“ว่ากระไร?” ไป๋หยุนเฟยเอ่ยปากถามด้วยความสับสน ขณะที่ไม่ทราบจะทำอย่างไรหลังจากได้ยินคำพูดอย่างกะทันหันของชายชรา
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางสำรวจอย่างละเอียดก่อนจะปล่อยข้อมือไป๋หยุนเฟยลงในที่สุด จากนั้นกลับไปนั่งที่เดิมอย่างเชื่องช้าและก้มหน้าใคร่ครวญโดยไม่ปริปาก
“ผู้าุโ ท่านบอกว่าในร่างข้ามีพลังธาตุน้ำแข็งแฝงอยู่? หมายความอย่างไร?” เมื่อชายชราเงียบงันเช่นนี้ ไป๋หยุนเฟยจึงกังวลอยู่ไม่น้อย ด้วยคำพูดไม่กี่คำของผู้าุโท่านนี้ก็ทำให้มันทราบแล้วว่าเื่ราวต้องไม่ปกติ
แทนที่จะตอบคำถามไป๋หยุนเฟย ชายชรากลับเงยหน้าขึ้นจ้องมองไป๋หยุนเฟยอยู่เนิ่นนานด้วยสีหน้าประหลาดพิกล สุดท้ายจึงกล่าวว่า “เ้าฝึกปรือพลังิญญาอย่างไร?”
“ข้าฝึกปรือพลังิญญาอย่างไร” ไป๋หยุนเฟยกล่าวอย่างงุนงง “ข้าเพียงฝึกปรือตามเคล็ดฝึกปรือิญญาที่ท่านมอบให้ เป็ไรหรือ? หรือมีอันใดผิดพลาด?”
“หรือมีอันใดผิดพลาด?” สีหน้าชายชรายิ่งกลายเป็ประหลาดกว่าเดิม “หรือเ้าไม่ทราบว่าผู้ฝึกปรือิญญาอื่นต้องใช้เวลาฝึกปรือพลังิญญาเท่าใด?”
ไป๋หยุนเฟยงงงันวูบ หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อยจึงกล่าวว่า “ข้าต้องทราบแน่นอน ข้ามีสหายคนหนึ่งซึ่งฝึกปรือพลังิญญาได้รวดเร็วกว่าข้าเล็กน้อย เอ่อ... อาจเป็เพราะข้าไม่มีพร์เพียงพอ...” ถึงตอนนี้ไป๋หยุนเฟยได้แต่เกาศีรษะด้วยท่าทีละอาย พลางคิดว่าที่ฝึกปรือบรรลุถึงขั้นนี้ได้ก็เพราะใช้กระบวนการอัพเกรดเป็ทางลัด ไม่เช่นนั้นคงด้อยกว่าหลี่เฉิงเฟิงมากมายนัก
“เ้าว่ากระไร?! ยังมีอีกผู้หนึ่งที่ฝึกปรือได้เร็วยิ่งกว่าเ้า?!” ดวงตาชายชราเบิกกว้างอีกครา ครานี้ถึงกับอดไม่ได้ต้องตะเบ็งเสียงขึ้น “คนผู้นั้นเป็ใคร?!”
