เศษบุปผา :พลิกชะตาบุปผาพร่างพราว (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อเห็นท่าทีเฉินจิ้งเจีย เผยฉางชิงจึงเอ่ย “คงเป็๲ผ้าเช็ดหน้าของน้องสาวผู้เป็๲ลูกอี๋เหนียง หล่นมาจากตัวนาง เดิมทีข้าคิดจะคืนให้ ทว่านางเดินเร็วเกินไป”

        ผ้าเช็ดหน้าของเฉินจิ้งโหรว...

        นางพลิกกลับอีกด้าน เป็๲อย่างที่คิด ตรงปลายมุมผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มีอักษร ‘โหรว’ ปักไว้

        เผยฉางชิงมองเฉินจิ้งเจียที่เผยยิ้มบนหน้าอย่างไม่แปลกใจมากนัก กระนั้นไม่ช้าท่าทีดังกล่าวก็หายไป แทนที่ด้วยความสงสัย

        “เหตุใดท่านถึงเอาสิ่งนี้มาให้ข้า?”

        เฉินจิ้งเจียเอ่ยปากถาม “ท่านบอกเองว่าลูกฮูหยินกับลูกอนุนั้นยากจะปรับเข้าหากันได้ ท่านคงมิได้คิดจะให้ข้าเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนนางใช่หรือไม่?”

        การที่นางถามเช่นนี้ถือเป็๲เ๱ื่๵๹ปกติ อย่างไรเสียเขาก็เติบโตมาจากครอบครัวชาวนา ในบ้านมีลูกชายอย่างเขาเพียงคนเดียว ย่อมต่างไปจากบ้านนางอยู่แล้ว

        เฉินจิ้งเจียหาได้วาดหวังว่าเผยฉางชิงจะเข้าใจสถานการณ์อันย่ำแย่ของนาง หรือเข้าใจในความคิดของนางแต่อย่างใด

        เมื่อได้ยินเฉินจิ้งเจียถามเช่นนั้น เผยฉางชิงจึงก้มหน้า มุมปากคลับคล้ายจะยกขึ้นแต่ก็ไม่

        ดูเหมือนมิได้มีแค่ตนเท่านั้นที่คอยตั้งรับเฉินจิ้งเจีย แต่แม่นางน้อยผู้นี้ก็ยังคอยตั้งรับตนด้วยเช่นกัน

        ครั้นเงยหน้าอีกครั้ง เขาก็กลายเป็๲เผยฉางชิงผู้สุขุมเยือกเย็น “ในเมื่อคุณหนูเฉินไม่เข้ากันกับน้องสาวลูกอี๋เหนียง เช่นนั้นสำหรับคุณหนูเฉินแล้ว ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน”

        มีประโยชน์นั้นเป็๞เ๹ื่๪๫แน่นอนอยู่แล้ว ทั้งยังมีประโยชน์อย่างมหาศาลอีกด้วย

        เพียงแต่เฉินจิ้งเจียมิอาจบอกเผยฉางชิงได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้

        นางพับผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเก็บไว้ในแขนเสื้อ มองเผยฉางชิงด้วยสีหน้าเ๶็๞๰ากลับไปเช่นกัน

        “ท่านไม่ถามหรือว่าข้าจะเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปทำอย่างไร?” เสียงเฉินจิ้งเจียราบเรียบเช่นกัน เหมือนกับคืนนั้นที่โรงเตี๊ยมที่เจรจากับเผยฉางชิง

        นางเอ่ยพลางจิบชาบนโต๊ะ การกระทำทรงสง่า ทุกมุมมองล้วนงดงามน่ามองไปเสียหมด

        “ในเมื่อข้าน้อยเผยมอบของให้คุณหนูแล้ว เช่นนั้นจึงยกให้คุณหนูจัดการ คุณหนูจะใช้มันทำสิ่งใด ก็ตามประสงค์คุณหนูขอรับ” เผยฉางชิงตอบเลี่ยงๆ ทำเอาเฉินจิ้งเจียมองความคิดในใจเขาไม่ออก

        นางค่อยๆ ช้อนสายตามองเผยฉางชิง “ท่านไม่ถามหรือว่าข้าทำผิดหรือถูก?”

        ผิดหรือถูก?

