โครม!
จู่ๆ ประตูเหล็กม้วนก็ถูกปิดลง
ลูกสมุนอีกสามคนรู้สึกถึงความผิดปกติ ต่างรีบคว้ามีดและคัตเตอร์ออกมาทันที
อาหวู่ก็คว้ามีดออกมาเช่นกัน ทว่าเขากลับเอามีดมาวางบนคอของฉินหลาง แล้วตะเบงเสียงสั่งสมุนอีกสามคน “วางมีดลง!”
ในขณะที่สมุนทั้งสามคนกำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆ อันธพาลราวสิบคนเดินออกมาจากด้านในร้านขายยาพร้อมมีดครบมือ ปรี่เข้ามาล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
สถานการณ์มีความชัดเจนมากแล้ว
ฉินหลางบอกกับสมุนทั้งสามคน “ช่างเถอะ พวกเขาคนเยอะกว่า ทิ้งมีดไปซะ”
สมุนทั้งสามคนได้ยินดังนั้น จึงโยนมีดและคัตเตอร์ลงบนพื้นตามที่ฉินหลางบอก
“อาหวู่ใช่ไหม? เพราะอะไรถึงทำแบบนี้?” ฉินหลางแสร้งทำเหมือนตัวเองกำลังโมโห
“ง่ายๆ เลย เพื่อเงิน!” อาหวู่ตอบอย่างเป็ธรรมชาติ ก่อนจะหันไปบอกกับชายรูปร่างกำยำที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์ “พี่กระทิง ฉันพาคนมาให้พี่ถึงที่แล้ว”
กระทิงพยักหน้ารับ “ไม่เลว!พรุ่งนี้แกมาทำงานกับฉันได้เลย!”
“ขอบคุณมากครับพี่กระทิง!” อาหวู่รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมาก เมื่อรู้ว่าต่อไปจะมีกระทิงคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ มิเช่นนั้นคนทรยศอย่างเขา ต่อให้ได้เงินมาแล้ว ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อยู่ดี
กระทิงจ้องมองฉินหลางอย่างไม่ละสายตา “เ้าหนู แกถอนพิษสารหนูได้เหรอ?”
เหมือนกับว่ากระทิงยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่งจะสามารถถอนพิษสารหนูได้
“หรือไม่ นายลองกินสารหนูสักถุงสิ แล้วให้ฉันลองช่วยนายถอนพิษดู” ฉินหลางยังคงนิ่งสงบอยู่ แม้จะมีมีดวางอยู่บนบ่าก็ตาม
“กล้ามาก!” กระทิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เสียดายที่ตอนนี้ในมือบิดาไม่มีสารหนู ไม่อย่างนั้นฉันจะลองเอามันยัดเข้าไปในปากแกดู!”
“พวกแกกักตัวฉันไว้ก็ไม่มีประโยชน์” ฉินหลางพูดขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเรียบ “ถ้าฉันไม่กลับไป พี่ฉางก็ยังไปโรงพยาบาลได้”
“มันไปโรงพยาบาลไม่ได้หรอก! มีคนของเราคอยถ่วงเวลามันอยู่!” กระทิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “ดูไปแล้วแกยังเป็นักเรียน วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกแค่เล็กๆ น้อยๆ ให้แกได้รู้ว่าเื่ในวงการมาเฟีย ไม่ใช่เื่ที่เด็กนักเรียนอย่างแกจะเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยได้! อาหวู่ ให้มันยื่นมือซ้ายออกมา ฉันจะเอานิ้วก้อยมันมาให้หมาพันธุ์ทิเบตของฉันกิน!”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม!” อาหวู่ยกมืดขึ้นขู่ เพื่อบังคับให้ฉินหลางยื่นมือซ้ายไปวางบนเคาน์เตอร์ ก่อนที่อาหวู่จะออกแรงกดมือของมือของฉินหลางอย่างแรง “แม่มเอ้ย ยื่นนิ้วก้อยออกมาสิวะ! ไม่อย่างนั้นพี่กระทิงจะไม่เอาแค่นิ้วก้อยแกเท่านั้นนะ!”
ฉินหลางยังคงนิ่งเรียบเหมือนเดิม ความนิ่งเรียบแบบนี้ทำให้กระทิงโมโหและดุร้ายมากขึ้น เขายกมีดขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงมันลงไปยังนิ้วก้อยของฉินหลางอย่างแรง!
ลูกสมุนทั้งสามของฮานซานฉางต่างก็ใจนสีหน้าซีดเซียว! พวกเขารู้ได้ทันทีว่า เดี๋ยวจะต้องถึงตาของพวกเขาแน่!
“อ๊าาาา!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ เสียงกรีดร้องนั้นไม่ได้เป็เสียงของฉินหลาง ทว่ากลับเป็เสียงของอาหวู่!
