เซี่ยเสี่ยวหลานมีความมั่นใจอยู่ไม่น้อย
อย่างไรเสียในขณะที่ข่าวจากเซี่ยนอีจงยังไม่มาเธอก็ยังทำธุรกิจเหมือนเดิม พอหาเวลาว่างได้จึงค่อยอ่านหนังสือ
ไปส่งปลาไหลที่เมืองซางตูอีกครั้ง จูฟ่างยังคงประหลาดใจ
“เสี่ยวหลาน วันนั้นลุงของเธอบอกว่าเธอจะเริ่มเรียนหนังสืออีกครั้งอีกหน่อยธุรกิจนี้อาจจะไม่ทำแล้ว?”
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบอธิบาย “มีแผนแบบนั้นจริง แต่ฉันต้องผ่านเดือนพฤศจิกายนไปก่อนค่อยวางแผนตกลงกันให้แน่นอนอีกอย่างถึงตอนนั้นก็ไม่มีปลาไหลให้จับอยู่แล้ว”
จูฟ่างสับสนยุ่งเหยิงเหลือเกิน
สำหรับใครก็ตาม การเรียนล้วนเป็เื่ที่สมควร หญิงสาวที่สวยสะพรั่งอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานเลี้ยงดูครอบครัวก็ไม่ใช่เื่ปกติอยู่แล้วแต่เธอเพิ่งจะอายุสิบกว่า ถ้าไม่หางาน ก็เรียนหนังสือต่อไป หรือไม่ก็ออกเรือนมีเพียงแค่สามทางนี้ให้เลือกเดินเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากเลือกการแต่งงานจูฟ่างชมชอบที่เธอตั้งใจพัฒนาตนที่รู้สึกยุ่งเหยิงเพราะหลังจากเดือนพฤศจิกายนจะไม่ได้พบเซี่ยเสี่ยวหลานอีกแล้ว—แม้เป็เพียงแค่ความคิดที่ยังไม่แน่นอนชัดเจน แต่ยามดึกดื่นคืนที่รู้ข่าวจูฟ่างถึงขั้นนอนไม่หลับกว่าจะรอถึงเซี่ยเสี่ยวหลานมาส่งของได้ เขาจึงไม่รีรอถามถึงการวางแผนของเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับเื่จะเรียนหนังสือต่อไปจูฟ่างรู้สึกอ้างว้าง
แต่เขารู้ดีว่าที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดนั้นย่อมไม่ผิดเดิมทีเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานส่งปลาไหลให้ภัตตาคารหวงเหอ ทั้งสองคนถึงได้ไปมาหาสู่กันไร่นาของชนบท่เดือนพฤศจิกายนก็จับปลาไหลไม่ได้แล้วการจัดส่งสินค้าของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงต้องถึงจุดสิ้นสุดชั่วคราว
พอถึงเวลาใครจะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังจะส่งสินค้าให้ภัตตาคารหวงเหออีกหรือไม่ถ้าทำอีกเธอจะควรขายอะไร?
จูฟ่างสลดหดหู่
พอกลับบ้านไปก็โดนมารดาของเขาดูออกจนได้
เมื่อมารดาต้อนถาม ลูกแหง่จูฟ่างคนนี้ก็ไม่ปิดบังเื่ราวไว้ เขาเทเื่ราวคับอกข้องใจออกมาข้างนอกโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
“ไม่อย่างนั้นบ้านเราหางานสักอย่างให้เซี่ยเสี่ยวหลานไหม? เธออยากเรียนมหาวิทยาลัยมิใช่เพราะอยากลงหลักปักฐานในเมืองหรือ?”
