เมื่อพูดถึงเื่นี้ แม้แต่หลงเทียนอวี้เองก็สงสัยเช่นเดียวกัน
ตอนนั้นเย่ส่งคนเข้าไปสอดแนมอยู่หลายครั้งทุกคนล้วนบอกเป็เสียงเดียวกันว่าคุณหนูสกุลหลินเป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือน
ทั้งหมดล้วนเป็แผนการของฮองเฮาที่ใช้หมู่เฟยมากดดันตนเอง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะได้รับอัญมณีล้ำค่ามาอย่างไม่ตั้งใจ
ตอนแรกเขาระมัดระวังตัวเองกับหลินเมิ้งหยา แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจของเขาค่อยๆ ปลดระวางความหวาดระแวงเ่าั้
บางทีอาจเพราะแม้นางจะมีวิธีการที่โเี้แต่นางกลับมีจุดยืนที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีคุณธรรม
ทุกเื่ที่นางได้กระทำล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น
บางทีอาจเป็อย่างที่นางพูดนางคงได้รับการกระทบกระเทือนจากเกี้ยวเ้าสาวในวันนั้น
หลงเทียนอวี้ครุ่นคิด แต่ชิงหูกลับรู้สึกถึงการมีตัวตนของเขา
ส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้กับหลินเมิ้งหยา ก่อนที่เขาจะแอบซ่อนตัว
เหลือเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียวภายในศาลาเล็ก
“ท่านอ๋อง ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงหลบๆ ซ่อนๆ เล่าเพคะ?”
น้ำเสียงหวานใสดังขึ้นเล็กน้อย หลงเทียนอวี้ผงะแต่ถึงกระนั้นก็สาวเท้าเดินออกมาเงียบๆ
“ข้าจะเป็คนดูแลความปลอดภัยของเ้าเอง”
หลินเมิ้งหยาหันหน้ามองหลงเทียนอวี้ สมองประมวลผลอยู่หลายวินาทีก่อนจะเข้าใจ
นางหยักยิ้มเล็กน้อย ส่งเสียงเบา
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยเพคะ”
หลงเทียนอวี้เป็คนรักษาสัญญา เมื่อลั่นวาจาแล้วย่อมต้องทำให้ได้
ตอนนี้นางมีคนมากความสามารถวนเวียนอยู่รอบกายเกรงว่าโจรขโมยธรรมดาคงมิอาจย่ำกรายเข้ามาใกล้ได้อีกต่อไป
คำพูดของหลงเทียนอวี้หนักแน่นกว่าพวกประกันน่ารำคาญในโลกปัจจุบันของนางเสียอีก
“ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้วคนเ่าั้ล้วนเป็คนที่ไท่จื่อเลี้ยงดูเอาไว้แต่ปกติพวกเขามักจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นอย่างง่ายดายนัก”
“ดังนั้น...”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่าคนเ่าั้อาจจะไม่ใช่คนของไท่จื่อเสียทีเดียว”
ั์ตาของหลินเมิ้งหยาพลันเผยให้เห็นความชื่นชม
ดูเหมือนว่าหลงเทียนอวี้จะไม่ได้มีดีเพียงหน้าตาเท่านั้น สมองของเขายังฉลาดล้นเหลืออีกด้วย
เื่บางเื่ทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
เมื่อเทียบกับพวกเพื่อนร่วมทีมสมองหมูของนางแล้ว เขาดีกว่าหลายเท่า
“หม่อมฉันเองก็คิดเช่นนั้นเพคะ คนเ่าั้แปลกประหลาดนักลงมืออย่างโเี้ มุ่งหมายเอาชีวิตของหม่อมฉันแต่กลับวางมือล่าถอยไปอย่างง่ายดาย แม้แต่ศพยังเก็บไปด้วยทั้งหมดนี้หาได้เหมือนคนมุทะลุที่้าทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงแม้พวกเขาจะแสดงเหมือนเป็คนเช่นนั้น แต่ก็ยังมีส่วนแตกต่างอยู่เพคะ”
ปกติเวลาคนเราเจอเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาจะต้องไล่ล่าหาตัวฆาตกรให้จงได้
ทว่าซากศพเกลื่อนกลาดไม่สามารถระบุตัวตนของพวกเขาได้เลย
สิ่งเดียวที่เหลือไว้เห็นจะเป็ลูกศรหัวสามแฉกอันนั้น
เบาะแสนี้พุ่งเป้าไปที่ไท่จื่อแต่ถึงกระนั้นก็บังเอิญเป็หลักฐานที่พิสูจน์ว่าไท่จื่อคือผู้บริสุทธิ์
แน่นอนว่าเื่นี้ก็อาจทำให้ไท่จื่อสงสัย
“ลูกศรอันนั้นเป็ผลงานของปรมาจารย์ด้านตีเหล็กในจวนของไท่จื่อในมือของศพมีสัญลักษณ์อันบ่งบอกถึงตัวตนอย่างชัดเจนอีกทั้งลูกศรสามแฉกอันนั้นยังมียาพิษที่อันตรายถึงชีวิตเคลือบเอาไว้”
หลงเทียนอวี้มองดูลูกศรสามแฉกบนโต๊ะหิน คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
หลินเมิ้งหยากลับมองหลงเทียนอวี้ด้วยความตกตะลึงดูเหมือนนางจะประเมินท่านอ๋องอวี้ผู้นี้ต่ำจนเกินไป
“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะรู้กระทั่งเื่ที่เป็ความลับเช่นนี้”
แต่ไหนแต่ไรมา นางคิดเสมอว่าหลงเทียนอวี้ถูกไท่จื่อข่มอำนาจเอาไว้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะล่วงรู้กระทั่งเื่ทหารที่ยอมพลีชีพในภารกิจของไท่จื่อ
“อันที่จริงหลายปีมานี้สหายของข้าเข้าไปแฝงตัวอยู่ในนั้น แม้ข้าจะรู้เื่ในจวนของไท่จื่อเป็อย่างดีแต่กลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เ้าเข้าใจหรือไม่?”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ หลินเมิ้งหยาถอนหายใจเบาๆ
เพราะเหตุนี้ ทั้งตำหนักหลิวซินของนาง ตำหนักหวู่ฉินของหลงเทียนอวี้หรือแม้กระทั่งตำหนักหยาเสวียนของพระสนมเต๋อเฟยจึงมีการอารักขาที่เข้มงวด
เพราะฉะนั้น การเคลื่อนไหวของนางจึงมักรั่วไหลออกไปเสมอ
“เพราะเหตุนี้ ทุกครั้งที่เกิดเื่ขึ้นกับหม่อมฉันข่าวคราวก็มักจะรั่วไหลออกไป ตอนนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
หลงเทียนอวี้พยักหน้า หลินเมิ้งหยาเสมือนแมวเก้าชีวิตแม้จะถูกปองร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่นางก็เอาตัวรอดได้เสมอ
บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยาเป็คนดวงแข็งเช่นนั้นนางก็คงมีเทวดาคุ้มครอง
แต่ไหนแต่ไรมามิเคยมีใครรอดชีวิตออกจากรังของเถาฮวาอู๋อีกทั้งยังไม่เคยมีใครทำให้เขายินยอมมอบเย่ให้
บางทีอาจเพราะนางไม่เหมือนกับคนอื่น
“ต่อจากนี้ไป หากเ้าอยากทำอะไร ขอให้บอกข้าก่อนล่วงหน้าเ้าสามารถใช้อำนาจของจวนอวี้แห่งนี้ได้ตามความ้า”
สำหรับหลินเมิ้งหยาแล้ว การกักขังนางไว้มิใช่ผลดีแต่อย่างใด
สู้ปล่อยให้นางกระทำสิ่งที่ตนเอง้า อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
“เพราะเหตุใดหรือเพคะ? ท่านอ๋อง หม่อมฉันสามารถรู้เหตุผลได้หรือไม่?”
ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกว่าหลงเทียนอวี้ปฏิบัติกับนางแปลกมากขึ้น
“ข้าไม่อยาก...ควบคุมใคร”
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้เขาจะได้รับการปกป้องจากเสด็จพ่อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องระมัดระวังและเอาตัวรอดภายใต้การกดดันจากไท่จื่อ
แม้หมู่เฟยจะใช้ชีวิตอยู่ในวังอย่างระมัดระวังแต่สุดท้ายแล้วก็ยังถูกฮองเฮาข่มขู่อยู่ดี
แม้แต่การมาเยือนของฮ่องเต้ิในคราวนี้ แม้เขาจะขอเข้าพบเสด็จพ่อแต่กลับถูกขวางไว้และให้อยู่เพียงด้านนอกตำหนักไท่เหอ
แน่นอนว่าผู้ที่ขัดขวางคือฮองเฮาและไท่จื่อ
เขา...อดทนมามากเพียงพอแล้ว
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
นับั้แ่ตอนที่หลงเทียนอวี้เข้ามายืนปกป้องนางอยู่ข้างกายมิห่างหายในงานเลี้ยงวันนี้อันที่จริงมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ทำการประกาศากับฮองเฮาและไท่จื่อแล้ว
หากหลงเทียนอวี้ไม่คัดค้านเช่นนั้นสิ่งที่จะได้รับก็คงเป็การถูกลงโทษ
ทว่าวันนี้ไท่จื่อที่ยังมิได้ขึ้นครองบัลลังก์แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาคือว่าที่ฮ่องเต้ผู้ไร้ความสามารถ
หากเขาได้ขึ้นครองราชย์จริงเกรงว่าพวกเขาเองคงจะถูกเอาตัวไปปะาอย่างแน่นอน
นางหาใช่คนที่จะยอมศิโรราบและรับกรรมแต่โดยดีไม่
“เ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เวลาไม่คอยท่า เ้าไปพักผ่อนเถิด”
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง หมุนตัวแล้วก้าวเท้ายาวๆ ออกไป
มองตามแผ่นหลังกว้างน่าเกรงขาม เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยารู้สึกใจเต้นเล็กน้อยกับชายผู้นี้
แม้หลงเทียนอวี้มักจะแสดงสีหน้าท่าทางเ็าแต่เพื่อปกป้องคนของตัวเองแล้ว เขาไม่เสียดายเลยที่จะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง
มิรู้ว่าจะมีหญิงสาวโชคดีคนใดสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาได้
นางส่ายหน้า เหตุใดวันนี้นางจึงรู้สึกเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้
นอนไม่หลับทั้งคืน หลินเมิ้งหยาเอนกายลงบนเตียงวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อันที่จริง เื่ราวที่นางได้ประสบพบเจอไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ทว่า ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดขึ้นแล้ว
พระชายาถูกลักพาตัว ก่อเหตุบนถนน ถูกลอบทำร้ายยามวิกาล
เื่เหล่านี้มิควรเกิดขึ้นในเมืองหลวงด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่าผู้อยู่เื้ัของเื่เหล่านี้เป็ผู้มีอำนาจล้นพ้น
อาจพูดได้ว่า เพื่อทำร้ายนางแล้วพวกเขายังสามารถทำเื่ร้ายแรงกว่านี้ได้อีก
แต่เื่ที่นางคอยช่วยเหลือหลงเทียนอวี้หาได้มีใครรู้ไม่
แต่เพราะเหตุใดคนที่มักเจอเข้ากับอันตรายจึงกลายเป็นางกัน?
