อวิ๋นซีรู้ว่า ตอนนี้มีสิงโตตัวหนึ่งกำลังจะอาละวาดแล้ว นางจึงทำได้แค่ปลอบประโลมเอาใจเขา เพื่อให้เขาคลายความโกรธโมโหลงหน่อย...
เช้าวันถัดมา อวิ๋นซีตื่นขึ้นมาก็เข้าครัวทำอาหารให้สามีด้วยตนเอง ทว่า ทันทีที่หวานหว่านและเอ้อนีเอ๋อร์เห็นเกี๊ยวน้ำหอมกรุ่นนั้น พวกนางก็ะโโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น หวานหว่านกอดแขนอวิ๋นซีไว้ สีหน้าเ้าเล่ห์แย้มยิ้ม “ท่านแม่คนดีของข้า ท่านต้องเป็มารดาที่ดีที่สุดในโลกนี้แน่”
อวิ๋นซีหรี่ตามองบุตรสาว แค่นเสียงเ็าพูด “เ้าเด็กน้อยคนนี้เอาใจง่ายเกินไปหน่อยกระมัง แค่เกี๊ยวถ้วยเดียวก็ซื้อเ้าได้แล้วหรือ”
“ข้าก็แค่ไม่ได้กินเกี๊ยวฝีมือท่านแม่มานานแล้ว แม้ยามปกติที่บ้านเราจะมีของเหล่านี้เตรียมไว้ แต่ของที่แม่ครัวเตรียมไว้จะอย่างไรก็ไม่เหมือนกันกับอาหารของท่าน ในใจของลูกคำนึงถึงแต่รสมือของท่านแม่” หวานหว่านพึมพำพูด
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำหวาน ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นางลูบศีรษะบุตรสาว “ปากช่างพูดของเ้านี้ แม่สู้ไม่ได้จริงๆ รีบกินเถิด หากทิ้งไว้นานไป รสชาติก็จะไม่อร่อยแล้ว”
ต้านีเอ๋อร์นำเอ้อนีผู้เป็น้องสาวขอบคุณอวิ๋นซีด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม อวิ๋นซีมองเด็กสองคนที่แสนจะเชื่อฟัง ในใจก็ทอดถอนใจยิ่ง ในตอนนั้นที่นางได้เจอกับต้านีเอ๋อร์และเอ้อนี บ้านของพวกนางทั้งสองก็เรียกได้ว่ายากจนถึงขนาดที่หากเ้าสามคลอดออกมา บิดามารดาของพวกนางก็อาจไม่มีเงินเลี้ยงจนต้องขายต้านีเอ๋อร์ออกไปเลยก็เป็ได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนหลังที่นางรับเด็กทั้งสองมาอยู่ด้วย และให้เงินพวกเขาไว้ คนทั้งครอบครัวถึงได้มีกินมีใช้อยู่สบายมากขึ้น
คราวแรกที่เด็กทั้งสองติดตามนางก็ยังได้รับโอกาสให้ได้กลับไปบ้านบ้าง จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีก่อนที่จะเดินทางมาเมืองหลวง ครอบครัวจางอู่ก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายออกมาอีกคนหนึ่ง ทันทีที่พวกนางสองพี่น้องกลับไปบ้านก็ไม่ได้รับการต้อนรับดังเช่นกาลก่อน
ตอนหลังสองพี่น้องคู่นี้จึงตัดสินใจทำเพียงส่งเงินที่พวกนางได้จากอวิ๋นซีไปให้บิดามารดาในทุกๆ สองเดือน ซึ่งแต่ละครั้งก็ล้วนเป็เงินจำนวนหลายตำลึงที่เพียงพอสำหรับครอบครัวสี่คน
นอกจากนี้ เื่หนึ่งที่อวิ๋นซีไม่ได้บอกกล่าว ก่อนจะมาเมืองหลวงนางได้ให้คนไปสอบถามสามีภรรยาแซ่จาง หากว่าพวกเขาไม่อาจตัดใจแยกจากลูกได้ อวิ๋นซีก็จะส่งเด็กกลับไปให้ เพราะหากนางพาสองพี่น้องไปเมืองหลวงแล้ว ไม่แน่ว่าชาตินี้ทั้งชาติก็อาจไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันอีก
ทว่า จางอู่และภรรยาต่างก็เห็นตรงกันว่า ให้อวิ๋นซีพาเด็กทั้งสองไปเมืองหลวงเสีย หลังจากที่อวิ๋นซีได้รับคำรายงานจากคนส่งสารว่า สองสามีภรรยาคู่นี้เห็นลูกชายทั้งสองเป็ดังสมบัติล้ำค่า แต่กับลูกสาวทั้งสองกลับทำราวกับว่าให้รีบพาไปได้เร็วก็ยิ่งดี ในใจของอวิ๋นซีก็โกรธมาก คนมีลูกสาวแสนดีตั้งสองคน แต่กลับไม่คิดทะนุถนอมไว้ และเป็นางที่เลี้ยงดูเด็กทั้งสองไว้ราวกับเป็หลานสาวแท้ๆ ของตนก็ไม่ปาน ในตอนหลังอวิ๋นซีได้ให้คนนำเงินสองร้อยตำลึงไปให้ครอบครัวจางอู่ในคราวเดียว ถือเสียว่าเป็บุญคุณที่ในอดีตพวกเขาเคยเลี้ยงดูสองพี่น้องคู่นี้มา
อวิ๋นซีมองสองพี่น้องที่กำลังกินอาหารกันอย่างออกรส นางยิ้มพูดกับต้านีเอ๋อร์และเอ้อนี “ตอนนี้พวกเ้าเองก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นมากแล้ว จะให้เรียกต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีต่อไปก็คงไม่ดีนัก ถ้าอย่างไรให้ข้าตั้งชื่ออื่นให้พวกเ้าดีหรือไม่? ”
เมื่อต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีได้ยินก็เงยหน้ามองอวิ๋นซี จากนั้นจึงพยักหน้าพูดว่า “ดีเ้าค่ะ”
อวิ๋นซีขบคิด จากนั้นก็พูดขึ้น “ถ้าเช่นนั้น ต้านีเอ๋อร์ก็ให้ชื่อว่า เยว่หัว ส่วนเอ้อนีให้ชื่อว่า เหม่ยหัว ดีหรือไม่? ”
ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีรีบคุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้น พูดพร้อมกันจนแทบจะกลายเป็เสียงเดียว “เยว่หัว/ เหม่ยหัว ขอบคุณท่านอาจารย์/ ท่านน้าอวิ๋น ที่มอบนามให้เ้าค่ะ”
อวิ๋นซีรีบประคองเด็กทั้งสองขึ้น นางยิ้มพลางจับมือสองพี่น้องไว้ “พวกเราล้วนเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็ต้องพูดจาเกรงใจกันเช่นนี้” นางชอบเด็กทั้งสองจากใจจริง ถึงแม้เมื่อเทียบกับหวานหว่านแล้วจะยังห่างกันอยู่ชั้นหนึ่ง แต่นางก็ไม่มีทางจะปฏิบัติต่อคนทั้งสองอย่างไม่ดีเป็แน่
ขณะเดียวกันนั้นเมื่อจวินเหยียนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาก็เห็นภรรยาและเด็กทั้งสามกำลังคุยกันอย่างมีความสุข เขายิ้ม นั่งลงข้างกายภรรยา ก่อนจะเอ่ยถาม “คุยอะไรกันอยู่หรือ? ”
หวานหว่านรีบตอบ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ช่วยตั้งชื่อให้ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีใหม่เพคะ นับแต่นี้พวกนางจะมีชื่อว่าเยว่หัวกับเหม่ยหัวแล้ว ไพเราะหรือไม่เพคะ”
จวินเหยียนมองเด็กน้อยทั้งสามที่แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง จากนั้นก็หัวเราะ มองสตรีข้างกาย “ชื่อที่มารดาเ้าเป็คนตั้ง แน่นอนว่าต้องไพเราะที่สุดอยู่แล้ว” เขาพูดจากใจจริง ไม่ว่าอย่างไรขอแค่มีความเกี่ยวข้องกับภรรยา เขาก็ตอบว่าภรรยาดีที่สุด
หลังจากที่ทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จ อวิ๋นซานก็พาจ้าวลี่เจียมาถึงจวนอ๋องแล้ว และเมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าพวกเขาเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว อวิ๋นซานก็เข้าไปดูหลานชายสุดที่รักทั้งสองคนก่อนแล้วจึงพูดว่า “ไม่คิดว่าพวกเ้าจะเสร็จกันเร็วเพียงนี้ พวกข้าจึงตั้งใจจะมาให้สายสักหน่อย”
อวิ๋นซีบ่นพึมพำ “ท่านพ่อท่านแม่เ้าคะ ในใจของพวกท่านเห็นข้าเป็คนเกียจคร้านเพียงนั้นเชียวหรือ? วันนี้ถือเป็วันดีของท่านแม่นะเ้าคะ แน่นอนว่าข้าต้องรีบเตรียมตัวให้เสร็จแต่เช้าอยู่แล้ว” วันนี้ไม่ว่าจะเป็มารดาแท้ๆ หรือมารดาจำเป็ในยามนี้ก็ล้วนเป็วันดี เป็วันหนึ่งที่นางให้ความสำคัญมาก
