เมื่อกู่ซิ่วได้ยินดังนั้น ก็สงบลงได้บ้าง
ส่วนเื่ที่บีบให้สวี่ฮุ่ยชนกำแพง กู่ซิ่วก็แก้ตัวอย่างหน้าด้าน ๆ ว่าเธอแค่สงสัยว่าสวี่ฮุ่ยเอาเื่เธอกับสวี่เยว่ไปร้องเรียน เลยด่าสวี่ฮุ่ยไปสองสามคำ ไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะชนกำแพงจริง ๆ
ลู่ฉี่เสียนโต้กลับ “ไม่คิดว่าอะไร ฉันว่าคุณตั้งใจต่างหาก!”
“คราวก่อนที่เธอบีบคั้นลูกสาวคนโตจนต้องโดดน้ำฆ่าตัวตาย ฉันไม่ได้สั่งสอนคุณไปแล้วเหรอ? เธอยังกล้าทำอีก!”
กู่ซิ่วถึงหุบปากในที่สุด
หลี่ไห่กำลังจะพากู่ซิ่วไป สวี่ฮุ่ยก็ถามว่า “สวี่เยว่ไม่ต้องรับผิดทางกฎหมายในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดเลยเหรอคะ?”
“ฮุ่ยฮุ่ย!” สวี่ต้าซานร้องเสียงดังด้วยความร้อนใจ
ภรรยาถูกตัดสินว่าเป็อาชญากรแล้ว ถ้าลูกสาวคนเล็กกลายเป็อาชญากรอีก ครอบครัวพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
แต่ไม่มีใครสนใจเสียงะโของเขา
หลี่ไห่พยักหน้า “แน่นอนว่าต้องจับ!”
สวี่เยว่รีบแก้ตัว “ฉันไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด ตรงกันข้ามพี่สาวต่างหากที่ตบฉัน แม่ด่าเธอแค่สองสามคำ เธอก็ทำท่าจะเป็จะตาย แม่ไม่ได้บีบให้เธอชนกำแพงเลยสักนิด!”
ด้วยความร้อนรน สวี่เยว่จึงพูดความจริงออกมา
ป้าสวี่ที่เคยรับฝ่ามือของกู่ซิ่วแทนสวี่ฮุ่ย ยืนมุงอยู่ตรงนั้น ได้ยินเข้าจึงพูดขึ้นมา “พวกเราเห็นแต่แม่เธอด่าทอตบตีพี่สาวเธอ ไม่เห็นพี่สาวเธอตบเธอเลย!”
จนถึงตอนนี้เธอยังโกรธอยู่ที่กู่ซิ่วตบเธอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ กู่ซิ่วก็ไม่เคยขอโทษสักคำ แถมยังไม่สนใจาแของเธอ ไม่ซื้อยาให้เธออีก
คนดูต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย
สวี่เยว่เห็นว่าไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ก็กระวนกระวาย “พี่สาวปิดประตูแล้วตบฉัน พวกคุณเลยไม่เห็น”
“ฉันเนี่ยนะปิดประตูแล้วตบเธอ? ไม่ใช่พวกเธอชอบปิดประตูแล้วด่าทอตบตีฉันตลอดเหรอ?”
“ถ้าปิดประตูตบจริง ๆ แม่ต้องช่วยเธออยู่แล้ว ฉันคนเดียวจะสู้พวกเธอสองคนไหวได้ยังไง?”
“จะโกหกก็ช่วยทำให้คนอื่นเชื่อหน่อย” สวี่ฮุ่ยพูดประชดประชัน
พวกเพื่อนบ้านต่างพากันพยักหน้า
สวี่เยว่หาวิธีแก้ตัวไม่ทัน จึงหันไปพูดกับลู่ฉี่เสียนกับหลี่ไห่ “คุณตำรวจคะ สิ่งที่ฉันพูดเป็ความจริงทุกอย่างค่ะ”
ป้าสวี่พูดด้วยสีหน้าดูถูก “ครั้งที่แล้วที่เธอเป็ลม พ่อเธอขอร้องให้ฉันกับเพื่อนบ้านอีกสองสามคนไปช่วยดูแลพวกเธอที่บ้าน”
“เห็นชัดเจนเลยว่าแม่ของเธอตบหน้าพี่สาวเธอแต่ฉันบังฝ่ามือไว้ทัน ตอนนั้นมีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ แม่ของเธอยังกล้าปากแข็งบอกว่าเป็พี่สาวเธอที่ตบหน้าก่อน”
“เธอนี่มันลูกที่ดีของแม่จริง ๆ โกหกได้เหมือนกันเป๊ะ”
สวี่ต้าซานตาแทบถลนออกจากเบ้า เขาไม่เคยได้ยินภรรยากับลูกสาวเล่าเื่นี้ให้เขาฟังมาก่อนเลย
สวี่เยว่น้ำตาเอ่อคลอ “ฉันไม่ได้โกหกนะ”
หลี่ไห่พูดอย่างเป็ทางการ “พวกเราตำรวจทำงานโดยดูที่หลักฐาน ถ้าทุกคนโวยวายว่าตัวเองไม่ได้โกหกเหมือนคุณ พวกเราจะทำงานกันยังไง?”
หลี่ไห่สอบสวนในที่เกิดเหตุ คนดูต่างพากันเป็พยานว่าสวี่เยว่สมรู้ร่วมคิดในการบีบให้สวี่ฮุ่ยฆ่าตัวตาย!
สวี่เยว่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เพื่อนบ้านพวกนี้ไม่ได้เห็นอะไรสักนิด แต่กลับให้การเท็จทั้งหมด!
หลี่ไห่พูดกับสวี่เยว่ “พยานหลายคนยืนยันว่าคุณเป็ผู้สมรู้ร่วมคิด งั้นก็ตามไปอยู่ที่สถานีตำรวจกับพวกเราสักสองสามวันแล้วกัน”
สวี่เยว่หน้าซีดเผือดด้วยความใ เธอกระชากแขนสวี่ต้าซานแล้วพูดอย่างน่าสงสาร “พ่อ หนูไม่อยากถูกคุมขัง!”
สวี่ฮุ่ยเตือนหลี่ไห่ “สวี่เยว่เป็โรคหัวใจ อย่าโดนเธอหลอกด้วยการแกล้งเป็ลมนะคะ”
หลี่ไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “งั้นก็จ่ายเป็ค่าปรับละกัน”
สุดท้าย เลยมีเพียงกู่ซิ่วคนเดียวที่ถูกหลี่ไห่พาตัวไป
สวี่ต้าซานก็ไปด้วย เขาอยากขอประกันตัวกู่ซิ่ว
เหลือเพียงสองพี่น้องสกุลสวี่กับลู่ฉี่เสียนอยู่ในบ้าน
สวี่ฮุ่ยถามลู่ฉี่เสียนอย่างเขินอาย “พี่ลู่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงใช่ไหมคะ? ฉันเลี้ยงพี่เอง”
“ครั้งที่แล้วเธอเลี้ยงฉันแล้ว ครั้งนี้ฉันเลี้ยงเธอบ้าง”
ลู่ฉี่เสียนพาสวี่ฮุ่ยไปโดยไม่ฟังคำทัดทาน
ทั้งสองคนไม่เหลือบมองสวี่เยว่เลยสักแวบ สวี่เยว่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นอย่างเดียวดายเหมือนหมาจร แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