หลิวฉินถามด้วยความระมัดระวัง แต่หลินฟู่อินกลับตอบว่า “สหาย”
หลิวฉินกะพริบตา เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ เขาพูดเสียงเบาและสบตาหลินฟู่อิน “เช่นนั้นหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกเช่นนั้นกันนะ?”
หลินฟู่อินเหลือบมองเขา ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “นั่นน้องชายข้าเอง”
ยากจะบอกว่าเป็เื่จริงหรือไม่ หลิวฉินรู้สึกซับซ้อนมาก “ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องจากบ้านลุงเ้าอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่คิดว่าใช่นะ”
ถึงหลิวฉินจะเก็บอารมณ์ไว้ได้ดี แต่เขาเองก็ร้อนใจเล็กน้อย โชคดีที่หลินฟู่อินกำลังยุ่งจึงไม่ได้สังเกตมากนัก
เห็นเขาทุบหม้อแตกเพื่อถามตนแล้ว “ความจริงเป็อย่างที่ข้าบอกท่านไป เขาคือเ้าของร้านค้าทางเป่ยหรง ชาดหิมะหลอมมาจากทางฝั่งนั้น ข้ามีการตกลงทางการค้าเื่ชาดหิมะหลอมกับเขา เื่นี้ท่านสามารถช่วยข้าปกปิดได้”
เมื่อหลิวฉินได้ยินคำพูดเ่าั้ เขาเหมือนกับถูกฟ้าผ่า จึงอ้าปากถามว่า “ฟู่อิน เ้ากล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? เ้ากล้าทำธุรกิจร่วมกับคนเป่ยหรงแบบลับๆ? เกี่ยวกับชาดหิมะหลอม?”
หลังจากหลิวฉินพูดจบครู่หนึ่ง เขาได้ยินมาว่าชาดหิมะหลอมขายดีมากที่เป่ยหรง ที่ขายในชิงเหลียนก็มีชีวิตชีวาไม่น้อย ถึงกับบีบให้พ่อค้ารายใหญ่ที่เชี่ยวชาญในกิจการชาดจำต้องขายชาดในราคาถูกลงมา
“พี่หลิวฉิน ข้าปิดบังเื่นี้จากทุกคน ท่านห้ามไปบอกใครเด็ดขาดนะ ข้าเพิ่งบอกท่านเป็คนแรกเ้าค่ะ” หลินฟู่อินโกหกเขา
หลิวฉินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาทราบดีว่าหลินฟู่อินรักเงินมากขนาดไหน ในเมื่อสามารถจับมือพ่อค้าเป่ยหรงเพื่อหาเงินจากชาดหิมะหลอมได้ คนย่อมไม่ปล่อยมือแน่นอน
สำหรับเื่ที่หลินฟู่อินรู้จักพ่อค้าหนุ่มจากเป่ยหรงได้อย่างไรกันนั้น หลิวฉินเองไม่ทราบเื่นี้และไม่กล้าถามนาง
เขารู้ดีแก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหลินฟู่อินเป็เพียงสหายเท่านั้น หากถามหลินฟู่อินไปมากกว่านี้ นางคงจะไม่ยอมเปิดปากบอกเขาแน่ หากหลินฟู่อินรำคาญเขาเมื่อใดคงไม่ใช่เื่ดีแน่นอน
เขาััได้ว่าควรจะเงียบและไม่ควรถามอะไรมากกว่านี้ แต่สุดท้าย ลึกๆ ในใจของเขาก็กำลังเ็ป
เขากำลังจะบอกลาหลินฟู่อิน หลินฟู่อินจำได้ว่าที่บ้านใหญ่สกุลหลินกำลังจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาให้หลินต้าหลาง ดังนั้นนางจึงเรียกหลิวฉินอีกครั้งและถาม “พี่หลิวฉิน ข้าอยากให้ท่านช่วยอะไรข้าสักหน่อยเ้าค่ะ พี่ใหญ่ของข้าสามารถสอบเป็ซิ่วไฉได้ ดังนั้นท่านปู่ ท่านย่าอยากจะให้ข้าช่วยจัดงานเลี้ยงให้สามวัน ท่านก็เห็นแล้วว่าข้ามีเื่ยุ่งมากเพียงใด และไม่มีเวลาขนาดไหน ข้ารบกวนถามปรมาจารย์เถี่ยให้มาที่บ้านท่านปู่ข้าเพื่อช่วยจัดการได้หรือไม่เ้าคะ ข้าจะจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มเอง”
หลิวฉินรู้สึกประหลาดใจต่อหลินฟู่อิน “อ้าว ไหนเ้าบอกว่าเป็คนแปลกหน้ากันแล้วอย่างไรล่ะ อา เขาเป็ญาติผู้พี่ของเ้าสินะ เหตุใดท่านปู่ของเ้าถึงต้องให้เ้าช่วยเหลือค่าจัดงานเลี้ยงเช่นนี้ล่ะ? นี่ควรเป็เื่ที่ผู้าุโต้องจัดการดูแลมิใช่หรือ?”