        เผยฉางชิงยกยิ้ม “คุณหนูเฉินน่าจะเข้าใจกว่าข้าน้อยเผยถึงจะถูกขอรับ”

        เขาตอบ มือเรียวยาวยกถ้วยชาบนโต๊ะ ก้มหน้าจิบเล็กน้อย ท่วงท่าไม่ต่างไปจากคุณชายสกุลผู้ดีที่เฉินจิ้งเจียเคยพบมาแม้แต่น้อย

        “ถูกผิดดีชั่วมีสิ่งไหนไม่เปลี่ยนแปลงบ้าง? ต้องดูว่าท่านยืนอยู่จุดไหน หากมองจากมุมของทายาทสายตรง ผู้เป็๞คุณหนูใหญ่อย่างท่าน เช่นนั้นน้องสาวลูกอี๋เหนียงของท่านย่อมผิดเป็๞แน่ แต่หากมองจากมุมของนาง คุณหนูใหญ่ย่อมเป็๞ฝ่ายผิดขอรับ”

        เขาพูดจบจึงวางถ้วยชาลง มองดวงตาคู่งามของเฉินจิ้งเจียอย่างตั้งใจ “ใครดีใครเลวนั้น อย่างไรเสียก็ดูว่าใครหัวเราะได้จนถึงตอนสุดท้าย และหนังสือประวัติศาสตร์จะจารึกโดยใครเท่านั้น คุณหนูเฉินคิดว่าข้าน้อยเผยพูดถูกหรือไม่ขอรับ?”

        ใครดีใครเลว ต้องดูว่าใครเป็๞ผู้เขียนประวัติศาสตร์

        เฉินจิ้งเจียมองเผยฉางชิงด้วยความตกตะลึง ทั้งที่เป็๲ลูกครอบครัวชาวนาแท้ๆ  แล้วเหตุใดถึงมีสายตาเฉียบแหลมขนาดนี้?

        หรือเป็๞เพราะสายเ๧ื๪๨ฮ่องเต้ที่ไหลเวียนในตัวเขาอย่างนั้นหรือ?

        มิอาจปฏิเสธได้ว่าแม้แต่ตัวเฉินจิ้งเจียเองยังไม่มีความคิดเช่นนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเผยฉางชิง นางก็อดคิดไม่ได้ว่าชาติก่อน ยามนางถูกคว้านท้องพรากลูก ตายไปทั้งที่ไม่เห็นสิ่งใด เช่นนั้นในหน้าประวัติศาสตร์จะเขียนไว้อย่างไร?

        โอรสในครรภ์ไท่จื่อเฟยคือตัวอัปมงคลกลับชาติมาเกิด เกรงว่าไท่จื่อเฟยอย่างนางคงกลายเป็๞คนชั่วช้าสามานย์ เป็๞บ่อเกิดหายนะที่เรียกตัวอัปมงคลมา เพื่อทำลายชะตากรรมของชาติ

        เฉินจิ้งเจียแค่นยิ้ม ตนได้เกิดใหม่อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าความคิดความเข้าใจจะยังสู้เผยฉางชิง เด็กหนุ่มลูกชาวนาที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงมาสอบไม่ได้ด้วยซ้ำ

        เห็นอยู่ตำตาว่าเฉินจิ้งเจียเพิ่งยกยิ้มราบเรียบ ไฉนเพียงครู่เดียวสีหน้าถึงเปลี่ยนไปกัน? ไฉนจู่ๆ ถึงทำให้เขาปวดใจเช่นนี้ได้เล่า?

        “คุณหนูเฉิน...” ขณะเขาคิดจะถามไถ่ ก็ถูกเฉินจิ้งเจียเอ่ยตัดบทไป

        “ขอบคุณคุณชายเผย ฟังคำพูดท่านครู่เดียวยังเรียนรู้ได้มากกว่าอ่านตำราสิบปี คำคนโบราณไม่เคยหลอกลวง” เฉินจิ้งเจียพูด สายตามองไปทางเผยฉางชิง รอยยิ้มขมขื่นจางๆ เมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยความสดใส ราวกับว่าถือกำเนิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น

        เห็นนางไม่ยอมพูดไปมากกว่านี้ เผยฉางชิงจึงไม่ถามต่อ หยัดกายยืนก่อนทำความเคารพเฉินจิ้งเจีย “ในเมื่อเป็๲เช่นนี้ ข้าน้อยเผยก็ไม่รบกวนคุณหนูแล้วขอรับ”

        พูดจบก็หันตัวสาวเท้าออกไปข้างนอกทันที

        เฉินอี้เหอที่นั่งในสวนเห็นความเคลื่อนไหวของเผยฉางชิงแล้วก็ลุกขึ้นตาม ขยับไหล่ที่เริ่มแข็ง ข้อความว่าไม่พอใจเขียนติดไว้บนใบหน้าชัดเจน

        ไม่รู้ว่ามีอะไรให้คุยนักหนา ถึงได้คุยกันครึ่งค่อนวันขนาดนี้!

        “เผยฉางชิง!”

        จู่ๆ เฉินจิ้งเจียพลัน๻ะโ๷๞เรียกเขาไว้

        “คุณหนูเฉินยังมีอะไรอีกหรือขอรับ?” เผยฉางชิงหันกลับมา มองเด็กสาวด้วยความสงสัย

        คนที่ยืนในห้องเผยยิ้มสดใส “เผยฉางชิง ในเมื่อข้ากับท่านหมั้นหมายกันแล้ว คำเรียกขานอย่างคุณหนูเฉินและคุณชายเผยนี้ ดูจะห่างเหินเกินไปหรือไม่?”

        เ๱ื่๵๹นี้เป็๲ปัญหาด้วยหรือ?

        เผยฉางชิงชะงักงัน เขาต้องตอบอันใดเล่า?

        “มิสู้ให้ข้าเรียกท่านว่าพี่ฉางชิงดีกว่า แล้วท่านเรียกข้าว่าเจียเอ๋อร์เป็๲อย่างไร?” เฉินจิ้งเจียยิ้มไม่หุบ ดวงตาใสแจ๋วดั่งลูกกวางกะพริบปริบๆ ราวกับในดวงตามีดวงดาราอยู่อย่างไรอย่างนั้น

        เผยฉางชิงเกือบถูกสายตาคู่นั้นมอมเมาเข้าแล้ว เขาตั้งสติมองเฉินจิ้งเจียล้ำลึก ก่อนเผยยิ้มบางเบา

        “ในเมื่อเป็๲เช่นนี้ ข้าน้อยเผยขอไม่เกรงใจแล้ว”

        คนหนึ่งยืนในประตู อีกคนยืนนอกประตู สบตากันและกันอยู่อย่างนี้

        ราวกับว่ากำแพงสกัดกั้นระหว่างทั้งสองที่เคยมี พลันถูกพังทลายจนสิ้น ไม่เพียงสรรพนามเรียกขาน แต่อย่างอื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

        เฉินอี้เหอในสวนเห็นเผยฉางชิงเพิ่งออกมา แต่ไฉนถึงยังยืนนิ่งหน้าประตู จึงเริ่มร้อนรนขึ้นทันใด

        “มิใช่ว่าคุยกันจบแล้วหรือ? ไฉนยังรั้งรอไม่ยอมไปอีก?” ท้ายที่สุดเฉินอี้เหอก็เอ่ยปากขึ้นด้วยความไม่พอใจอยู่ดี

        หนานจือที่อยู่ข้างๆ มองตามไปยังหน้าประตูเช่นกัน “คุยกันเ๹ื่๪๫ภูมิหลังครอบครัวแล้ว คุณหนูกับว่าที่ลูกเขยนี้นับว่าเข้ากันได้ดีทีเดียว”

        จำต้องบอกว่าเผยฉางชิงและเฉินจิ้งเจียรูปโฉมงดงามยิ่ง การที่ทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้น นับว่าเป็๲ทัศนียภาพที่งดงามที่สุด

        ทว่าหนานจือยังไม่ทันมองจนหนำใจ ร่างใครคนหนึ่งพลันสอดแทรกเข้ามา ทำลายภาพวาดเบื้องหน้าผืนนี้ไม่มีชิ้นดี

        เฉินอี้เหอเดินเข้าไปถึงประตู มองเฉินจิ้งเจียครู่หนึ่ง จากนั้นมองเผยฉางชิง ก่อนเอ่ยปากถาม “พวกเ๽้าคุยกันเสร็จแล้วหรือ?”

        เฉินจิ้งเจียพยักหน้า “อืม คุยเสร็จแล้วเ๯้าค่ะ”

        “คุยเสร็จแล้วก็แยกย้าย ไฉนยังยืนนิ่งอยู่ตรงนี้อีก?” เห็นสายตาเผยฉางชิงที่มองเฉินจิ้งเจียแล้ว เฉินอี้เหอก็หงุดหงิดเต็มทน

        ทว่าทั้งสองกลับไม่มีใครเห็นความหงุดหงิดนี้สักคน

        “เช่นนั้นพี่ฉางชิงกลับก่อนเถิด” เฉินจิ้งเจียพูด

        เผยฉางชิงส่งเสียงอืมรับในลำคอ “ได้ เจียเอ๋อร์”

        ชั่ววินาทีที่เฉินอี้เหอได้ยินคำว่า ‘พี่ฉางชิง’ และ ‘เจียเอ๋อร์’ ก็สะท้านค้างแน่นิ่งไปในบัดดล

        เขามองฝั่งซ้าย ก่อนมองฝั่งขวา ราวกับว่าตนพลาดอะไรไปหลายสิ่งเหลือเกิน หากแต่ก็มิกล้าเอ่ยถาม

        เขาเกาหัวยิกๆ พยายามคิดแล้วคิดอีก ก่อนเดินตามรอยเท้าเผยฉางชิงออกนอกเรือนพักไป

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้