มารดาของเขาเกือบเป็ฟืนเป็ไฟ
ลองฟังคุณสมบัติแล้ว โอ้์ ภูมิลำเนาชนบท เรียนจบมัธยมต้นเป็คนขายปลาไหล! ปลาไหลเนียะนะกลิ่นคาวแรง เหนอะหนะนุ่มนิ่ม เป็สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปไม่กล้าจับกันหญิงสาวชนบทนั่นติดต่อกับปลาไหลเหม็นหึ่งทั้งวี่ทั้งวัน จะคุยกันรู้เื่หรือ?
ข้อดีหนึ่งเดียวคือหน้าตาสะสวย
สาวบ้านนอกแสนสวยอายุสิบกว่าออกมาทำธุรกิจ ดันปรากฏตัวต่อหน้าจูฟ่างได้ ทำให้จูฟ่างหลงใหลหัวปักหัวปำถึงขนาดจะหางานให้สาวบ้านนอก—มารดาจูฟ่างสงสัยว่าเป็กับดักเสน่หาที่จงใจทำให้ลูกชายของเธอแม้แต่ส่งสินค้าให้ภัตตาคารหวงเหอก็มีเป้าหมาย วางกับดักซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ จนสามารถดึงความสนใจจากลูกชายซื่อบื้อของเธอได้เสียแล้ว
มารดาของจูฟ่างโกรธจนจะตายให้ได้แต่ยังไม่สามารถบอกสิ่งเหล่านี้ให้จูฟ่างฟัง
เพราะจูฟ่างเขาไม่เชื่อ!
อายุยี่สิบกว่าและยังไม่มีแผนจะแต่งงาน คุณสมบัติก็ไม่ด้อยกว่าใครเพียงแต่มาตรฐานสูงไปบ้างเท่านั้น จูฟ่างชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้ว เขาเป็คนเห็นแก่รูปลักษณ์อย่างไม่ปิดบังมารดาเขาตั้งใจจะพบกับสาวเ้าเล่ห์จากชนบทเสียหน่อย จึงไม่ปฏิเสธลูกชายโดยสิ้นเชิงทว่าใช้คำพูดหลอกล่อจูฟ่างแทน
“หน้าตาสวย? ภัตตาคารหวงเหอของพวกลูกไม่ได้กำลังรับบริกรหญิงหรือ?”
พนักงงานหญิงของภัตตาคารหวงเหอน่ามองกว่าบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองแต่ไม่มีคนไหนจะเทียบเทียมเซี่ยเสี่ยวหลานได้หากได้เห็นรูปลักษณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอจะต้องเป็ที่เตะตาต้องใจของเหล่าเ้าหน้าที่ระดับสูงเป็แน่จูฟ่างก็กลัวว่าเธอจะสะดุดตาเ้าหน้าที่มากเกินไปอีกอย่างงานบริกรคือการดูแลและบริการ จูฟ่างยังทำใจไม่ได้น่ะสิ
จูฟ่างทำท่าจะรบเร้ามารดาของเขาอีกมารดาเขาก็ไม่ใช่พวกกินพืชเสียด้วยแค่กล่าวว่าต้องพบกับเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยตนเองก่อนถึงจะตัดสินใจได้
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้พบมารดาของจูฟ่างหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังรอผลคะแนนของเธออยู่!
ก็แค่ข้อสอบเจ็ดชุด ทำไมเซี่ยนอีจงตรวจไปสองวันแล้วยังไม่มีผลคะแนนอีก?
