เป่ยเหลียนโม่หลุบตาลงมองมือเล็กซึ่งทั้งขาวและนุ่มนิ่มที่วางทับอยู่บนริมฝีปากของเขา ชวนให้รู้สึกคันยุบยิบในใจ
“หวังเฟยหมายความว่าอย่างไร?”
ยามเขาเอื้อนเอ่ย ริมฝีปากเขาััโดนฝ่ามือของเหยาเชียนเชียน นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเสมือนเป็เหน็บชา ไอร้อนจากลมหายใจของเขาราวกับจะแผดเผานางั้แ่ฝ่ามือไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ
เหยาเชียนเชียนรีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าชิงผิงอ๋องผู้นี้แตกต่างจากจินตนาการของนางอย่างสิ้นเชิง
ตามหลักแล้ว เมื่อวันก่อนนางเพิ่งพยายามจะบีบคอลูกชายของเขาให้ตาย และเมื่อครู่ก็อุ้มอาเหยียนมาที่ห้องของนางโดยพลการอีก หากเป็คนปกติย่อมไม่มีทางไว้หน้านางแล้วกระมัง?
ทว่าท่านอ๋องผู้นี้ นอกจากน่าเบื่ออยู่สักหน่อย แต่ความรู้สึกที่มีต่อนางก็ดูเหมือนจะไม่ได้แย่มากนัก
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันสำนึกผิดจากใจแล้วจริงๆ เพคะ” เหยาเชียนเชียนเกรงว่าเขาจะไม่เชื่อ เปลือกนอกเขาดูนุ่มนวลและอ่อนโยน ทว่าแท้จริงในใจคงคิดหาหนทางทรมานนางจนตายไว้แล้วกระมัง
“หากพระองค์ยังทรงกริ้วอยู่ จะคุมขังหม่อมฉันไว้อีกสักสองสามวันก็ได้เพคะ ขอแค่พระองค์ทรงให้โอกาสหม่อมฉันได้ปรับปรุงตัวเป็คนใหม่ รับรองว่าต่อจากนี้ไปหม่อมฉันจะเป็คนที่ดีกว่าเดิมเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า พลางกล่าวอย่างเป็ธรรมชาติว่า “เปิ่นหวังเชื่อหวังเฟย ทุกคนล้วนมี่เวลาที่โง่เขลากันทั้งสิ้น สำนึกตนได้เร็วก็ดีแล้ว มนุษย์เรามิใช่เทพเทวดา ผู้ใดเล่าจะไม่เคยผิดพลาด หวังเฟยคิดตกได้รวดเร็วเช่นนี้ เปิ่นหวังปลื้มปีติยิ่งนัก”
คนผู้นี้พูดเื่ไร้สาระยิ่งกว่านางเสียอีก เหยาเชียนเชียนผิดหวังเล็กน้อย บทละครของนางถูกเขาแย่งพูดจบไปแล้ว เช่นนั้นนางจะทำอย่างไรต่อดี?
“ท่าน...ท่านอ๋องตรัสได้ถูกต้องเลยเพคะ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ อ๊ะ!”
ชิงผิงอ๋องผู้นี้ไม่ได้ออกไพ่ตามลำดับ เหยาเชียนเชียนเพิ่งคิดว่าจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนากับเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าว่างเปล่า ทั้งร่างถูกเขาช้อนขึ้นอุ้มด้วยท่าองค์หญิง ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกดลงกับเตียงเสียแล้ว
ท่านอ๋องใจเย็นๆ ก่อนเพคะ!
“อย่าขยับ” เสียงแหบพร่าของเป่ยเหลียนโม่ดังขึ้นข้างใบหูของนาง “ยามนี้ถ้าหวังเฟยอยู่ไม่นิ่ง มีแต่จะทำให้เปิ่นหวังคิดว่าเ้ากำลังเชิญชวนเปิ่นหวัง”
ไม่ขยับๆ ทุกคนห้ามขยับ หนึ่ง สอง สาม เราเป็หุ่นไม้!