คมมีดของกระทิงได้ตัดนิ้วของก้อยข้างซ้ายของอาหวู่ขาดสะบั้น!
ทั้งกระทิงและอาหวู่ต่างก็คาดไม่ถึงว่าผลมันจะออกมาแบบนี้
อาหวู่ไม่เคยเห็นฉินหลางลงไม้ลงมือ จึงไม่รู้ว่าฉินหลางเก่งกาจมากขนาดไหน เขายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าฉินหลางหลุดจากการพันธนาการของเขาได้อย่างไร ก่อนจะส่งนิ้วก้อยของอาหวู่ไปรับคมมีดของกระทิงแทนนิ้วของตัวเอง
ทั้งสิบนิ้วล้วนเชื่อมต่อกับหัวใจ เมื่อจู่ๆ นิ้วของอาหวู่ก็ถูกตัดออกไป จึงต้องเ็ปจนแทบจะขาดใจเป็ธรรมดาอยู่แล้ว ถึงขนาดปล่อยมีดที่ถืออยู่บนมือขวาร่วงหล่นลงบนพื้นด้วยความเ็ป ก่อนจะกัดฟันกดาแเพื่อเป็การห้ามเื
“เชี่ย—”
กระทิงคำรามด้วยความโมโห พร้อมกับเหวี่ยงมีดไปบนไหล่ขวาของฉินหลาง
กระทิงอยู่ในวงการนักเลงมานาน เขารู้ดีว่าในวงการนี้มีเส้นใต้ที่พวกเขาไม่ควรก้าวล้ำ นั่นก็คือการฆ่าคนตาย เพราะฉะนั้น การออกมีดทุกครั้งเขาจึงต้องระมัดระวังมาก เพื่อไม่ให้มีดไปโดนอวัยวะส่วนที่สำคัญของคู่ต่อสู้
ทว่าฉินหลางยังคงมีท่าทีนิ่งเรียบ เลื่อนลำตัวถอยหลังเพียงเบาๆ ก็สามารถหลบมีดของกระทิงได้สบายๆ มายืนอยู่ตรงกลางร้านขายยา
กระทิงพลิกตัวข้ามเคาน์เตอร์ ตามฉินหลางมาติดๆ
เขารู้ดีถ้าหากปล่อยให้เ้าเด็กนี่หนีไปได้ นอกจากจะขายหน้าแล้ว ลูกพี่ใหญ่ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่
ฉินหลางต่อสู้กับกระทิงและพรรคพวกทั้งหมด 18 คนด้วยมือเปล่า ทว่าเขากลับไม่เกรงกลัวใดๆ เลย
เพราะในสายตาของฉินหลางนั้น คนพวกนี้เป็เพียงพวกอันธพาล แต่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง แม้จะมีมีดอยู่ในมือ มันก็ไร้ประโยชน์
ฉินหลางยืนข้างเสาที่ตั้งอยู่กลางร้านขายยา ตั้งท่าฝูหลงจู้ (ท่ายืนกำราบั) ทันใดนั้นทำให้รู้สึกถึงต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงไปใต้ดิน มั่นคง สง่าผ่าเผย ราวกับไม่สามารถทำให้ไหวเอนได้
ความรู้สึกและบรรยากาศแบบนี้ สามารถเห็นได้จากผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงเท่านั้น
กระทิงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่อยู่รอบตัวฉินหลาง แต่ทว่าเขาไม่เชื่อว่าเด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่งจะสามารถป้องกันการโจมตีจากมีด 18 เล่มได้ด้วยมือเปล่า มันเป็ไปไม่ได้แน่นอน!
ในเวลานี้เอง ฉินหลางหันมากวักมือเรียกกระทิง ด้วยท่าทางท้าทายคู่ต่อสู้
“เชี่ย!”
กระทิงคำรามเสียงดัง ก่อนจะแกร่งมีดฟันออกไป
ในขณะเดียวกัน ลูกสมุนของกระทิงเดินเข้ามาล้อมรอบฉินหลางเอาไว้ทั่วทุกสารทิศ
“ห๊ะ!”
ฉินหลางพ่นลมหายใจออกทางปาก ทันใดนั้นกำปั้นของเขาก็พุ่งไปปะทะหัวน็อตกลมที่อยู่ด้านข้างเสาบ้าน
แม้ดูจากภายนอก เสาต้นนี้จะทาทับด้วยลายไม้จนดูคล้ายเสาไม้ก็ตาม แต่ความจริงแล้วมันเป็คอนกรีตเสริมเหล็ก หลังการปะทะกับกำปั้นของฉินหลางอย่างแรง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นะเื ผนังคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณนั้นเป็รอยยุบลงไป แรงสั่นะเืดังกล่าวยังได้ทำให้เสาบ้านเป็รอยแตกร้าวไปทั่วบริเวณ!
