ยามราตรี ทุกคนมารวมตัวกันในห้องของถังซื่อ ถังซื่อนั่งอยู่บนเตียงเตา บนกายคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนา เด็กน้อยทั้งสองคนอยู่ข้างกายนางไม่ห่าง
รายได้ในวันนี้ของพวกเขาวางอยู่บนโต๊ะ เหรียญทองแดงที่กองทับถมกันเหมือนกับเนินูเาลูกเล็กนั้นช่างน่ารักในสายตาของพวกเขาเป็อย่างยิ่ง
หนานกงอี้จือและซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ได้มาด้วย หนานกงอี้จือไม่ได้ขาดแคลนเงิน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าพวกเขาได้เงินมากเท่าใด ในเวลานั้นเขาอยากจะนอนพักผ่อนบนเตียงหลังใหญ่ที่แสนอบอุ่นมากกว่า วันนี้เขาทำตัวเป็แมวกวักและคอยเฝ้ามองหญิงสาวชาวบ้านมาตลอดทั้งวัน ร่างกายของเขากำลังจะพังแล้ว
ส่วนซั่งกวนเซ่าเฉิน… ที่เขาคอยช่วยเหลือคนสกุลหลิงไม่ใช่เพราะเงินทอง เพียงแค่อยากช่วยก็เลยช่วยเท่านั้น ถึงอย่างไรเสียแซ่ของเขาคือซั่งกวน ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเืกับสกุลหลิงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่บัญชี ทว่า แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมหารือกับครอบครัวของพวกเขา แต่วันนี้เขาเป็ผู้รับผิดชอบในการเก็บเงิน ได้เงินมาเท่าไรในใจของเขาย่อมรู้ดี
หยางต้าหนิวลูบศีรษะของตน และยิ้มอย่างซื่อๆ ไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมแล้วกล่าว "นี่หาเงินได้เท่าไรหรือ? "
“พวกเรามานับดูกันเถิดเ้าค่ะ! ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “ประจวบเหมาะจะได้นำเงินเหล่านี้ร้อยเข้าด้วยกัน จะได้สะดวกในการหยิบใช้ในภายหลัง”
"ข้าสามารถนับถึงแค่ห้าสิบเท่านั้น… ข้ายังไม่เคยนับเงินเยอะขนาดนี้เลย!" ทันทีที่หยางซื่อตื่นเต้น แม้กระทั่งภาษาถิ่นก็หลุดพูดออกมา
"ท่านแม่ พวกข้านับเอง ท่านรับหน้าที่ร้อยใส่เชือกนะขอรับ" หลิงจื่อเซวียนกล่าวอย่างอ่อนโยน "การเคลื่อนไหวของท่านแม่คล่องแคล่ว จะต้องร้อยได้เร็วกว่าพวกข้าเป็แน่"
หลิงต้าจื้อออกไปทำงานอยู่ข้างนอกบ่อยๆ บางครั้งก็ได้รับเงินตกรางวัลจากเ้านาย เขาก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง เพียงแต่ว่า เงินที่เ้านายตกรางวัลให้แก่เขาล้วนเป็เศษก้อนเงิน ไม่มีทางที่ตกรางวัลด้วยเหรียญทองแดงมากขนาดนี้ให้แก่เขา ดังนั้นตอนที่เห็นเหรียญทองแดงมากมายขนาดนี้ สมองของเขาก็มึนงงเช่นกัน
ขณะที่ทุกคนอับจนปัญญาที่จะนับเงิน หลิงมู่เอ๋อร์นับเหรียญทองแดงได้หลายร้อยเหรียญแล้ว การเคลื่อนไหวของนางเป็ไปอย่างรวดเร็วยิ่ง และในเวลาชั่วพริบตาก็จัดการเนินูเาเหรียญเงินลูกเล็กได้แล้ว
ครั้นทุกคนเห็นว่านางนับได้รวดเร็วเช่นนี้ ก็ไม่ได้วุ่นวายกับนางอีกต่อไป นางรับผิดชอบนับเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ทำหน้าที่ร้อยเหรียญเข้าด้วยกัน แต่พวกเขากลับไล่ตามความเร็วของนางไม่ทัน
ผ่านไปไม่นาน หลิงมู่เอ๋อร์ก็วางเหรียญทองแดงสุดท้ายลง นางยกถ้วยน้ำชาข้างกายขึ้นมาแล้วจิบน้ำชาอย่างสบายใจ
