ผู้ชายไม่กี่คนบนโต๊ะอาหารทานไปด้วยดื่มไปด้วย พูดคุยเฮฮา คำพูดในระหว่างพูดคุยถูกคอกันอย่างมาก อาหารหนึ่งมื้อทานกันมากกว่าครึ่งชั่วยาม จึงนับได้ว่าดื่มกันจนจุใจ
สีท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว ทุกคนอยู่ในอาการมึนเมากันอยู่สองสามส่วน ต่างทยอยกันอำลา ชายชราสกุลหูพาสองพี่น้องสกุลหูออกไปส่งแขกนอกบ้าน
โบกมืออำลาครอบครัวสกุลหูทุกคนแล้ว หวงซื่อประคองจ้าวเหวินเฉียง อาศัยแสงไฟมืดสลัวข้างทาง ค่อยๆ เดินกลับบ้าน
“หูเฉวียนฝูผู้นี้ยากจนมาครึ่งค่อนชีวิต พอวัยชรากลับมีบุญวาสนานัก ซื้อวัวซื้อที่ดิน เมื่อครู่ได้ยินมาว่าปีหน้าไม่เพียงจะซ่อมแซมบ้าน แต่ยังจะสร้างห้องเพิ่มสองสามห้อง ทั้งหมดนี้รวมกันขึ้นมาแล้ว เกรงว่าจะไม่ใช่แค่สองสามเหลียงกระมัง อื้อหือ ครอบครัวพวกเขาเดินบนลู่ทางอันใดกัน หาเงินได้ไม่น้อยเลยจริงๆ!” หวงซื่อกล่าวด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
“ไม่พอแค่นี้นะ เคยบอกกับเ้าไปแล้วนี่ ว่าเมื่อเช้านี้หลังจากพวกข้าออกจากศาลาว่าการ ได้พบกับเ้าของร้านหลิวของฝูอันถังผู้นั้นบนถนน เ้าน่ะไม่ได้เห็น เ้าของร้านหลิวกระตือรือร้นนัก เฮ้อ…ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าโชคดีของครอบครัวพวกเขามาจากที่ใดกัน พรุ่งนี้เ้าของร้านหลิวยังจะมาเลือกกระต่ายด้วยตนเองถึงบ้านสกุลหูอีกด้วย” จ้าวเหวินเฉียงอยู่ในอาการเคลิ้มมึนเมา เดินโซซัดโซเซเล็กน้อย
“เฮ้อ ครอบครัวพวกเขาได้พบกับผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปเป็เช่นไรได้! ต่อไปนี้ พวกเราต้องใกล้ชิดครอบครัวพวกเขาอีกหน่อย คนมีเงินแล้ว ลู่ทางก็กว้างขวางขึ้น จะได้เป็ประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังของครอบครัวเรา... เ้าช้าหน่อย เหตุใดดื่มมากมายเช่นนี้ พรุ่งนี้ศีรษะเ้าจะปวดเอาได้” หวงซื่อประคองอย่างยากลำบากเล็กน้อย พลางบ่นมุบมิบอยู่ในปาก
“เอิ้ก…” จ้าวเหวินเฉียงเรอออกมา ยิ้มแล้วกล่าว “หลักการนี้ข้าเข้าใจดี งานเลี้ยงวันนี้ทำได้ดีนัก ก็เลยดื่มเข้าไปมากโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝีมือครัวพี่สะใภ้หูเยี่ยมมากจริงๆ”
“รู้แล้วล่ะ เ้าเดินดีๆ ข้างหน้าก็ถึงบ้านแล้ว กลับไปดื่มชาให้สร่างสุราหน่อยนะ” บ้านจ้าวเหวินเฉียงห่างจากบ้านสกุลหูไม่ไกล เดินไม่นาน เมื่อเลี้ยวโค้งไปประตูบ้านก็อยู่ใกล้ตรงหน้า
...วันใหม่เริ่มต้นขึ้น แม้เมื่อวานหูฉางกุ้ยจะบอกเจินจูแล้วตอนที่เขากลับมาจากในเมือง ว่าวันนี้เ้าของร้านหลิวของฝูอันถังจะมาเลือกกระต่ายด้วยตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะรุ่งสางรถม้าของพวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของครอบครัวหูแล้ว
ในยามเช้าตรู่ พระอาทิตย์ในฤดูหนาวขึ้นอย่างช้าๆ ความแวววาวสีทองก็เริ่มส่องแสงบนพื้นโลก แสงแดดอันอบอุ่นพัดกระจายความหนาวเย็นที่หลงเหลือในคืนก่อนให้ค่อยๆ จางหายไป
