แต่ว่าซ่งอวี้ไม่ถือสาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของหมอชรา นางจึงพูดเปิดโอกาสให้เขาด้วยรอยยิ้ม "ข้ารู้ว่าท่านหมอไม่ได้มีเจตนาทำให้ข้าลำบากใจ เพราะการแพทย์เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไข้ จึงจำต้องระมัดระวังในการทำงาน แค่ว่าข้าไม่มีวันคุยโวพูดจาเหลวไหล ท่านหมอลองทดสอบดูสักครั้งดีหรือไม่? หากผลการทดสอบไม่เป็ดังที่ข้ากล่าว เช่นนั้นข้าย่อมขอโทษท่านหมอแน่"
พูดถึงขั้นนี้แล้ว หมอชราก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย เขาลูบหนวดเคราที่คางแล้วพูดขึ้น "ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะเดิมพันกับแม่นางซ่งสักครั้ง ไม่ทราบว่าแม่นางซ่งจะทดสอบเช่นไร?"
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ร้านตีเหล็ก นายช่างหันก็ถามคำถามมากมาย แต่ว่าซ่งอวี้ไม่ค่อยเข้าใจเื่เ่าั้เท่าใดนัก ดังนั้นหลี่เฉิงจึงช่วยนางคิด เวลานี้ เปลี่ยนเป็หมอชราถามคำถาม หลี่เฉิงไม่มีความรู้ด้านการแพทย์เลยแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงยืนดูอยู่ข้างๆ ดูว่านางจะตอบคำถามเช่นไร
วิชาแพทย์ทดสอบง่าย สมุนไพรยากจะแยกแยะ โดยเฉพาะทดสอบประสิทธิภาพของสมุนไพร หลี่เฉิงเอาตนเองไปรับบทของซ่งอวี้ ก็ไม่ได้คำตอบ
ความคิดของหมอชราและหลี่เฉิงเหมือนกัน ต่างก็รู้สึกว่าประสิทธิภาพของสมุนไพรยากที่จะทดสอบ พวกเขาต่างอยากจะดูว่าซ่งอวี้จะใช้วิธีการใด
เื่นี้ซ่งอวี้คิดเอาไว้ั้แ่แรกแล้ว "เื่นี้ไม่ยาก เอาสุนัขมาสองตัว ตีขาพวกมันให้หักหนึ่งข้าง จากนั้นใช้ตำรับยาตัวเดียวกัน ดูว่าตัวใดจะหายเร็วกว่า"
ความเป็จริงซ่งอวี้อยากจะนำยาไปใช้กับคน แต่นางรู้ดีว่าหมอชราไม่มีวันยินยอมอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้นางจึงยอมถอยหนึ่งก้าว ใช้สุนัขในการทดสอบ
เป็จริงตามคาด หมอชราเห็นด้วยกับวิธีนี้ เขาบอกให้ลูกศิษย์จับสุนัขที่คล้ายกันมาสองตัว
ซ่งอวี้เห็นหมอชราพูดจริงทำจริง นางรีบร้องปรามหมอชราว่า "ท่านหมอโปรดจ่ายตำรับยาก่อน เพื่อที่ข้าจะได้ดูว่า ขาดเหลือยาตัวใดหรือไม่"
หมอชราครุ่นคิด รู้สึกว่าซ่งอวี้พูดถูก ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ลูกศิษย์เตรียมพู่กันและน้ำหมึก ใช้เวลาเพียงไม่นานหมอชราก็เขียนตำรับยาขึ้นมาหนึ่งตำรับ แล้วเอ่ยว่า "เ้าดูก่อน หากขาดเหลือยาใด ข้าสามารถให้เ้าได้ เ้าเพียงนำสมุนไพรไปแปรรูปให้เรียบร้อย ขอเพียงเ้าไม่พูดจาเหลวไหลก็พอแล้ว"
ซ่งอวี้ไม่เกรงใจ ขอสมุนไพรสองสามชนิดที่ตนไม่ได้เตรียมเอาไว้ ตั้งใจว่าจะรีบแปรรูปให้เสร็จ
แน่นอน นางเองก็ไม่ได้โง่เขลาถึงขั้นที่จะแปรรูปสมุนไพรต่อหน้าทุกคน นางขอห้องว่างหนึ่งห้อง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็แปรรูปสมุนไพรเสร็จ
สมุนไพรเหล่านี้เป็สมุนไพรที่พบเห็นได้ทั่วไป กระบวนการแปรรูปง่ายยิ่งนัก
หลังจากซ่งอวี้เตรียมทุกอย่างเสร็จ ลูกศิษย์ก็อุ้มสุนัขสองตัวที่มีขนาดเท่ากัน ทั้งยังขาหักบริเวณเดียวกันเข้ามา แบ่งสมุนไพรทั้งสองส่วนไปใช้กับสุนัขสองตัว หลังจากนั้นเอากรงสุนัขมา แขวนชื่อให้เรียบร้อยเพื่อเป็การแยกแยะ