เหล่าคนที่อยู่ด้านข้างก็ร้อยเหรียญทองแดงเสร็จแล้ว มีทั้งหมดห้าสิบพวง ยังมีเงินอีกบางส่วนที่ไม่ได้ร้อยเข้า เงินจำนวนนั้นหนึ่งร้อยอีแปะทำเป็พวงเล็กๆ
"หนึ่งพันอีแปะเป็หนึ่งก้วน มีทั้งหมดห้าสิบก้วน ก็เท่ากับห้าสิบตำลึงเงินและยังมีอีกห้าพวงเล็กเช่นนั้นก็เป็ห้าสิบตำลึงห้าร้อยสามสิบห้าอีแปะเ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวจำนวนตัวเลขสุดท้ายออกมา “วันนี้พวกเราลดครึ่งราคา กำไรจึงไม่สูงมากนัก เพียงแค่วัตถุดิบเ่าั้ก็ใช้เงินไปยี่สิบตำลึงเงิน หลังจากหักต้นทุนวัตถุดิบ ได้กำไรทั้งหมดสามสิบตำลึงเ้าค่ะ”
"์ทรงโปรด! " ถังซื่อพูดด้วยความใ "พวกเราปลูกพืชทำเกษตรอย่างยากลำบากเป็เวลาหนึ่งปี กินอยู่อย่างประหยัดก็ไม่อาจเก็บเงินได้ถึงสองตำลึงเงิน นี่เ้าเพียงแค่ขายอาหารวันเดียวก็หาได้สามสิบตำลึงเงิน? "
"ท่านยาย ข้ายังไม่ได้คิดค่าแรงของพวกเราหลายคนเลยนะเ้าคะ! พวกเราใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในร้านนี้ แค่ค่าแรงก็ประมาณสิบตำลึงได้แล้วเ้าค่ะ แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาขายในราคาเดิม ราคาสูงขึ้น คนที่เต็มใจมากินก็จะน้อยลงมาก” หลิงมู่เอ๋อร์ยังมีอีกหนึ่งเื่ที่ไม่ได้กล่าวออกมา วันนี้นางใช้ไพ่ตายคือหนานกงอี้จือ เพียงแค่บุรุษคนนั้นอวดโฉมหน้าหล่อเหลาก็ช่วยนางดึงดูดเหล่าสตรีที่คลั่งไคล้หนุ่มรูปงามเข้ามาได้จำนวนไม่น้อยแล้ว แต่คุณชายสูงศักดิ์อย่างเช่นหนานกงอี้จือคนนี้ไม่ใช่ว่าจะใช้งานได้ตลอดเวลา เมื่อถึงตอนที่เขาจากไป สตรีเ่าั้ก็จะไม่มีชายงามให้มาพัวพัน เกรงแต่ว่านางคงเสียลูกค้าไปไม่น้อย
แน่นอนว่า หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว กำไรของพวกเขาก็ไม่น้อยเลย แม้ว่าหลังจากนี้จะรับประกันได้ว่าทุกวันจะหาเงินได้สิบหรือแปดตำลึง ดังนั้นการประคับประคองครอบครัวใหญ่นี้ให้อยู่รอดต่อไปนั้นย่อมไม่ใช่ปัญหา
เป็ดังที่ถังซื่อกล่าวไว้ หากพวกเขากลับไปปลูกพืชทำการเกษตร แม้ว่าจะประหยัดกินประหยัดใช้เป็เวลาหนึ่งปี และนำข้าวคุณภาพสูงที่ปลูกไปแลกเป็แป้งข้าวฟ่างและแป้งข้าวโพดคุณภาพต่ำที่สุดมาประกอบอาหารทาน พวกเขาก็เก็บเงินได้เพียงแค่ไม่กี่ตำลึงเงินเท่านั้น บัดนี้พวกนางมีร้านค้าแห่งนี้แล้ว เก็บหนึ่งร้อยตำลึงเงินต่อเดือนก็ไม่มีปัญหา
“นั่นก็ดีมากแล้ว” ถังซื่อยิ้มอย่างเบิกบานใจ
พวกเขาล้วนเป็ชาวไร่ชาวนาผู้ซื่อตรง ไม่เคยทำการค้ามาก่อน หลิงมู่เอ๋อร์ใช้เงินทั้งหมดเพื่อมาเปิดร้านค้าแห่งนี้ ในใจของพวกเขาไม่อาจที่จะไม่กังวลใจได้ ถังซื่อมองไม่เห็น แต่ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครมเ่าั้ก็รู้ว่าการค้าของพวกเขาไปได้ดีมาก ทว่าคาดเดาถูกเป็อีกเื่หนึ่ง รู้จำนวนเงินที่พวกเขาหาได้ในตอนนี้ก็เป็อีกเื่หนึ่ง จะต้องมีเงินอยู่ในมือเท่านั้นถึงจะเป็ของตนเอง และหินก้อนใหญ่ในใจของนางถึงจะสามารถวางลงได้