เหยาเชียนเชียนนึกเศร้าทั้งยังขุ่นเคืองในใจ สองมือของนางถูกเขากดอยู่ข้างลำตัว ลมหายใจร้อนระอุรินรดอยู่ข้างลำคอ ราวกับเสือดาวที่สะสมพละกำลังและเตรียมตัวตะครุบเหยื่อ พร้อมที่จะฝังเขี้ยวลงมาได้ทุกเมื่อ
เป่ยเหลียนโม่มองนางด้วยสายตาแสดงความสนใจอย่างเต็มเปี่ยม แพขนตาที่สั่นสะท้านเล็กน้อย และริมฝีปากที่เผลอขบเม้มโดยไม่รู้ตัวเพราะความประหม่า ทุกอิริยาบถล้วนเผยความลนลานในใจของผู้เป็เ้าของร่างกายออกมาทั้งหมด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตรีผู้นี้งดงามเหลือเกิน มิน่าเล่าท่านพี่สามถึงมองนางด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
ดวงตาของเขาปรากฏแววเ็าเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นช้าๆ ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งวาดไล้ไปตามเรียวคิ้วของนางอย่างแ่เบา เหยาเชียนเชียนอกสั่นขวัญหาย คิดว่าเขา้าจะจิ้มลูกตาของนางใช่หรือไม่
“หวังเฟยบอกเปิ่นหวังได้หรือไม่ เหตุใดอาเหยียนถึงมาอยู่ที่ห้องของเ้าั้แ่เช้า อีกทั้งยังสนิทสนมกับหวังเฟยเช่นนี้อีก”
มาแล้วๆ เหยาเชียนเชียนหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย คำถามนี้หากตอบไม่ดีก็ถือว่าเอาชีวิตไปทิ้ง แต่นางจะบอกได้อย่างไรว่าความจริงแล้วลูกชายของเขาอยู่ที่ห้องของนางมาั้แ่เมื่อคืนแล้ว
สิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาร่วมกันคือสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นไร้ที่เปรียบ เพราะหิวจนไส้กิ่วจึงแอบไปขโมยกินอาหารในห้องเครื่องด้วยกัน เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็ปกติในจวนอ๋องอันโอ่อ่าตระการตาเช่นนี้
“แค่บังเอิญพบกันเพียงเท่านั้นเพคะ ก็เลยได้เสวยสำรับเช้าด้วยกัน” เหยาเชียนเชียนกลืนน้ำลาย “ส่วนความรู้สึกของอาเหยียน อาจจะเพราะคืนนั้นหม่อมฉันทำให้อาเหยียนใโดยไร้สติ วันนี้เมื่อเขาได้พบหม่อมฉันอีกครั้งก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเลย... เลยยินยอมอยู่ใกล้ชิดกับหม่อมฉันเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ เขาสั่งให้คนคอยจับตาดูเหยาเชียนเชียนไว้ ไม่ให้นางออกจากห้องแม้แต่ครึ่งก้าว และไม่อนุญาตให้ผู้ใดไปเยี่ยมหรือดูแลนาง ดังนั้นเมื่อกลับมาถึง ในคราแรกเขาคิดว่าจะได้เห็นภาพหญิงสาวที่ทั้งหิว กระหาย และอยู่ในสภาพอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด
คาดไม่ถึงเลยว่านางที่แยกเขี้ยวยิงฟันอยู่จะดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
บังเอิญพบกันหรือ?
จากการซักถาม นางถูกคุมขังอยู่จะบังเอิญพบกับอาเหยียนได้อย่างไร หรือว่าอาเหยียนจะเดินเตร่มาถึงที่นี่เชียวหรือ?
พูดโกหกแต่ไม่ร่างบทไว้ก่อน เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นวันนี้เปิ่นหวังเข้าใจหวังเฟยผิดแล้ว ดูท่าว่าหวังเฟยจะรักและเอ็นดูอาเหยียนเช่นกัน”
ใช่แล้ว ใช่แล้ว!
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าสุดแรงเกิด จากนั้นก็ถูกมือหนึ่งกดลำคอไว้จนทำให้หายใจติดขัดขึ้นมา
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เปิ่นหวังอยากถามหวังเฟยสักหน่อย ท่านพี่สามทรงตรัสอะไรกับเ้าในวันก่อนพิธีอภิเษกสมรสอย่างนั้นหรือ?”
ท่านพี่สามของพระองค์คือผู้ใดหม่อมฉันไม่รู้จัก!
เหยาเชียนเชียนหน้าแดงเถือก ความรู้สึกหายใจไม่ออกวิ่งแล่นไปทั่วสมอง หลังจากนางมาถึงที่นี่ก็ไม่หลงเหลือความทรงจำของเ้าของร่างเดิมอยู่เลยแม้แต่นิด ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าเป่ยเหลียนโม่กำลังพูดเื่อะไรอยู่
นางก็เป็แค่คนที่ย้อนเวลามาโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทั้งยังไม่เข้าใจความแค้นและความเกลียดชังระหว่างพวกเขาด้วย!
“ท่านพี่สามทรงเป็ห่วงหวังเฟยเสมอ เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าหวังเฟยจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับข้า จะไม่มีอะไรอยากตรัสกับหวังเฟยเลยหรือ?”
ให้ตาย สิ่งที่นางเกลียดที่สุดก็คือรักสามเส้า เหยาเชียนเชียนกลอกตาขึ้นจนเริ่มเห็นตาขาวแล้ว ท่านอย่าบังคับให้ตอบได้หรือไม่พี่ชาย แล้วยามที่ท่านถามก็ช่วยเว้นจังหวะให้ผู้ถูกสอบสวนได้ตอบสักหน่อยได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นผู้ถูกสอบสวนอาจถูกท่านบีบคอจนตายได้
“ไม่... ไม่ทราบว่าท่านอ๋อง... ทรงหมายความว่าอย่างไร หม่อมฉันกับ... องค์ชายสามไม่มี... สัมพันธ์ต่อกัน...”