เจินจูฮัมทำนองเพลงอย่างเคลิบเคลิ้มอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ขึ้นในยามรุ่งอรุณ ถือไม้กวาดกวาดลานบ้านด้วยความขยัน แต่นอกลานบ้านกลับสะท้อนเสียงร้องของม้าที่แข็งแรงพร้อมกับเสียงล้อรถของเกวียนใกล้เข้ามา เมื่อเงยหน้ามองไป รถม้าสูงใหญ่ก็หยุดอยู่หน้าบ้านแล้ว
ยังคงเป็เฉินเผิงเฟยที่เป็ผู้เร่งรถม้า ร่างกายแข็งแรงสวมเครื่องแต่งกายเรียบร้อยมากนัก เขาลุกขึ้นะโลงจากรถม้า แล้วเอาม้าผูกไว้นอกลานบ้านด้วยความคุ้นเคย
“แม่นางหู พวกข้ามาอีกแล้ว” เฉินเผิงเฟยกล่าวเสียงดังแล้วฉีกยิ้ม
“องครักษ์เฉิน อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะ!” เจินจูกวาดขยะไปไว้ด้านข้าง วางไม้กวาดให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินไปเปิดประตู
“แม่นางหู มารบกวนเ้าอีกแล้ว!” ประตูรถเปิดออก เ้าของร้านหลิวลงจากรถม้า
“ทักทายเ้าค่ะ เ้าของร้านหลิว พวกท่านมากันแต่เช้ายิ่งนัก” เจินจูมองพระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้น ดูท่าว่าทั้งสองท่านนี้น่าจะเตรียมตัวกันเรียบร้อยั้แ่กลางดึกแล้วกระมัง
นางวิจารณ์อยู่ในใจ ยังดีที่นางล้างหน้าแปรงฟันสะอาดแล้ว ไม่เช่นนั้นล่ะก็ คงจะอึดอัดใจวางตัวไม่ถูกอย่างมาก
“เอ่อ เช้าเกินไปจริงๆ ” หลิวผิงรู้ว่าพวกเขามากันเช้ามาก จึงค่อนข้างเกรงใจอยู่เล็กน้อย แล้วกล่าวทันทีทันใด “เมื่อวานนี้ได้ยินว่าครอบครัวเ้าซื้อที่นาใหม่ มิได้มาให้ทันแสดงความยินดี วันนี้เลยรีบเร่งมาส่งของขวัญเป็พิเศษ” กล่าวจบ ก็เริ่มขนย้ายสิ่งของลงจากบนรถ
หนึ่งอย่าง สองอย่าง สามอย่าง สี่อย่าง…
มีทั้งอาหารว่าง กล่องของขวัญ ผ้าพับที่ใช้ทำเสื้อผ้า ผักผลไม้สด…
มองกองของขวัญอวยพรที่เต็มคันรถ เจินจูอดเส้นดำเต็มหัวไม่ได้ น้องสาวท่านสิ... ครอบครัวข้าแค่ซื้อที่นายี่สิบเหลียง ของขวัญอวยพรเหล่านี้ของท่านคาดว่าจะมากกว่าราคาที่นาข้าอีก ท่านมอบของขวัญอวยพรประสาอะไรกัน! เจินจูมองบนอยู่ในใจ
หลิวผิงไม่ได้สนใจมองเจินจูที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างนิ่งเฉย สั่งเฉินเผิงเฟยให้เอาของขวัญแสดงความยินดีย้ายเข้าไปในบ้าน
ช่างเถิด... ครอบครัวท่านเงินมาก อยากมอบให้ก็มอบ เจินจูคิด ไม่กล่าวมากความ เพียงเข้าไปในครัวเทน้ำร้อนแล้วยกไปให้พวกเขา
“เ้าของร้านหลิว ขอบคุณสำหรับของขวัญอวยพรของพวกท่าน สิ่งเหล่านี้แพงเกินไปนัก ต่อไปอย่าทำเช่นนี้เลยนะเ้าคะ ครอบครัวข้าฐานะต่ำต้อย คงรับของขวัญใหญ่โตของพวกท่านไม่ได้ แค่น้ำใจที่มีพวกข้าก็ล้วนรับไว้แล้ว” เจินจูกล่าวอย่างพอประมาณ
หลิวผิงแปลกใจ เด็กสาวตรงหน้าสายตามั่นคงน้ำเสียงสุขุม เดิมทีคิดว่าเด็กสาวเป็เพียงคนร่าเริงไร้เดียงสาและทำให้ผู้อื่นหลงรัก พอกล่าวออกมาเช่นนี้ กลับเป็ว่าดูแคลนนางไม่ได้เลย