“โอ มันเรียกว่าหลี่เฉิงเฟิงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางตะวันออกห่างจากเมืองลั่วซีไม่ไกล มัน... ผู้าุโข้ามอบเคล็ดฝึกปรือิญญากับคัมภีร์เคล็ดิญญาทั้งสองม้วนที่ได้จากท่านท่านให้แก่มันไปแล้ว ท่าน... ท่านไม่โทษว่าข้ากระมัง?” ไป๋หยุนเฟยถามชายชราด้วยท่าทีละอายอยู่บ้าง
ยามนี้สีหน้าของชายชราจึงผ่อนคลายลง ผู้มีพลังฝึกปรือสูงส่งเช่นท่านผู้เฒ่าถึงกับเสียกิริยาได้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องได้รับความตื่นตระหนกมากมายเพียงใด
ชั่วครู่ให้หลัง ราวกับนึกถึงเื่บางอย่างออก ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกให้ความสนใจไป๋หยุนเฟย จากนั้นเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่พลางก้มศีรษะลง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบว่าท่านกำลังคิดอันใด
เมื่อเห็นชายชราทำเช่นนั้น ไป๋หยุนเฟยก็ไม่กล้ารบกวนอีก มันไม่มีทางเลือกได้แต่ระงับความร้อนใจ รอคอยอย่างกระสับกระส่ายอยู่ด้านข้าง
ผ่านไปเนิ่นนาน ราวกับในที่สุดชายชราครุ่นคิดบางอย่างเสร็จสิ้นสีหน้าจึงกลับเป็ปกติ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวกับไป๋หยุนเฟย “เด็กเอย หากคาดเดาไม่ผิดเ้าต่อสู้กับคนของสำนักธารน้ำแข็งกระมัง? หรือคู่ต่อสู้ของเ้าคือจางเจิ้นซานแห่งตระกูลจาง?”
“โอ? ไฉนท่านจึงทราบได้?”
“ฮ่า ฮ่า อย่าลืมว่าข้าทราบว่าเ้า้าแก้แค้น หรือข้าไม่ได้เตือนเ้าว่าหาก้าล้างแค้นต่อจางหยางต้องระวังจางเจิ้นซานและสำนักธารน้ำแข็ง?” ชายชราส่ายศีรษะเล็กน้อย “ทว่าด้วยฝีมือในปัจจุบันของเ้ามิคาดว่าจะเพียงพอให้ต่อสู้กับจางเจิ้นซานทั้งยังหลบหนีมาได้ นี่นับว่าร้ายกาจแล้ว แม้คู่ต่อสู้จะทำร้ายเ้าาเ็ภายใน แต่เมื่อเ้าพบพานข้าอีกคราอีกทั้งสืบเนื่องจากการชี้นำของชะตาเ้า ครานี้ข้าจะช่วยเ้า!”
ไป๋หยุนเฟยแสดงสีหน้ายินดีในบัดดล ขณะที่จะขยับกายไปด้านหน้าขอร้องให้ชายชราช่วยเหลือมันขับสิ่งที่เรียกว่า‘พลังธาตุน้ำแข็ง’ออกจากร่าง ชายชราพลันโบกมือกล่าวว่า “อย่าได้ร้อนใจ รออีกชั่วครู่เ้าก็ยังไม่ถึงตาย เ้าดูเพราะเ้าปรากฏกายขึ้น ข้าจึงยังไม่ได้รับประทานเนื้อกระต่ายนี้”
ยามนี้อารมณ์ขุ่นข้องของชายชราราวกับแจ่มใสขึ้นอย่างกะทันหัน จึงหัวร่อพลางโบกมือใส่กองไฟตรงหน้า กองไฟก็ลอยออกไปด้านข้างในบัดดล ก่อนจะหยุดลงที่ห่างออกไปครึ่งวาคอยให้แสงสว่างแก่คนทั้งคู่ จากนั้นชายชรายื่นมือออกกวัดแกว่งในอากาศ กระต่ายที่ถูกย่างจนเหลืองอร่ามส่งกลิ่นหอมหวนก็ถูกตัดแบ่งเป็สองส่วน ส่วนแรกชายชราทำท่าคว้าจับดึงดูดเข้าหาตนเอง ส่วนที่เหลือกลับลอยสู่เบื้องหน้าไป๋หยุนเฟย