กระทิงกับลูกสมุนของเขา หยุดชะงักทันทีด้วยความตกตะลึง—
แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้เสาคอนกรีตเสริมเหล็กแตกร้าวได้ พละกำลังของเ้านี่น่าทึ่งมากเกินไปแล้ว!
“ปึง!”
ระหว่างที่กระทิงกำลังยืนอึ้งอยู่ ฉินหลางเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แค่เพียงก้าวเท้าเท่านั้น ก็เห็นได้ถึงพละกำลังมหาศาลจากต้นขาที่ทรงพลังจนน่าในั้น แม้แต่พื้นกระเบื้องที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ายังแตกละเอียด ฉินหลางยกเท้าอีกข้างหนึ่งขึ้นะโถีบขาเดียวไปยังหน้าท้องของกระทิงอย่างจัง
กระทิงเพิ่งรู้สึกเ็ปหน้าท้องอย่างรุนแรง ตัวเขาก็ได้ลอยออกไป ก่อนที่จะไปกระแทกเข้ากับตู้ยาแรงๆ แม้แต่ตู้ยาที่ทำด้วยไม้สักด้านหลังเขาก็ยังถูกกระแทกจนแตกกระจาย
“โอ้ย…ใช้มีด…ฟันแม่มให้ตาย!”
กระทิงรู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกของเขาแตกกระจุยไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ทว่ามันกลับเป็การกระตุ้นความอำมหิตในตัวเขาให้พุ่งถึงขีดสุด
สมุนที่เหลือของกระทิงต่างรีบเร่งฟาดฟันมีดไปยังฉินหลาง
“เชี่ยแม่ม! ตาเฒ่าพิษที่สมควรตาย!”
ที่จู่ๆ ฉินหลางก็ด่าตาเฒ่าพิษขึ้นนั้น แท้จริงแล้วมันมีสาเหตุ เพราะว่าตาเฒ่าพิษไม่เคยสอนกระบวนท่าเขาเลยแม้แต่ท่าเดียว เวลาส่วนใหญ่จะให้ฉินหลางฝึกซ้อมการจู่โจมด้วยพิษ ตำราพิษ ในด้านศิลปะการต่อสู้นั้น เขาได้สอนเพียงฝูหลงจู้อย่างเดียวเท่านั้น
จริงอยู่ที่ฝูหลงจู้เป็ของดี สามารถทำให้พละกำลังทั่วทั้งร่างกายมารวมอยู่ในจุดเดียวกันได้อย่างสบายๆ เมื่อต้องลงมือ สามารถรวมลมปราณทั่วทั้งร่างกายให้เป็จุดเดียวได้ ทำให้สามารถใช้พละกำลังที่น้อยที่สุดแต่ผลที่ออกมานั้นกลับทรงพลังมากที่สุดได้ ถ้าเป็หมัดของคนธรรมดา มากที่สุดจะสามารถออกแรงได้แค่สองถึงสามส่วนของพละกำลังทั้งหมดในร่างกาย แต่ถ้าเป็คนที่เรียนศิลปะการต่อสู้ที่ผ่านการฝึกซ้อมท่านั่งม้ามาแล้วนั้น อย่างน้อยจะสามารถออกแรงได้เจ็ดถึงแปดส่วนหรืออาจจะออกแรงได้จนเต็มสิบส่วนเลยก็เป็ได้ นี่จึงเป็สาเหตุที่ทำให้ฉินหลางสามารถถีบกระทิงจนลอยออกไปได้นั่นเอง
แต่ประเด็นสำคัญคือ เรียนมาจนทุกวันนี้ ฉินหลางยังไม่เคยเรียนกระบวนท่าเลยแม้แม้ท่าเดียว ฉะนั้นเขาจึงต้องใช้วิธีที่ง่ายที่สุด นั่นคือหมัดและถีบที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณมารับมืออันธพาลพวกนี้ กับมีดในมือของพวกเขา
ฉินหลางไม่ได้เป็คนเหล็ก ฟันแทงไม่เข้า ฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงต้องหลบอย่างเดียวแล้วแหละ
ยังดีที่ในร้านขายยานี้มีตู้เก็บยาอยู่เยอะ ทำให้เขามีพื้นที่ในการหลบหลีก บวกกับเขามีร่างกายที่แข็งแรง กระฉับกระเฉง ก้าวของเท้าที่เร็ว เบา ทว่ามั่นคง รุกบ้างถอยบ้าง จึงไม่ได้เสียเปรียบเลยทีเดียว แต่กลับเป็พวกอันธพาลพวกนั้น ถ้าไม่ระวังโดนหมัดของฉินหลางไปแล้วละก็ จะต้องเจ็บเข้าไปถึงไขกระดูกในทันที
ทว่าเวลานี้กระทิงกำลังค่อยๆ หายเป็ปกติ ตอนนี้กระทิงกำลังจ้องฉินหลางอยู่ ราวกับว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขาพ่นไฟได้งั้นแหละ หากแต่เขายังไม่ได้จู่โจมฉินหลาเลยในทันที แต่กลับผิวปากก่อนจะพูดขึ้น “เสือดำ!”
