คำขอโทษจากหลินเหรินเทียนเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนใแล้ว มีใครในเมืองเยี่ยนจิงบ้างที่ไม่รู้นิสัยของเขา? หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับก็ไม่มีทางขอโทษคนอ่อนวัยกว่าแบบนี้ และยังเป็ชายหนุ่มที่เขาเกลียดแสนเกลียด ตอนเค้นเสียงเอ่ยคำว่า ‘ฉันขอโทษ’ สามคำนี้ออกมา ก็แสดงให้เห็นเลยว่าเย่เฟิงแข็งแกร่งและดุดันมากเพียงใด
พิษของเย่เฟิงทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ข่าวการขอโทษของหลินเหรินเทียนลือไปถึงเหล่าผู้มีอิทธิพลในเมืองเยี่ยนจิงราวกับติดปีก ทำให้ทุกคนจดจำชื่อ ‘เย่เฟิง’ ได้ในครั้งเดียว
ข่าวที่ว่ามีเื่ที่ทำให้พวกเขาใมากกว่าเดิม เย่เฟิงไม่ได้ถอนพิษหลินเหรินเทียน แต่กลับเหลือพิษเอาไว้ในร่างกายเขา ตราบใดที่เย่เฟิง้าไม่ว่าเมื่อไรก็สามารถเอาชีวิตหลินเหรินเทียนได้
โเี้! โเี้เหลือเกิน!
เมื่อทุกคนทราบข่าวนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้เย่เฟิง ไม่มีใครในเมืองเยี่ยนจิงกล้าทำแบบนี้ แต่เย่เฟิงกลับทำมัน ทั้งยังทำได้อย่างง่ายดาย นี่ดูเหมือนเป็การประกาศให้ทุกคนในเมืองเยี่ยนจิงได้รู้ว่า พวกเขาอย่าได้ล่วงเกินเย่เฟิง มิเช่นนั้นผลที่ตามมาจะเป็เช่นนี้
เย่เฟิงจัดการเช่นนี้ เพราะขณะที่เขาถูกคุกคามในเจียงหู เขาก็ตรงไปสำนักอิ่นเซียนและจัดการซ่องโจรของฝ่ายตรงข้ามทันที ก่อนมุ่งหน้าไปทะเลทรายก็ต้องเจออุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่าในเมืองเยี่ยนจิงตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีจัดการเื่ที่เจียงหูกับในเมืองไม่เหมือนกัน ในเจียงหูเขาสามารถสังหารใครก็ได้ที่เข้ามาขวาง แต่ในเมืองนี้เขาไม่สามารถฆ่าได้ตามใจชอบ จึงใช้ได้เพียงวิธีดังกล่าว
คืนนั้นหลินเหรินเทียนไม่รู้ตัวเลยว่าออกมาจากวิลล่าชิงเฟิงได้อย่างไร แต่หลินเต๋อเทียนและหลินซือฉิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจัดการเื่ราวเสร็จสิ้นแล้ว และชีวิตหลินเหรินเทียนก็ไม่ตกอยู่ในอันตรายจึงตัดสินใจจากไป เพียงแต่ก่อนไปก็มองไปทางเย่เฟิง
ดวงตาของหลินเต๋อเทียนปรากฏแววชื่นชมและซาบซึ้ง เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนชื่นชมการกระทำครั้งนี้ของเย่เฟิง
สำหรับหลินซือฉิงก็มองเย่เฟิงด้วยแววตาขอบคุณและแฝงความขี้เล่นเล็กน้อย เธอไม่เคยชอบใจคนเช่นหลินเหรินเทียนเลย ตอนนี้ได้เห็นเขายอมรับความพ่ายแพ้ต่อเย่เฟิงจึงอารมณ์ดีขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นในงานแสดงสินค้า หลินเหรินเทียนทำให้เธออับอายและเกือบจะทำให้งานนี้วุ่นวาย หากไม่ได้เย่เฟิงช่วยไว้ล่ะก็...
