “อืม พั่วจวิน ทางที่ดีนายรีบใช้ม้วนคัมภีร์อันนั้นซะจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นหลังจากกลับไปแล้วมีความเป็ไปได้ 100% ที่ชิวสุ่ยจะแย่งมันไปจากมือของนาย”
เสียง “แกร๊ก” จากการที่ม้วนคัมภีร์ในมือของจั้วพั่วจวินถูกเขาทำลายดังขึ้นมา การกระทำของเขารวดเร็วมากราวกับกลัวว่ามู่หรงชิวสุ่ยจะโผล่มาตรงหน้าเขาในวินาทีต่อมา
“............” เย่เทียนเซี่ย
“ไปเถอะ พวกเรากลับไป......... อืม ไปปลอบใจเ้าสี่กันเถอะ”
ซูเฟยเฟยกอดลูกหมาป่าหิมะน้ำแข็งเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วหัวเราะออกมา
ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง
“เฮ้อ ์ช่างโหดร้าย ท่านจะมอบใบหน้าอันงดงามให้ฉัน แต่ทำไมต้องให้ฉันโดดเดี่ยวเช่นนี้ด้วย โอ้.........โดดเดี่ยว มันคือสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ตอนนี้ฉันอยากเห็นไอ้อ้วนนั่นมาอยู่ในสายตาของฉันแล้ว ฮือ.........ทำไมโลกใบนี้ถึงไม่มีสถานที่ที่สามารถซื้อแชมเปญได้นะ ฉันคิดว่าตอนนี้ฉัน้ามัน............”
ชายผู้โดดเดี่ยวยกธนูในมือขึ้นมาอย่างเ็ปแล้วยิงลูกศรออกไปทีละอันๆ แม้ว่าคำพูดของเขาจะมีแต่เื่ไร้สาระ แต่ลูกศรทุกลูกที่ถูกเขายิ่งออกไปกลับปักเข้าที่มอนสเตอร์ทุกดอกโดยไม่พลาดเลยแม้แต่ดอกเดียว........... และถ้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็จะพบว่าตำแหน่งที่ลูกศรทุกดอกของเขาปักลงไปจะเป็บริเวณกลางหน้าผากของเหล่ามอนสเตอร์อย่างพอดิบพอดี ไม่มีเอียงซ้าย ไม่มีเบี่ยงขวา ราวกับว่ามันถูกคำนวณมาแล้วอย่างแม่นยำ
ใครจะเชื่อว่าระดับความแม่นยำขนาดนั้นจะมาจากคนที่ยิงธนูไปพร้อมๆกับเดินไปด้วยและพูดออกมาไม่หยุด........... หัวใจดวงเดียวไม่อาจใช้ทำอะไรได้พร้อมกันสองอย่าง กฎที่พื้นฐานที่สุดกลับดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับชายคนนี้
ปั้ง!
ธนูะเิถูกยิงออกไปหนึ่งดอกแล้วะเิออกก่อนที่แกะปีศาจสองตัวจะตกอยู่ในสถานะมึนงง (อัตราการติดสถานะมึนงงจากทักษะธนูะเิขึ้นต้นคือ 3%) มู่หรงชิวสุ่ยกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “คนที่มีเมตตาอย่างฉันจะมีเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตน่าสงสารที่แสนจะโชคร้ายเหล่านี้เอง ดังนั้นคนที่มีเมตตาอย่างฉันจะมอบความเมตตาให้พวกแกชื่นชมโลกอันงดงามใบนี้เป็เวลาสามวินาทีสุดท้าย......3…………2…………1 บิงโก! ลาก่อน baby!”
ปัก ปัก.............
ลูกศรไม่กี่ดอกสังหารแกะปีศาจที่น่าสงสารทั้งสองตัวจนหมด
แกะปีศาจเป็มอนสเตอร์เลเวล 15 แต่เนื่องจากมันมีอัตราการเกิดที่น้อยมากดังนั้นจึงไม่ค่อยมีผู้เล่นเลือกมาเก็บเลเวลที่นี่ เมื่อกวาดสายตามองออกไปพื้นที่กว้างไกลในกรอบสายตาของเขาก็มีเพียงผู้เล่นไม่กี่คนที่กระจายตัวกันออกไปและแกะปีศาจไม่กี่ตัวเท่านั้น
“...........เฮ้อ นายน้อย ในตำราไม่ได้บอกเอาไว้เหรอว่าไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปนานน๊านนานเป็ชาติแล้ว แล้วทำไมหัวเซี่ยถึงได้มีไดโนเสาร์มากมายขนาดนี้ ฮือๆๆ........ เดินมาตั้งนานแล้ว แต่ผมยังมองไม่เห็นสาวงามเลยแม้แต่คนเดียว”
“ในตำรานายก็เชื่ออย่างนั้นเหรอ.........ไปๆๆ คิดถึงแต่ผู้หญิงได้ทั้งวัน แล้วมาอยู่แต่ตรงนี้แล้วจะหาเมียได้ไหมเล่า!” ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุราวๆ 15-16 ปี มีดวงตาอันเย็นเยียบและมีดาบสองมืออยู่บนหลังพูดออกมา ข้างกายของเขามีเด็กวัยรุ่นที่ดูน่าจะยังเด็กอยู่ร้องคร่ำครวญออกมา
ชื่อที่อยู่บนหัวของคนทั้งสองก็คือ......... ดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง และ เหยียนเสี่ยวเสีย
“เฮ้อ มีนายน้อยอยู่ตรงนี้ ผมยังกลัวจะหาเมียไม่ได้อยู่อีกเหรอ ผม...........เห้ยๆๆๆ! นายน้อย ดูนั่นเร็ว ตรงนั้น......สาวงาม สาวงาม!”
เหยียนเสี่ยวเสียะโออกมาอย่างตื่นเต้น ดวงตาที่เคยมีแววขุ่นมัวเบิกกว้างขึ้นมาทันทีก่อนจะจ้องมองไปด้านหน้าด้วยดวงตาเป็ประกาย เมื่อมองตามทิศทางที่เขาชี้ไปดาวิญญาเจี๋ยอิ่งก็เบิกตากว้าง จากนั้นก็ตกตะลึง.......... ที่ตรงนั้นมีหญิงสาวผู้งดงามและสูงสง่าอยู่คนหนึ่ง
แต่ว่า.............
“นายน้อย...........นายน้อยจะไปไหม? ถ้านายน้อยไม่ไปผมจะไปละนะ?” เหยียนเสี่ยวเสียเช็ดน้ำลายที่มุมปากแล้วพูดออกมาพร้อมกับถูมือเบาๆ
“อืม............” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งพยักหน้าแล้วพูดอกมาด้วยดวงตาแปลกๆ “เสี่ยวเสีย ในฐานะที่เป็นายน้อยของแก ฉันแนะนำว่า.......... คนๆนั้น ทางที่ดีนายอย่า..........”
“ไม่เป็ไร!” เหยียนเสี่ยวเสียลูบหน้าอกป้อยๆ “ด้วยเสน่ห์ของพวกเรา ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีทางรอดไปได้แน่ นายน้อยไม่ไปผมไปเองแล้วกัน!!”
พูดจบชายคนนั้นก็เริ่มวิ่งออกไปอย่างใจร้อนตรงไปที่............ มู่หรงชิวสุ่ย