ภาค 2 : ัปีศาจ
เ้าเมืองกู่ผิงค่อยๆเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ยทีละก้าวๆ หลังจากเขาตั้งใจเพ่งพินิจเหรียญผู้กล้าในระยะประชิดด้วยดวงตาเลื่อมใสเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมา “เ้าหนุ่มผู้กล้า ผู้เหรียญผู้กล้าเอ๋ย ข้าขอเป็ตัวแทนของชาวเมืองกู่ผิงขอร้องให้เ้าช่วยพวกเราสักเื่....... เ้าจะช่วยขจัดภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ได้หรือไม่?”
ภัยพิบัติ?
ภารกิจ!?
“ได้เลยครับ เชิญท่านเ้าเมืองพูดมาได้เลย ถ้าผมมีพลังมากพอที่จะช่วยท่านได้ผมก็จะช่วยครับ” ขณะที่พูดออกมาเย่เทียนเซี่ยก็เก็บม้วนคัมภีร์กลับเมืองลงไปและแสดงท่าทางตั้งใจรับฟังเื่ราว
สายตาของเ้าเมืองยังคงจดจ้องไปที่เหรียญผู้กล้าสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงเบาแล้วพูดขึ้น “เมืองกู่ผิงของเราเดิมที่ไม่ได้ชื่อเมืองกู่ผิงหรอกนะ แต่มันมีชื่อว่าเมืองแห่งสายน้ำ ร้อยปีก่อนในถ้ำหัวกะโหลกทางใต้ของเมืองนี้ได้มีาาิญญาที่น่ากลัวตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา มันออกมาจากเขตแดนของตนเองและเดินทางมายังที่แห่งนี้หมายจะทำลายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในเมืองนี้ ในเวลานั้นขณะที่บรรพบุรุษของเรารู้สึกสิ้นหวังก็มีวีรบุรุษคนหนึ่งนามว่ากู่ผิงปรากฏตัวขึ้นมา ตอนนั้นบนหน้าอกของเขาก็มีเหรียญตราที่เหมือนกับเหรียญตราที่เ้ามีอยู่ในตอนนี้ไม่มีผิด...........”
เ้าเมืองกู่ผิงบอกเล่าเื่ราวให้เย่เทียนเซี่ยฟังอย่างละเอียด แม้ว่ามันจะผ่านไปนานแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยลืมมันไปเลย เขาเล่าถึงความแข็งแกร่งของาาิญญา เล่าถึงความแข็งแกร่งของนักรบนามว่ากู่ผิงคนนั้น และยังเล่าถึงจุดจบของวันนั้น ท้ายที่สุดแล้ววีรบุรุษคนนั้นก็ตายไป แต่ชื่อของเขาก็ถูกตั้งเป็ชื่อเมืองเล็กๆแห่งนี้สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น
น้ำเสียงของเ้าเมืองเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนจากเื่เมื่อร้อยปีก่อนมาเป็เื่เ้าฟีนิกซ์สีเื “ไม่รู้ว่าเ้าฟีนิกซ์สีเืถือกำเนิดมาั้แ่เมื่อไร และไม่รู้ว่ามันถือกำเนิดมาจากที่แห่งใด พวกเราเห็นมันครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน พวกฟีนิกซ์เป็ธาตุไฟ น่าจะชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างและมีอุณหภูมิสูง แต่ฟีนิกซ์สีเืดูเหมือนจะไม่เป็เช่นนั้น สถานที่ที่มันอาศัยอยู่กลับเป็สถานที่ที่มืดมิด อับชื้นและมองไม่เห็นแสงตะวันและจันทราตลอดทั้งปี....... และถ้ำหัวกะโหลกก็คือสถานที่ตั้งของรังฟีนิกซ์สีเืในเวลานี้”