หลินฟู่อินหลุดหัวเราะ “ท่านสามารถกล่าวได้ว่า ท่านปู่ ท่านย่าคิดว่าข้ามีเงินทองมากพอจะจ่ายได้เ้าค่ะ”
หลิวฉินกล่าว “ข้าไม่เคยเห็นเื่เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย” หลังเงียบไปสักพัก เขาก็พูดอย่างสบายๆ ว่า “ได้สิ หลังจากข้ากลับไปบอกปรมาจารย์เถี่ยเกี่ยวกับเื่นี้แล้ว เขาจะต้องช่วยเ้าแน่นอน แต่เื่เงินทองน่ะเ้าเก็บไว้เสีย ไม่ต้องจ่ายหรอก ข้าต้องกลับไปบอกห้องครัวใหญ่ก่อน ภัตตาคารหลิวจี้จะช่วยเหลือเ้าเอง มาจัดงานเลี้ยงที่นี่สิ”
“นี่เป็เื่ไม่สมควรนะเ้าคะ ท่านจะให้ภัตตาคารเป็ที่จัดงานได้อย่างไรกัน?” หลังจากหลินฟู่อินได้ยินหลิวฉินพูดเื่ใหญ่เช่นนี้จึงรีบทักท้วงให้หยุดพูด
หลิวฉินกลับคืนสู่ท่าทีปกติในฐานะคนอวดรวยก่อนหัวเราะ “เถอะน่า ข้าบอกแล้วว่าภัตตาคารจะช่วยจัดการให้ เราสามารถหาข้ออ้างว่าเพื่อรับรองลูกพี่ลูกน้องของบัณฑิต ที่จริงเพราะภัตตาคารเราก็อยู่แถวนี้เอง อีกอย่างเ้ายังเป็เด็กสาว และไม่ใช่เื่ง่ายเลย เ้าเข้าใจความหมายที่ข้าจะสื่อใช่หรือไม่ ?”