ชื่อของเย่เฟิงแพร่กระจายไปทุกหนแห่งในวันต่อมา แม้แต่คนธรรมดาในเมืองเยี่ยนจิงก็รู้ว่ามีบุคคลแรกที่กล้าเล่นงานประธานศาล
ข่าวเหล่านี้เขียนโดยผู้มีอิทธิพลเพื่อใส่ร้ายป้ายสีหลินเหรินเทินและกล่าวยกย่องเย่เวิ่นเทียน คนในตระกูลหลินต่างยอมรับความพ่ายแพ้ ฝ่ายผู้มีอิทธิพลในเมืองเยี่ยนจิงจำนวนมากต่างมีความสุขที่ได้ยิน ราวกับซ้ำเติมคนที่อยู่ในความยากลำบาก ซึ่งเป็ลักษณะนิสัยของพวกเขา
เื่นี้ถือเป็การช่วยเหลือเย่เฟิง ไม่ว่าจะเป็ตระกูลโหมวหรือตระกูลเฉินต่างก็มีความขัดแย้งมากมายกับตระกูลหลิน จึงแอบหว่านเมล็ดผลไปยังเย่เฟิงเพื่อหวังว่าจะมีโอกาสร่วมมือกับเขา
แน่นอนว่าเย่เฟิงมีฐานะเป็ลูกเขยในอนาคตของตระกูลหลิน เหล่าผู้มีอิทธิพลจึงยังเก็บเอาไว้ มิฉะนั้นพวกเขาคงส่งคนมาถึงหน้าประตูแล้วล่ะ
หากพูดเกี่ยวกับเื่นี้ คนที่รู้สึกประทับใจที่สุดคงไม่พ้นคนรอบกายเย่เฟิง ทั้งช่วยเขาขายไข่มุกราตรีและทำให้เครื่องประดับของคุณพ่อตระกูลโอวขายหมดอีกด้วย
โอวบีชื่นชมการกระทำครั้งนี้ของเย่เฟิงเป็อย่างมาก!
เขาไม่คาดคิดเลยว่า ตอนอยู่ที่ร้านขายของโบราณโอว เย่เฟิงยังไม่กล้าทำอะไรหลินซิวเหวิน แต่หลังจากนั้นหนึ่งถึงสองเดือน กลายเป็ว่าเย่เฟิงกล้าจัดการพ่อของหลินซิวเหวิน ถือเป็เื่สะใจอย่างยิ่ง ดังที่โอวเอเคยกล่าวไว้ั้แ่ต้นว่าความสำเร็จในอนาคตของเย่เฟิงจะต้องไม่ธรรมดา แต่แม้แต่โอวเอเองก็ไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นรวดเร็วแบบนี้ เพียงพริบตาทุกสายตาในเมืองเยี่ยนจิงต่างจับจ้องเย่เฟิง
เฉินเทียนเจียวที่เคยรุกรานเย่เฟิงในงานแสดงสินค้าก่อนหน้านี้ก็ถูกตระกูลเฉินตำหนิอย่างรุนแรง เฉินเทียนเจียวผู้น่าสงสารเมื่อเห็นว่าเย่เฟิงมาก็ต้องหลบไป ตอนนี้เก็บตัวเงียบเป็เวลาสองเดือน ซึ่งถือเป็เื่น่าเศร้านัก
สามวันผ่านไปงานแสดงสินค้าก็จบลงอย่างราบรื่น ร้านที่ทำกำไรได้มากที่สุด ไม่ใช่ตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง แต่เป็ร้านขายของโบราณโอวซื่อที่เย่เฟิงเป็คนจัดการเครื่องประดับทั้งหมด
อัญมณีที่เย่เฟิงนำออกมาล้วนเป็เครื่องประดับชั้นดี ทุกชิ้นมูลค่าสูงและคุ้มค่าแก่การสะสม รวมถึงเพชรจักรพรรดิและไข่มุกราตรีด้วย
ในที่สุดเพชรจักรพรรดิก็ถูกประมูลไปในราคาสามสิบล้าน ซึ่งไม่ถือว่าแพงเกินไป สำหรับไข่มุกราตรีนั้น เนื่องจากต้นกำเนิดไม่แน่ชัด ไม่มีประวัติคุ้มค่าพอจะโอ้อวดได้ มูลค่าของสิ่งนี้จึงน้อย ดังนั้นราคาปิดประมูลจึงไม่สูงเท่าเพชรจักรพรรดิ แน่นอนว่าไข่มุกราตรีมีมูลค่าอยู่ที่ราวๆ สิบล้านเท่านั้น แต่ก็นับเป็จำนวนเงินที่สูงเช่นกัน