หมอชราเป็คนเที่ยงธรรม เชิญซ่งอวี้และหลี่เฉิงพักในสำนักแพทย์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนไม่มีวันแตะต้องสุนัขทั้งสองตัว แต่ซ่งอวี้ปฏิเสธ นางต้องฝังเข็มเพื่อรักษาโรคเกาต์ให้กับลุงสือโถว ไม่อาจหยุดได้แม้แต่วันเดียว
ซ่งอวี้ตกลงกับหมอชราว่า นางจะมาที่นี่ทุกสามวัน เพื่อเปลี่ยนยาให้สุนัขทั้งสองตัว โดยจะเห็นผลการรักษาในอีกครึ่งเดือน
ตอนหลังหมอชราถามเื่เดิมพันกับซ่งอวี้ ซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดออกไปตามตรง แต่กลับพูดว่า "ตอนนี้ยังไม่เห็นผลการรักษา พูดไปก็ไร้ประโยชน์ หากท่านหมอไม่รีบร้อน เช่นนั้นก็รออีกครึ่งเดือนเถิด"
การที่จะใช้สมุนไพรในการเลี้ยงชีพระยะยาว ซ่งอวี้ไม่อยากพูดตอนนี้ แล้วทำให้หมอชรารู้สึกว่านางเป็คนเห็นแก่ได้
ปากบอกว่ายังไม่เห็นผลการรักษา แต่สีหน้าของซ่งอวี้กลับไม่มีความลำบากใจแม้แต่น้อย
ไม่เก็บเอาเกียรติยศและความอัปยศมาใส่ใจ สุขหรือทุกข์ไม่แสดงออกทางสีหน้า หมอชรามองซ่งอวี้อย่างพิจารณา ไม่ว่าอีกครึ่งเดือนข้างหน้าผลการเดิมพันจะแพ้หรือชนะ มองเพียงอุปนิสัยของซ่งอวี้ ก็รู้แล้วว่าวันข้างหน้านางต้องทำการใหญ่อย่างแน่นอน
หากซ่งอวี้อ่านใจคนได้ ได้ยินคำประเมินของหมอชราที่มีต่อนาง เกรงว่าคงจะมีความสุขไปอีกนาน สาเหตุที่ไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า เป็เพราะในอนาคตวิธีการแปรรูปสมุนไพรย่อมกลายเป็ที่แพร่หลาย การกระทำของนางเป็เพียงการนำความคิดของผู้อื่นมาใช้ก็เท่านั้น ในเมื่อรู้ผลลัพธ์ั้แ่แรกแล้ว เช่นนั้นจะเป็กังวลได้อย่างไร
กล่าวได้เพียงว่า...เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
หลังจากซ่งอวี้และหลี่เฉิงออกไป จู่ๆ ก็มีคุณชายคนหนึ่งเดินออกมาจากโถงด้านใน ใบหน้าหล่อเหลา สง่าผ่าเผย
"ท่านจ้าวคิดว่า วิธีการแปรรูปสมุนไพรเช่นนี้ มีประโยชน์หรือไม่?" เห็นชัดว่าคุณชายร่ำรวยคนนี้เห็นและได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ท่านจ้าว ซึ่งก็คือหมอชราหัวเราะเสียงดังสองครั้ง เปลี่ยนจากความเคลือบแคลงสงสัยที่มีต่อซ่งอวี้เมื่อครู่ กลายเป็ชื่นชม "คนรุ่นหลังช่างมากความสามารถยิ่งนัก แม้ข้าจะยังไม่เห็นผลการรักษา ทว่าั้แ่โบราณกระทั่งทุกวันนี้ ผู้ใดบ้างจะคิดวิธีการเช่นนี้ได้? แม่นางคนนี้มากความสามารถ แม้ครั้งนี้จะล้มเหลวก็ไม่เป็ไร"
ประกายความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านดวงตาของคุณชายผู้มั่งคั่ง เขายิ้มบางๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด
ตอนที่ซ่งอวี้และหลี่เฉิงกลับไปถึงหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว
ซ่งอวี้ในตอนนี้ ไม่ใช่หญิงกำพร้าไร้ที่พึ่งพิงในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวอีกแล้ว วิชาแพทย์ของนางรักษาคนในหมู่บ้านมากมาย จึงได้รับการยอมรับจากทุกคน ตลอดทางเดินกลับเรือน ขอเพียงเจอชาวบ้าน พวกเขาล้วนเดินมาทักทายนางด้วยรอยยิ้ม
หนึ่งในนั้น รวมถึงพวกคนที่ครั้งหนึ่งเคยเย้ยหยัน นินทานางลับหลังด้วย
แต่ว่าซ่งอวี้ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเื่เหล่านี้
