ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนพูดจบทั่วทั้งตำหนักไท่จี๋ก็เกิดความเงียบ
แต่ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครง! นอกจากเฉิงอี้เฟยแล้วคนที่ไม่หัวเราะก็ยังมีจวินจิ่วเฉินที่ซ่อนตัวอยู่นอกหน้าต่าง เขาสวมชุดสีดำ บนใบหน้ายังคงสวมหน้ากากสีเงิน ทันทีที่เขามาถึงก็ได้ปะทะเข้ากับท่าทางดุจโจรหญิงท้องถิ่นของกูเฟยเยี่ยน
ไม่มีใครรู้ว่าสีหน้าภายใต้หน้ากากของเขาจะเป็เช่นไร เพียงแต่ดวงตาสีดำลึกลับของเขามืดมนหนาวเหน็บและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังอดทนอยู่!
เสียงหัวเราะภายในตำหนักใหญ่ยังคงไม่มีวี่แววที่จะหยุดลง
“กูเฟยเยี่ยน เ้าดื่มไปแค่สามแก้วก็เมาเช่นนี้แล้วหรือ? ”
“ฮ่าๆ ๆ ตลกเสียจริง! นี่เป็เื่ตลกมากๆ ! ”
“โอ๊ย น่ากลัวจังเลย เปิ่นกงจื่อใหมดเลย! ”
……
อย่าว่าแต่คนกลุ่มนี้เลย แม้แต่เฉิงอี้เฟยยังแปลกใจมาก เมื่อสักครู่นี้ตอนที่กูเฟยเยี่ยนส่งสายตามาให้เขา เขายังคิดว่านังหนูคนนี้จะมีวิธีการอะไรดีๆ ! เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากูเฟยเยี่ยนจะพูดจาใหญ่โตเช่นนี้!
นังหนูคนนี้ไม่รักษาชีวิตแล้วหรือ?
สุราที่เขาดื่มลงไปเริ่มจะออกฤทธิ์แล้ว อันที่จริงเขากำลังฝืนเอาไว้อยู่ หากนังหนูนี่ดื่มจนเมาจริงๆ จะไม่อันตรายหรือ? เฉิงอี้เฟยไม่วางใจจึงดึงกูเฟยเยี่ยนมา “แพทย์หญิงน้อย เป็เด็กดีนะ อย่าก่อเื่เลย ข้าสามารถ…”
กูเฟยเยี่ยนขัดจังหวะ “หากเอาชนะข้าที่เป็เพียงผู้หญิงไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปประลองฝีมือกับท่านแม่ทัพเฉิงและไม่มีสิทธิ์ตำหนิความสามารถในการดื่มสุราของท่านแม่ทัพเฉิงผู้เฒ่าด้วย! ”
นางพูดแล้วผลักเฉิงอี้เฟยไปนั่งด้านข้างพร้อมกับส่งสายตาให้เขาวางใจลง “ท่านแม่ทัพเฉิง ท่านดูไว้ให้ดีว่าภายในตำหนักใหญ่นี้ใครคอแข็งที่สุด! ”
ไม่พูดไม่ได้ว่าคำพูดของกูเฟยเยี่ยนคลายอารมณ์ยั่วยุขององค์ชายใหญ่ แล้วกอบกู้ศักดิ์ศรีของเฉิงอี้เฟยพร้อมกับหาทางลงให้เขาได้ เฉิงอี้เฟยทั้งซาบซึ้งใจทั้งไม่สบายใจแต่ก็เกลี้ยกล่อมนางไม่ได้
ทางด้านขององค์ชายกับเหล่าทายาทตระกูลขุนนางนั้นยังคงหัวเราะเยาะเสียงดัง อวิ้นกุ้ยเฟยกับองค์ชายใหญ่ก็ไม่แตกต่างจากคนอื่น สองแม่ลูกต่างก็สบตากันแล้วหัวเราะเยาะ
อันที่จริงตอนที่พวกเขาคิดแผนการนี้ขึ้นมาก็ได้เตรียมการรับมือไว้สองวิธี วิธีที่หนึ่งคือให้กูเฟยเยี่ยนกลับไปแล้วทำให้เฉิงอี้เฟยมึนเมา ต่อให้เอาชีวิตทั้งชีวิตของเขาไม่ได้ ก็ต้องเอาครึ่งชีวิตของเขา วิธีที่สองคือทำให้กูเฟยเยี่ยนเมาด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้ง้าชีวิตของเฉิงอี้เฟยและ้าทำลายกูเฟยเยี่ยน
พวกเขาคาดไม่ถึงว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ยอมเดินทาง์แต่พุ่งเข้ามาในนรก นางถึงขนาดที่กล้ายั่วยุบุรุษทั้งห้องโถงโดยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ฉากเด็ดของค่ำคืนวันนี้เกินความคาดหมายพวกเขาจริงๆ !
เหล่าองค์ชายกับเหล่าทายาทตระกูลขุนนางล้วนเข้าใจสายตาเป็นัยของอวิ้นกุ้ยเฟย ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเผยรอยยิ้มหลงระเริงแล้วยืนขึ้นอย่างอดทนรอไม่ไหว
เพียงแต่กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ให้โอกาสเขาได้พูด!
กูเฟยเยี่ยนหันไปมององค์หญิงหวายหนิงที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยออกมา “เมื่อสักครู่นี้เ้าบอกว่าท่านแม่ทัพเฉิงผู้เฒ่าโอ้อวดความสามารถในการดื่มสุราใช่หรือไม่? ”
องค์หญิงหวายหนิงที่ถูกอวิ้นกุ้ยเฟยกดดันเอาไว้กำลังอัดอั้นตันใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของกูเฟยเยี่ยนนางก็อดใจไม่ไหวลุกขึ้นมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ”
กูเฟยเยี่ยนเดินเข้าใกล้แล้วพูดออกมาทีละคำ “ข้าจะทำให้เ้ากลืนคำพูดนี้กลับไปซะ! ”
องค์หญิงหวายหนิงหัวเราะเยาะเย้ย “คำพูดคำจาเมื่อสักครู่นี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เหอะๆ ที่แท้ก็คุยโม้เอาไว้แต่ทำไม่ได้สินะ! เ้าพุ่งตรงมาที่เปิ่นกงจู่โดยเฉพาะไม่ใช่หรือ? เปิ่นกงจู่จะให้โอกาสสักครั้ง! ”
องค์หญิงคนอื่นอาจจะคออ่อน ทว่านางต่างออกไป นางมักจะชวนฉีฟู่ฟางออกไปดื่มสุราด้วยความครื้นเครง เพราะฉะนั้นนางจึงคอแข็งมาก! ในเมื่อกูเฟยเยี่ยนรนหาที่ตาย นางก็จะเป็คนส่งนางลงนรกเอง!
องค์หญิงหวายนำสุรามาเทลงแก้วทั้งสามใบจนเต็มจากนั้นจึงเอ่ยด้วยความใจกว้าง “กูเฟยเยี่ยน เมื่อสักครู่นี้เ้าดื่มไปสามแก้วเเล้ว เปิ่นกงจู่จะไม่เอาเปรียบเ้า ข้าจะดื่มสามแก้วนี้ก่อน! ”
นางไม่ได้ดื่มลงทันที แต่นำสุราทั้งสามแก้วเทลงไปในชามลายครามขนาดเล็กแล้วกระดกดื่มจนหมดรวดเดียว จากนั้นนางก็จงใจให้กูเฟยเยี่ยนดูที่ก้นชาม
ผู้คนบริเวณโดยรอบค่อนข้างประหลาดใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงหวายหนิงที่เป็ครอบครัวฝ่ายหญิงจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้ ต้องรู้ไว้ว่าหญิงสาวทั่วไปที่ดื่มสุราเป็ อย่างมากก็สามารถดื่มรวดเดียวได้เพียงหนึ่งแก้วเท่านั้น
กูเฟยเยี่ยนชำเลืองตามองแวบหนึ่งแล้วยิ้มเยาะในใจ องค์หญิงหวายหนิงไม่เอาเปรียบนางที่ไหนกัน นี่มันแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเลยนะ!
องค์หญิงหวายหนิงพอใจกับตนเองมาก “กูเฟยเยี่ยน เ้าเป็คนเลือกเลยว่าจะใช้แก้วหรือใช้ชาม! จะได้ไม่ต้องพูดว่าเปิ่นกงจู่รังแกเ้า! คำพูดของเ้าเมื่อสักครู่นี้ยิ่งใหญ่มาก เ้าน่าจะเลือกชามใช่หรือไม่? ”
อันที่จริงหากกูเฟยเยี่ยนเลือกชามจริงๆ องค์หญิงหวายหนิงจะยืนหยัดไม่ไหว แม้ว่านางจะคอแข็ง แต่ก็ดื่มรวดเดียวไม่หยุดได้เพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น นางเดาว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่กล้าเลือกชาม ดังนั้นจึงจงใจโอ้อวด
ผู้คนรอบข้างต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย รอคอยให้กูเฟยเยี่ยนตบหน้าตัวเอง
ทว่ากูเฟยเยี่ยนหยิบชามลายครามขึ้นมาพิจารณาด้วยอารมณ์สนุกสนาน ราวกับสนใจและอยากจะเลือกชาม
คราวนี้ทุกคนล้วนแปลกใจและไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็ปล่อยมือลงให้ชามตกแตก จากนั้นจึงหยิบเหยือกสุรามาวางต่อหน้าองค์หญิงหวายหนิงแล้วยิ้มด้วยความสนุกสนาน “ข้าเลือกสุราทั้งเหยือกจะรังแกเ้าเกินไปหรือไม่? ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาห้องโถงก็จมลึกอยู่ในความเงียบ องค์หญิงหวายหนิงงงงวยมาก “เ้า เ้า…เ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย หากมีฝีมือ…”
องค์หญิงหวายหนิงยังพูดไม่จบกูเฟยเยี่ยนก็ยกเหยือกสุรามากระดกดื่มหลายอึก
ทุกคนต่างก็ใและจ้องมองไปที่กูเฟยเยี่ยนโดยไม่อาจละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว พวกเขารู้สึกว่านังหนูผอมบางคนนี้มีความสง่างามและป่าเถื่อนที่บุรุษก็ไม่อาจเทียบได้!