บรู๊ว!
ในเวลานี้เอง สุนัขพันธุ์ทิเบตสีดำตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าออกมาจากที่ไหน ะโขึ้นสูงเกือบเมตร พุ่งกระโจนไปที่หน้าอกของฉินหลางทันที
สุนัขพันธุ์ทิเบตตัวนี้มีความดุร้ายมากกว่าปกติ หากโดนมันกัดเข้า ฉินหลางต้องได้รับาเ็แน่ แล้วยังจะมีมีดมากกว่าสิบเล่มที่วนเวียนเข้ามาทักทายเขาอีก
กระทิงหัวเราะด้วยความสะใจ พูดในใจ เ้าเด็กนี่ต่อให้แกจะวิ่งเร็วแค่ไหน ก็คงเร็วไม่กว่าสุนัขพันธุ์ทิเบตของบิดาหรอก!
ฉินหลางเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเจอกับปัญหาใหญ่เข้า ถ้าวันนี้แพ้ให้กับสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง คงจะกลายเป็เื่ตลกครั้งใหญ่!
“ฉินหลางจึงทำได้เพียงใช้พิษแล้ว?” ความผิดที่ชั่วร้ายแวบผ่านสมองของฉินหลาง ในฐานะที่เป็ผู้สืบทอดของตาเฒ่าพิษ บนตัวฉินหลางต้องมียาพิษร้ายแรงมากๆ อยู่แล้ว ขอเพียงััโดนก็จะตายในทันที!
แต่ถ้าทำอย่างนี้ไปแล้ว คงต้องมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้นแน่ หาเื่ใส่ตัว สงสัยแม้แต่ตาเฒ่าพิษก็คงกลัวที่จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย!
เมื่อเห็นว่ากรงเล็บของสุนัขพันธุ์ทิเบตกำลังจะข่วนลงบนตัวของฉินหลาง จู่ๆ ในสมองเขาก็แวบผ่านตั๊กแตนสีเืตัวเมื่อเช้านี้ ฉากที่ต่อสู้กับงูใหญ่ด้วยความกล้าหาญ รู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของเ้าตั๊กแตนนั้นจะแอบแฝงกระบวนยุทธ์ที่ล้ำเลิศมากๆ ฉินหลางเข้าใจอย่างแตกฉาน ตั้งท่าเหมือนตั๊กแตนขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ มือขวาคว่ำลงเหมือนดั่งมีดฟันลงบนจมูกของเ้าสุนัขทิเบตได้อย่างแม่นยำ
กึก!
มีเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น กระดูกจมูกเ้าสุนัขทิเบตตัวดังกล่าวถูกมือที่เป็ดั่งคมมีดตัดขาดได้อย่างเหลือเชื่อ!
กระดูกจมูกแตกกระจุย จึงเป็ธรรมดาที่เ้าสุนัขทิเบตจะอ้าปากไม่ได้ ฉินหลางได้โอกาสจับมันทุ่มลงไปบนพื้น ไม่รู้ว่าเป็หรือตาย
เริ่มลงมือก็ทำได้สำเร็จเลย ทำให้ฉินหลางมีความมั่นใจขึ้นมาก! ตั้งท่าตั๊กแตนและเหวี่ยงมือที่คว่ำลงดั่งมีดออกไปอีกครั้ง ฟันโดนแขนลูกสมุนของกระทิง
ปัง!
กระดูกข้อมือของลูกสมุนคนดังกล่าวหลุดออกจากกัน ร้องโอดโอยด้วยความเ็ป มีดในมือร่วงลงบนพื้นดังตึง
ปังๆ! ปังๆ!
ฉินหลางจู่โจมอย่างต่อเนื่อง แขนทั้งสองของเขาเสมือนคมมีดทั้งสองของตั๊กแตนเวลาออกล่าหาอาหารรวดเร็ว แม่นยำ และโดนเป้าหมายทุกครั้งที่จู่โจม!
เสียงร้องโหยหวน เสียงมีดร่วงลงบนพื้นดังไม่ขาดสาย
ลูกสมุนทั้งสามคนของฮานซานฉาง นิ่งอึ้งราวกับถูกมนต์สะกด เวลานี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่า ทำไมฮานซานฉางจะต้องเรียกฉินหลางด้วยความเคารพว่า ‘พี่’ แล้ว เพราะนี่สิ แม่ม ที่เรียกกันว่ากังฟู นี่สิ ที่เรียกว่า เท่ของจริง!