“!?” เย่เทียนเซี่ย
“มอนสเตอร์ิญญากลัวไฟ แต่แปลกมากที่ดูเหมือนพวกมันจะไม่เกรงกลัวไฟของฟนิกซ์สีเื..... บางทีไฟสีเืของเ้าฟีนิกซ์สีเือาจจะไม่ใช่เปลวไฟจริงๆก็ได้ หลังจากฟีนิกซ์สีเืมาอาศัยอยู่ ณ ถ้ำหัวกะโหลกมันก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกับมอนสเตอร์ิญญาที่อยู่ที่นั่นเลย เวลานี้มันอาศัยอยู่ในส่วนลึกที่สุดของถ้ำหัวกะโหลก”
“ท่านอยากจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
“ผู้กล้าจากเมืองเทียนเฉินเอ๋ย ข้าจำเป็ต้องบอกข่าวร้ายกับเ้าเสียแล้ว” เ้าเมืองกู่ผิงเบนสายตาไปยังนายทหารจากเมืองเทียนเฉินที่ได้รับาเ็อยู่ “ที่ชั้นห้าของถ้ำหัวกะโหลก หลังจากที่าาิญญาตายไปหนึ่งร้อยปีดูเหมือนว่าไอความมืดของที่นั่นจะเริ่มให้กำเนิดาาิญญาตัวใหม่ขึ้นมาแล้ว......”
“............” เย่เทียนเซี่ย
“เมื่อาาิญญาถือกำเนิดมามันก็สามารถออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกความมืดมิดได้ ตอนนั้นเมืองกู่ผิงของเราต้องพบกับภัยพิบัติที่ไม่อาจต้านทานได้....... เ้าหนุ่มผู้กล้า เ้าจะสามารถใช้ความกล้าหาญและพลังของเ้าขจัดาาิญญาอันน่ากลัวตนนั้นได้หรือไม่ เ้ามีเหรียญผู้กล้าเช่นเดียวกับวีรบุรุษกู่ผิงในเวลานั้น เ้าจะต้องเป็วีรบุรุษที่์ส่งมาช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากภัยร้ายครั้งนี้เป็แน่!”
“ติ๊ง! เ้าเมืองกู่ผิงมอบหมายให้ท่านกำจัดาาิญญาที่ชั้นห้าของถ้ำหัวกะโหลก ลักษณะภารกิจ : ภารกิจลับหนึ่งเดียว, ระยะเวลาภารกิจ : ครึ่งปี หลังจากนี้อีกครึ่งปีาาิญญาจะเติบโตโดยสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นจะถือว่าภารกิจล้มเหลวโดยอัตโนมัติ, รางวัลภารกิจ : ไม่ทราบ, เวลานี้ประชาชนแห่งเมืองกู่ผิงกำลังตั้งตารอวันที่าาวิญาณจะถูกกำจัด ดังนั้นหากใช้เวลาในการทำภารกิจสำเร็จช้ามากเท่าไรรางวัลที่จะได้รับก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น บทลงโทษหากทำภารกิจไม่สำเร็จ : ประชาชนเมืองกู่ผิงทั้งหมดจะมีความประทับใจต่อท่านลดลง -10 ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
กำจัดาาิญญา!?
นี่..............
ลลลลลลลลล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!!!!
าาิญญาน่าจะมีระดับอยู่ในขั้นสูงสุดนั่นก็คือเลเวล 100 อีกทั้งมันน่าจะเป็โคตรบอสแห่งความตายที่มีระดับอย่างน้อยๆก็น่าจะเป็ระดับอสูร์เชียวนะ!
