"ดริ๊ง...คุณได้เข้าสู่ ‘สันเขาิญญาไร้เสียง’"
"ดริ๊ง... ‘สันเขาิญญาไร้เสียง’ เป็พื้นที่ที่อันตรายอย่างมากโปรดเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง"
มันอยู่ห่างจากทางเข้าของโลกใต้พิภพไม่ถึง 100 เมตรตอนที่หลิงเฉินก้าวเข้าสู่สันเขาิญญาไร้เสียง พื้นดินใต้ฝ่าเท้านั้นเปียกแฉะแสงสว่างและอากาศคล้ายกับอาณาเขตภูตผี ทว่าดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเส้นทางขรุขระเป็หลุมเป็บ่อ เบื้องหน้าของเขา เขาสามารถมองเห็นูเาสูงๆ ต่ำๆลูกแล้วลูกเล่าได้อย่างเลือนราง อากาศนั้นมืดคลุ้มน่ากลัวสภาพแวดล้อมให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกใต้พิภพ
หลังจากเดินเข้ามา หลิงเฉินก็เริ่มรู้สึกกลัวเขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา อารมณ์ของเขาค่อยๆเย็นลงจนสงบเงียบดั่งสายน้ำ
เขากางแผนที่ที่เขาซื้อมาจากเฉียนกุ๋นกุ่นเขามองไปที่มันไม่กี่ครั้ง ก็รู้สึกอย่างแรงกล้ามากขึ้นๆ ว่าเงิน 50,000เหรียญทองนั้นคุ้มค่า บนทวีปลืมลืมถูกทำเครื่องหมายไว้ทั้งหมด เมืองเล็ก เมืองใหญ่ซากปรักหักพัง ป่า ูเา ที่ราบแม่น้ำ มรดกทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆแม้แต่อาคารสำคัญในเมืองใหญ่ๆ ก็มีป้ายกำกับไว้สถานที่พิเศษจำนวนมากยังมีคำอธิบายโดยละเอียดอีกด้วย สีของบริเวณต่างๆก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้เป็สีดำซึ่งหมายความว่ามันเป็พื้นที่ต้องห้ามถัดจากภาพของสันเขาิญญาไร้เสียงเป็ข้อความหนึ่งย่อหน้า
[สันเขาิญญาไร้เสียง]: หนึ่งหมื่นปีก่อน มันถูกเรียกว่า ‘สันเขาไร้เสียง’แต่เพราะมันได้รับผลกระทบจากปราณแห่งความตายซึ่งออกมาจากทางเข้าสู่โลกใต้พิภพจึงมีคนย่างกรายเข้ามาเพียงไม่กี่คน อย่างไรก็ตามในตอนแรกมันไม่ใช่พื้นที่ต้องห้ามบ่อยครั้งที่นักสำรวจเข้ามา เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน จู่ๆ หมอกทมิฬก็ปรากฏขึ้นบน ‘สันเขาไร้เสียง’หลังจากนั้นทุกคนที่ก้าวเข้ามาล้วนตายทั้งหมดและไม่เคยมีใครออกมาได้ ในเวลาสองสามร้อยปีต่อมา ‘สันเขาไร้เสียง’ ก็ถูกตั้งชื่อใหม่เป็ ‘สันเขาิญญาไร้เสียง’ โดยระดับพลังที่ต่ำกว่าระดับ ‘เทพลึกลับ’ห้ามเข้า!
หลิงเฉิน "..."
