หยวนหรงพยุงหยางหนิงขึ้นมา หยางหนิงรู้สึกว่าขาของตัวเองไม่มีแรง และยืนได้ไม่มั่นคงนัก เขาใ ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ได้ทำให้ร่างกายตัวเองาเ็ไปจริงๆ เพราะเมื่อครู่เขารีบร้อนเกินไปทำให้เผลอดึงพลังภายในออกมาใช้ เส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างจึงได้รับาเ็ นี่หรือว่าเขาจะกลายเป็คนพิการจริงๆ?
“ดูเ้าเด็กนี่สิ แทบจะฉี่รดกางเกงแล้ว” เ้าคนที่เกือบขี่ม้าเหยียบเด็กชี้ไปที่ขาอันสั่นเทาของหยางหนิง แล้วหัวเราะเสียงดัง เหมือนไม่สนใจว่าเมื่อกี้เกือบจะเหยียบคนตายอยู่แล้ว
หยางหนิงจ้องไปที่คนๆ นั้น ตอนนี้เขาเห็นชัดแล้ว คนๆ นั้นมีอายุไม่เกินยี่สิบสี่ยี่สิบห้าเท่านั้น สวมเสื้อผ้าแพรสีเหลือง ที่เอวมีหยกสีเหลืองติดตัว บนศีรษะพันผ้าเอาไว้เช่นกัน ไม่เหมือนคนอื่นที่มีผ้าคาดสีขาว แต่เขาคาดผ้าสีม่วง
ผ้าคาดหัวชิ้นนี้ประณีตมาก ระหว่างหน้าผากมีอัญมณีสีแดงฝังหนึ่งเม็ด ด้านข้างยังมีด้ายสีทองปักล้อม แค่ดูก็รู้ว่ามันมีมูลค่ามาก ผ้าคาดหัวแบบนี้ หยางหนิงไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนน้ำเสียงของคนๆ นั้น ไม่ใช่สำเนียงของขุนนางในเมืองหลวง แต่มันเป็สำเนียงของคนต่างถิ่น
คนอื่นๆ ยิ้มหยันอย่างไม่หวาดกลัว
เ้าหนุ่มชุดเหลืองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก กระตุกม้า แล้วก็เดินไป หยางหนิงะโออกไปว่า “หยุด!”
ทุกคนต่างตะลึง แล้วก็หยุดม้าเอาไว้ หนุ่มชุดเหลืองมองไปที่หยางหนิง จากนั้นก็ยิ้มอย่างดูถูกแล้วพูดว่า “เ้าบอกให้เราหยุดอย่างนั้นหรือ?”
หยางหนิงรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของเขาเริ่มร้อนขึ้นมา เหมือนแรงเริ่มฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ถูกต้อง ข้าให้พวกเ้าหยุด”
ชายชุดเหลืองรู้สึกแปลกใจ เขาลงมาจากหลังม้าอย่างรู้สึกสนใจ เล่นกับแส้ในมือ แล้วพูดว่า “เ้าบอกให้ข้าหยุดทำไม?”
หยางหนิงเห็นคนพวกนี้แต่งตัว คิดว่าน่าจะเป็พวกลูกหลานขุนนางของต่างแดน หรืออาจจะเป็ลูกหลานผู้ดีที่มาจากต่างเมือง คนพวกนี้ไม่น่าใช่ลูกหลานของขุนนางเมืองหลวง คงอวดเบ่งที่ดินแดนของตัวเองจนเคยตัว ตอนนี้มาถึงเมืองหลวง ก็เลยไม่กลัวอะไร
หยางหนิงแอบคิดในใจว่าวันนี้เ้าดวงซวยแล้ว ข้าเป็ถึงทายาทองครักษ์เสื้อแพร หากว่าข้าบอกฐานะของข้าไป แล้วข้างๆ ข้าก็เป็ถึงลูกชายของราชเลขาประจำกรมพิธีการ พวกเขาล้วนไม่ธรรมดา
หยวนหรงเห็นหยางหนิงส่งสายตามาให้ เขาเองก็รู้สึกว่าเ้านี่อาจจะเป็เศรษฐีบ้านนอก พอมาถึงเมืองหลวง ก็ไม่มีมารยาท เห็นคนล้อมดูอยู่รอบๆ ก็เลยอยากจะออกหน้าสร้างภาพ สะบัดพัดออก ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “พวกเ้าไม่มีตาหรืออย่างไร? ที่นี่ที่ไหน? เ้ารู้หรือเปล่าว่า ถ้าทำตัวไร้ยางอาย ทำร้ายผู้อื่นจนาเ็ในเมืองนี้จะเกิดอะไรขึ้น?” เขาเก็บพัด แล้วชี้ไปที่เด็กน้อย “หากน้องชายข้ามาช่วยไม่ทัน เด็กคนนั้นถูกเ้าทำร้าย เ้ารู้ผลที่จะตามมาบ้างหรือไม่?”