ตัวเขาเป็แค่ผู้เล่นเลเวล 14 ตัวเล็กๆที่ยังไม่มีแม้แต่อาชีพ.......... คาดว่าแค่โดนาาิญญาตดใส่เบาๆก็คงตายไปหลายร้อยหลายพันรอบแล้ว
เย่เทียนเซี่ยเลือกที่จะไม่รับภารกิจนี้และพูดออกไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ท่านเ้าเมือง ผมอยากจะช่วยพวกท่านจริงๆนะครับ แต่ระดับของผมตอนนี้ก็แค่เลเวล 14 เท่านั้นเอง ไม่มีทางที่จะเป็คู่มือของาาิญญาได้หรอกครับ”
“ไม่หรอก! เ้าหนุ่มผู้กล้า เ้าสามารถทำได้ เ้าสามารถเหรียญแห่งผู้กล้า ดังนั้นเ้าจะต้องมีพลังมากพอที่จะทำได้แน่นอน” นี่มันเกินกว่าที่เย่เทียนเซี่ยคาดไว้ เ้าเมืองที่ได้ยินเย่เทียนเซี่ยบอกถึงระดับของตัวเองก็ยังคงมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาอธิบายต่อ “าาิญญาในตอนนี้ยังไม่ใช่าาิญญาที่แท้จริง แต่ยังอยู่ในวัยเด็กที่ไม่มีรูปลักษณ์ที่แน่นอน ความสามารถในแต่ละด้านก็ยังไม่สมบูรณ์...... เท่าที่ข้ารู้ตอนนี้ระดับของาาิญญายังไม่เกินเลเวล 20 เ้าที่มีเหรียญผู้กล้าจะต้องเอาชนะมันและปกป้องเมืองกู่ผิงของเราจากภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากปล่อยเวลาทิ้งไว้นานกว่านี้ ด้วยความเร็วในการเจริญเติบโตของาาิญญา เพียงครึ่งปีมันก็คงจะเติบโตจนไปถึงเลเวล 100 และระดับของมันก็คงจะไปถึงระดับอสูร์ที่ไม่อาจต่อกรได้เป็แน่......... เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็คงจะจบสิ้น”
คำอธิบายของเ้าเมืองทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจของเย่เทียนเซี่ยสะดุดลง ไม่ถึงเลเวล 20 ......... ตอนที่เขาอยู่เลเวล 10 ก็ยังเอาชนะพยัคฆ์าอเมทิสต์ที่เป็บอสขุนนางเลเวล 20 มาแล้ว แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปท้าทายาาิญญาที่เพิ่งเกิดกันล่ะ และเห็นได้ชัดว่าภารกิจนี้เป็ภารกิจลับเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งมันเป็ภารกิจที่ยากจะปรากฏขึ้นมาได้ มันเป็ภารกิจหายากที่ปรากฏออกมาได้ยากยิ่งกว่าภารกิจลับและภารกิจหนึ่งเดียวซะอีก!
ทว่าความยากของมันก็พูดได้ว่ายากที่สุดในบรรดาภารกิจทั้งหลาย แต่รางวัลของภารกิจก็จะต้องมากมายมหาศาลอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
“ได้ครับ หากเป็เช่นนั้นผมจะไปสังหาราาิญญาเองครับ” สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ติ๊ง! ท่านได้รับภารกิจ ‘หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเ้าเมืองกู่ผิง........สังหาราาิญญาที่อยู่บนชั้นห้าของถ้ำหัวกะโหลก’”
ความมั่นใจที่ล้นทะลักออกมาจากเย่เทียนเซี่ยส่งผลไปยังเ้าเมืองกู่ผิง รอยยิ้มวางใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ขอบใจเ้ามาก เ้าทำให้ข้ามองเห็นความหวังอันยิ่งใหญ่ ตอนนี้ข้าคิดว่าความกดดันที่ข้าต้องแบกรับมาเป็เวลานานได้เบาบางขึ้นมาแล้ว ถ้ำหัวกะโหลกอยู่ทางใต้ของเมืองนี้ เมื่อเ้ามุ่งหน้าตรงไปทางใต้ก็จะเห็นแผ่นดินสีดำและปากถ้ำสีดำเอง ก่อนหน้านั้นหากเ้า้าความช่วยเหลือใดๆสามารถบอกข้าได้ตลอดเวลา ประชาชนของเราจะให้ความช่วยเหลือแก่เ้าอย่างถึงที่สุด”
เย่เทียนเซี่ยรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่า “ความช่วยเหลืออย่างถึงที่สุด”คืออะไร.........