ระดับพลังต่ำกว่า ‘เทพลึกลับ’ ห้ามเข้ากล่าวคือผู้คนเ่าั้ซึ่งมาที่นี่ถูกฆ่าตายด้วยใครบางคนหรือมอนเตอร์บางตัวซึ่งมีพลังอย่างน้อยระดับ ‘เทพลึกลับ’! ไม่น่าแปลกที่หลายปีมานี้ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนของทวีปหลงลืมได้หายไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย ระดับ ‘เทพลึกลับ’ระดับที่มนุษย์ไม่อาจบรรลุถึงได้หากเขาพุ่งเข้าไป มันต้องเป็ความตายของเขาแน่ๆนอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเฉียนกุ๋นกุ่นรู้ว่ามีอะไรอยู่รอบๆ สถานที่แห่งนี้ทว่าเขาไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ และดูเหมือนว่าแม้แต่ เฉียนกุ๋นกุ่นเองก็หวาดกลัวมัน
หลิงเฉินเก็บแผนที่ และมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากใส่ศิลาที่ว่างเข้าไปในกระเป๋าของเขา พื้นที่เก็บของของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็500 ช่อง
หลังจากเข้าสู่สันเขาิญญาไร้เสียงก็จะไม่มีปราณแห่งความตายใดๆอีก จากสิ่งที่เฉียนกุ๋นกุ่นกล่าว อันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในสันเขาิญญาไร้เสียงได้จากไปแล้วแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะกลับมาเมื่อไร หลิงเฉินเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเขามองไปรอบๆ และสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวของเขาเขากำลังพยายามมองหาสิ่งที่เขามาตามหาที่นี่ ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’! ตามที่ผู้เชี่ยวชาญใน ‘นครัคราม’ ได้อธิบายไว้ หญ้าเปลวเพลิงทมิฬเป็เปลวไฟสีดำกลุ่มเล็กๆบนพื้น ซึ่งสามารถแยกแยะได้อย่างง่ายดาย
หลังจากค้นพบทางเข้าสู่โลกใต้พิภพ เขาจดจำมันไว้ในใจและยอมแพ้ที่จะเข้าไป เฉียนกุ๋นกุ่นกล่าวว่าอันเดดระดับต่ำที่สุดซึ่งอยู่ที่นั่นมีเลเวลอย่างน้อย 50 มันเป็ดินแดนที่เขาไม่อาจแตะต้องได้เลย
หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ...หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ…
หัวใจของหลิงเฉินเต้นระรัวแต่เขายังคงค้นหาไปข้างหน้าเรื่อยๆ พร้อมกับเสี่ยวฮุ่ยสันเขาิญญาไร้เสียงนั้นกว้างใหญ่มีูเาทั้งเล็กทั้งใหญ่กระจายตัวอยู่อย่างแปลกประหลาด บนูเาเหล่านี้คือก้อนหินมากมายนับไม่ถ้วนบางครั้งคุณอาจจะเห็นวัชพืชสีดำบางชนิดซึ่งดูเหมือนจะเป็พืชเพียงชนิดเดียวที่สามารถเจริญเติบโตได้กระทั่งในสภาพแวดล้อมเลวร้ายแบบนี้แต่มันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ หลิงเฉินเดินต่อไปจนกระทั่งเขาไปถึงยอดของูเาลูกแรก ส่วนยอดถูกปกคลุมด้วยก้อนกรวดลมหนาวทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน และไม่มีร่องรอยของหญ้าเปลวเพลิงทมิฬแม้แต่น้อย
หลิงเฉินยืนอยู่บนยอดเขา และมองไปไกลๆ ภายใต้หมอกอันดำมืดเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสันเขาิญญาไร้เสียงแผ่กระจายออกไปไกลเพียงใดและเขามองเห็นได้เพียงูเาด้านหน้าที่สูงกว่าอย่างเลือนรางเท่านั้น
ในเวลานี้นับั้แ่เขาก้าวเข้าสู่สันเขาิญญาไร้เสียงมันก็เป็เวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว
"ชีเยว่ เ้าเคยเห็นหญ้าเปลวเพลิงทมิฬมาก่อนหรือไม่? เ้ารู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหนในสันเขาิญญาไร้เสียง?" หลิงเฉินเอ่ยถาม ชีเยว่ซึ่งมีชีวิตอยู่มานาน 10,000 ปีอาจจะรู้ก็ได้ว่าหญ้าเปลวเพลิงทมิฬอยู่ที่ไหน
"..."
"ชีเยว่?"