ชายชุดเหลืองเหลือบไปมองหยางหนิง แล้วพูดแหย่ไปว่า “ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเมืองหลวงมีกฎแบบนี้ด้วย เ้าบอกข้าทีซิ หากจ้าเหยียบเด็กนั่นตายจริงๆ ขึ้นมา ต้องจ่ายเงินเท่าไรกัน?”
เมื่อพูดแบบนี้ออกมา รอบๆ ต่างก็วิจารณ์กันยกใหญ่ มีคนไม่น้อยชี้แล้วต่อว่า
ชายชุดเหลืองทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผู้คนต่อว่า เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
หญิงคนนั้นพูดว่า “หากทำร้ายคนอื่น ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต พวกเ้าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา พวกเ้าต้องเข้าคุก”
“ฆ่าคนต้องชดใช้? เข้าคุก?” หนุ่มชุดเหลืองยิ้มร้าย “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าฆ่าคนต้องชดใช้ หากต้องเข้าคุกจริงๆ ข้าเคยแต่ส่งคนเข้าคุก แล้วก็ไม่เคยนับด้วยว่าฆ่าคนไปเท่าไร แต่ข้าไม่เคยเข้าคุกเองเลยสักครั้งเดียว”
หยวนหรงคิดในใจว่าเ้านี่มันจะเย่อหยิ่งไปกว่าตัวเขาได้อย่างไร เขาปรับสีหน้าแล้วพูดว่า “เ้าลงมาจากม้าเดี๋ยวนี้ ลงมาขอโทษคนที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้น...!”
เสียงของเขายังไม่ทันพูดจบ หนุ่มชุดเหลืองก็สะบัดแส้ในมือ หยวนหรงที่ไม่ทันตั้งตัว ใช้มือขึ้นมาขวางไว้ “เพี๊ยะ” แส้ม้าฟาดลงมาที่แขนของหยวนหรง หยวนหรงร้อง “โอ้ย” พูดด้วยความโกรธว่า “เ้าลูกหมา เ้ากล้าตีคนหรือ?”
หนุ่มชุดเหลืองสีหน้าเปลี่ยนทันที แล้วพูดว่า “เ้ากล้าด่าข้าหรือ?” จากนั้นก็สะบัดแส้อีกครั้ง หยวนหรงหลบได้ทัน หยางหนิงเดินขึ้นหน้ามา จากนั้นยกมือขึ้นมาจับแส้ม้าเอาไว้ ยิ้มหยันแล้วพูดว่า “ที่นี่เมืองเจี้ยนเย่ บ้านเมืองมีกฎหมาย พวกเ้าควบม้าเข้ามาในเขตเมือง ไม่เกรงกลัวใดๆ ไม่เพียงทำให้ชาวบ้านใ เกือบทำร้ายคนจนเกือบตาย ให้พวกเ้าลงจากม้ามาขอโทษ มันก็สมเหตุสมผลแล้วนี่”
แส้ของหนุ่มชุดเหลืองถูกจับเอาไว้ สายตาของเขาส่องประกายด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นเขาก็แสดงออกถึงความโกรธ พยายามอย่างหนักที่จะดึงแส้กลับมา หยางหนิงรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้มีแรงไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่ามีพื้นฐานบางอย่าง เขายิ้ม แล้วออกแรงกำแส้มากขึ้น หนุ่มชุดเหลืองมีนิสัยดื้อรั้นไม่น้อย ทั้งออกแรงมากขึ้น ไม่นานนัก สีหน้าของเขาก็เริ่มแดง
หยางหนิงเห็นเส้นเอ็นตรงหลังมือที่เขาจับแส้ไว้ ก็รู้ว่าเ้าเด็กนี่ออกแรงมากขึ้นแล้ว สายตาพลันเ้าเล่ห์ขึ้นมา ทันใดนั้นก็ปล่อยมือออกจากแส้ หนุ่มชุดเหลืองที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่สามารถทรงตัวได้ชั่วขณะ จึงหงายหลังหล่นลงมาจากม้า คนรอบๆ ต่างก็หัวเราะออกมายกใหญ่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายคาดผ้าขาวด้านหลังรีบลงจากม้า บางคนวิ่งเข้ามาพยุงหนุ่มชุดเหลือง บางคนชักดาบเดินเข้ามาหาหยางหนิง
หลังจากนั้นก็มีคนะโขึ้นมาว่า “ใครกล้าลงมือ?” คนสองคนเดินออกมาจากด้านข้าง องครักษ์ติดตามขององครักษ์เสื้อแพรที่ติดตามหยางหนิงมา ก็ชักดาบออกมาแล้วเช่นกัน พวกเขาออกมายืนคุ้มกันหยางหนิง
มาถึงตอนนี้ ก็มีเสียงฝีเท้าของม้าดังขึ้น ด้านหลังมีม้าอีกสองตัววิ่งเข้ามา เป็ชายสวมชุดคลุมดำขี่ม้ามา ้าโผกหัวสีดำ ด้านหลังของเขามีกลุ่มคนสวมชุดคลุมดำติดตามมา มองก็รู้ว่าเป็พวกเดียวกับหนุ่มชุดเหลือง ชายชุดคลุมดำอายุราวสี่สิบ ร่างกายสูบผอม บังคับม้ามา เห็นกลุ่มชายคาดผ้าขาวกำลังชักดาบ ก็ชักสีหน้าแล้วพูดว่า “หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกเ้าคิดจะทำอะไร?”