ตอนที่พวกเขาไปถึงจวนตระกูลอวิ๋น สถานที่แห่งนั้นก็มีแเื่อยู่เต็มจวนแล้ว คนมากมายต่างกำลังคิดกันว่า คุณหนูรองตระกูลอวิ๋นที่ต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกนั้นที่แท้แล้วจะเป็ผู้ใด ใครกันที่โชคดีเพียงนี้ คนสามารถกลายมาเป็คุณหนูรองตระกูลโหวขั้นหนึ่งจวนอวิ๋นอานโหวได้
ถึงกระนั้นตอนที่ทุกคนเห็นอวิ๋นซีและจวินเหยียนมาถึง พวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจมากนัก อย่างไรเสีย จวนอวิ๋นอานโหวก็มิใช่ตระกูลธรรมดา อย่าว่าแต่หนิงชินอ๋องเลย พวกเขายังได้ยินมาว่า รัชทายาทและชายารัชทายาทเองก็จะเสด็จมาร่วมด้วย
อวิ๋นซีที่เพิ่งจะเข้าจวนมาได้ไม่นานก็เห็นอวิ๋นไห่มุ่งหน้ามายังตน เขายิ้มพูดกับอวิ๋นซี “วันนี้ควรจะเปลี่ยนคำเรียกข้าเป็ท่านน้าได้แล้วใช่หรือไม่”
นางมองบุรุษตรงหน้าที่มีท่าทีอวดดีเสียเหลือเกิน นางกลอกตา “วันนี้ที่ออกมาต้อนรับก็เพียงเพื่อจะให้ข้าเรียกท่านว่าท่านน้าอย่างนั้นหรือ? หากเป็เช่นนี้ละก็ ตัวข้าก็รู้สึกว่าได้รับความเอ็นดูที่เหนือความคาดหมายจนอดไม่ได้ให้ใจริงๆ ”
อวิ๋นไห่ได้แต่แค่นเสียงเ็า ก่อนจะหันไปมองหวานหว่านที่อยู่ข้างกายนาง “จวิ้นจู่น้อยทราบหรือไม่ว่า ข้าผู้นี้คือใคร? ”
หวานหว่านได้ยินคำถามนั้นก็ขบคิดอย่างหนักแล้วถามกลับ “หากข้าตอบถูก ท่านจะมีของรางวัลอันใดตอบแทนหรือไม่? ”
อวิ๋นไห่มองไปยังอวิ๋นซี จากนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่า ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้หูหวานหว่านแล้วพูดเสียงเบาา “ได้ยินมาว่า เ้าชอบฝึกพิษ ช่างเหมาะเจาะเสียจริง เมื่อก่อนนี้ข้าเคยนำทัพปราบปรามซ่องโจรอยู่แถวชายแดน ในรังโจรแห่งหนึ่งข้าบังเอิญเจอตำราแพทย์พิษแห่งซีอวี้ ด้านในนั้นมีบอกวิธีการปรุงผงพิษหลากหลายชนิด เดิมทีข้าคิดว่า หากวันนี้มารดาเ้ายอมเรียกข้าสักคำว่า ท่านน้า ข้าก็จะมอบตำราเล่มนี้ให้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ มารดาเ้าไม่รับน้ำใจ”
หวานหว่านถึงกับดวงตาเปล่งประกาย “ตำราแพทย์พิษแห่งซีอวี้? ”
“อืม” อวิ๋นไห่พยักหน้าจริงจัง เขาไม่กล้าไปหลอกเ้าเด็กน้อยนี่หรอก
ขณะที่อวิ๋นซีได้ยินพวกเขาสองคนคุยกัน มุมปากก็กระตุกขึ้นลงน้อยๆ “นี่ท่านตั้งใจนำเ้าสิ่งที่ไม่ได้เื่นี้มาล่อลวงลูกสาวข้า ใช่หรือไม่”
“ใช่” อวิ๋นไห่ยืดตัวตรงมองอวิ๋นซี บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มเจิดจรัสถือดีประดับอยู่ “เ้าไม่อยากได้ แน่นอนว่าต้องมีคนอื่นที่อยากได้”
หวานหว่านคล้ายว่าจะตอบรับคำพูดของอวิ๋นไห่ เรียกเสียงหวาน “ท่านตาสาม”
เมื่ออวิ๋นไห่ได้ยินก็แย้มยิ้มเบิกบานไปถึงดวงตา เขาลูบศีรษะหวานหว่าน “เด็กดี ไม่เสียทีที่ท่านตาสามเก็บรักษาตำราเล่มนี้มาจนถึงตอนนี้” พูดจบ เขาก็หันมองไปทางอวิ๋นซีอย่างหาเื่ ท่าทางเช่นนั้นเหมือนกำลังจะพูดว่า ดูสิ ลูกสาวเ้าถูกข้าซื้อแล้ว