เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังรีบนำเอาเกราะแขนออกมาทันที เกราะแขนชิ้นนี้ประกอบขึ้นด้วยเกล็ดเล็กสีแดงเพลิงมากมาย ทั่วทั้งชิ้นััอ่อนนุ่มให้ความรู้สึกเบาสบายแก่ผู้สวมใส่ เพียงแต่รูปลักษณ์ของมันที่มีรูปหน้ามารที่ดูดุร้ายน่ากลัวราวกับมีชีวิตฉันนั้นปรากฏพันอยู่โดยรอบชิ้นเกราะแขน
“ของชิ้นนี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรพิเศษตรงไหน นอกจากวัสดุที่ใช้ทำขึ้นมาดูแปลกประหลาดไปนิดหน่อยแล้วนอกนั้นก็ปกติธรรมดา!” เย่ชิงหนิวรับมาแล้วพิจารณาดูอย่างละเอียดอยู่สักพัก และยังใช้พลังิญญาตรวจสอบดูอีกรอบหนึ่งก็ยังััไม่ได้ถึงความพิเศษอะไรขึ้นมา นิ่งเงียบไปชั่วครู่จากนั้นจึงโยนเกราะแขนลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วปล่อยกระแสพลังสีเขียวสายหนึ่งโจมตีใส่เกราะแขนอย่างรุนแรง
ปัง!
กระแสพลังสีเขียวและเกราะแขนสีแดงเพลิงปะทะชนเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง เกราะแขนะเิพลังแสงสีแดงลานตาออกมา แสงสีแดงเปล่งประกายวาบขึ้นครั้งหนึ่งแล้วก็พลันเลือนหายไป จากนั้นมันกระเด็นลอยออกไปเพราะแรงกระแทกจากการโจมตี
ดวงตาเย่ชิงหนิวเปล่งประกายแหลมคมขึ้น เปลี่ยนมือออกไปเป็กรงเล็บคว้าจับเอาเกราะแขนที่อยู่ห่างไกลออกไปดึงโผล่ออกมาจากกลางอากาศ จากนั้นพิจารณาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกรอบถึงค่อยหัวเราะพร้อมกับพูดออกมา “เป็ของดีจริงๆ แม้จะถูกการโจมตีของข้าก็ยังไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย พลังป้องกันถือว่าอยู่ในขั้นสุดยอด เ้าหนูหานรีบนำไปใส่ไว้ ของชิ้นนี้ในยามอันตรายคับขันสามารถช่วยชีวิตเ้าได้เป็อย่างดี”
“อืม!” เย่ชิงหานก็มองเห็นแสงสีแดงเมื่อสักครู่อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน รีบรับเกราะแขนมาด้วยความปีติยินดี จากนั้นถอดเสื้อออกแล้วใส่เกราะแขนไว้ที่แขนทางด้านขวา ของชิ้นนี้ถูกผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์โจมตีใส่ครั้งหนึ่งยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แม้จะรู้ว่าเย่ชิงหนิวไม่ได้โจมตีใส่ด้วยพลังทั้งหมด แต่ไม่ว่าอย่างไรพลังป้องกันก็จัดอยู่ในขั้นสุดยอด
“อืม...เมื่อสักครู่เ้าพูดว่ากำลังคิดถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในงานประลองาระหว่างเขตปกครองสิน่ะ เ้าวางใจได้ เื่ที่เสว่อู๋เหินวางแผนคิดร้ายต่อพวกเ้าไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องช่วยพวกเ้าทวงความยุติธรรมคืนมาแน่ ครั้งนี้กลับไปเดี๋ยวจะเรียกประชุมเหล่าหัวหน้าตระกูลทั้งหลายมาปรึกษาหารือกัน เ้าไม่จำเป็ต้องคิดอะไรมากแล้ว” เย่ชิงหนิวเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดปลอบใจออกมา
“เื่นั้นข้าไม่เป็กังวลสักเท่าไรมีพวกท่านคอยจัดการอยู่แล้วข้าก็สบายใจ!” เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับ ทันใดนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามเื่ที่เป็ปัญหาค้างคาใจที่อยากจะถามมานานแล้ว “ผู้าุโสูงสุด ข้าขอถามอะไรท่านสักอย่างหนึ่ง ท่านต้องตอบข้ามาตามความจริง บนโลกนี้... มีเทพหรือไม่?”
