หลังจากหลินเหรินเทียนจากไป ทุกคนในตระกูลเซียวต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก วิธีจัดการของเย่เฟิงทำให้ทุกคนใ แต่ก็ถือว่าเป็เื่ดีสำหรับพวกเขา เมื่อเป็เช่นนี้ เื่จะกลายเป็ความขัดแย้งระหว่างหลินเหรินเทียนกับเย่เฟิงแทน ไม่เช่นนั้นหากเกิดเื่กับตระกูลเซียวของพวกเขา สถานะของตระกูลเซียวคงได้ลดระดับลงไปอีก
หลินเหรินเทียนถูกมีดบินของเย่เฟิงเฉี่ยวตรงใบหน้า อีกทั้งมีดบินเล่มนั้นยังเคลือบพิษเอาไว้ ด้วยนิสัยของหลินเหรินเทียนแล้ว ความเกลียดชังและเคียดแค้นทั้งหมดของเขาย่อมพุ่งเป้าไปที่เย่เฟิง
เซียวเต๋อเฉิงมองเย่เฟิง แต่กลับเห็นว่าหลินซือฉิง เซียวเยว่ และเซียวฉี่กำลังห้อมล้อมรอบตัวเย่เฟิง ใบหน้าของทั้งสามสาวปรากฏรอยยิ้มขณะพูดคุยอะไรบางอย่าง
เซียวเยว่และเซียวฉี่เป็ลูกสาวของเขาทั้งคู่ ทั้งสองคนมีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น ขณะที่เหลือบมองเย่เฟิง เขาก็รู้สึกว่าชายหนุ่มช่างโชคดีที่มีแต่สาวงามรายล้อม เมื่อถูกรายล้อมด้วยเหล่าสาวงามเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็ชายอื่นคงยิ้มจนหน้าบาน
น่าเสียดายที่สำหรับเย่เฟิงแล้วมันไม่ใช่เื่ดีนัก สาวงามแล้วอย่างไร เขาสามารถแตะต้องพวกเธอได้ที่ไหนกันล่ะ!
ไม่ต้องกล่าวถึงหลินซือฉิง แค่เซียวฉี่ หากเย่เฟิงกล้าแตะต้องเธอล่ะก็ รับรองเลยว่าเขาคงได้แตกคอกับหลินซือฉิงแน่
ส่วนเซียวเยว่...
เย่เฟิงแอบเหลือบมองหน้าอกอวบอิ่มของสาวสวยชุดแดงพลางนึกชื่นชม เขาไม่เคยพบของใครมีขนาดเท่าเธอมาก่อน กระทั่งหลินซือฉิงเมื่อเทียบกับเธอแล้วยังต่างกันเล็กน้อย ยิ่งรวมกับรูปร่างสูงโปร่ง รูปลักษณ์สวยหวาน ทั้งยังให้ความรู้สึกเป็ผู้ใหญ่เหมือนกับหลงหว่านเอ๋อร์ ดูมีเสน่ห์ที่แฝงไว้ด้วยความไร้เดียงสา ทั้งยังร่าเริงสดใสและใจกว้าง ไม่ว่าจะไปที่ไหนย่อมเป็จุดสนใจของผู้คน
“เย่เฟิง ซือฉิง อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ ห้ามปฏิเสธนะ”
เซียวฉี่มองเย่เฟิงอย่างคาดหวัง เธอรู้ว่าหากเย่เฟิงยินยอม หลินซือฉิงต้องตกลงแน่นอน
“ขอโทษนะ พอดีผมยังมีเื่ที่ต้องทำ”
เย่เฟิงส่ายหน้า หลังจากจัดการเื่หลินเหรินเทียนเสร็จแล้ว เขายังมีสิ่งที่ต้องทำ ส่วนเื่งานแสดงสินค้า เขาปล่อยให้เตาปาและหนานฟางรับผิดชอบแทน ทั้งสองคนสามารถทำได้ดีอยู่แล้ว หลังจากจัดการคนขององค์กรไวเปอร์และเพ่ยเค่อกรุ๊ปแล้ว เย่เฟิงก็ไม่จำเป็ต้องสั่งการด้วยตัวเองอีก เขาเชื่อว่าคนของเตาปามีความสามารถพอที่จะทำงานนี้ได้อย่างง่ายดาย
ได้เวลาที่เขาต้องกลับไปบ่มเพาะพลังแล้ว!
ตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์มีระดับพลังยี่สิบห้าปี ทว่าเย่เฟิงกลับมีระดับพลังเพียงสิบห้าปี เขาจำเป็ต้องรีบขยายเส้นลมปราณเพื่อให้สามารถดูดซับพลังจากสมบัติ์ในแหวนมิติได้
หากเป็ไปตามที่เขาคาดการณ์ อีกสองเดือนนับจากนี้ระดับพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็ยี่สิบปี และสามารถใช้โล่ดาวประกายพรึกได้ ถึงเวลานั้นเขาจะมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น เมื่อต้องเดินทางไปยังทะเลทรายเพื่อตามหาจุดวาร์ป
น่าเสียดายที่เขาต้องปฏิเสธหญิงสาวทั้งสามคน การจะหลุดจากวงล้อมของพวกเธอไม่ใช่เื่ง่ายเลย
เมื่อได้ยินเย่เฟิงปฏิเสธ เซียวเยว่จึงรีบขยับมาหาเขาพร้อมยิ้มหวาน “จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการกินข้าวกับคู่หมั้นกันล่ะ?”
เธอพูดพลางขยิบตาให้หลินซือฉิง อยากให้อีกฝ่ายใช้แผนสาวงามเข้าช่วย
น่าเสียดายที่หลินซือฉิงยังคงนิ่ง เธอเห็นท่าทางของเซี่ยวเยว่ก็นึกขบขัน ก่อนสื่อความหมายทางสายตาว่า อย่าลากตนเข้าไปเกี่ยว มีความสามารถก็ไม่ลองหาวิธีเองล่ะ?
เซียวเยว่และหลินซือฉิงสบตากัน สายตาเป็ประกายแฝงความท้าทาย!
ทันใดนั้นหลินซือฉิงหันมาหาเย่เฟิงพร้อมส่งยิ้มให้เขา “เสี่ยวเย่ ถ้านายมีธุระก็ไปก่อนเถอะ ขอบคุณสำหรับเื่วันนี้นะ”
“เดี๋ยวสิ” เซียวเยว่ยื่นมือมารั้งแขนของเขาพร้อมยิ้มหวาน “วันนี้นายช่วยตระกูลเซียวของพวกเราไว้ แน่นอนว่าพวกเราต้องเลี้ยงข้าวนายตอบแทน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่สบายใจ ถ้านายไม่ชอบคนเยอะ งั้นถ้ามีแค่ฉัน เซียวฉี่ แล้วก็นายล่ะ?”
ระหว่างพูด เซียวเยว่ก็แอบสะกิดเซียวฉี่ให้รีบเข้ามาช่วยพูดอะไรสักอย่าง การกระทำเล็กน้อยนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเย่เฟิง เขาไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ชายหนุ่มยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธ แขนอีกข้างก็ถูกเซียวฉี่รั้งเอาไว้ “เย่เฟิง พวกเราอยากขอบคุณนายจริงๆ อย่าปฏิเสธเลยนะ”
ขณะพูด แก้มของเซียวฉี่ก็แดงซ่าน เป็ไปได้ว่าการดึงแขนเย่เฟิง เธอต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก นี่เป็ครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดกับผู้ชาย!
แน่นอนว่าเซียวฉี่ไม่มีความคิดอื่นใด ถึงอย่างไรเย่เฟิงก็เป็คู่หมั้นของหลินซือฉิง เธอเพียงคิดว่าเย่เฟิงช่วยชีวิตตนไว้หลายครั้ง ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาให้ตระกูลเซียวของเธออีก การเลี้ยงข้าวตอบแทนเขาคงไม่มีอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล
“เอ่อ... คงไม่เป็ไรหรอกมั้ง?”