หลิวฉินขวมดคิ้วและจ้องหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินหัวเราะก่อนผงกหัวหลายรอบ “เข้าใจเ้าค่ะ ข้าเข้าใจ”
หลิวฉินเป็คนหัวไว จากคำพูดไม่กี่คำของหลินฟู่อินก็เข้าใจว่าปู่และย่ามีจุดประสงค์ซ่อนเร้น นั่นคือเหตุผลที่เขาเสนอให้จัดงานเลี้ยงที่ภัตตาคารหลิวจี้เพื่อช่วยจัดการธุระต่างๆ ให้
หลินฟู่อินไม่หยุดคิดเลยสักนิด นางเข้าใจความตั้งใจของหลิวฉินดี เขาอยากจะช่วยนาง นางจึงไม่อยากไปข้องแวะกับบ้านใหญ่สกุลหลินอีก และยินดีรับความช่วยเหลือ
ความตั้งใจแรกเริ่มที่จะจัดงานเลี้ยงรับรองน้ำชานั้น เพื่อให้หลี่เจิ้งและผู้าุโอีกสามสกุลช่วยกันกดดันปู่หลิน ต่อไปบ้านใหญ่สกุลหลินจะได้ไม่มากดดันนางเื่หลานชายและขอให้หลินฟู่อินช่วยเหลือเื่เงินอีก
เมื่อถึงเช้าตรู่วันที่สองในเดือนสิบสอง หลินฟู่อินจัดการเื่กิจการ และพาหลินเฟิงและเฟิงซื่อกลับหมู่บ้านหูลู่
กลับมาที่หมู่บ้านหูลู่ นางยังไม่ได้ตรงกลับบ้าน แต่ตรงไปที่บ้านใหญ่สกุลหลิน
ทันทีที่พวกนางเดินทางมาถึงบ้านใหญ่สกุลหลิน หลินฟู่อินถูกดึงดูดด้วยโต๊ะและเก้าอี้เรียบๆ ที่วางเรียงแถวอยู่ด้านหน้าของบ้านใหญ่สกุลหลิน
ลองกวาดตาคร่าวๆ แล้วพบว่ามีโต๊ะมากกว่าสิบสองตัว
นี่มันยิ่งกว่าการจัดงานเลี้ยงของบ้านรองเยอะเลย
หลินต้าซานเดินถือถังน้ำเสียออกมาเท พลันเห็นหลินฟู่อิน และหลินฟู่อินยืนอยู่ด้านใต้ลม ในขณะที่หลินฟางบ่นพึมพำอย่างไม่สนใจในบ้านใหญ่ที่มีคูน้ำเล็กๆ โชยกลิ่นมา
หลินฟางรู้สึกอึดอัดมากกับหลินต้าซานซึ่งฝีปากมีแต่การดูถูกเหยียดหยาม “บ่นพึมพำอะไรกัน ข้ารู้สึกว่าดวงตาของลุงใหญ่โตราวกับท้องฟ้า ไม่รู้ว่าไปโกรธใครมา”
“วันนี้เป็วันสำคัญของบ้านใหญ่ เด็กสาวเช่นเ้าควรจะพูดให้น้อยลงเสียหน่อย” เฟิงซื่อมองหลินฟาง อันที่จริงนางเองก็รู้สึกอึดอัดในใจ เมื่อครู่นางร้องเรียก “ลูกพี่ใหญ่” เพื่อทักทายเขา แต่ใครจะไปรู้ดูเหมือนเขาไม่เห็นนาง ไม่แม้แต่พยักหน้าให้
หลินฟู่อินดูไม่สะทกสะท้าน อย่างไรก็ตามนางรู้สึกมานานแล้วว่าหลินต้าซานเองก็เ็าและโเี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะเข้ากับคนพวกนั้นได้หรือ?