“ดูท่าเ้าคงจะหิวโหยไม่น้อย รับประทานก่อนเถอะแล้วค่อยสนทนา”
ไป๋หยุนเฟยนิ่งงันมองดูกระต่ายย่างครึ่งตัวตรงหน้า ผ่านไปชั่วครู่ค่อยรู้สึกตัวรีบเอื้อมมือคว้าเนื้อกระต่ายพร้อมกับมองดูชายชราที่เริ่มรับประทานอย่างไม่รีบร้อนอีกครา ยามนี้นับว่าไม่สมควรจะเอ่ยปากอันใดอีกมิหนำซ้ำมันก็หิวโหยแทบตายแล้ว สุดท้ายจึงละคำถามทั้งมวลไว้และเริ่มต้นรับประทานกระต่ายย่างในมืออย่างมูมมาม
จากนั้นไม่นาน ทั้งชายชราและชายหนุ่มนั่งกับพื้นอย่างเกียจคร้านพลางแทะกระดูกในมืออย่างเชื่องช้า ยามนี้ชายชราอารมณ์ดีอย่างยิ่ง ถึงกับละทิ้งท่าทีของผู้าุโเคร่งขรึมเช่นก่อนหน้าไปชั่วคราว
“เอาล่ะ เ้าเข้ามา ข้าจะขับพลังธาตุน้ำแข็งออกจากร่างให้แก่เ้า”
ได้ยินดังนั้น ไป๋หยุนเฟยก็แสดงสีหน้ายินดี รีบเดินเข้าหาพร้อมกับมองดูชายชราด้วยท่าทีกังวลใจอยู่บ้าง
ชายชรายื่นมือขวาคว้าจับข้อมือขวาของไป๋หยุนเฟยเช่นเดิม ชั่วขณะที่ข้อมือถูกคว้าจับไป๋หยุนเฟยพลันรู้สึกถึงกระแสพลังิญญาอันอบอุ่นจากฝ่ามือชายชราแผ่ซ่านเข้าสู่ข้อมือ จากนั้นกระแสพลังเคลื่อนจากข้อมือไปทั่วร่าง กระนั้นพลังิญญาในครานี้กลับดุดัน รวดเร็วและอบอุ่นกว่าคราก่อนอยู่บ้าง ทว่าไป๋หยุนเฟยกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดทรมานแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามทั้งร่างมันรู้สึกอบอุ่น กระทั่งิญญาก็ถูกโอบล้อมด้วยความรู้สึกอันอบอุ่นซึ่งสร้างความปลอดโปร่งแก่มันยิ่ง
“ไม่เป็ไรแล้ว” ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายพลันสาบสูญอย่างกะทันหันพร้อมกับน้ำเสียงเรียบเฉยของชายชราดังเข้าหูไป๋หยุนเฟย
“ไม่... ไม่เป็ไรแล้ว?” ได้ยินดังนั้นไป๋หยุนเฟยจึงเอ่ยปากถามอย่างเหลือเชื่อ
“เ้าไม่เป็ไรแล้ว นี่เพียงแค่เื่เล็กน้อยเท่านั้น เ้าถูกจู่โจมด้วยกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ที่แฝงพลังธาตุธรรมชาติ พลังธาตุน้ำแข็งจึงแทรกซึมเข้าสู่ร่าง แม้เ้าจะขับพลังส่วนใหญ่ออกไปได้แต่ก็ยังมีบางส่วนตกค้างอยู่ในร่าง แต่เพราะพลังฝีมือเ้ายังอ่อนด้อยจึงไม่อาจตรวจพบได้ หากพลังธาตุที่แฝงอยู่ในร่างเ้ายังไม่ถูกกำจัดออกไป ยามที่ต่อสู้กับผู้ฝึกปรือิญญาที่ใช้ธาตุน้ำแข็งอีกคราก็จะปะทุขึ้น เมื่อนั้นจะเป็อันตรายต่อเ้าอย่างใหญ่หลวง”