เื่นี้ค้างคาใจเย่ชิงหานมาเนิ่นนานแล้ว ั้แ่ยังเป็เด็กก็เริ่มได้ยินเื่เล่าขานเกี่ยวกับเทพมาตลอด จ้าวเทวะ “ถู” ที่นครแห่งเทพก็เป็เทพด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำนานเล่าขานของตระกูลเย่ ลูกหลานของทั้งห้าตระกูลล้วนเป็ทายาทผู้สืบสายเืมาจากเทพา มีสายเืของเทพอยู่ภายในกาย มีดินแดนที่ใช้เรียกสัตว์อสูรที่แปลกประหลาดลี้ลับ ทั้งห้าตระกูลมีสุดยอดเคล็ดวิชาที่ลี้ลับน่าอัศจรรย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ััได้ถึงพลังแห่งเทพที่มีอยู่จริง ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีอยู่ทั่วทั้งทวีป ความลี้ลับต่างๆ ที่อยู่บนเกาะแห่งความมืดมิด รวมไปถึงปริศนาที่เป็ความลับต่างๆ ของนครแห่งเทพ
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำให้เย่ชิงหานเต็มไปด้วยความสงสัย โลกใบนี้มีเทพอยู่จริงหรือไม่? ถ้าหากมีจริงละก็ เทพหน้าตาเป็อย่างไร? มีอิทธิฤทธิ์แบบไหนชนิดใดบ้าง? สามารถเบิกฟ้าผ่าปฐี? สามารถสั่งให้สายน้ำหยุดไหล? หายตัวขึ้นฟ้ามุดดำลงสู่พื้นดิน? หรือว่าทำได้ทุกอย่างเพียงแค่ใจนึก?
“เทพ?”
คิ้วของเย่ชิงหนิวขมวดขึ้น มองดูสีหน้าที่ตื่นเต้นยินดีของเย่ชิงหาน เขาเข้าใจดีเพราะตอนที่ตนเองมีอายุประมาณนี้ก็มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเทพมากเช่นเดียวกัน ในหัวล้วนจินตนาการไปต่างๆ นานาตามประสาเด็กที่ยังไม่รู้อะไร เย่ชิงหนิวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “เดิมทีคิดว่าก่อนที่พลังฝีมือของเ้าจะบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจะไม่บอกเื่พวกนี้แก่เ้าเพราะจะได้ไม่กระทบต่อสภาพจิตใจและการฝึกยุทธ์ของเ้า ในเมื่อเ้าเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนี้ข้าก็คงต้องบอกกับเ้าแล้วละ บนโลกใบนี้มีเทพจริง และไม่ใช่เพียงคนเดียวแต่มีถึงสามคน!”
“ฮะ!”
สิ่งที่ได้ฟังทำเอาเย่ชิงหานสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย โลกใบนี้มีเทพจริงๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีถึงสามคน?
“อืม ความจริงแล้วพวกเ้าจินตนาการให้เทพแข็งแกร่งมากมายจนเกินไป เ้าคงคิดว่าเทพสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างใช่ไหม? ความจริงแล้วเทพก็ยังนับว่าเป็ผู้ฝึกยุทธ์จำพวกหนึ่งอยู่ เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขั้นขอบเขตอื่นๆ แล้วเป็ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นเอง ก็แค่สูงกว่าระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งขั้นขอบเขตใหญ่เท่านั้น พวกเราต่างเรียกขานระดับขอบเขตนี้ว่า...ระดับขอบเขตเทพ์
คิดว่าเ้าก็คงรู้แล้วว่าผู้ฝึกยุทธ์เมื่อถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจะต้องเริ่มทำการศึกษาทำความเข้าใจกฎเกณฑ์พลังฟ้าดิน ยิ่งทำการศึกษาทำความเข้าใจมากเท่าไรระดับขั้นพลังฝีมือก็จะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดสามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้สมบูรณ์ก็จะกลายเป็เทพ ซึ่งก็คือทะลวงผ่านด่านระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์นั่นเอง
เย่ชิงหนิวพูดอธิบายอย่างช้าๆ เริ่มแนะแนวทางขั้นตอนการฝึกฝนของระดับขอบเขตาาจักรพรรดิให้เย่ชิงหานทราบก่อน แม้ว่าตอนนี้เย่ชิงหานจะอยู่แค่เพียงระดับขอบเขตนักรบ ซึ่งห่างไกลจากระดับขอบเขตาาจักรพรรดิอยู่มากมายก็ตามที แต่เมื่อมองจากระดับความเร็วของพลังฝีมือที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งยากที่จะพานพบในรอบหมื่นปีมานี้ คาดว่าสติปัญญาในการรับรู้ทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ของเย่ชิงหานก็คงเหนือคนธรรมดาทั่วไปด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นแล้วระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีอาศัยเพียงแค่ความมุมานะและโชควาสนาละก็ พลังฝีมือคงไม่สามารถะโข้ามขึ้นมาหลายระดับขั้นเช่นนี้แน่ จนตอนนี้พลังฝีมือโดยรวมบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบแล้ว
ดังนั้นเขาจึงทำลายธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ พูดอธิบายเื่ราวที่เป็ความลับของทวีปออกมาให้เย่ชิงหานฟัง มองดูสีหน้าของเย่ชิงหานที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เย่ชิงหนิวพยักหน้าออกมาอย่างพอใจแล้วจึงพูดขึ้นต่อ