เมื่อทุกคนเห็นชายชุดคลุมดำะโ ก็หันไปมอง ทุกคนดูยำเกรงชายชุดคลุมดำมาก ต่างยืนอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับตัว
ชายชุดคลุมดำลงมาจากม้า หยางหนิงเห็นเขาหน้าตามีเมตตา ก็รู้สึกนับถือไม่น้อย
“ซื่อจื่อ เป็อะไร?” ชายชุดคลุมดำมองไปที่หนุ่มชุดเหลืองที่กำลังถูกพยุง สีหน้าท่าทางจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ซื่อจื่อ ซื่อจื่อไหนล่ะ?
หยางหนิงกับหยวนหรงสบตากัน จากนั้น หยวนหรงก็ตัวสั่นทั้งตัว สายตาแสดงความหวาดกลัว หยางหนิงคิดในใจว่าเ้านี่น่าจะเดาฐานะของอีกฝ่ายออกแล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขาไม่สะดวกที่จะถามเท่านั้น แต่ดูจากปฏิกิริยาของหยวนหรงแล้ว หนุ่มชุดเหลืองนี่ก็น่าจะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเลย
ในใจก็แอบคิดว่า ข้าเป็ถึงทายาทองครักษ์เสื้อแพรสี่ตระกูลใหญ่ของต้าฉู่ อีกฝ่ายก็เป็ซื่อจื่อ หรือว่าตำแหน่งจะใหญ่ไปกว่ากันอย่างนั้นหรือ?
ชายคาดผ้าขาวด้านข้างเดินเข้ามากระซิบข้างหูของชายชุดคลุมดำ สีหน้าของชายชุดคลุมดำสีหน้าจริงจังขึ้น
หนุ่มชุดเหลืองเห็นชาวบ้านต่างชี้หน้าด่าเขาอยู่ ั้แ่เขาตกลงมาจากหลังม้า เขาก็เสียหน้ามาก โกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยชักดาบออกมา ชี้ไปรอบๆ แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ใครกล้าพูดมาก ข้าจะฆ่าพวกมันซะ”
ท่าทางของเขาดูเหี้ยมโหด ชาวบ้านรอบๆ ก็ไม่กล้าหือ ทั้งหมดค่อยๆ ถอยหลังไป
“สำเนียงของเ้าเหมือนจะเป็คนต่างถิ่น” หยางหนิงมองไปที่หนุ่มชุดเหลืองกำลังข่มขู่ชาวบ้าน ก็พูดจาประชดประชัน “เ้าคิดจะใช้ดาบเล่มเดียวสังหารคนทั้งเมืองหลวงหรือไง?”
หนุ่มชุดเหลืองเอียงตัวไปข้างๆ จ้องไปที่หยางหนิง สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต “เ้ามันรนหาที่ตาย ข้าจะฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ”
“เมืองหลวงเจี้ยนเย่ บ้านเมืองนี้มีกฎหมายนะ” หยางหนิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ต้าฉู่ของเรา ตั้งกฎขึ้นมา เพื่อคุ้มครองประชาชน ให้ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข เ้ากำเริบแบบนี้ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา แสดงว่าไม่เห็นฮ่องเต้ต้าฉู่ของเราอยู่ในสายตา หากวันนี้เ้าคิดจะฉีกข้าเป็ชิ้นๆ อีก เ้าจะลอยนวลได้อีกหรือ ใต้บารมีของโอรส์ เ้าคิดจะฆ่าคนจริงๆ น่ะหรือ?”