เพื่อที่จ่ายค่านายหน้าให้ตระกูลหลินรวมถึงภาษีอื่นๆ ร้านขายของโบราณโอวซื่อที่ขายทั้งสิ้นสามวันมียอดสุทธิถึงหนึ่งร้อยแปดสิบล้าน ภายใต้การสนับสนุนของโอวเอ จึงยุยงให้โอวบีและเย่เฟิงหารือกันเพื่อตัดสินใจใช้เงินก้อนนี้ก่อตั้งบริษัท
เย่เฟิงก็คิดว่าดีเหมือนกัน
บริษัทเทคโนโลยีสุดล้ำของเตาเฟิงหลังจากวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อเปิดเผยต่อทุกคน ในที่สุดก็ก่อตั้งขึ้นอย่างเงียบๆ แม้ว่าทุนจดทะเบียนจะสูงมาก แต่บริษัทก็ยังไม่จำเป็ต้องปรับปรุงอะไร
เย่เฟิงจะก่อตั้งแผนกเภสัชกรรมเตาเฟิงก่อน จากนั้นให้โอวบีและซูเมิ่งหานร่วมมือกัน ในขณะที่โอวเอและหลินซือฉิงคอยช่วยเหลือ หาซื้อวัสดุเกี่ยวกับยาที่จำเป็ในตลาด
นี่คือหลักประกันความปลอดภัยสำหรับเย่เฟิงเมื่อไปยังทะเลทราย ตราบใดที่เขามียาเพียงพอที่จะเพิ่มพลังชี่ ก็จะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเหมือนตอนอยู่แถบทะเลตะวันออก
หลังจากนั้นเย่เฟิงเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมตัวให้พร้อม รอวันมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายเพื่อค้นหาจุดวาร์ป อาจต้องพบเจออันตราย ดังนั้นก่อนออกเดินทาง เขาจำเป็ต้องพยายามเต็มที่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น
ใน่เวลานี้ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผ่านมาก็ใกล้จะออกมาแล้ว
ในเื่นี้ ซูเมิ่งหานยังคงแสดงให้เห็นว่าเธอกังวลมาก แม้หญิงสาวจะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนแล้ว แต่เธอก็ไม่้าทิ้งชีวิตปกติ ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างตั้งตารอการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย เพียงแต่ไม่รู้เลยว่าเย่เฟิงจะสอบได้คะแนนเท่าไร?
แต่เย่เฟิงไม่ใส่ใจเื่นี้มากนัก เขายุ่งอยู่กับการขยายเส้นลมปราณและเรียนรู้วิทยายุทธ์ของตระกูลเย่ตัวต่อตัวจากตาเฒ่าอย่างเย่เวิ่นเทียน ทั้งวิชาฝ่ามืออสูรคลั่งและเพลงกระบี่สุริยคราส บอกได้เลยว่าความละเอียดอ่อนของวิทยายุทธ์ทั้งสองชุดนี้ไม่น้อยไปกว่าวิชากรงเล็บัเลย
เย่เวิ่นเทียนเองก็เชี่ยวชาญวิชาฝ่ามืออสูรคลั่งที่สุด เป็การต่อสู้ที่ไม่กลัวตาย เย่เวิ่นเทียนในตอนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง อืม เย่เวิ่นเทียนถึงอันดับสี่ของรุ่นในตอนนั้น...
เพลงกระบี่สุริยคราสเป็วิทยายุทธ์ที่ละเอียดอ่อนที่สุดของตระกูลเย่ แม้ตอนที่ตระกูลกำลังรุ่งเรืองก็มีไม่กี่คนที่เชี่ยวชาญวิชากระบี่นี้ อย่างไรก็ตามหากฝึกฝนวิชากระบี่นี้จนถึงขีดสุด มันจะแข็งแกร่งเหนือกว่าวิชาที่ไร้อาวุธเป็อย่างมาก! มีข่าวลือว่าบรรพบุรุษตระกูลเย่สร้างชื่อเสียงในเจียงหูในอดีตด้วยเพลงกระบี่สุริยคราส
หลังจากเย่เฟิงศึกษาอย่างตั้งใจก็ค้นพบความลี้ลับบางอย่าง