นี่ต่างหากที่เป็ปัญหาซึ่งหลินเมิ้งหยาคิดหาคำตอบไม่ได้
พวกเขาทำร้ายหลงเทียนอวี้หรือไม่ก็พระสนมเต๋อเฟยจะไม่สมเหตุสมผลกว่าหรือ
นางพลิกตัว ทว่าจู่ๆสายตาพลันเห็นแสงจันทร์สาดส่องไปที่ดอกโบตั๋นที่กำลังส่ายไปมาบนโต๊ะ
ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต พลันนึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้
นั่น...คือชุดแต่งงานที่ท่านพ่อเก็บเอาไว้ให้นาง
จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนเ่าั้คือ้าได้รับการสนับสนุนจากสกุลหลินพวกเขา้ากำลังของท่านพ่อและพี่ชาย
หากนางตายอยู่ที่จวนอวี้โดยไม่ทราบสาเหตุเช่นนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็คนแรก คงมิพ้นท่านอ๋องอวี้
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งท่านพ่อและท่านพี่ล้วนรักและเอ็นดูนางเป็อย่างมากหากหลงเทียนอวี้มิอาจตอบได้ ทั้งสองจะต้องเกลียดชังและตั้งตัวเป็ศัตรูเป็แน่
เพราะฉะนั้นนางควรรีบเขียนจดหมายเพื่อเล่าสถานการณ์ของตนเองในเวลานี้ให้กับท่านพ่อและพี่ชายฟัง
อย่างน้อยพวกเขาจะได้รู้ว่านางอยู่ฝ่ายเดียวกับใคร
ตัดสินใจ แต่นางไม่อยากใช้เส้นสายของหลงเทียนอวี้ในการติดต่อกับท่านพ่อและท่านพี่
นางครุ่นคิด ทางเลือกเดียวเห็นจะเป็พี่เยว่ถิงนางเหมาะที่จะส่งสารไปที่สุด
หลินเมิ้งหยาตัดสินใจเดินทางไปที่จวนเยว่ในวันพรุ่งนี้เพื่อขอร้องเยว่ถิง
อันที่จริงสกุลเยว่มีอำนาจในเมืองหลวงค่อนข้างมาก
แม้ทั้งสองตระกูลจะถูกมองว่าสมานฉันท์กันดีทว่าในความเป็จริงแล้วกลับมีเื่ระหองระแหงกันมาอย่างเนิ่นนาน
ส่วนเหตุผลนั้นก็เพราะแม่ของเยว่ถิงคือเพื่อนสนิทของฮองเฮาสมัยยังไม่ถวายตัวเข้าวัง
การหมั้นหมายในคราวนั้นล้วนเป็แผนการของพวกเขา
แต่สิ่งที่สกุลเยว่คิดไม่ถึงก็คือพี่เยว่ถิงชอบพอกับท่านแม่ทัพสกุลหลิน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พี่เยว่ถิงมักจะช่วยตัวเองอยู่ลับๆ
ไม่ว่าจะเป็เพราะพี่ชายหรือเพราะความสงสารจากพี่เยว่ถิงถึงอย่างไรนางก็ต้องไปเยี่ยมเยียนแสดงความเคารพต่อผู้าุโทั้งสอง
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวตระเตรียมของขวัญที่จะมอบให้สกุลเยว่แต่เช้า
“นายหญิง สิ่งของเตรียมพร้อมหมดแล้วเ้าค่ะ”
เวลาเพียงคืนเดียว แต่ตำหนักกลับมีป๋ายซูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแม้สาวใช้ทั้งสามจะสงสัย แต่มิเอ่ยถามอันใดและก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเอง
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ตรวจสอบรายการของขวัญ
ก้มๆ เงยๆ อยู่ครู่หนึ่ง ทั้งหมดมีราวสิบกว่าอย่าง
มีทั้งหยกราคาแพง ขนมแปลกใหม่ ผ้าไหม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เครื่องบรรณาการจากซีฟานคนภายนอกยังมิเคยเห็นมาก่อน
“ไม่เลว ของพวกนี้มีค่ามากพอจะรักษาหน้าของจวนเอาไว้ได้พวกเ้าทั้งสี่ตามข้าไปแล้วกัน อย่าลืมบอกชิงหูด้วยว่าวันนี้เขาต้องอยู่เฝ้าบ้าน”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินเมิ้งหยา เสียงไม่พอใจพลันดังขึ้นในตำหนัก
นอกจากป๋ายซู ทั้งสามล้วนเคยชินหมดแล้ว
“อย่าระแวงไปเลย เขาคือองครักษ์ประจำตัวข้าหน้าที่คือคุ้มครองดูแลข้าเช่นเดียวกับเ้า”
ได้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของป๋ายซูเห็นได้ชัดว่านางมองชิงหูเสมือนแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ตบบ่าป๋ายซูเบาๆเพื่อเป็สัญญาณให้นางมิต้องกังวล
ป๋ายซูเก็บมือของตนเอง ตอนที่ยังคุ้มครองดูแลหลินจงอวี้นางรู้สึกตัวอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วว่ามีบุคคลมากความสามารถอาศัยอยู่ที่นี่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มีฝีมือเช่นเขาจะเป็องครักษ์ประจำตัวของพระชายา
จวนแห่งนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แต่พระชายาก็ไม่เหมือนผู้อื่น