“เงินห้าตำลึงเงินนี้เป็ของท่านลุงเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์นำเหรียญทองแดงห้าพวงผลักไปยังตรงหน้าของหยางต้าหนิว “ท่านกับเสี่ยวหู้้าใช้สิ่งใดก็สามารถจัดซื้อเพิ่มด้วยตนเองได้ มู่เอ๋อร์ไม่เข้าใจอันใดเลย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยต่อพวกท่านไปบ้าง หวังว่าท่านลุงจะไม่ถือสา”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าจะรับเงินของเ้าได้อย่างไร? เ้าให้เกียรติลุง ให้ลุงพาเสี่ยวหู่มาอาศัยกินดื่มอยู่ที่นี่ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว” หยางต้าหนิวรีบร้อนปฏิเสธ
“เสี่ยวหู่ไม่เคยได้อาศัยในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยทานอาหารที่อร่อยมากเช่นนี้มาก่อน” หยางเสี่ยวหู่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างมีความสุข “เสี่ยวหู่ชอบที่นี่ขอรับ”
หยางต้าหนิวมองไปที่หยางเสี่ยวหู่อย่างรักใคร่ เด็กคนนี้มีชีวิตอยู่อย่างลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยกินข้าวอิ่มเลย ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่เสื้อผ้าที่พอไปวัดไปวาได้ก็ล้วนไม่เคยได้สวมใส่ ตอนนี้ได้มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ได้สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ที่สวยงามและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็เด็กสาวมู่เอ๋อร์นำพามาให้กับพวกเขา แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สำนึกในบุญคุณ
“ท่านลุง ตอนแรกที่เชิญให้ท่านมาที่นี่ก็เพราะ้าให้ท่านช่วยงาน แต่ก็ไม่อาจให้ท่านเสียแรงเปล่าได้ ถ้าท่านไม่รับไว้ ข้าก็จะไม่ให้ท่านช่วยงานแล้วเ้าค่ะ ข้ายอมเสียเงินไปเชิญคนอื่นมาเสียดีกว่า แต่ไม่ยอมให้ท่านลำบากเพราะข้าแล้วเ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้วพลางกล่าว "ท่านไม่รับใช่หรือไม่เ้าคะ? เช่นนั้นข้าก็จะไปจ้างคนอื่นใหม่แล้วเ้าค่ะ"
“เหลวไหล” หยางซื่อถลึงตาจ้องไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ “กล่าวกับท่านลุงของเ้าเช่นนี้ได้อย่างไร? เ้าจ้างคนนอกแต่ไม่จ้างคนของตนเอง? ”
หยางซื่อดุหลิงมู่เอ๋อร์ไปหนึ่งประโยค จากนั้นจึงหันหน้าไปเอ่ยกับหยางต้าหนิว "พี่ชาย ถึงแม้เป็พี่น้องเื่เงินทองก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วน ท่านก็คิดเสียว่าทำงานกับพวกข้าที่นี่เถิดเ้าค่ะ! อย่ามาเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาเลย"
“เป็จริงดังเหตุผลนี้ เ้าไม่รับเงินของมู่เอ๋อร์ ในใจของมู่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่สบายใจ ถ้านางหาคนจากข้างนอกจริงๆ คนข้างนอกจะตั้งใจทำงานหรือ? ไม่แน่ว่าอาจจะเพิ่มปัญหาให้กับนางก็เป็ได้ เ้ารับเงินไปเถิด! จงทุ่มเท ใส่ใจอย่างเช่นในยามปกติ ช่วยมู่เอ๋อร์ทำงานให้ดีก็แล้วกัน” ถังซื่อมองไม่เห็น ทำได้เพียงแต่แยกแยะทิศทางจากเสียงพูดคุยของพวกเขา