น้ำยาฟื้นฟูขั้นสูงที่ใช้ได้เฉพาะเลเวล 10 ขึ้นไป 30 ขวด สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ 400 หน่วย และน้ำยาฟื้นฟูเวทมนต์ที่ใช้ได้เฉพาะเลเวล 10 ขึ้นไป 30 ขวดสามารถฟื้นฟูพลังเวทมนต์ได้ 400 หน่วย เมื่อมองขวดน้ำยาขนาดเล็ก 60 ขวดที่อยู่ในกระเป๋าและมองไปยังกลุ่มสายตาของประชาชนชาวกู่ผิงตรงหน้าที่เตรียมส่งเขาไปยังถ้ำหัวกะโหลก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความคาดหวังและศรัทธา เย่เทียนเซี่ยก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาโดยไร้น้ำตา
เกินไปแล้ว..... นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ..........
รางวัลภารกิจที่จะมอบให้เขาก็คงไม่เลวร้ายหรอกมั้ง....... เย่เทียนเซี่ยคิดอย่างหดหู่
————
————
เส้นทางของที่นี่ไม่ค่อยราบรื่นนัก เดิมทีก็แทบไม่มีพื้นที่ราบอยู่แล้ว ยิ่งเดินหน้าไปเท่าไรต้นพืชที่อยู่บนพื้นดินก็ยิ่งบางตาลงไปเรื่อยๆ หลังจากเย่เทียนเซี่ยเดินทางออกมาได้หนึ่งชั่วโมง บนพื้นดินก็ไม่พบต้นพืชอีกเลย แม้บางทีจะมีต้นพื้นปรากฏขึ้นมาบ้างแต่ลักษณะของมันก็เหี่ยวเฉาเต็มที
จริงๆแล้วนี่ก็เป็เื่ปกติ สถานที่ที่มีมอนสเตอร์ิญญาถือกำเนิดขึ้นมาและมีแม้กระทั่งาาิญญา ที่แห่งนี้จะต้องเต็มไปด้วยไอความมืดมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย และอีกชื่อหนึ่งของไอความมืดก็คือลมหายใจแห่งความตาย ความตายเป็ศัตรูโดยธรรมชาติของชีวิต มันสามารถกลืนกินพลังชีวิตได้อย่างโหดร้าย พลังชีวิตที่อ่อนแอจะถูกพรากไปได้โดยง่าย และเพราะที่แห่งนี้มีพลังความมืดที่หนาแน่นเกินไป บริเวณรอบๆจึงมองไม่เห็นร่องรอยของสัตว์อื่นๆเลย สภาพแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์
สายลมเย็นะเืบางเบาพัดพาไอความมืดเข้ามาปะทะเย่เทียนเซี่ยจนทำให้ฟันของเขาสั่นกระทบกัน และยังนำมาซึ่งก๊าซเหม็นเน่าที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยรู้สึกอยากอาเจียนด้วย
เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่บนพื้นที่สีดำสนิทสักพักในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
ถ้ำหัวกะโหลกคงอยู่มาเป็เวลาเนิ่นนาน ความเป็มาและสาเหตุที่มันกำเนิดขึ้นมายังพิสูจน์ไม่ได้ เมื่อเย่เทียนเซี่ยก้าวเข้ามาด้านในพื้นที่โดยรอบก็ยิ่งเงียบสงัดมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างภายในก็ยิ่งริบหรี่ลงทุกขณะและกลิ่นของซากศพก็ยิ่งเหม็นโฉ่มากขึ้นอย่างชัดเจน เย่เทียนเซี่ยขมวดคิ้วแน่น