“สำหรับเื่ที่ว่าในจำนวนเทพทั้งหมดมีใครบ้างนั้น จ้าวเทวะผู้ปกครองนครแห่งเทพผู้นี้เป็หนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย อีกท่านอาศัยอยู่ทางทะเลตะวันออกบนเกาะเร้นลับซึ่งได้สถาปนาตนเองเป็จ้าวเกาะเร้นลับ ครั้งนี้เพื่อที่จะช่วยน้องสาวของเ้าท่านหัวหน้าตระกูลได้ไปที่เกาะเร้นลับแห่งนั้นและทำการแลกเปลี่ยนยาิญญาเทวะมาได้เป็ผลสำเร็จ อืม...ยังมีอีกท่านที่ทำตัวลึกลับที่สุดอาศัยอยู่ในป่าดำมืดทางเหนือซึ่งเป็หนึ่งในสามสถานที่อันตรายที่สุดของทวีป มีเพียงแซ่แต่ไม่มีชื่อ พวกเราต่างเรียกขานท่านผู้นี้ว่า นายท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ และเป็าาผู้ปกครองของป่าดำมืดแห่งนั้น”
“สำหรับเื่ที่ว่าเทพสามารถเบิกฟ้าผ่าปฐีหรือทำอะไรได้อย่างใจนึกนั้นล้วนเป็เื่เหลวไหล ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์มีอาณาเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ ระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจมีเงาปีศาจสถิตร่าง อืม...ที่พวกเ้าเคยเห็นเงาราชสีห์ที่โผล่ขึ้นมาด้านหลังของเยาเสนั่นแหละ ส่วนระดับขอบเขตคนเถื่อนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าคนเถื่อนมีพลังเทพคนเถื่อน
เหนือขึ้นไปจากระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็คือระดับขอบเขตเทพ์ ระดับขอบเขตเทพ์มีความสามารถและความพิเศษที่แตกต่างจากระดับธรรมดาทั่วไปที่เห็นได้อย่างเด่นชัดมีอยู่สองประการคือ ประการแรก ระดับขอบเขตนี้จะมีอายุขัยที่ยาวนานเป็อย่างมาก ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปาชญ์ศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปจะมีอายุขัยอยู่แค่เพียงประมาณสามร้อยปี แต่ถ้าหากสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเทพ์ได้ละก็ อย่างน้อยอายุขัยที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ขยายออกไปอีกเป็หนึ่งหมื่นปีเลยทีเดียว...
ประการที่สอง ระดับขอบเขตเทพ์สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ ส่วนความสามารถอื่นๆ ต้องดูที่การฝึกฝนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินของแต่ละคนประกอบ...”
“อายุขัยหนึ่งหมื่นปี...นี่ไม่ต่างจากอายุยืนยาวไม่มีวันตายเลย เคลื่อนย้ายในพริบตา ความสามารถเช่นนี้ใครจะหลบการโจมตีได้? แล้วใครจะฆ่าพวกเขาได้?”
คำพูดอธิบายของเย่ชิงหนิว นำพาเย่ชิงหานไปสู่ความรู้ใหม่เอี่ยมในอีกระดับชั้นหนึ่ง ไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน โลกของระดับขั้นพลังที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างที่สุด
“ตั้งใจมุมานะฝึกฝนให้ดีๆ รอจนเ้าบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเมื่อไหร่เดี๋ยวข้าจะพูดอธิบายให้เ้าฟังอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เื่อื่นๆ เ้ารู้มากไปในตอนนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อเ้า สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเ้าก็คือ ขอแค่เพียงมีความมุมานะเพียรพยายามฝึกฝนทุกคนมีโอกาสบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ ทุกคนมีโอกาสกลายเป็เทพเหมือนกันทุกคน!” ดวงตาทั้งสองข้างของเย่ชิงหนิวทอประกายแสงเจิดจ้ามองไปยังเย่ชิงหาน เขารู้ดีว่าคำพูดของตนเองได้กระตุ้นจิตใจของเย่ชิงหานขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีกทำเพียงตบไปที่ไหล่ของเย่ชิงหานเบาๆ แล้วเดินจากไป
อายุยืนไม่แก่เฒ่า เคลื่อนย้ายในพริบตา เป็ผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง! จ้าวเทวะนครแห่งเทพ จ้าวเกาะเร้นลับ นายท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่?
เย่ชิงหานยืนมึนๆ อยู่ในสวนเพียงคนเดียวเนิ่นนาน ภายในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการและการวาดฝันเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตเทพ์
แท้จริงแล้วเทพไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลทุกสิ่งอย่างได้ตามใจนึก แต่เป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ที่มีพลังฝีมือกล้าแกร่งที่สุดเพียงเท่านั้น ทุกคนขอเพียงแค่พากเพียรพยายามก็สามารถทำให้สำเร็จได้ทุกคน เพียงแต่หลายพันปีมานี้ยังไม่ปรากฏว่าเคยมีใครที่สามารถทำได้เท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้รับรู้นี้ได้กลายเป็แรงผลักดันอย่างแรงกล้าให้เย่ชิงหานขึ้นมา สักวันหนึ่งเขาอาจจะกลายเป็เทพตามตำนานที่เล่าขานกันอยู่ก็เป็ได้ ถึงแม้เส้นทางสายนี้จะดูเลือนรางและยาวไกล แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง ถึงจะรู้ว่าขุนเขานั้นสูงใหญ่แต่สักวันหนึ่งจะต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้