ครั้นหยางต้าหนิวได้ยินทุกคนกล่าวเช่นนั้น เขาจึงยิ้มอย่างเกรงอกเกรงใจ "นั่นก็มากเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าเป็เสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารระดับสูง ก็ได้ไม่เกินสองตำลึงเงิน"
“เสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารทำเพียงแค่ยกน้ำชารินน้ำ ดูแลแเื่ แต่ว่าวันนี้ท่านทำงานทุกอย่าง นอกจากเข้าครัวทำอาหาร ที่ใดไม่มีท่านกันเ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มบางๆ “ดังนั้นเงินที่ท่านได้รับไม่ใช่เงินของเสี่ยวเอ้อร์ รับไว้เถิดเ้าค่ะ! ต่อไปการค้าของพวกเราไปได้ดี ค่อยแบ่งกำไรให้ท่านลุงตามผลการค้า"
"ตกลง" หยางต้าหนิวรับมาอย่างสั่นเทา “เช่นนั้นข้าจะนำเงินนี้เป็ค่าตอบแทนอาจารย์ให้กับเสี่ยวหู่ เสี่ยวหู่ ยังไม่ขอบคุณพี่หญิงอีก? ”
"ขอบคุณพี่หญิงขอรับ" หยางเสี่ยวหู่กล่าวอย่างมีความสุข "ข้าสามารถไปสถานศึกษาได้จริงๆ หรือขอรับ? "
“แน่นอน ่หลายวันนี้ยุ่งมาก รออีกไม่กี่วันพี่หญิงจะพาเ้ากับน้องเล็กไปหาสถานศึกษา แต่ว่า่นี้พวกเ้าก็ไม่อาจอยู่อย่างว่างๆ ได้ จะต้องรู้ว่าอาจารย์ของสถานศึกษาทั้งหลายชอบเด็กที่ฉลาดและเรียนดี พวกเ้าทั้งสองคนจะไม่มีพื้นฐานเลยแม้แต่น้อยไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่อาจารย์ทดสอบคัดเข้าเรียนแล้วพวกเ้าไม่รู้อันใดเลย ไม่แน่ว่าอาจจะไม่รับพวกเ้าก็เป็ได้” หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองไปที่ทิศทางของห้องรับแขก “ดูเหมือนว่าจะต้องหาอาจารย์มาให้พวกเ้าเรียนรู้พื้นฐานโดยเฉพาะสักหน่อย”
ด้วยความรู้ของนาง การที่จะให้ความรู้แก่ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ปัญหา ทว่านางก็ไม่มีวิธีที่จะอธิบายให้พวกเขาฟังได้ว่าเหตุใดนางถึงกลายเป็ผู้ที่มีความสามารถทุกอย่าง นอกจากนี้แล้วนางยังยุ่งอยู่กับเื่ของร้านค้าทุกวัน และไม่อาจปลีกตัวได้ ดังนั้น จึงทำได้แต่เพียงให้คนอื่นในจวนช่วยสั่งสอนเด็กๆ และคนอื่นที่กล่าวถึงผู้นั้น——ก็มีเพียงแค่หนานกงอี้จือแล้ว
“มู่เอ๋อร์ เ้ามีความคิดเป็ของตนเอง พวกข้าต่างก็ฟังเ้า เ้าจัดการอย่างไร พวกข้าก็จะให้ร่วมมือกันอย่างนั้น” หยางซื่อกล่าว “ถ้าหากพวกเด็กๆ สามารถมีอนาคตมีความก้าวหน้า ก็เป็เพราะได้ประโยชน์จากโชควาสนาของเ้าแล้ว ในอนาคตพวกเขาก็จะไม่มีทางลืมบุญคุณของเ้า”
“ท่านแม่ อย่าได้กล่าวเื่เหล่านี้เลยเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หยางซื่อ “ทุกสิ่งที่ทำเพื่อพวกท่าน ล้วนเป็เพราะข้าเต็มใจยินยอมที่จะทำ หัวใจของผู้คนเกิดจากเืเนื้อมีความรู้สึก เห็นอกเห็นใจผู้อื่น พวกท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างดี ข้าย่อมตอบแทนคืนกลับไปเ้าค่ะ”
“แต่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีหัวใจที่เกิดจากเืเนื้อ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้” หลิงจื่อเซวียนขมวดคิ้ว “บางคนเป็แมลงมอด เ้ายินยอมเต็มใจที่จะควักหัวใจให้เขา แต่เขาแทบอยากจะกัดกินหัวใจของเ้า”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าหลิงจื่อเซวียนพูดถึงนั้นคือคนเ่าั้ที่บ้านหลังเก่า ตอนนี้คนเ่าั้ก็ได้รับบทลงโทษแล้ว หลังจากนี้จะไม่มาระรานพวกเขาอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซั่งกวนเซ่าเฉินอยู่ที่นี่ คนเ่าั้ยิ่งไม่กล้าที่จะมาหาเื่ถึงหน้าประตูของพวกเขา
"ดังนั้น พวกเขาก็ได้รับผลกรรมแล้วเช่นกัน" หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มจางๆ พลางกล่าว "ทำความดีได้ความดี ทำความชั่วได้ความชั่ว กรรมนั้นย่อมสนองแน่ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเ้าค่ะ"
“วันนี้ข้าเห็นหลิงหลินรวมอยู่ในกลุ่มคน เขารู้แล้วว่าร้านค้าแห่งนี้เป็ครอบครัวของเราที่เปิด” หลิงต้าจื้อขมวดคิ้วพลางกล่าว “ข้ากังวลว่าเขาจะสร้างปัญหา”
“เขาน่าจะได้เห็นพี่ใหญ่แล้ว มีพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ เขาคงจะไม่กล้า” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนิ่งๆ
“มู่เอ๋อร์ พี่ใหญ่ของเ้าไม่อาจอยู่บ้านของพวกเราตลอดไปได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกสถานะของตนเอง แต่พวกเราต่างก็มีตา มองออกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะจากครอบครัวพวกเราและไปจากตำบลเล็กๆ แห่งนี้ ถึงเวลานั้นจะมีผู้ใดสามารถปกป้องพวกเราได้” หยางซื่อกล่าว
“ข้าทำได้ หากพวกเขายังถูกข้าทุบตีไม่พอ ข้าก็จะทุบตีพวกเขาอีกครั้ง ตีหนึ่งครั้งยังไม่กลัว เช่นนั้นก็ตีสองครั้ง สองครั้งไม่กลัว เช่นนั้นก็สามครั้ง พวกเขาเรียนรู้ที่จะเป็คนดีได้เมื่อไร เมื่อนั้นถึงจะจบเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ตบๆ มือของหยางซื่อ กล่าวอย่างไร้กังวล “ท่านแม่ ข้ากับพี่ชายเติบใหญ่แล้ว เื่ทุกอย่างภายในบ้านเราให้เป็หน้าที่ของพวกข้าเถิด! ท่านและท่านพ่อก็ช่วยเป็ลูกมือพวกข้า ดูแลน้องเล็กให้ดีก็เพียงพอแล้วเ้าค่ะ”
“ใช่ขอรับ! ท่านแม่ ท่านอย่าได้กังวลไป หลิงหลินขี้ขลาดตาขาว เื่ราวเมื่อครั้งที่แล้วทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาคงไม่กล้ามาสร้างปัญหาอีก” หลิงจื่อเซวียนกล่าวอย่างอ่อนโยน “ชีวิตพวกเราดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกพวกเราอีกแล้ว”
เื่ที่มีความสุขที่สุดสำหรับหลิงจื่อเซวียนนั้นไม่ใช่การที่ครอบครัวพวกเขาร่ำรวย แต่เป็อาการาเ็ที่ขาของเขากำลังฟื้นตัว แม้ว่าจะยังไม่หายเป็ปกติได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาย่อมรู้ถึงอาการาเ็ของตนเองดี บัดนี้เขาไม่ต้องเดินขากะเผลกๆ อีกต่อไป ขอเพียงแค่เดินเหินให้ช้าลงหน่อย เขาก็แทบจะเหมือนกับคนปกติทั่วไป รอให้ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง เขาก็จะสามารถเดินเหินได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเช่นแต่ก่อนแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้