เมื่อสายตาของเขาคุ้นชินกับความมืดภายในที่แห่งนี้แล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เขาได้รับนั้นไม่ใช่ความมืดมิดอันว่าเปล่า แต่พื้นที่โดยรอบกลับเต็มไปด้วยแสงอ่อนๆ......... มันคือแสงแห่งความมืดอันบางเบา แสงแบบนี้ไม่ได้เป็แสงจากโลกภายนอกที่มาจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แต่มันคือแสงอ่อนๆที่เปลงออกมาจากซากศพ เย่เทียนเซี่ยอาศัยแสงแห่งความมืดจึงสามารถมองเห็นบริเวณด้านหน้าประมาณห้าถึงหกเมตรได้อย่างไม่ค่อยชัดเจนนัก
บนพื้นดินเป็ไอความตายสีดำสลัวๆ มันเป็พื้นที่ราบอย่างที่เขาไม่คาดคิด แต่ทว่าความเงียบภายในนั้นเงียบเกินไป เงียบจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้ำหัวกะโหลก ชั้นหนึ่ง
ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะเป็โพรงและเป็ธรรมดาที่จะมีโครงกระดูอยู่ไม่น้อยซึ่งเป็ตัวแทนของความตาย
แกร๊กๆ.......
ท่ามกลางความว่างเปล่าอันเงียบงันในที่สุดก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา แต่เสียงนั้นไม่ว่าใครได้ยินก็รู้ว่าเป็เสียงของโครงกระดูกกระทบกัน เย่เทียนเซี่ยหันกลับไปทันที เขามองไปยังความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้า มันราวกับมีเงาร่างบางอย่างผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน เย่เทียนเซี่ยรีบเปิดใช้ทักษะตรวจสอบทันที
ทหารโครงกระดูก : เลเวล 17, พลังชีวิต : 680
ด้วยลมหายใจของพลังแห่งความตายทำให้โครงกระดูกของผู้ที่ตายไปแล้วถือกำเนิดเป็มอนสเตอร์ิญญา มันจะต่อต้านสิ่งมีชีวิตทุกชนิดโดนสัญชาติญาณ แม้ว่าจะไม่มีการรับรู้ที่ดีเยี่ยม แต่มันกลับมีร่างกายที่แข็งแรงมาก
พร์ :
ร่างิญญา : จะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตภายใต้ความมืดหรือไอิญญาได้โดยอัตโนมัติ และมีภูมิคุ้มกัน 70% ต่อการโจมตีด้วยพลังแห่งความตาย
ทักษะ :
ฝ่ามือโครงกระดูก : เหวี่ยงโครงกระดูกมือทั้งสองข้างโจมตีเป้าหมาย มีโอกาส 20% ที่จะสร้างความเสียหายได้ถึง 150%
“แกร๊กๆ แกร๊กๆ......”
เสียงโครงกระดูกไขว้กันขวา ซ้าย ขวาอย่างสับสนไม่เป็ระเบียบดังขึ้นมาจากด้านหน้าของเย่เทียนเซี่ย เวลานี้ถ้ำอันเงียบสงัดนั้นกลับเต็มไปด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัวทั่วทุกที่ แต่หัวใจของเย่เทียนเซี่ยที่เคยบีบรัดจนแน่นกลับผ่อนคลายลง...... พูดง่ายๆก็คือสถานที่ที่ห่างจากเมืองหลักมากเท่าไร ระดับของมอนสเตอร์ก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น แค่ชั้นที่หนึ่งของถ้ำโครงกระดูกก็ปรากฏมอนสเตอร์เลเวล 17 ออกมาแล้ว....... แม้ว่าจำนวนจะค่อนข้างมาก แต่มอนสเตอร์เลเวลแค่นี้ก็ไม่อาจคุกคามเย่เทียนเซี่ยได้
“แกร๊กๆ แกร๊กๆ แกร๊กๆ .........”
“แกร๊กๆ แกร๊กๆ............”