หยวนหรงเหลือบไปมองหยางหนิง ในใจลอบถอนหายใจ แอบคิดว่าเ้าเด็กนี่วันนี้ฉลาดเกินไปหรืออย่างไร พูดจาชัดถ้อยชัดคำ พูดทีเดียวะเืกันไปหมด ไปๆ มาๆ หนุ่มชุดเหลืองกลายมาเป็ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาซะแล้ว หากจะเอาโทษเขาจริงๆ ปะาทั้งตระกูลนี่ยังไม่พอเลยนะนั่น
หนุ่มชุดเหลืองคิดจะพูดอีก ชายชุดคลุมดำก็พูดขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อ!”
หนุ่มชุดเหลืองเหมือนจะหวาดกลัวชายชุดคลุมดำไม่น้อย เขาพูดด้วยความโกรธเบาๆ ว่า “ท่านซือหม่า พวกเขา...!”
ชายชุดคลุมดำไม่รอให้หนุ่มชุดเหลืองพูดจนจบ ก็เดินขึ้นหน้าไป มองหยางหนิง ยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาทำคำนับ “ซื่อจื่อของเราอายุยังน้อย หากล่วงเกินอะไรไป ขอได้โปรดอภัยด้วย!”
“ถือว่ายังพอมีมารยาทอยู่บ้าง” หยางหนิงพูดว่า “ซื่อจื่อของท่านขี่ม้าบนถนนอย่างเร็ว เกือบทำร้ายคนบริสุทธิ์ ข้าว่าหลังจากพวกท่านกลับไปแล้ว คงต้องสั่งสอนกันให้ดีหน่อยนะ”
ชายชุดคลุมดำยิ้มเบาๆ แล้วก็หันตัวเดินไป หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หยุดนะ!”
ชายชุดคลุมดำหยุดเดิน หันมายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าคิดว่าเ้าจะเข้าใจอะไรง่ายกว่านี้” หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือว่าท่านคิดว่าชนคนแล้ว ก็สามารถไปง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือ?”
ชายชุดคลุมดำมองไปที่รอยเืที่ไหลตรงหน้าผากของหยางหนิง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าผิดเอง” จากนั้นก็ควักเงินออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ทราบพอที่จะไปหาหมอหรือไม่?”
เงินที่เขาให้มาจำนวนไม่น้อย ไปหาหมอต้องพออยู่แล้ว หยางหนิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ค่ารักษา ค่าทำขวัญ สำหรับข้ากับเด็กน้อยนั่นก็พออยู่ แต่ว่าซื่อจื่อของท่าน ไม่ควรพูดขอโทษสักหน่อยหรือ?” เมื่อคิดถึงหยวนหรง ก็ชี้นิ้วไป “โน้น ยังมีคนนี้อีก ถูกซื่อจื่อของพวกท่านใช้แส้ม้าฟาด ก็ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่ารักษากับค่าทำขวัญจะขาดสักอีแปะเดียวก็ไม่ได้”
ชายชุดคลุมดำขมวดคิ้ว แต่ความอดทนของเขาก็ถือว่าใช่ได้ เขาควักตั๋วเงินออกมาจากเสื้อ แล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้พกเงินสดมามากนัก นี่เป็ตั๋วเงินสองร้อยตำลึง สามารถนำไปแลกเงินสดได้ที่ร้านเงินใหญ่ทั้งสี่แห่ง ไม่ทราบว่าแค่นี้พอชดใช้หรือไม่?”
หยางหนิงเองก็ไม่ได้เกรงใจขนาดนั้น รับตั๋วเงินมาแล้วก็ยื่นให้กับหญิงสาวไป หญิงสาวใ หยางหนิงยัดเงินใส่มือของนาง
“แต่เื่ขอโทษนั้น...!” ชายชุดคลุมดำยกมือขึ้นมาคำนับทุกคนรอบๆ “ข้าขอเป็ตัวแทนของซื่อจื่อของข้าขออภัยต่อทุกท่านด้วย ออกมาข้างนอก อาจเกิดความเข้าใจผิดกันได้ ขอทุกท่านอภัยให้ด้วย”
ชายชุดคลุมดำคิดว่าทำแบบนี้ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ใครจะคิดว่าหยางหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “คนทำผิดไม่ใช่เ้า เ้าไม่จำเป็ต้องขอโทษ” แล้วชี้ไปที่หนุ่มชุดเหลือง “คนที่ต้องขอโทษคือเ้า!”
ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมา ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า “อยู่ที่ไหน? ไม่เห็นกฎหมายเลยหรืออย่างไร? คุณชายน้อยอยู่ไหน? พี่น้องทุกท่าน ล้อมเ้าบ้านี่เอาไว้ อย่าปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้