“เป็เพียงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แม่นางหูอย่าได้รังเกียจ นี่มิใช่ว่าครอบครัวพวกเ้าประสบเื่น่ายินดีหรอกหรือ” หลิวผิงกล่าวจบพร้อมรอยยิ้ม
“เ้าของร้านหลิว้ามาซื้อกระต่าย คิดตามราคาตลาดก็พอ ไม่จำเป็ต้องลำบากสิ้นเปลืองเช่นนี้ ตอนนี้ที่บ้านเลี้ยงกระต่ายสีเทาหนึ่งร้อยกว่าตัว คุณชายของพวกท่านคนเดียวทานมากเช่นนี้ไม่ไหวหรอกนะเ้าคะ” เมื่อรู้ว่าหลิวผิงมาด้วยจุดประสงค์อะไร เจินจูจึงถือโอกาสย้อนกลับมาเข้าประเด็นที่จะคุย
“ทานได้หมดๆ แม่นางหู กระต่ายบ้านเ้าไม่สามารถขายให้ผู้อื่นได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราตกลงกันแล้วหรือ ว่าพวกข้าจะให้ราคาเป็สองเท่าเพื่อซื้อกระต่ายบ้านเ้า มีกี่ตัวก็เอาเท่านั้น” หลิวผิงรีบกล่าว
“… คุณชายของพวกท่านทานกระต่ายทุกวันเชียวหรือ? เปลี่ยนของทานอย่างอื่นสักหน่อยไม่ได้หรือเ้าคะ?” นี่น่าเวทนาผู้พบเห็นนัก มีเงินแล้วมีประโยชน์อะไร วันๆ ทำได้เพียงทานอาหารเหมือนเดิมเช่นนั้น
“เอ่อ… แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนบ้าง ” หลิวผิงหัวเราะแห้งๆ หนึ่งเสียง “เพียงแต่... ่นี้คุณชายชอบทานแค่กระต่าย รอเขาทานจนเอียนแล้ว ย่อมเปลี่ยนอย่างแน่นอน”
“โอ้...” เจินจูคิดเล็กน้อย ไก่ของที่บ้านก็เลี้ยงด้วยซังข้าวโพดมาพักหนึ่ง คิดๆ ไปแล้วก็มีประสิทธิภาพต่างกันไม่มากกับเนื้อกระต่ายเลย ถือว่าเปลี่ยนรสชาติให้กู้อู่แล้วกัน “บ้านข้ายังเลี้ยงไก่บ้านอยู่จำนวนหนึ่ง อีกสักครู่ พวกท่านจับกลับไปสองตัวนำไปตุ๋นให้คุณชายของพวกท่านทานเถิด”
“ไก่? แต่คุณชายของพวกเราทานไก่ไม่ได้นะแม่นางหู!” เฉินเผิงเฟยที่อยู่ด้านข้างกล่าวโพล่งออกมา ครั้งก่อนแม่ครัวตุ๋นน้ำแกงไก่ฟ้าหนึ่งหม้อ คุณชายทานไปหนึ่งคำก็คายออกมา ผลสุดท้ายน้ำแกงไก่ฟ้ารสหวานอร่อยสดชื่นหนึ่งหม้อก็เข้าไปอยู่ในท้องของพวกเขา
“โอ้... ไม่สามารถทานได้หรือ? แหะๆ” เจินจูหัวเราะ “กระต่ายล้วนทานได้ เหตุใดจะไม่สามารถทานไก่ได้เ้าคะ? ช่างเถิด หากพวกท่านไม่้า เช่นนั้นก็จับกระต่ายสองตัวแล้วกันเ้าค่ะ”
“้าสิ! จะไม่้าได้อย่างไรกัน! ไก่ที่แม่นางหูเลี้ยงต้องอยากได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย! กลับไปจะตุ๋นน้ำแกงให้คุณชายทานแน่นอน” ทันใดนั้นหลิวผิงก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเปิดปากตอบรับทันที
อืม... นับว่าเ้าของร้านหลิวผู้นี้ฉลาดอยู่ ไม่ได้อายุมากเสียเปล่า... เจินจูมองเฉินเผิงเฟยที่ไม่เข้าใจในเื่ราวอยู่แวบหนึ่ง ในใจแอบหัวเราะ
“แม่นางหู เ้ายังมีอันใดที่้ามอบให้คุณชายอีกหรือไม่?” หลิวผิงถามด้วยความระมัดระวัง