เขาเรียกอีกสองสามครั้ง แต่ไม่การตอบรับจากชีเยว่ตอนนั้นเธอกำลังเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเฉียนกุ๋นกุ่น แล้วเธอก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆอีกั้แ่นั้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอใช้พลังจิติญญาของเธอมากเกินไปและตอนนี้เธอกำลังนอนพักผ่อนอยู่ใน ‘จันทร์ต้องสาป’
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้นหลิงเฉินมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และเดินหน้าต่อไปอย่างไรก็ตามเขาจะไม่พบอะไรเลยในสันเขาิญญาไร้เสียงทั้งยังไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตใดๆ นอกจากลมแล้วทั่วทั้งสันเขาิญญาไร้เสียงก็เงียบงัน ความเงียบนั้นน่ากลัวและดูเหมือนว่าจะมีเทือกเขาขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้าเขาซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียวอยู่บนนั้น!
ลงไปตามทางลาดชัน หลิงเฉินตรวจสอบให้แน่ใจในทุกๆ มุมแต่ถึงแม้จะมาถึงอีกฟากหนึ่งของูเาแล้ว ก็ยังไม่มีหญ้าเปลวเพลิงทมิฬให้พบเห็น
ผู้เชี่ยวชาญในนครัครามที่พูดถึงเื่หญ้าเปลวเพลิงทมิฬในสันเขาิญญาไร้เสียงไม่ได้โกหกใช่ไหม? ทำไมเขาถึงไม่พบมันแม้แต่ต้นเดียว?
จู่ๆหลิงเฉินก็คิดถึงความเป็ไปได้อย่างหนึ่ง...มันอาจเป็ไปได้ว่าหญ้าเปลวเพลิงทมิฬเป็เื่ราวที่ได้รับการถ่ายทอดมาเป็เวลานานมากๆใน่เวลานั้นสันเขาิญญาไร้เสียงยังไม่ได้ถูกเรียกว่าสันเขาิญญาไร้เสียงและไม่ใช่แม้แต่สันเขาไร้เสียงแต่วันนี้เวลาหลายหมื่นปีได้ล่วงเลยผ่านไป และพื้นที่ในตอนนี้หญ้าเปลวเพลิงทมิฬอาจจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้เหมือนเมื่อก่อน?
ทันใดนั้นหลิงเฉินก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไปนี่เป็เควสลับเฉพาะของโลกที่ลึกลับ เนื่องจากมีเควสนี้อยู่ ถึงแม้มันจะยากสุดๆแต่มันก็มีโอกาสที่จะทำสำเร็จ ซึ่งพูดได้ว่าหญ้าเปลวเพลิงทมิฬนั้นมีอยู่แน่นอนหลิงเฉินมองไปข้างหน้า... นี่น่าจะเป็พื้นที่ที่ปลอดภัยของสันเขาิญญาไร้เสียงหรือว่าหญ้าเปลวเพลิงทมิฬจะอยู่ที่พื้นที่ตรงกลางของสันเขาิญญาไร้เสียงกัน?
เมื่อคิดถึงเื่นี้หลิงเฉินก็เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขา เขายังคงตรงไปข้างหน้าต่อไปและเพิ่มความเร็วขึ้นในขณะที่เดินไปข้างหน้าแต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเดินทางแบบสบายๆทุกครั้งที่เขามุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งใหม่ เขาจะใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสังเกตการณ์อย่างละเอียดเสียก่อน