เฉิงอี้เฟยมองอยู่เช่นกัน อารมณ์เคลิ้มเมาของเขาได้ที่แล้ว ท่ามกลางความเคลิบเคลิ้มเขาได้เห็นกูเฟยเยี่ยนเงยศีรษะยืนดื่มอย่างหนักหน่วงเขาจึงได้สติกลับมาในทันที เฉิงอี้เฟยหัวเราะออกมา เขาหัวเราะครั้งแล้วครั้งเล่า หัวเราะจนเหมือนคนโง่เขลาไปแล้ว เขารู้ว่าผู้หญิงที่เขา้าก็คือผู้หญิงแบบนี้ แบบนี้เลย!
จวินจิ่วเฉินที่อยู่นอกหน้าต่างก็ประหลาดใจกับกูเฟยเยี่ยนเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเลือนความโกรธเคืองไปแล้ว เพราะเขาได้จับตามองนางด้วยดวงตาลึกซึ้งที่มีความหลงใหลเล็กน้อย! เขาเคยเห็นท่าทางเคลิบเคลิ้มของนาง เคยเห็นท่าทางโง่เขลาที่น่ารักของนาง เคยเห็นใบหน้าดุร้ายเพราะความโกรธเคืองของนาง เคยเห็นท่าทางว่านอนสอนง่ายและนอบน้อมของนาง และเคยเห็นท่าทางแข็งกร้าวป่าเถื่อนของนาง ทว่าเขาไม่เคยเห็นท่าทางสง่างามที่ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้มาก่อน เขาอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวคนนี้ยังมีอะไรที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนอีก?
สำหรับผู้ชายที่มีความสามารถในการดื่มสุราแบบทั่วไปแล้ว การดื่มสุราหนึ่งเหยือกรวดเดียวโดยไม่หยุดถือเป็เื่ที่ค่อนข้างจะยาก แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางความเงียบและสายตาจ้องมองของทุกคน กูเฟยเยี่ยนได้กระดกดื่มอึกใหญ่จนหมดเกลี้ยง
“เพล้ง! ”
นางขว้างเหยือกสุราลงไปที่พื้น เหยือกสุราที่แตกออกไม่เหลือสุราเลยสักหยด
ในขณะนี้ทุกคนยังไม่ได้สติกลับมา โดยเฉพาะองค์หญิงหวายหนิง กูเฟยเยี่ยนก้าวเดินอย่างมั่นคงแล้วโยนเหยือกสุรามาไว้ตรงหน้าองค์หญิงหวายหนิง “ฟูเหรินท่านชายฉี ถึงตาท่านแล้ว! ”
องค์หญิงหวายหนิงที่ได้สติกลับมาเกิดความตกตะลึงอีกครั้ง วินาทีนั้นนางทำอะไรไม่ถูกเลย
ดวงตาของกูเฟยเยี่ยนทอประกายความเ้าเล่ห์ นางจงใจยั่วยุ “ดูท่าว่าเ้าจะทำไม่ได้ เปิ่นกูเหนี่ยงไม่เคยให้คนอื่นยอมแพ้มาโดยตลอด แต่ว่าหากเ้าขอโทษท่านแม่ทัพเฉิง เปิ่นกูเหนียงก็จะพิจารณาให้เ้ายอมแพ้ได้! ”
คำพูดนี้ยั่วให้องค์หญิงหวายหนิงเกิดโทสะมาก ดังนั้นองค์หญิงหวายหนิงจึงทุ่มสุดกำลัง นางหยิบเหยือกสุราขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเริ่มดื่มลงไป เพียงแต่ดื่มไปไม่เท่าไหร่ก็ยืนหยัดไม่ไหวจนต้องวางเหยือกสุราลง
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นโดยไม่พูดอะไร องค์หญิงหวายหนิงที่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟได้ดื่มต่อไปอึกใหญ่ องค์ชายใหญ่กับอวิ้นกุ้ยเฟยไม่อาจไปหยุดได้
องค์ชายใหญ่จึงกระซิบแ่เบา “หมู่เฟย ทำอย่างไรดี? ”