ตอนนั้นเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานส่งข้อสอบอาจารย์ซุนก็ถูกคนเรียกตัวไปแล้ว
เดิมทีอาจารย์ซุนอยากดูกระดาษคำตอบของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างละเอียดเสียหน่อยทว่าเธอทำได้เพียงรีบร้อนนำข้อสอบส่งให้อาจารย์ฉีประจำมัธยมปลายปีสามเท่านั้น
“พี่ฉี เอาข้อสอบวางไว้บนโต๊ะให้พี่แล้ว”
อาจารย์ฉีต่างหากที่ประจำปีสามมีธุระประเภทย้ายโรงเรียนเข้าเรียนกลางภาคก็เป็หน้าที่อาจารย์ฉีรับผิดชอบพื้นฐานของเซี่ยเสี่ยวหลานแย่มาก อาจารย์ฉีจึงไม่มีความหวังต่อนักเรียนมัธยมต้นคนนี้เลยแม้แต่น้อย—เซี่ยนอีจงถือเป็โรงเรียนมัธยมปลายที่เยี่ยมที่สุดในเขตอันชิ่งแล้วตาสีตาสาธรรมดาอยากเรียกก็เรียนกันได้หรือ? อย่างไรเสียเบื้องบนยินยอมลงมา อาจารย์ฉีจึงทำได้แค่จัดการสอบหนึ่งครั้งตัวเธอเองรำคาญ จึงมอบหมายธุระให้แก่ผู้มาใหม่อย่างอาจารย์เสี่ยวซุน
อาจารย์เสี่ยวซุนส่งข้อสอบให้อาจารย์ฉี รายหลังก็มิได้นำพา
มัธยมปลายปีสามมีภาระการสอนหนักจะมีปีไหนที่โรงเรียนไม่อยากได้คนติดมหาวิทยาลัยเพิ่มสักหน่อยเล่าเซี่ยนอีจงยอดเยี่ยมมากในเขตอันชิ่ง แต่ถ้าเทียบกับในขอบเขตทั้งเมือง ทั้งมณฑลและทั้งประเทศ คุณภาพการสอนยังด้อยกว่ามากโขผู้สอบติดมหาวิทยาลัยของเซี่ยนอีจงในปีนี้มีทั้งหมด 8 คน และนี่ไม่ใช่จำนวนรวมของนักเรียนที่จบการศึกษาปีนี้แต่เป็จำนวนรวมของนักเรียนที่เพิ่งจบการศึกษาและนักเรียนซ้ำชั้น
เกาเข่าโหดร้ายเช่นนี้ การแข่งขันก็สูงมากตามไปด้วย อาจารย์ฉีไม่เชื่อว่านักเรียนที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมต้นคนหนึ่งจะสามารถตอบสนองต่อความ้าของเซี่ยนอีจงได้
เธอจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระดาษคำตอบของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ภาระงานในโรงเรียนเยอะแยะมากมายอาจารย์ฉีจึงนำข้อสอบกลับไปตรวจที่บ้าน
งานจุกจิกที่บ้านก็ไม่น้อยเลย เธอโยนข้อสอบไว้บนโต๊ะแล้วไปทำอย่างอื่นแทนผ่านไปสองวันอาจารย์ฉีไม่ได้นึกถึงเื่นี้เลย ถึงเฉินชิ่งจะมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆทั้งวัน แต่คงมิอาจพุ่งตัวเข้าไปถามว่าทำไมยังตรวจข้อสอบไม่เสร็จได้สินะ?
สามีอาจารย์ฉีก็ทำงานเป็อาจารย์ของเซี่ยนอีจงหอพักอาจารย์ขนาดเล็ก จัดวางได้เพียงโต๊ะหนังสือหนึ่งตัว เวลาอยู่บ้านทั้งสองคนจึงทำงานโดยผลัดเปลี่ยนเวียนกันเซี่ยเสี่ยวหลานสอบเสร็จไปสามวันแล้ว อาจารย์ฉีเลิกงานกลับบ้านมาพบว่าสามีกำลังตรวจข้อสอบอยู่บนโต๊ะทำงาน
“วันนี้ห้องคุณไม่มีสอบนี่คะ?”
“ไม่ใช่ห้องผมหรอก ผมช่วยคุณตรวจข้อสอบบนโต๊ะน่ะข้อสอบนี้น่าสนใจทีเดียวนะ กลับไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงนักเรียนคนนี้เลย”
อาจารย์ฉีถึงนึกขึ้นมาได้ เธอลืมข้อสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานไปแล้ว!