“นี่ นี่ยังนับว่าเป็เื่เล็กน้อยได้?” ได้ยินคำพูดชายชรา ไป๋หยุนเฟยจึงตื่นตระหนกยิ่ง
“แน่นอนว่าเป็เื่เล็กน้อยสำหรับข้า อย่าได้กังวลไป เมื่อครู่ข้าสลายพลังธาตุน้ำแข็งให้กลายเป็พลังบริสุทธิ์อยู่ภายในร่างเ้า ซึ่งจะช่วยในการฝึกปรือของเ้าอีกเล็กน้อย”
ไป๋หยุนเฟยยังคงลูบคลำร่างกายั้แ่ศีรษะจรดเท้าอย่างกังวลแต่ก็ไม่พบอันใดผิดปกติ สุดท้ายจึงได้แต่ยอมรับแต่โดยดี
ไป๋หยุนเฟยใคร่ครวญถึงอันตรายที่เกิดขึ้นครานี้ซึ่งมันไม่ได้คาดคิดมาก่อน อีกทั้งตอนนี้ยัง‘จัดการ’เรียบร้อยด้วยท่าทีประหลาดพิกล แต่ก็ไม่มีร่องรอยใดให้พบเห็นจึงได้แต่สั่นศีรษะเลิกครุ่นคิดอีก
“จริงสิ ผู้าุโ ข้า้าไปยังเมืองชุ่ยหลิว แต่... ข้าหลงทาง โปรดบอกทางแก่ข้าด้วยเถอะ” ยามกะทันหันไป๋หยุนเฟยพลันนึกถึงเื่สำคัญที่สุดซึ่งกำลังเผชิญอยู่ได้ จึงเอ่ยปากถามด้วยท่าทีกระดากอาย
“เมืองชุ่ยหลิว? แค่ตรงไปทางทิศนี้ เดินทางสองวันเ้าก็จะไปถึง” ชายชรามองดูมันด้วยสีหน้าประหลาดพิกลก่อนจะบอกกล่าวพลางชี้ทางให้
“โอ ขอบคุณท่านมากผู้าุโ” ไป๋หยุนเฟยลอบถอนใจโล่งอกพร้อมกับยินดีที่สุดท้ายมันก็ทราบทิศทางที่ถูกต้อง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งก้มศีรษะครุ่นคิดบางอย่าง
“เด็กเอย เ้าจะไปเมืองชุ่ยหลิวเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังมณฑลเป่ยเหยียนกระมัง? ไฉนเ้าจึง้าไปที่นั่น?” เมื่อเห็นไป๋หยุนเฟยเงียบงันไป ชายชราจึงเอ่ยปากถามอย่างประหลาดใจ
“ข้า้าไปมณฑลผิงชวนเพื่อเข้าร่วมสำนักช่างประดิษฐ์ร่ำเรียนวิชา” ไป๋หยุนเฟยเงยศีรษะขึ้นกล่าววาจาเื่นี้กลับไม่จำเป็ต้องปกปิด “คาดว่ายามที่ไปถึงที่นั่นข้าสมควรทะลวงผ่านถึงด่านภูติญญาได้แล้ว ข้าทราบเกี่ยวกับการฝึกปรือิญญาไม่มากนักอีกทั้งข้ายังฝึกฝนเคล็ดการฝึกปรือิญญาของสามด่านแรกมาแล้ว ดังนั้นข้าจึง้าอาจารย์ชี้แนะวิชาฝีมือสืบต่อ”
“ทะลวงผ่านถึงด่านภูติญญาก่อนจะไปถึงที่นั่น? เ้าผู้เยาว์ที่... ไฉนมันกล่าวถึงการฝึกปรือิญญาราวกับว่าง่ายดายนัก...?” ชายชรากระซิบกับตนเองในใจแต่ก็ไม่แสดงท่าทีอัศจรรย์ใจอีก จากนั้นจึงพยักหน้ากล่าวว่า “โอ เ้า้าเข้าร่วมสำนักช่างประดิษฐ์? นับว่าเป็ทางเลือกที่ไม่เลว ด้วยพลังฝีมือของเ้าเมื่อบรรลุด่านภูติญญา หากคุณสมบัติดั้งเดิมของิญญาเ้าไม่ขัดแย้งกับพลังธาตุไฟก็จะเลือกใช้ธาตุไฟได้ นี่ย่อมเป็การดีต่อการฝึกปรือของเ้าหลังจากเข้าร่วมสำนักช่างประดิษฐ์...”