“เอ่อ…” เจินจูคิดถึงสิ่งของที่อยู่ในมิติช่องว่างหนึ่งรอบ มีข้าวโพด ฟักทอง หัวไชเท้า ผักกวางตุ้ง ทั้งหมดล้วนมีเก็บไว้ แต่เหมือนว่าจะไม่สามารถมอบให้ได้ ผลลัพธ์มากไปก็ไม่ดี ทำได้เพียงค่อยเป็ค่อยไปแล้วกัน “ไม่มีแล้วเ้าค่ะ ขณะนี้เป็หน้าหนาว ที่บ้านไม่ได้เพาะปลูกอะไรเลย รอเข้าฤดูใบไม้ผลิเถิด ตอนนั้นก็สามารถมอบผักที่สดใหม่ให้คุณชายของพวกท่านได้เยอะทีเดียว”
ฤดูใบไม้ผลิ? ห่างจากตอนนี้อย่างน้อยก็สามสี่เดือนเลย หัวไชเท้าที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่ถึงสิบหัวแล้ว จะยืนหยัดไปถึงฤดูใบไม้ผลิได้ที่ไหนกันเล่า หรือว่าจะเป็ดั่งที่หูเจินจูกล่าวจริงๆ ทำได้เพียงทานเนื้อกระต่ายทุกวัน ใบหน้าของหลิวผิงเ็ปกลุ้มใจขึ้นทันทีทันใด
เจินจูก็คิดถึงปัญหานี้อยู่ ั์ตานางสั่นไหวเล็กน้อย จึงเสนอความคิดเห็นออกมา “กระต่ายพวกนี้กับไก่บ้านพวกท่านสามารถลองตุ๋นคู่กับสิ่งอื่นเล็กน้อยดูได้ เช่น ซันเย่า [1] เห็ด รากบัว ล้วนเป็วัตถุดิบที่ดีมากเลยนะเ้าคะ อ่า... ที่บ้านข้ายังมีเห็ดแห้งที่รวบรวมไว้เล็กน้อย ไม่เช่นนั้น มอบให้พวกท่านจำนวนหนึ่งด้วยแล้วกันเ้าค่ะ” จัดคู่เข้ากับผลผลิตที่ไม่ใช่ของมิติช่องว่างนิดหน่อยน่าจะยังสามารถทานลงได้
“เห็ด? ดีเลย เช่นนั้นต้องขอบคุณแม่นางหูมากแล้ว” หลิวผิงร่าเริงยินดีขึ้นมาชั่วขณะ ยังไงก็รับสิ่งของที่แม่นางน้อยมอบให้มาทั้งหมดไว้ก่อน กลับไปลองต้มดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าผลิตผลของที่นี่ จะเข้ากับคุณชายเป็พิเศษจริงๆ ก็ได้
ระหว่างพูดคุย เจินจูก็พาทั้งสองคนไปถึงกระท่อมกระต่ายหลังบ้าน ประตูเปิดออกกว้างอยู่แล้วเพื่อให้อากาศถ่ายเท “ผิงอัน”
“อื้ม... ท่านพี่ ข้าอยู่นี่!” เสียงใสของเด็กชายดังสะท้อนออกมาจากด้านใน
“ทั้งสองท่านเชิญเข้ามาเถิด กลิ่นจะแรงหน่อย พวกท่านเลือกดูได้เลยเ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วนำทางพวกเขาเข้ากระท่อมกระต่าย
“ไม่เป็ไรๆ เครื่องปรุงยามากมายก็กลิ่นแรงเช่นกัน คุ้นเคยได้ก็จะดีขึ้น” หลิวผิงเดินเข้าไปภายในกระท่อม กลิ่นสาปปัสสาวะของกระต่ายหนึ่งสายปะปนกับกลิ่นเผาถ่านโชยเข้าจมูก เขาย่นจมูกทันที ดูภายในกระท่อมฟางที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆ ไม่นับว่าใหญ่เกินไปนัก กรงไม้วางซ้อนกันมากมายสูงๆ ต่ำๆ กระต่ายสีขาวเทาในกรงจำนวนหนึ่งกำลังแทะหญ้าอยู่
“อื้ม กลิ่นนี้มัน…” เฉินเผิงเฟยปิดจมูกขึ้นทันที
“แหะๆ กระต่ายมากเกินไป ไม่รู้จะทำเช่นไรดี รอให้อากาศดีขึ้นหน่อย ก็จะสามารถล้อมรั้วบนพื้นที่ลาดเอียงแล้วปล่อยเลี้ยงในนั้นได้ ถึงเวลานั้นก็จะดีขึ้นได้สักหน่อย” เจินจูยักไหล่ ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ กับกลิ่นเหม็นมากนัก
“ท่านพี่” ผิงอันหยุดงานในมือลง สังเกตสองคนที่อยู่ข้างหลังเจินจูด้วยความประหลาดใจ
“อื้ม นี่เป็เ้าของร้านหลิวของฝูอันถังกับองครักษ์เฉิน พวกเขา้าซื้อกระต่ายสองตัว กระต่ายตัวผู้ที่โตหน่อยอยู่ไหนกัน?”