“ท่านแม่ น้องฟู่อิน” หลินเฟินกำลังถือตะกร้าใส่ต้นหอม กำลังมองพวกเขาและได้ยินเสียงบ่นของหลินฟาง
นางเหลือบมองไปยังทิศที่หลินต้าซานยืนอยู่อย่างเ็า
นางพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “มาเถอะ อย่าไปสุงสิงกับเขานักเลย ตอนนี้บุตรชายที่เป็ซิ่วไฉไม่รู้ว่าจะหยิ่งผยองเพียงใด คุณชายใหญ่หลิวพาท่านปรมาจารย์เถี่ยของทางภัตตาคารมาช่วยเราเมื่อเช้านี้ คุณชายใหญ่กล่าวว่าทำเพราะเห็นแก่หน้าหลินฟู่อิน แต่ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอพบใครก็บอกว่าคุณชายใหญ่หลิวมาที่นี่เพราะเห็นแก่ที่พี่ต้าหลางเป็ซิ่วไฉ”
“ลุงใหญ่ ป้าใหญ่มักจะเป็คนหน้าด้านเช่นนี้แหละ ท่านพี่ไม่รู้หรือ” หลินฟางกลอกตา
หลินฟู่อินยิ้มและส่ายหัว “ตกลง เราเข้าไปกันเถอะ เดิมทีที่เรารีบกลับมาก็ยังเช้านัก ข้ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับบ้านรอง”
หลินเฟินมองไปที่บ้านหลังเก่า กล่าวว่า “นางบ่นมาตลอดทาง บอกว่าท่านแม่ของเราท้องเสีย ไม่เห็นจะมีเื่ดีๆ เกิดขึ้นในบ้านใหญ่เลย”
“เอาเถอะ พวกเ้าไปทำหัวหอมกันได้แล้ว ข้าจะไปลองดูในครัวก่อน” เฟิงซื่อไม่กล่าวอะไร แต่ในใจของนางยังแข็งกระด้าง กลัวก็เพียงว่าบุตรสาวทั้งสองจะยืนหยัดเพื่อนาง “อาเฟิน อาฟาง พวกเ้าสองคนฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ พวกเ้าจะต้องอดทน วันนี้มีงานใหญ่ของบ้านใหญ่ เพราะฉะนั้นแล้วถึงบ้านของเราจะดูไม่ดีก็ปล่อยให้พวกนั้นขำกันไป”
หลินเฟินและหลินฟางตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ หลังจากที่เฟิงซื่อก้าวเท้าเข้าบ้านใหญ่ไป หลินเฟินก็ถ่มน้ำลายและเอ่ยเหยียดหยัน “มีอะไรไม่ดีเกี่ยวกับบ้านของพวกเรากัน เสาหลักของบ้านเราก็ถูกหัวเราะเยาะมานานแล้วมิใช่หรือ? เป็เพราะบ้านใหญ่มิใช่หรือ?”
ดวงตาหลินเฟินปรากฎความเศร้าโศกก่อนยิ้มเยาะออกมา “น่าแปลกนะ บ้านใหญ่นี่ราวกับมีผีตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น พอเื่หนึ่งจบไปก็มีอีกเื่เข้ามาตลอด ไม่เหมือนบ้านรอง และบ้านสามที่ได้พักผ่อนอย่างมีความสุข”
สำหรับคำบ่นของสองพี่น้องหลินเฟินและหลินฟาง หลินฟู่อินรู้สึกเห็นด้วยจากใจ
โชคดีที่อีกไม่นานนางจะย้ายไปอยู่อีกฟากของเมือง นั่นดีกว่าอยู่ที่บ้านเก่ามากนัก
แล้วหลินเฟิน หลินฟางจะเป็อย่างไรต่อไปเล่า?
นางมองสองพี่น้อง บิดามารดาพวกนางคงไม่อยากให้ไปไกลจากบ้านเกิดแน่นอน นั่นเป็เื่ยากที่จะทำได้
เฟิงซื่อ หลินฟาง หลินเฟินกำลังนั่งยองๆ บนพื้นพูดคุยกันพลางเด็ดใบเก่าของต้นหอมทิ้ง ขณะที่พวกเขาได้ยินเสียงแหลมสูงสาปแช่งจากจ้าวซื่อ
ทั้งสามคนหันกลับไปทางประตูบ้านใหญ่ ใบหน้าของเฟิงซื่อเปลี่ยนเป็อับอายและถอยหลังกลับเข้าประตู จ้าวซื่อที่ท้องกลมโตเดินมา หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอผลักนางให้ออกจากประตูก่อนจะช่วยพยุงจ้าวซื่อ
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอมองเฟิงซื่อด้วยท่าทางน่ากลัว เฟิงซื่อมองจ้าวซื่อที่ท้องกลมโตและถอยหลังกลับไปอีกครั้ง
“พวกเ้ามันคนเลว เ้าไม่ดีใจหรือที่เห็นลูกชายคนโตของข้ามีความสามารถน่ะ เ้าจะต้องบอกสกุลหลิวให้มาช่วยครอบครัวเราสิ จะได้เป็หน้าเป็ตาให้หลินฟู่อินอย่างไรล่ะ นี่พวกเ้าตาบอดอย่างนั้นหรือ? หลบไป รีบๆ หลบไปเสีย…” จ้าวซื่อยังจีบปากจีบคอต่อไป
เมื่อหลินเฟินและหลินฟางเห็นมารดาของตนถูกจ้าวซื่อกดขี่ให้ทำเื่เหลวไหล พวกนางก็ะโด้วยความโกรธ ขว้างต้นหอมในมือลงกับพื้น ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งไปยังด้านข้างของเฟิงซื่อ
ทั้งสองคนโกรธมากและตบมือลงกับพื้น
“ท่านแม่ พวกเราไปกันเถอะ เหตุใดพวกเราต้องมารองรับอารมณ์ร้อนของคนอื่นกัน” หลินฟางจับแขนหลินเฟิน และมองไปที่จ้าวซื่อเขม็ง “ท่านป้าใหญ่ หูตาของท่านคงจะบอดกระมัง ตอนนี้หลินฟู่อินอยู่ที่นี่ อยากให้คุณชายหลิวมาถึงนี่หรือ สุดท้ายแล้วที่เขาทำไปก็เพื่อใครกันล่ะ?”
เพราะความช่วยเหลือจากหลินฟู่อินหลินฟางจึงได้ทำงานกับหลิวฉิน และตามหน้าที่แล้วนางสามารถปรับตัวได้ดีและทำงานเก่ง หลิวฉินเองก็เป็คนดี การพูดถึงหลิวฉินก็เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับคนอื่น
“ดียิ่ง งั้นเรียนเชิญคุณชายหลิวมาเผชิญหน้ากันเลย!” ใครจะรู้ จ้าวซื่อไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ยังกล้าเรียกให้หลิวฉินออกมาปะทะกับตัวเอง
หลินฟู่อินไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสมองของจ้าวซื่อทำงานอย่างไรกันแน่ นางไปเอาความมั่นใจมากจากไหน มองจ้าวซื่อขึ้นลงด้วยการกวาดตา นางถามอย่างเ็าว่า “ท่านป้าใหญ่ วันนี้เป็วันดี ท่าน้าจะทำให้วันที่มีบรรยากาศดีๆ เช่นนี้เป็เื่ตลกเช่นนั้นหรือ?”
“ฮึ ข้าจะเชิญคุณชายหลิวมาที่นี่!” ไม่รอให้จ้าวซื่อพูดต่อ หลินเสี่ยวเหอปล่อยมือจ้าวซื่อทันควัน ขณะที่หลินเสี่ยวเถาเห็นหลินเสี่ยวเหอกำลังจะไปเชิญคุณชายหลิว เพราะรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขา หลินเสี่ยวเถาจึงใและปล่อยมือของจ้าวซื่อเช่นกันและพูดว่า “ข้าจะไปด้วย”
จ้าวซื่อทิ้งน้ำหนักไว้กับลูกสาวทั้งสองคน ตอนนี้ทั้งสองกลับปล่อยมือนาง นางจึงกำลังซวนเซจะล้มไปทางประตูด้านหลังด้วยน้ำหนักที่ไม่คงที่
จ้าวซื่อกลัวมาก นางกรีดร้องลั่น แต่หลินฟู่อินไม่ได้คิดมาก นางรีบก้าวขาด้วยความเร็ว เอื้อมมืออกไปคว้าแขนจ้าวซื่อและดึงนางกลับมา
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินกำลังดึงแขนนางไว้ ดวงตาของจ้าวซื่อก็กลอกไปมาโดยไม่ได้คิดจะขอบคุณหลินฟู่อินสักนิด แต่ริมฝีปากของนางกลับยกขึ้นแปลกประหลาด จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งลงที่ประตูและคว้าต้นขาหลินฟู่อินด้วยมือสองข้าง
หลินฟู่อินตกตะลึงและ้าจะดึงต้นขาของนางออก แต่กลับได้ยินเสียงะโของจ้าวซื่อดังลั่น “ช่วยด้วย หลินฟู่อินจะฆ่าคนแล้ว นางผลักข้าที่กำลังท้องโต ้าให้ข้าและทารกตาย อา…”
หลินฟู่อินมองไปที่จ้าวซื่อที่ทำตัวน่าขันเพื่อใส่ร้ายตัวเอง นางตัวแข็งและนิ่งคิด นี่เป็เครื่องกระเบื้อง [1] หรืออย่างไร?
“ท่านป้าใหญ่ ท่านนี่มันสุนัขแว้งกัดจริงๆ ไม่รู้จักความดีของคนอื่นบ้างเลย เห็นกันชัดๆ ว่าเสี่ยวเถาเสี่ยวเหอเป็คนปล่อยมือท่านแท้ๆ และท่านกำลังจะล้มลง นี่เพราะหลินฟู่อินรีบเข้าไปช่วยท่าน แต่ท่านกลับแว้งกัดนางแถมยังบอกว่านางจะทำร้ายท่านอีก ท่านยังมีสามัญสำนึกอยู่หรือไม่?” เมื่อหลินเฟินเห็นจ้าวซื่อใส่ร้ายหลินฟู่อินต่อหน้า ริมฝีปากของนางก็กระตุกด้วยความโกรธทันที
หลินฟางเองก็โกรธเช่นกันและเริ่มตำหนิจ้าวซื่อด้วย
ตอนนั้นเองเพราะเสียงะโของจ้าวซื่อที่กล่าวว่าหลินฟู่อินจะทำร้ายนาง หลังจากเกิดเื่วุ่นวายขึ้น บรรดาผู้คนของบ้านใหญ่ก็รีบเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ และมาเพื่อดูความสนุก
กระทั่งหลี่เจิ้งและผู้าุโอีกสามสกุลก็มาร่วมด้วย
ผู้าุโทั้งสามสกุลนั่งอยู่บริเวณห้องโถงสกุลหลิน ร่วมกับหลิวฉินและชายชราหลี่เจิ้ง
คราวนี้หลิวฉินไม่สนใจหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอสองพี่น้องอีก เขาเดินตามบรรดาฝูงคนตรงหน้าออกไปเช่นกัน
เมื่อเขาเห็นหลินฟู่อินถูกเกาะขาโดยหญิงอ้วนซึ่งนั่งอยู่บริเวณประตู เรียวคิ้วของเขาก็เลิกขึ้นอย่างดุดัน
สตรีอ้วนนางนั้นท่าทางโง่เขลาแต่มีหน้าตาเ้าเล่ห์ ท่าทางหิวกระหาย เขาอยากจะกำจัดนางออกไปให้พ้นทางนัก
“ท่านหลี่เจิ้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิวฉินมองตรงไปยังหลี่เจิ้งก่อนจะแสดงความโกรธออกมา
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่เจิ้งเองก็ออกมาพร้อมกันกับเขา แต่ในเมื่อคุณชายใหญ่หลิวถาม เขาจึงมองจ้าวซื่อด้วยสีหน้าเ็าและเอ่ยถาม “จ้าวซื่อ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกัน? มีเื่อะไร? หลินฟู่อินเป็หลานสาวของเ้าคิดจะทำร้ายเ้าเช่นนั้นหรือ?”
“คุณชายหลิว ท่านลุงหลี่เจิ้งเ้าคะ อย่าไปฟังคำของท่านป้าเ้าค่ะ ตรงกันข้าม เป็เพราะนางนั่นแหละ…” หลินฟางวิ่งเข้าไปเบื้องหน้าหลิวฉินและหลี่เจิ้ง และบอกความจริงเกี่ยวกับจ้าวซื่อว่าหลินฟู่อินเป็ผู้ช่วยชีวิตไว้ต่างหาก
ไม่ต้องพูดถึงหลิวฉิน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้กันว่าจ้าวซื่อเกรงกลัวสิ่งของสกปรกมาเปรอะเปื้อนบนร่างกายของนาง นางจะทำเื่เช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
มีเื่ดีงามที่นางทำเพื่อชื่อเสียงสกุลหลินบ้างหรือไม่?
หลิวฉินหน้ามืดครื้มลงทันที หลี่เจิ้งตื่นตระหนก
ถึงแม้ว่าหลินฟู่อินและคุณชายใหญ่หลิวจะเป็หุ้นส่วนทางธุรกิจกัน แต่ในสายตาของเขานั้นมองว่าคุณชายใหญ่หลิวเป็ผู้มีอำนาจตัดสินใจหลักในหมู่บ้านหูลู่นี้ ผู้คนที่้าออกไปทำงานหรือทำอาหารก็ตามจะต้องดูท่าทีของคุณชายใหญ่หลิวเสียก่อน!
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าทีของคุณชายใหญ่หลิวที่กำลังโมโห เขาจ้องจ้าวซื่อเขม็ง และคิดว่าสตรีนางนี่ช่างโง่เง่าเสียเหลือเกินในการพยายามทำสิ่งต่างๆ ให้ล้มเหลว
ปู่หลินเองก็โมโหมากเช่นกัน สมองของเขาอื้ออึง มองไปยังจ้าวซื่อราวกับคนตาย
สิ่งแรกที่เขา้าคือมีชื่อเสียงอันดีงาม แต่กลับมีสะใภ้ที่น่าอับอายเช่นนี้ นั่นจะทำให้แผนของเขาพังลงเพราะจ้าวซื่อ
จ้าวซื่อยังคงปากแข็ง “พวกท่านอย่าถูกหลอกโดยนางเด็กสองคนจากบ้านรองนี่นะ พวกนางน่ะเป็สุนัขรับใช้ของหลินฟู่อิน แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องช่วยพูดแทนนางน่ะ!”
หลังฟังจ้าวซื่อ คนเกียจคร้านบางคนที่มาเพื่อชมเื่สนุกก็พูดขึ้น “นั่นก็เป็เื่จริง เกี่ยวกับพี่น้องหลินคู่นี้ ใครบ้างไม่รู้ว่าหลินฟางและหลินเฟินจากบ้านรองเป็มิตรกับหลินฟู่อิน บ้านรองน่ะฟังแต่คำสั่งจากหลินฟู่อินเท่านั้นแหละ…”
“ถูกต้อง ถูกต้อง บ้านรองน่ะได้สร้างบ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐเชียวนา ด้วยความช่วยเหลือจากหลินฟู่อินอย่างไรล่ะ พวกเขาจะไม่ไปเข้าพวกกับหลินฟู่อินได้เช่นไรกัน”
นี่มันเกินรับมือไปหน่อยหรือไม่
ั้แ่ถูกกล่าวหาโดยจ้าวซื่อ หลินฟู่อินยังไม่ปริปากกระทั่งตอนนี้ นางดึงริมฝีปากขึ้นก่อนยิ้มอย่างเ็า จ้องไปยังจ้าวซื่อและถามว่า “เพียงเพราะท่านว่าร้ายข้า คิดว่าข้าจะ้าชีวิตของท่านกับเด็กในท้องไปทำไมกัน? ท่านคิดว่าข้าโง่เช่นนั้นหรือ? หรือท่านเห็นว่าทุกคนเป็คนโง่กันแน่?”