“คุณสมบัติดั้งเดิมของิญญา?” ไป๋หยุนเฟยกล่าวอย่างสงสัย “ข้าทราบเื่เหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ได้โปรดชี้แนะข้าด้วยเถอะผู้าุโ”
“สามด่านแรกของผู้ฝึกปรือิญญาเกี่ยวพันถึงการควบคุมร่างกาย สามด่านต่อมาได้แก่ ภูติญญา บรรพิญญาและเอกะิญญา เกี่ยวพันถึงการควบคุมพลังธรรมชาติ สำหรับสามด่านสุดท้ายเ้ายังไม่จำเป็ต้องทราบในยามนี้”
“พลังธรรมชาติเป็พลังแห่งธรรมชาติที่แฝงอยู่ในทุกสรรพสิ่ง พลังธรรมชาติทั้งหลาย เช่นธาตุทั้งห้าได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟและดิน รวมทั้งธาตุลมและสายฟ้า ทั้งหมดเป็พลังธรรมชาติที่แสดงคุณสมบัติของพลังให้เห็นได้ทั่วไป พลังธรรมชาติอื่นๆเช่นน้ำแข็ง คำสาป มิติ และแม้กระทั่ง‘ชะตา’ที่สำนักชะตาลิขิตข้าฝึกปรือก็ล้วนเป็พลังธรรมชาติเช่นกัน”
“ิญญาของแต่ละคนจะมีคุณสมบัติดั้งเดิม ซึ่งจะบ่งบอกว่าเข้ากันได้กับการฝึกปรือพลังธรรมชาติประเภทใด คุณสมบัติดั้งเดิมของิญญาจะมีความเข้ากันต่อพลังธรรมชาติอย่างน้อยหนึ่งจนถึงหลายประเภท เมื่อบรรลุด่านภูติญญาเ้าจำต้องเลือกพลังธรรมชาติหนึ่งประเภทเพื่อฝึกปรือ พลังธรรมชาติที่เลือกนี้จะเป็พลังที่ติดตัวไปตลอดชีวิตซึ่งจะกลายเป็ธาตุที่เ้าควบคุมได้คล่องแคล่วที่สุด และแน่นอนเมื่อพลังฝีมือเ้าสูงขึ้นก็จะสามารถเลือกฝึกปรือพลังธรรมชาติประเภทอื่นได้อีก
ที่จริงหลังจากเ้าบรรลุด่านภูติญญา เคล็ดการฝึกปรือพลังิญญาก็ยังเป็เช่นเดิม เพียงแต่เพิ่มเติมการซึมซับพลังจากธรรมชาติ ระหว่างการฝึกปรือเ้าต้องใช้ิญญาของตนััพลังธรรมชาติรอบตัวที่เข้ากันกับคุณสมบัติิญญาเ้า จากนั้นจึงดึงดูดเข้าสู่ร่างเพื่อฝึกฝนร่างกายและิญญาให้คุ้นเคยต่อพลังธรรมชาติ เมื่อใดที่ิญญาเ้าคุ้นเคยและใกล้ชิดพอ ก็จะสามารถควบคุมพลังธรรมชาติเพื่อเสริมพลังของตัวเ้าเองได้”
ไป๋หยุนเฟยนิ่งงันพยายามซึมซับข้อมูลที่ได้รับมา
ผ่านไปเนิ่นนาน ไป๋หยุนเฟยจึงเงยศีรษะขึ้นถามอีกครา “โปรดอธิบายเื่วัตถุิญญาและเคล็ดิญญาแก่ข้าได้หรือไม่?”