“หึ” เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ สีหน้าที่แสดงออกมาเรียกได้ว่าอ่อนโยน ราวกับสิ่งที่เขากำลังพูดกับเหยาเชียนเชียนนั้นเป็เพียงเื่มโนสาเร่ที่ซับซ้อนเท่านั้น
“เมื่อครู่เปิ่นหวังรู้สึกว่าหวังเฟยกล่าวคำได้ดี แต่ยามนี้เมื่อตรึกตรองดูอีกทีก็ยังคงเป็คนเขลา”
คนทั้งเมืองล้วนรู้ว่านางรักองค์ชายสาม ทว่ายามนี้กลับบอกว่าตนและองค์ชายสามไม่มีสัมพันธ์ต่อกัน เป็ไปได้หรือไม่ว่าสายลับใต้บังคับบัญชาของเขาจะแต่งเื่ขึ้นมาหลอกเขา หรือว่าคนที่อยู่กับองค์ชายสามวันก่อนพิธีอภิเษกสมรสจะเป็ผี
“หวังเฟยสนทนากับท่านพี่สามอยู่ที่หอเหลิ่งเหยียนถึงสองชั่วยาม แต่ไม่ยอมบอกกล่าวเปิ่นหวัง เื่นี้หวังเฟยไม่รู้เื่เลยหรือ”
ข้าไม่รู้... จริงๆ...
เหยาเชียนเชียนค่อยๆ หยุดดิ้น การที่สมองขาดอากาศทำให้นางสับสนมึนงงคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง นางที่เพิ่งมาคงไม่ได้ไปรนหาที่ตายอีกกระมัง ชิงผิงอ๋องผู้นี้บุคลิกและนิสัยช่างสวนทางกันยิ่งนัก เขาคงไม่ได้จินตนาการเอาเองว่าตนกำลังถูกสวมเขาอยู่กระมัง?
“สลบไปแล้วหรือ?”
เป่ยเหลียนโม่คลายมือออก หลุบตาพินิจมองสตรีตรงหน้า
เื่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมพูด ช่างภักดีต่อท่านพี่สามของเขาเหลือเกิน เพียงแต่น่าเสียดาย ยามนี้นางแต่งงานกับเขาแล้ว ต่อให้ใจแข็งเพียงใด เขาก็จะทำให้ละลายให้จงได้
“นายท่าน” องครักษ์เงาในชุดสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องั้แ่เมื่อใดไม่อาจทราบ “่สองสามวันมานี้องค์ชายสามส่งคนมาล้อมรอบจวนอ๋อง เพียงแต่ไม่สามารถเข้ามาประชิดได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถติดต่อกับหวังเฟยได้ขอรับ”
เป่ยเหลียนโม่มองไปยังสตรีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาเ็า สตรีผู้เป็ที่รักต้องแต่งงานกับชายอื่น คิดว่าท่านพี่สามคงร้อนใจน่าดู แต่ไม่รู้ว่าเหยาเชียนเชียนกินพื้นที่ในหัวใจของเขามากเพียงใด
ความรักความชอบก็มีแบ่งเป็ระดับ เป่ยเหลียนโม่รู้ว่าเป่ยเซวียนเฉิงพึงใจในตัวเหยาเชียนเชียน ทว่าไม่รู้ว่าความพึงใจนั้นสามารถทำให้ท่านพี่ของเขาทำได้ถึงขั้นไหน
“เ้าหยิ่งในศักดิ์ศรีก็จริง แต่กลับไม่รู้ว่าตนเป็เพียงหมากตัวหนึ่งในกำมือของผู้อื่น”
องครักษ์เงาลังเลอยู่นานจนสุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก “นายท่าน บางทีหวังเฟยอาจจะไม่รู้เื่จริงๆ ก็ได้ขอรับ ไม่แน่ว่าองค์ชายสามอาจจะมีคำสั่งอื่นที่จะกำชับกับนาง”
คำสั่งอื่น?
เป่ยเหลียนโม่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย หากไม่ได้บุกเข้ามาหาอาเหยียน เช่นนั้นเหตุใดเหยาเชียนเชียนถึงต้องลงมือกับอาเหยียนในคืนพิธีอภิเษกสมรสด้วย นางอาจจะรอเวลาไปก่อน รอจนกว่าจะได้รับความไว้วางใจจากเขาอย่างเต็มที่แล้วค่อยลงมือ
“รักษาตนให้บริสุทธิ์ดุจหยกเพื่อท่านพี่สาม เปิ่นหวังรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”