เวลานี้นางถือว่าพอจะมีอำนาจให้หมู่บ้านเสี่ยวหนิวเล็กน้อย แม้ไม่อาจเลี่ยงที่จะถูกนินทาลับหลัง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มาด่าทอนางต่อหน้า
ดังนั้นยามที่เผชิญหน้ากับการประจบสอพลอของพวกชาวบ้าน ซ่งอวี้ล้วนปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกัน ไม่ว่าผู้ใดจะเข้ามาทักทาย ล้วนพูดกับคนคนนั้นสองสามประโยค แต่ว่าเมื่อถึงบทสนทนาบางอย่าง ซ่งอวี้ก็จะเปลี่ยนบทสนทนา แล้วไม่ตอบรับแต่อย่างใด
พวกที่ไม่มีเื่จะขอร้องต่างรู้สึกว่าซ่งอวี้วางตัวดี ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคือง แต่พวกที่มีเื่จะขอร้อง ต่างรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาอยากจะขอร้องนางออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่กล้า คับแค้นใจที่ซ่งอวี้โง่เขลา ไม่เป็ฝ่ายถามด้วยตนเอง
สำหรับคนเหล่านี้ ซ่งอวี้หัวเราะเยือกเย็นในใจ ทว่ากลับไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย นางอ้างไปว่าตนทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก แล้วเดินไปจากพวกเขาทันที
วันที่สอง ในหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ซ่งอวี้ถูกนินทาอีกครั้ง บอกว่าเพียงแค่นางมีความรู้ด้านวิชาการแพทย์ก็หยิ่งทระนง ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับคนในหมู่บ้านเหมือนเดิม กล่าวทักทายนาง นางก็ไม่สนใจ
เมื่อมีคนพูดมากเข้า ข่าวลือก็จะถูกคิดว่าเป็เื่จริง แม้จะมีคนทนฟังไม่ได้ แล้วพูดแก้ตัวให้ซ่งอวี้ ทว่าก็ถูกโต้กลับมา บอกว่าเพราะได้รับผลประโยชน์จากซ่งอวี้ ดังนั้นจึงเลียแข้งเลียขานาง
วันนี้ซ่งอวี้ไม่ได้ขึ้นเขา นางเก็บรวบรวมสมุนไพรที่เก็บมาก่อนหน้านี้เข้าด้วยกัน หลี่เฉิงเบื่อหน่าย จึงออกไปเดินเล่น
"ไม่รู้ว่าซ่งอวี้โชคดีมาจากที่ใด จึงได้แต่งงานกับบุรุษเช่นนี้" มีคนพูดกระซิบกระซาบเสียงเบา น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา
หญิงสาวอีกคนคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นทั้งสองก็หัวเราะ
สีหน้าของหลี่เฉิงเคร่งขรึม เดินเข้าไปใกล้พวกนางเงียบๆ แกล้งทำเป็เหนื่อย แล้วนั่งลงข้างๆ ทำเหมือนกำลังพักผ่อน แต่ความเป็จริงเขาทำไปเพื่อฟังว่าพวกนางนินทาซ่งอวี้อย่างไร
"พวกเ้าคิดว่าซ่งอวี้เป็คนดีหรือ? ท่านแม่ของข้าบอกว่า เมื่อวานอยากจะให้นางมาดูอาการข้า ช่วยบำรุงร่างกายให้ข้า แต่ซ่งอวี้กลับเดินหนี ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย" หญิงสาวคนที่พูดหน้าตาธรรมดา ตอนนางพูดถึงซ่งอวี้แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน
"ใช่ รักษาคนได้แล้วเก่งกาจนักหรือ? เป็เพียงหมอเท้าเปล่าไม่ใช่หรือ? นี่คือหนึ่งในอาชีพชั้นต่ำทั้งเก้า นางยังคิดว่าตนเป็คนใหญ่คนโต ดูนางทำตัวเข้า"
หญิงสาวอีกคนรีบพูดขึ้น "ข้าได้ยินว่า นางมีสัมพันธ์กับนายช่างหันเ้าของร้านตีเหล็กในเมือง พี่ชายของข้าเป็ลูกศิษย์ของช่างไม้เฉียนไม่ใช่หรือ อยู่ตรงข้ามร้านตีเหล็ก พี่ชายข้าเห็นซ่งอวี้เข้าไปในร้านด้วยตาตนเองถึงสองครั้งสองครา"
บรรดาหญิงสาวต่างเอามือป้องปากแล้วหัวเราะ