หลังจากเวลาหนึ่งชั่วโมง ผลของ ‘ศิลาอันเดด’ก็หมดลง และหายไปจาก ‘จันทร์ต้องสาป’แต่บรรยากาศของสันเขาิญญาไร้เสียงนั้นแตกต่างจากอาณาเขตภูตผีดูเหมือนว่าเขาที่ไม่มี ‘ศิลาอันเดด’ จะไม่เสียHP ใดๆ อีก อย่างไรก็ตามมันเป็เวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วและเขาก็ได้เดินทางมาเป็ระยะทาง 2-3 กิโลเมตร ทว่าเขายังคงไม่พบร่องรอยใดๆของหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ
ขณะที่กำลังค้นหาเวลาในโลกแห่งความเป็จริงเพิ่งจะถึงเที่ยงคืน วันใหม่ได้เริ่มแล้ว สองวันก่อนนครัครามเป็สถานที่อ้างว้าง แต่ตอนนี้มันคึกคักไปด้วยผู้คนที่กำลังเข้าๆ ออกๆผู้เล่นจำนวนมากต่างพยายามที่จะเปลี่ยนอาชีพ หาเควสทำหรือไม่ก็ค้นหาการอัพเกรดสำหรับอุปกรณ์สวมใส่เป็อันดับแรกธุรกิจที่เป็ของผู้เล่นก็ได้เริ่มวางแผนเช่นกันแต่ไม่มีใครคิดว่ามีผู้เล่นคนหนึ่งได้เดินทางจากสถานที่แห่งนั้นไปแล้วกว่า 200 กิโลเมตรโดยอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่น่ากลัว และรับความเสี่ยงมากมายในการทำเควสที่ยากลำบาก
เฉียนกุ๋นกุ่นกล่าวว่า ‘ไอ้สารเลวน่ากลัว’ อาจกลับมาใน่เวลาใดก็ได้การทำให้สันเขาิญญาไร้เสียงเป็สิ่งต้องห้าม และฆ่าผู้เชี่ยวชาญใดๆใครก็สามารถจินตนาการได้เพียงอย่างเดียวว่าเ้านั่นน่ากลัวแค่ไหนถ้าเขาไม่สามารถหาหญ้าเปลวเพลิงทมิฬได้ก่อนมันกลับมาไม่เพียงแต่ภารกิจของเขาจะล้มเหลวลงในขั้นสุดท้าย แต่มันยังหมายถึงความตายอีกด้วยและเขายังต้องก้มหน้าก้มตารับการลงโทษอันโเี้จากการทำเควสไม่สำเร็จ
เขาต้องค้นหามันในทันที!
เวลาอีก 2 ชั่วโมงผ่านไป…
หลิงเฉินข้ามผ่านเนินเขาหลายลูก จนจำไม่ได้แล้วและไม่ใส่ใจที่จะจดจำพวกมันอีก เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หญ้าเปลวเพลิงทมิฬเห็นได้ชัดว่าเขาได้เข้าสู่สันเขาจิติญญาไร้เสียงเรียบร้อยแล้วและตอนนี้มันเป็่เวลาที่เหมาะที่สุดในการหลีกเลี่ยงอันตราย ณเวลานี้เขาได้ค้นหามันมาแล้วถึง 3 ชั่วโมงแต่ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ ในช่องว่างของ่เวลามากมายเหล่านี้แม้แต่หลิงเฉินก็มีอารมณ์แปรปรวนอย่างมาก เขาถึงกับรู้สึกได้รางๆว่าการคาดการณ์ของเขาก่อนหน้านี้อาจถูกต้อง หลังจากหลายปีที่ผ่านมา สันเขาิญญาไร้เสียงก็ไม่ได้เหมือนกับแต่ก่อนมันอาจจะจริงที่ว่าไม่มีหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ!
แต่เขาได้มาไกลแล้วตอนนี้เขาไม่อาจยอมแพ้ได้โดยที่ไม่รู้สึกแย่ เขาขบฟัน และเดินต่อไปข้างหน้าถ้าหากเขาไปถึงจุดสิ้นสุดของสันเขาิญญาไร้เสียงและไม่พบหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ งั้นภารกิจในการค้นหาหญ้าเปลวเพลิงทมิฬนี้ก็จะเป็เควสที่ไม่สามารถทำได้สำเร็จจริงๆ!
ภายใต้การปกคลุมของหมอกอันดำมืด เขามองเห็นได้ไม่ไกลนักและมันยังยากที่จะทราบว่าูเาที่เขาอยู่นั้นอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของสันเขาิญญาไร้เสียงหรือเปล่าหรือเป็ูเาลูกที่สูงที่สุดหรือไม่
ผ่านไป 10 นาที หลิงเฉินก็ได้นั่งลงที่ยอดของูเาลูกหนึ่งโดยตลอดทางที่มาที่นี่ วัชพืชสีดำมีอยู่ทุกหนทุกแห่งแต่หญ้าเปลวเพลิงทมิฬไม่พบที่ใดเลย ตอนนี้เขากำลังเริ่มรู้สึกมึนงง
ูเาในสันเขาิญญาไร้เสียงโดยทั่วไปไม่สูงมากนักลูกที่หลิงเฉินกำลังยืนอยู่นั้นสูงที่สุดและยังเป็ลูกที่ดูเหมือนจะอยู่ตรงจุดศูนย์กลางที่สุดของสันเขาิญญาไร้เสียงหลิงเฉินสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเขา ระยะทาง 50 เมตรทางด้านขวามีหินขนาดใหญ่อยู่ ตรงกลางเป็พื้นที่ว่างขนาดใหญ่และไม่มีแม้แต่เงาของหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ
ยังคงไม่มีอะไร?หลิงเฉินถอนหายใจแต่ในขณะที่เขากำลังเดินลงจากูเา เสี่ยวฮุยซึ่งอยู่ด้านหลังของเขาก็ร้องเรียกมันยกขา และวิ่งไปที่หินก้อนกลมๆ ซึ่งสูงเท่าคนๆ หนึ่งจากนั้นก็ยืนอยู่ข้างหลังหินก้อนนั้นพร้อมกับใช้อุ้งเท้าของมันัักับก้อนหินนั้น
แววตาของหลิงเฉินเป็ประกาย เขาเดินไปที่นั่นอย่างรวดเร็วและเมื่อมองเห็นการกระทำของเสี่ยวฮุย เขาก็ถามขึ้น “เ้ากำลังจะบอกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใต้ก้อนหินนี้?”
เสี่ยวฮุยตอบด้วยการข่วนอุ้งเท้าหน้าของมันอย่างรวดเร็วการเคลื่อนไหวของมันนั้น บอกหลิงเฉินอย่างชัดเจนว่าให้ย้ายหินก้อนนี้ออกไป
จากนั้นหลิงเฉินถอยหลังไป 2 ก้าวและเหลือบมองไปที่หินก้อนนั้น หินก้อนนี้สูงเท่ากับเขา และดูหนักมากๆแต่มันเป็รูปไข่เรียวยาว ดังนั้นถ้าเขาพยายามด้วยพลังทั้งหมดของเขาเขาน่าจะสามารถย้ายมันลงมาได้ ทันใดนั้นเขาก็เก็บอาวุธของเขาและไปยืนอยู่ข้างหน้าก้อนหิน เขาวางมือทั้งสองข้างลงบนก้อนหิน พ่นลมหายใจออกและผลักมันอย่างแรง
ถึงแม้ว่าหินก้อนนี้จะใหญ่มากแต่มันก็ไม่ได้หนักเท่ากับที่หลิงเฉินคิดว่าจะเป็บวกกับรูปร่างที่ไม่มั่นคงของมัน หลิงเฉินใช้พลังบางส่วนแล้วก้อนหินนี้ก็เอียงในทันที หลิงเฉินขมวดคิ้ว กัดฟัน และพยายามมากขึ้นคราวนี้หินขนาดเท่าคนก้อนนี้ก็ถูกเคลื่อนไปโดยหลิงเฉินในฉับพลัน พร้อมกับเสียง ‘ฟุ่บ’ขณะที่มันกระแทกกับพื้น
ด้านล่างหินเป็ปากถ้ำที่มืดมิด มันมีความกว้างครึ่งเมตรหลิงเฉินใ และรีบเข้ามาดูว่ามีอะไรอยู่ในหลุม...หลุมลึก และดำทะมึนเขามองไม่เห็นอะไรเลย แต่ที่ขอบหลุม มีบันไดเชือกแขวนอยู่ข้างๆ
บันไดเชือก!?
เห็นได้ชัดว่าบันไดเชือกนี้ถูกแขวนไว้โดยคน! พูดง่ายๆหลุมเล็กๆ นี้เป็ทางเข้าของใครบางคน!
หรือว่ามันจะเป็ ‘ไอ้สารเลวน่ากลัว’ ที่เฉียนกุ๋นกุ่นพูดถึง? เป็มันหรือเปล่านะ? คนที่มีพลังระดับเทพลึกลับเป็อย่างน้อย?
"ดริ๊ง...คุณได้ค้นพบพื้นที่ลับโดยพื้นที่นี้ไม่มีชื่อ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้