“เ้ากลับไม่รู้เื่ราวอันใดจริงๆ...” ชายชราสั่นศีรษะกล่าวต่อ “วัตถุิญญาแบ่งออกเป็สามชั้นได้แก่ นภา ปฐีและมนุษย์ แต่ละชั้นแบ่งเป็สามระดับได้แก่ สูง กลางและต่ำ เคล็ดิญญาก็เช่นเดียวกันแบ่งออกเป็สามชั้นสามระดับ”
“ทวนที่ข้ามอบให้เป็วัตถุิญญาชั้นปฐีระดับต่ำ เป็ทวนที่บรรจุด้วยพลังธาตุไฟที่ทรงพลังมหาศาล ทว่าเ้ายังไม่เข้มแข็งพอที่จะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้ เมื่อเ้าบรรลุด่านภูติญญาก็จะสามารถใช้งานได้อย่างแท้จริง นับว่าประจวบเหมาะนักที่เ้าหวังจะเข้าร่วมสำนักช่างประดิษฐ์จึงต้องเลือกฝึกปรือพลังธาตุไฟ เมื่อเป็เช่นนี้ทวนเล่มนี้ก็นับว่าเหมาะสมกับเ้าแล้ว”
ไป๋หยุนเฟยมองดูทวนเปลวอัคคีในมืออย่างพิจารณา “สามารถแบ่งเป็สามชั้นคือ นภา ปฐีและมนุษย์ เมื่อทวนเปลวอัคคีคือ‘สมบัติตกทอดระดับต่ำ’ซึ่งตรงกับ‘ชั้นปฐีระดับต่ำ’ก็หมายความว่า‘ชั้นมนุษย์’ก็คือ‘หายาก’ดังเช่นหนามธารน้ำแข็งและเกราะิญญาไหมทอง... แล้วหากเป็‘ชั้นนภา’เล่า? น่าสงสัยนักว่ากระบวนการอัพเกรดจะเรียกชั้นนี้ว่าอย่างไร...?”
ขณะพึมพำไป๋หยุนเฟยพลันนึกถึงบางสิ่งได้ จึงเงยศีรษะขึ้นกล่าวด้วยท่าทีกระดากอาย “จริงสิ ผู้าุโข้าติดค้างท่านมากมายแต่กลับยังไม่ทราบชื่อท่าน...”
ชายชราแสดงท่าทีประหลาดใจก่อนจะก่นด่าอย่างยิ้มแย้ม “เ้าเด็กเหลือขอ ถึงยามนี้ค่อยนึกออกว่าควรถามชื่อข้า? บอกต่อเ้าก็ได้ ข้ามีนามว่าเกออี้หยุน นามนี้นับว่าโด่งดังไปทั้งแผ่นดิน วันข้างหน้าหากเ้าเผชิญปัญหาเล็กน้อย ข้าให้เ้าอ้างชื่อไปขู่ขวัญผู้คนได้...”
“เอ่อ ขอบคุณท่านผู้าุโมาก...” เมื่อถูกคาดเดาความคิดออก ไป๋หยุนเฟยจึงได้แต่หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน
“เอาล่ะ ข้ายังมีเื่ให้สะสางอีกจึงต้องไปในบัดดล” โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เกออี้หยุนพลันลุกขึ้นอย่างกะทันหันกล่าวแก่ไป๋หยุนเฟย “เด็กเอย เ้าต้องเติบโตให้เร็วขึ้นอีก อย่าได้ทำให้เราผู้เฒ่าต้องผิดหวัง...”
หลังกล่าววาจาจบก็หันกายจากไปโดยไม่ลังเล เพียงกระพริบตาไม่กี่คราก็หายลับไปในความมืดของรัตติกาล ไป๋หยุนเฟยนิ่งงันไปชั่วขณะ แม้แต่จะตอบสนองอันใดก็ยังไม่ทัน...