“เป็นักเรียนที่อยากเข้าเรียนกลางภาคน่ะไม่เคยเรียนมัธยมปลายด้วยซ้ำ อยากจะร่วมสอบเกาเข่าในปีหน้า โรงเรียนนี่ก็จริงๆ เลยเพียงเพื่อต้นกล้าที่มีความหวังสักต้น ก็ดันยินยอมให้ใครเข้าเรียนกลางภาคได้...เป็อย่างไรบ้างคะ? ข้อสอบทำได้แย่มากล่ะสิ?”
สามีอาจารย์ฉีส่ายศีรษะ “คือมันน่าสนใจน่ะ เธอเก่งเพียงบางวิชาทว่าเก่งถึงขั้นวิกฤตเลย”
เก่งบางวิชาถึงขั้นวิกฤตหรือ?
ตรวจถึงวิชาภาษาจีนเห็นได้ชัดเจนว่าคำถามท่องจำสำหรับให้นักเรียนได้คะแนนง่ายนั้นเธอตอบไม่ถูกการอ่านวิเคราะห์ก็งูๆ ปลาๆ ทว่าเรียงความกลับเขียนได้เสียตาลุกวาวไม่เบนจากหัวเื่หลัก ทั้งยังมีความลึกซึ้งพอสมควรไม่เหมือนนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาเขียนสักเท่าไร
วิชารัฐศาสตร์นี่น่าอนาถเกินไปแล้ว เกือบล้มเหลวโดยสมบูรณ์
แต่ข้อสอบภาษาอังกฤษทำได้งดงามมากเหลือเกิน!
‘ภาษาอังกฤษ’ ถูกบรรจุในเกาเข่าไม่ถึงสองปีนักเรียนมากมายไม่เข้าใจแม้แต่ตัวอักษร 26 ตัว ระดับความถูกต้องของข้อสอบภาษาอังกฤษชุดนี้เอาไว้ก่อน แค่เพียงเื่ที่คำศัพท์แต่ละคำเขียนได้สละสลวยมากก็เป็เื่น่าทึ่งมากแล้วขณะจรดปากกาเ้าของไร้ซึ่งความลังเล ไหลลื่นไม่ติดขัด สามารถดูได้จากลักษณะปลายปากกาเลยทีเดียว
สามีของอาจารย์ฉีเป็อาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษ
ส่วนอาจารย์ฉีก็คืออาจารย์สอนวิชาภาษาจีน
ข้อสอบภาษาจีนและข้อสอบภาษาอังกฤษ สอบได้คะแนนสุดโต่งทั้งสองขั้วดังนั้นจึงบอกว่าเป็นักเรียนที่ทำข้อสอบได้น่าสนใจ
อาจารย์ฉีเห็นข้อสอบภาษาจีนก็รู้สึกไม่พอใจนัก ความรู้ท่องจำแสนง่ายดายยังไม่รู้นี่มันทัศนคติต่อการเรียนแบบไหนกัน?
ทว่าพอลองดูคำถามอื่นแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกลับตอบได้ตั้งใจมาก
อาจารย์ฉีและสามีตรวจข้อสอบวิชาภาษาจีนและภาษาอังกฤษจนหมดทั้งสองล้วนรู้สึกมหัศจรรย์มาก เซี่ยเสี่ยวหลานร่วมสอบเซี่ยนอีจงผ่านไปเป็วันที่ 4 ในที่สุดอาจารย์ฉีก็ได้ไหว้วานอาจารย์คนอื่นให้มาตรวจข้อสอบของเธอด้วยกันจนเสร็จสิ้น
ดูผลคะแนนที่ออกมาแล้วทำเอาอาจารย์ฉีฉงนงงงวยอยู่ไม่น้อย เธอจึงเรียกอาจารย์ซุนมา
“เสี่ยวซุน วันนั้นเธอได้คุมนักเรียนหญิงนั่นอย่างแ่าจริงๆ ใช่ไหม ไม่ได้ทุจริตสินะ?!”