เย่เฟิงใกับการกระทำของสองพี่น้องตระกูลเซียว สีหน้าเขาแสดงออกถึงความอึดอัด ก่อนหันไปหาหลินซือฉิง อยากให้เธอเข้ามาช่วย
น่าเสียดายที่เมื่อหลินซือฉิงเห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้ก็ไม่คิดยื่นมือเข้ามายุ่ง นี่เป็การแสดงเจตนาดีจากสองพี่น้องตระกูลเซียว หากเธอเข้าไปขวาง มันจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ?เพียงแต่เมื่อเห็นสองสาวเกาะแขนเย่เฟิงทั้งซ้ายขวาก็ทำให้หลินซือฉิงไม่ชอบใจเล็กน้อย
“ไม่เห็นเป็ไรเลย นายไปกินข้าวกับพวกเธอเถอะ” หลินซือฉิงเอ่ยเสียงเรียบ “พี่มีเื่ต้องจัดการก่อน กินข้าวกันให้อร่อยนะ”
เมื่อพูดเสร็จเธอก็หมุนตัวจากไป ปล่อยให้ทุกคนมองเพียงด้านหลังชวนมอง รูปร่างน่าหลงใหลที่ทำให้ผู้ชายทุกคนคลั่งไคล้ และผู้หญิงทุกคนอิจฉา...
เธอกำลังโมโหเหรอ?
เย่เฟิงทำอะไรไม่ถูก นี่เป็ไปไม่ได้! ไม่ใช่ว่าคุณหนูหลินบอกเองเหรอว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับเขา แต่ตอนนี้กลับทำตัวราวกับกำลังหึงหวง ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่?
ตอนนี้เขารู้สึกว่าจิตใจของหญิงสาวยากแท้หยั่งถึง หากต้องปฏิสัมพันธ์กับพวกเธอบ่อยๆ สมองของเขาต้องะเิออกมาแน่
“พี่สาว ซือฉิงเธอโกรธจริงเหรอ?” เซียวฉี่เดินเข้าไปประชิดเซียวเยว่ พลางกระซิบถาม
“ถ้ามีคนมาเกาะแขนคู่หมั้นเธอ เธอจะโกรธไหมล่ะ?” เซียวเยว่ถามกลับ
“…”
เซียวฉี่ไม่พูดอะไรอีก เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง หากมีใครเกาะแขนคู่หมั้นของเธอ เธอควรจะโกรธไหม? แต่ซือฉิงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเย่เฟิง หรือ่เวลาที่ผ่านมาจะก่อเกิดความรักขึ้นเสียแล้ว?
เซียวฉี่ไม่มีเวลาคิดมาก เมื่อเธอได้ยินเสียงเย่เฟิงก็ไม่สนใจเื่นี้อีก “งั้นไปกันเถอะครับ แต่ผมต้องรีบกลับหน่อยนะ”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
เซียวเยว่ยิ้มหวาน แต่สำหรับเย่เฟิงรอยยิ้มของเธอดูลึกลับอย่างบอกไม่ถูก เธอมีเื่ที่อยากรู้เกี่ยวกับเขามานานแล้ว ตอนนี้มีโอกาสกินข้าวกับเขา แน่นอนว่าเธอจะมอมเหล้าเพื่อให้เขาเผยความลับออกมาให้หมด!
“พ่อคะ พวกเราไปก่อนนะ”
เซียวเยว่โบกมือให้กลุ่มคนที่ยืนออตรงหน้าประตูคฤหาสน์ จากนั้นคว้าแขนเย่เฟิงเดินออกไป โดยมีเซียวฉี่เดินตาม
เซียวเต๋อเฉิงและเซียวเต๋อเจิ้งรวมถึงคนที่เหลือมองทั้งสามคนเดินจากไปด้วยความรู้สึกต่างกันออกไป
เซียวเต๋อเฉิงเป็กังวล ลูกสาวสองคนของเขาออกไปกินข้าวกับเย่เฟิง มันคงไม่มีปัญหาอะไรตามมาหรอกนะ? แต่เซียวเต๋อเจิ้งกลับคิดว่าเป็เื่ดีที่พวกเธอคบหากับคนที่มีศักยภาพอย่างเย่เฟิง...
ชายหนุ่มส่งข้อความออกไปในทันทีอย่างไม่ต้องคิด เขาต้องเตรียมการบางอย่างเอาไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้