“ใช่แล้ว ท่านพ่อของข้าแทบไม่เคยพูดเื่ดีเกี่ยวกับข้าเลย เ้าคิดว่าข้า้าเช่นนั้นเหมือนกันหรือ?” หลิวฉินเห็นว่าหลินฟู่อินพูดขึ้น เขาเองก็เปิดปากพูดและยืนหยัดข้างนางทันที
เมื่อหลี่เจิ้งและผู้าุโทั้งสามเห็นหลิวฉินเริ่มพูด พวกเขาจึงส่งเสียงรับรองเช่นกัน “ใช่ ใช่แล้วละจ้าวซื่อ ช่างเป็สตรีที่โง่เขลายิ่งนัก”
หลินฟู่อินคุกเข่านั่งลงระดับเดียวกับจ้าวซื่อ จ้องนางก่อนจะถาม “ท่านป้าใหญ่ ข้าน่ะอยากรู้จริงๆ ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่กัน ถึงกล่าวหาข้าเช่นนี้? ท่านรู้ว่าท่านเองกำลังตั้งครรภ์ หากข้าไม่เข้ามาช่วยดึงตัวท่านเอาไว้ท่านก็คงล้มลงแน่นอน และนั่นจะคร่าชีวิตไปถึงสองคนเลยนะเ้าคะ”
จ้าวซื่อจำความกลัวดังกล่าวได้ จิตใจของนางเองก็เ็ป แต่นางรู้สึกไม่ยินยอมหลินฟู่อิน นางรู้เพียงว่าปู่หลินและพวกไปหาหลินฟู่อินเมื่อวันก่อน ้าให้นางมอบเงินให้บุตรชายของนางเพื่อให้หลินต้าหลางได้เล่าเรียนต่อไปในภายหน้า แต่นางกลับปฏิเสธ
ดังนั้นนางจะต้องหาวิธีบังคับให้หลินฟู่อินส่งเงินเพื่อให้หลินต้าหลางยังเรียนต่อไปและทำการสอบเลื่อนชั้นได้
หลังจากที่ชายชราไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นนางจะเป็ผู้จัดการด้วยตัวเอง
์มอบโอกาสนั้นให้ ส่งหลินฟู่อินมาหานาง แล้วนางจะปล่อยนางเด็กนี่ไปได้อย่างไรกัน
นี่นับเป็ครั้งแรกที่ชายชราเข้าใจจิตใจจ้าวซื่อ ดวงตาเขาทอประกาย และเกือบทันทีนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าข้างจ้าวซื่อ
“แค่ก แค่ก…” ปู่หลินกระแอมไอสองครั้งและมองไปยังหลินฟู่อิน “ฟู่อินเอ๊ย ถึงป้าใหญ่ของเ้าจะดูสับสนไปสักหน่อย แต่นางคงไม่คิดจะใส่ร้ายเ้าด้วยวิธีการเช่นนี้หรอกกระมัง ป้าใหญ่ของเ้าได้ทำอะไรให้เ้าไม่พอใจหรือไม่? ความจริงแล้วสิ่งแรกที่เ้าควรทำน่ะคือลองคิดถึงข้อนี้นะ”
ความหมายของคำพูดเ่าั้คือหลินฟู่อินอาจจะเตะจ้าวซื่อล้มโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
ทันทีที่คำพูดของปู่หลินหลุดออกมา บรรดาผู้ฟังรอบข้างก็สูดหายใจเข้าทันที
ปู่หลินดูจะจัดการเื่ได้ไม่ถูกต้องนัก แม้ว่าจ้าวซื่อจะสบายดีแล้ว แต่หลินฟู่อินกลับถูกตราหน้าว่าเป็คนใจร้ายและเป็ภัยต่อคนอื่น แล้วเช่นนี้จะมีใครกล้าตบแต่งนางเป็ภรรยาในอนาคตกันล่ะ?
หลังจากได้ยินปู่หลินพูด แววตาของหลิวฉินก็ปรากฏความอาฆาตราวมองศัตรูทันที
ตาเฒ่าหลินนี่เป็อย่างไรกันแน่ สับสน? หรือว่าจงใจกัน? ไม่ว่าจะเป็อย่างไร หัวใจของเขาก็รู้สึกเ็ปไปกับหลินฟู่อิน
—------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เครื่องกระเบื้อง เป็คำเปรียบถึงพวกแก๊งหลอกลวง พวกที่ถือเครื่องกระเบื้องบอบบางแล้วเดินไปชนคนอื่นจนร่วงลงมาแตกแล้วก็โวยวายเรียกค่าเสียหาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้