“ข้าจับมันออกไปปล่อยให้เคลื่อนไหวในรั้วแล้ว”
“ดี ข้าจะพาพวกเขาไปดูหน่อย”
มุมหนึ่งของกระท่อมฟางใช้ไม้กั้นล้อมรั้วพื้นที่ว่างหนึ่งส่วนไว้ กระต่ายค่อนข้างโตสิบกว่าตัวะโโลดเต้นอยู่บนพื้น
“เ้าของร้านหลิว ท่านเลือกดูเลยเ้าค่ะ มีเพียงสองสามตัวนั้นที่พอถูๆ ไถๆ นับว่าเป็กระต่ายโตพอใช้ได้ หากพวกท่าน้าก็จับได้แค่สองสามตัวนี้ไปก่อน” เจินจูชี้ไปที่กระต่ายไม่กี่ตัวที่ค่อนข้างโต
“ได้ ข้าจับไปสองตัวก่อนก็ได้ ผ่านไปสองสามวันคุณชายทานหมดแล้วพวกเราค่อยมาใหม่” หลิวผิงมองกระต่ายสีขาวเทาที่อยู่เต็มพื้น ในดวงตาแสดงความตื่นเต้นดีใจขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็อาหารของคุณชายที่ต้องทานประจำเลยทีเดียว
“เช่นนั้นก็ได้ รอก่อนนะเ้าคะ” กล่าวจบ ก็ดันราวจับให้เปิดออก เดินเข้าไป จับสองตัวที่ใหญ่สุดไว้ข้างละหนึ่งตัวอย่างแม่นยำ
“ผิงอัน เ้าเอาตะกร้าไม้ไผ่มาให้ข้าที”
“อื้ม... นี่ ท่านพี่”
ยัดกระต่ายเข้าไปในตะกร้าเรียบร้อย เจินจูใช้มือชั่งเพื่อกะน้ำหนัก อืม... ค่อนข้างหนักมือเลย
“แม่นางหูยอดเยี่ยมมาก กระทำการจับกระต่ายได้รวดเร็วและแม่นยำนัก ฮ่าๆ” เฉินเผิงเฟยยิ้มแล้วกล่าวหยอกล้อ
เจินจูเอียงสายตาไปมองเขาแวบหนึ่ง “หากท่านจับหลายครั้งเข้า ก็จะเก่งกว่าข้าแล้ว”
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว เผิงเฟย ต่อไปงานจับกระต่ายล้วนเป็ของเ้าแล้ว” หลิวผิงเห็นว่าธุระจัดการได้เรียบร้อย อารมณ์จึงค่อนข้างเบิกบานอย่างมาก เขาจึงกล่าวแล้วยิ้มกริ่ม
เจินจูกำชับให้ผิงอันวิ่งไปบ้านเก่าหิ้วเห็ดแห้งครึ่งตะกร้ากลับมา แล้วพาทั้งสองคนออกจากระท่อมกระต่าย
เดินมาถึงเล้าไก่ที่อยู่ด้านข้าง หมู่นี้ไก่ตัวเมียขยันออกไข่มากนัก จนนางตัดใจจับให้พวกเขาไปไม่ได้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็พูดไปแล้วย่อมต้องมอบให้
หยิบตะกร้าไผ่ที่หูฉางกุ้ยถักไว้ออกมา คว้าไก่ตัวเมียสองตัวที่ค่อยข้างตัวเล็กไว้แน่นแล้วใส่เข้าไปข้างใน... หน้าที่ก็เสร็จเรียบร้อย
หลังจากผิงอันหิ้วเห็ดแห้งหนักประมาณห้าหกชั่งกลับมา หลิวผิงยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ จัดการใส่ไว้ในรถ เสร็จสิ้นทุกอย่างก็ไม่มัวชักช้าอีก เอาสินค้าพื้นเมืองครึ่งคันรถเร่งกลับเข้าเมืองทันที
เชิงอรรถ
[1] ซันเย่า หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า ฮ่วยซัว มีสรรพคุณในการบำรุงชี่ม้าม จากการศึกษาพบว่าในซันเย่ามีสารที่ช่วยในการกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร