อาชิงตัดเขากวางและถลกหนังกวางด้วยความชำนาญ เปิดหน้าอกของกวางออกแล้วล้วงเอาเครื่องในออกมา
กระทำอย่างเชี่ยวชาญเช่นนี้ เกรงว่าจะทำเื่เช่นนี้มาไม่น้อยแล้วกระมัง
เ้าเด็กนี่เพิ่งอายุเก้าปีเองนะ ในใจเจินจูเกิดความสงสาร
แต่อาชิงกลับพูดไม่หยุดด้วยน้ำเสียงเบิกบาน “ทุกครั้งที่ข้ากับอาจารย์ล่าสัตว์บนเขาได้ ล้วนเป็ข้าที่จัดการทั้งสิ้น ไก่ป่า กระต่าย แพะูเา กวางป่า กวางโร หมูป่า สัตว์เหล่านี้ข้าล้วนเคยจัดการมาทั้งสิ้น หนังของพวกมันข้าก็แช่เป็ ข้ามีความสามารถสูงมากเลยนะ”
เขาชอบทำเื่เหล่านี้ สามารถจัดการเหยื่อที่ล่ามาได้ นั่นก็หมายความว่าจะมีเนื้อทานหรือสามารถขายเอาเงินได้ ล้วนเป็เื่คุ้มค่าที่จะดีใจ
หลายวันนี้สกุลหูต้อนรับพวกเขาด้วยอาหารที่มีเนื้อทั้งสามมื้อ ในขณะที่อาชิงทานจนน้ำมันเต็มปาก เขาก็เกรงใจไปด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น กินนอนอยู่บ้านของสกุลหูเปล่าๆ ต่อให้เขาจะหน้าหนามาตลอด แต่ในใจล้วนรู้สึกทุกข์ใจจากความละอาย ครั้งนี้สามารถช่วยงานยุ่งของสกุลหูได้ เขาดีใจมาก
หลี่ซื่อตักน้ำล้างคราบเืบนพื้นอยู่ด้านข้าง ได้ยินดังนั้นจึงชมออกมาตามตรง “อาชิงมีความสามารถสูงจริงๆ ด้วย”
อาชิงยิ้มออกมา
อาหารกลางวันเป็เนื้อกวางมื้อใหญ่หนึ่งโต๊ะ อย่างไม่เกินความคาดหมายเลยสักนิด
สุขภาพของฟางเสิงฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ไม่เลว สามารถมาทานอาหารบนโต๊ะเองได้แล้ว
เขาสวมเสื้อคลุมชายยาวสีเทาอ่อน รูปร่างสูงชะลูด ลักษณะผอมซูบ
หนวดเคราแต่เดิมสกปรกรุงรัง หลังจากโกนสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้วปรากฏความหนุ่มออกมาอย่างน่าใ ดูไปแล้วน่าจะอายุสามสิบโดยประมาณ ลายเส้นบนใบหน้ามีกล้ามเนื้อเป็เอกลักษณ์ หากเป็ยุคปัจจุบัน คงเป็บุรุษที่รูปร่างลักษณะแข็งแกร่งเลยทีเดียว
เขาเดินขาเป๋เล็กน้อย ขาขวาใช้แรงไม่ได้ ระยะทางสั้นๆ จำต้องเปลืองเวลาไม่น้อยเลย
มือขวาถือตะเกียบ ท่าทางการคีบกับข้าวก็ค่อนข้างเปลืองแรงอยู่บ้าง
เอ็นกระดูกและเส้นเืของมือขวากับขาขวาเคยถูกทำให้ขาด เจินจูนึกถึงคำพูดของอาหยุนขึ้น
ดูสิ คลุกคลีอยู่ในยุทธภพ ความเสี่ยงมากมาย
ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายแต่เกาทัณฑ์ลับยากระวัง ต่อให้มีทักษะศิลปะการต่อสู้สูงแค่ไหน ก็ยังถูกทำการหักหลังตกลงไปในหลุมพลางได้
เจินจูเลิกคิ้วขึ้น และละสายตาไปบนใบหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์ของหลัวจิ่ง เ้าหนุ่มนี่ยิ่งโตยิ่งเ็า ใบหน้าสง่างามดีๆ ล้วนเกือบจะเกาะตัวกันกลายเป็น้ำแข็งอยู่แล้ว
สันหลังของเขานั่งตรงแน่ว ท่าทางในการทานข้าวงดงามมีสง่าและสุขุม
ข้างกายเขาเป็อาชิงที่ในมือประคองข้าวสวยพูนล้นขึ้นมา ในปากยัดเต็มไปด้วยเนื้อกวางหอมกรุ่น ตะเกียบยังคีบเนื้อพะโล้อยู่อีกหนึ่งชิ้นใหญ่ด้วย
“…”
สองคนพอเปรียบเทียบกันและกันแล้ว ท่าทางที่ไม่ธรรมดาของหลัวจิ่งยิ่งขับออกมาให้เด่นขึ้น
เด็กที่ชาวยุทธฝีมือสูงส่งฝึกสอนออกมา ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายชาวยุทธ
เจินจูรู้สึกอีกครั้งว่าการที่นางปฏิเสธการรับหลัวจิ่งเป็ศิษย์ของฟางเสิง เป็เื่ที่ถูกต้อง
แน่นอนว่าก่อนที่จะทำการตัดสินใจนี้ นางถามหลัวจิ่งมาแล้ว
เขาส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย
นางจึงช่วยเขาปฏิเสธ
ทัศนคติของชนชั้นสูงมีอำนาจมากอย่างตระกูลขุนนางตระกูลใหญ่ที่มีต่อชาวยุทธ มีความหวาดกลัวมาโดยตลอด ชาวยุทธที่มีชื่อเสียงมีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เชื่อฟังการควบคุมของราชสำนัก ความสามารถแข็งแกร่งแต่ควบคุมไม่ง่าย ชาวยุทธไม่เคยอยู่ในสายตาของคนตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาตลอด แม้ในอดีตจะเคยเชื้อเชิญไปก็เพียงรับหน้าที่ผู้คุ้มกันระดับสูงหรือเป็ผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
ไม่มีตระกูลชนชั้นสูงครอบครัวไหนเต็มใจที่จะให้ลูกหลานของตนกราบหน้าประตูสำนักของชาวยุทธที่มีชื่อเสียงหรอก
ยาสมุนไพรของฟางเสิง เหลืออยู่ในปริมาณหนึ่งวัน
หลังทานอาหารแล้ว เจินจูจึงปรึกษาหารือกับฟางเสิงอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจจะออกเดินทางพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย
วันต่อมาสีของท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น
เกวียนล่อของครอบครัวหูเคลื่อนออกจากทางเข้าหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า
บนเกวียนล่อเต็มไปด้วยกองตะกร้าไผ่สานจำนวนหนึ่งมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน แออัดเสียจนไม่กี่คนบนเกวียนล้วนต้องนั่งเอียงตัว
เมื่อเข้าสู่เมืองไท่ผิง เกวียนล่อหยุดลงหน้าประตูฝูอันถัง
ประตูร้านฝูอันถังเพิ่งเปิดออก ลูกจ้างกำลังทำความสะอาดพื้นตรงประตู
เกวียนล่อเพิ่งหยุดได้พักหนึ่ง ลูกจ้างก็เห็นพวกเขาแล้ว
“นายท่านสกุลหูคนรองมาแล้ว! เชิญเข้ามาเร็ว เ้าของร้านของข้าอยู่หลังร้าน ข้าน้อยจะรีบไปเชิญเ้าของร้านมาขอรับ” ลูกจ้างน้อมตัวทำความเคารพ
ทันทีหลังจากนั้นได้ร้องะโเสียงดังเข้าไปทางห้องโถงใหญ่ “นายท่านสกุลหูคนรองมาแล้ว รีบไปเรียกเ้าของร้านเร็ว”
หูฉางกุ้ยถูกเรียกว่านายท่านสกุลหูคนรองอยู่สองสามที ใบหน้าปรากฏความกระดากอายขึ้นมา เขากลายเป็นายท่านคนรองั้แ่เมื่อไรกัน
เจินจูเม้มปากหัวเราะเบาๆ เมื่อลงจากเกวียนล่อแล้วหันกลับไปสั่งเสีย “อาจารย์ฟาง อาชิง ข้ากับท่านพ่อจะนำของเข้าไปส่งข้างใน อีกเดี๋ยวจะออกมา พวกท่านช่วยเฝ้าเกวียนล่อสักครู่นะ”
อาชิงะโลงจากเกวียนล่อด้วยความรีบร้อน จูงเชือกบังเหียนล่อขึ้นอย่างตระหนักได้ “ข้าจะเฝ้าให้ดี พี่สาวเจินจูวางใจ”
เจินจูตบบ่าของเขาเบาๆ เป็การชมเชย แล้วอุ้มโถหนึ่งใบใหญ่จากบนเกวียนส่งให้หูฉางกุ้ย ส่วนนางเองหยิบห่อกระดาษน้ำมันที่แน่นสนิทกับเขากวางสองคู่ออกมาจากในตะกร้า
สองคนเดินเข้าฝูอันถัง
อาชิงคิดว่าพวกเขาคงไปขายเขากวาง
หลิวผิงเห็นเขากวางก็ค่อนข้างใเล็กน้อย สกุลหูไม่ใช่ครอบครัวนายพราน ความเร็วในการวิ่งของกวางป่าเร็วมาก ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถจับไว้ได้
“เ้าของร้านหลิว ่นี้บ้านข้ามีเนื้อกวางทาน ในโถเป็เนื้อกวางที่พะโล้ขึ้นมาใหม่ เอามาให้พวกท่านชิมดูเ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วชี้ไปทางโถใบใหญ่ “ห่อนี้คือเนื้องูพะโล้ รสชาติโดดเด่นมาก ทุกคนลองชิมดูนะเ้าคะ”
พะโล้เนื้อกวาง? ของดีเลยนี่! หลิวผิงสองตาสว่างวาบ เนื้อกวางช่วยบำรุงจงเจียวเสริมชี่ ให้ความอบอุ่นแก่ไตเสริมพลังหยาง มีรสชาติที่ยอดเยี่ยม หลังจากผ่านการพะโล้ของสกุลหูแล้ว รสชาติจะยิ่งดีขึ้นไปอีก
พะโล้เนื้องู เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยิน เนื้องูก็สามารถทำการพะโล้ได้ แต่เนื้องูรสชาติอร่อยเรียบๆ หากทำการพะโล้ขึ้นรสชาติจะต้องอร่อยไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
อาหารการกินที่สกุลหูนำมามอบให้ มักไม่มีอันไหนธรรมดาเลย
เขากลืนน้ำลายลงไปอย่างไม่รู้ตัว
เจินจูเห็นเช่นนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “นี่เป็เขากวางสองคู่ ให้เ้าของร้านหลิวเ้าค่ะ โปรดรับไว้ด้วย”
หลิวผิงชะงักงัน ให้เขารับไว้? ไม่ใช่ถือมาขายหรอกหรือ?
เจินจูดวงตาสว่างไหววูบ เข้าประเด็นหลัก
“เ้าของร้านหลิว ท่านรู้จักวัดโบราณชิงเหยียนหรือไม่เ้าคะ?”
วันโบราณชิงเหยียน? หลิวผิงมองไปทางนางอย่างงงงวย สกุลหูคิดจะไปหาไต้ซือคงอู้หรือ?
“ย่อมต้องรู้จัก ทำไมหรือ พวกท่านจะไปจุดธูปไหว้พระที่วัดโบราณแห่งนั้นหรือ? หรือจะไปหาไต้ซือคงอู้เขียนกระดานทำนายดวงชะตา?”
เจินจูได้ยินดังนั้นในใจมีความสุขทันที น้ำเสียงของหลิวผิงครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามีที่มาที่ไปกับวัดโบราณแห่งนี้ดีเลยทีเดียว
นางกล่าวเื่ของผิงซั่นลูกผู้น้องผู้ชายออกมาหนึ่งรอบทันที
หลิวผิงฟังจบใอย่างมาก มีเื่ประจวบเหมาะเช่นนี้ด้วยหรือ
นายท่านของพวกเขาก็กำเนิดวันที่ห้าเดือนห้าเช่นกัน ในตอนนั้นเพื่อสกัดกั้นเจตนาร้ายและข่าวลือ จึงตามหาไต้ซือฮุ่ยทงที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวงมาปรับแก้วันเกิดให้
เด็กทารกที่เพิ่งกำเนิดของสกุลหูก็กำเนิดออกมาในวันพิษเดือนพิษเช่นกัน ชนบทป่าเขาล้าหลัง ชาวบ้านที่เชื่องมงายในข้อห้ามต่างๆ ยิ่งมีมาก เกรงว่าสกุลหูอาจได้รับคำซุบซิบนินทาทำให้หนักใจไม่น้อย พอพบวิธีเช่นนี้ทำให้ความกลัดกลุ้มเป็ทุกข์ในสิ่งที่ยึดถือของประเพณีหมดสิ้นไปได้
“ฝูอันถังกับวัดโบราณชิงเหยียนมีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง ไต้ซือคงอู้ของที่นั่น ก็สามารถคุยกันได้ เื่ลูกผู้น้องของครอบครัวเ้าจัดการได้ไม่ยาก” ฝูอันถังกับพระของวัดโบราณชิงเหยียนติดต่อกันหลายปี สองฝ่ายล้วนอยู่บริเวณอำเภอเจิ้นอัน พระที่ฝึกวรยุทธในวัดมักเข้าออกป่าเขา วัตถุดิบยาที่เก็บรวบรวมไว้ หรือสมุนไพรที่ส่วนมากไม่ได้ใช้จะขายให้กับฝูอันถัง ส่วนฝูอันถังก็ได้จัดหาวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับการรักษาแบบตายตัวหลายอย่างให้กับพวกเขาเพื่อกลั่นยาลูกกลอน
สองฝ่ายมักไปมาหาสู่กันเสมอ หน้าตาของฝูอันถัง ไต้ซือคงอู้ต้องไว้หน้าให้บ้าง
“เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย” ใบหน้าหูฉางกุ้ยเต็มไปด้วยความดีใจ หยัดกายลุกขึ้นทำความเคารพนอบน้อมแล้วกล่าวขอบคุณออกมา “ขอบพระคุณเ้าของร้านหลิวแล้ว ท่านเป็คนดีมากจริงๆ เลย!”
“โอ้ นี่หามิได้ เหนื่อยเท่ายกมือเท่านั้นเอง น้องชายหูไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้เลย” หลิวผิงรีบลุกขึ้นประคองหูฉางกุ้ยไว้
หลังสองคนพูดเกรงอกเกรงใจกันอยู่พักหนึ่ง เจินจูจึงเอ่ยทำลายความเกรงใจเ้ามาข้าไปของพวกเขาลง “เ้าของร้านหลิว ขอบคุณสำหรับการแนะนำของท่าน รอเดือนหน้าวันที่ห้า ครอบครัวข้าจะพาผิงซั่นตัวน้อยมาขอบคุณอีกครั้ง วันนี้ข้ากับท่านพ่อยังต้องไปเขตอำเภออีก ต้องขออำลาก่อนแล้วเ้าค่ะ”
“พวกท่านมีเื่อะไรให้ไปเขตอำเภอหรือ? ไม่เช่นนั้น ข้าให้หลิวชีไปเป็เพื่อนพวกท่านสักรอบดีหรือไม่?” หลิวชีเป็คนดูแลการติดต่อกับเขตอำเภอโดยเฉพาะ แล้วก็เป็คนในตระกูลเดียวกันที่เขาพาติดตัวออกมาเพียงคนเดียว วางตัวคล่องแคล่วมีสายตารู้ความ ได้รับความสำคัญและไว้วางใจจากเขามาก
“ไม่ต้องดีกว่าเ้าค่ะ ไม่รบกวนเ้าของร้านหลิวแล้ว ไม่ได้มีเื่พิเศษอะไรเ้าค่ะ”
จะเอาแต่รบกวนผู้อื่นทุกเื่ได้อย่างไรกันเล่า เจินจูลากหูฉางกุ้ยเดินออกมาข้างนอก
หลิวผิงเดินตามมาติดๆ “แม่นางหู กระต่ายกับไก่บ้านของครอบครัวเ้าต้องเลี้ยงมากหน่อยนะ ตอนนี้คุณชายของพวกข้าห่างออกไปไกล กระต่ายกับไก่เหล่านี้ลำเลียงส่งไปถึงเมืองหลวง ล้วนผอมลงไปมาก ความเห็นของพ่อบ้านกู้คือ ให้ส่งไปมากหน่อย แล้วค่อยเลี้ยงไว้ก่อนสักนิด รอให้มีเนื้ออ้วนจึงค่อยเชือด”
“กระต่ายของที่บ้านไม่น้อยแต่ไก่ไม่มากแล้ว กว่าลูกเจี๊ยบจะเป็ไก่โตต้องใช้เวลา เอาเช่นนี้แล้วกัน กลับไปข้าค่อยให้ท่านพ่อจับลูกไก่ค่อนข้างโตสามสิบตัวมาเลี้ยง รวมกับลูกไก่ยี่สิบตัวก่อนหน้าก็มีห้าสิบตัวแล้ว ไม่สามารถมากกว่านี้ได้แล้วนะเ้าคะ หากเลี้ยงมากเกินไปจะง่ายต่อการแพร่ระบาดโรคร้ายแรง” เห็นว่าฝูอันถังมีส่วนช่วยเหลือครอบครัวนางมาก มากที่สุดก็ทำได้เพียงเลี้ยงจำนวนเท่านี้แล้ว
“ผักสดในสวนผักของครอบครัวข้าก็ปลูกไว้ไม่น้อย น่าเสียดายที่คุณชายของท่านอยู่ห่างไปไกลนัก ไม่เช่นนั้นจะได้ทานผักพวกแตงกับถั่วของบ้านข้าด้วย” เจินจูหัวเราะแล้วกล่าว
หลิวผิงชะงักงัน ก็จริง ฤดูใบไม้ผลิเป็ฤดูกาลเติบโตของผักจำพวกแตงและถั่ว หากคุณชายยังอยู่ที่เมืองนี้ เช่นนั้นก็สามารถได้ทานผักจำพวกนั้นทุกวันอย่างแน่นอน แต่ละวันเอาแต่ทานเนื้อกระต่ายกับเนื้อไก่ ต่อให้เป็ของอร่อยก็ต้องเบื่อกันบ้าง
นัดหมายเวลาในการไปเอากระต่ายแล้ว เกวียนล่อของสกุลหูก็เริ่มขยับอีกครั้ง
อาชิงทานซาลาเปาเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย “พี่สาวเจินจู แม้ซิ่วฉายหยางจะหัวแข็งไปบ้าง แต่เขามีความรู้ความสามารถจริงๆ นะ ตัวอักษรเขียนได้สวยมาก... ใช่ไหมขอรับอาจารย์”
“แค่ก ซิ่วฉายหยางเต็มไปด้วยตำราบทกวี [1] ปัญญาชนมีความสามารถที่มีความคิดกว้างไกลตัดสินใจเด็ดขาด แต่น่าเสียดายเป็คนยึดถือในงานที่ได้ทำมากเกินไป สุขภาพร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ตอนสอบฝูซื่อปีที่แล้ว ซิ่วฉายหยางไม่สามารถยืนหยัดไปจนถึงวันสุดท้ายได้ เขาถูกคนหามออกมา น่าเสียดายมากจริงๆ” ฟางเสิงทำใบหน้าหนักแน่น ราวกับเสียดายแทนซิ่วฉายหยางท่านนี้มาก
ขั้นแรกคือต้องมองข้ามซาลาเปาลูกใหญ่ในมือ และสุ่ยเจียนเปา [2] ที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากของเขาออกไปก่อน
เจินจูข่มกลั้นอาการกระตุกที่มุมปากไว้ สองศิษย์อาจารย์นี่ทานเก่งจริงๆ นางซื้อซาลาเปาเนื้อมาแปดลูกกับสุ่ยเจียนเปาสิบลูก สำหรับนางซาลาเปาเนื้อหนึ่งลูกสุ่ยเจียนเปาหนึ่งลูก ส่วนบิดาของนางซาลาเปาเนื้อสองลูกสุ่ยเจียนเปาสองลูก ส่วนที่เหลือล้วนเข้าไปในท้องของสองศิษย์อาจารย์ทั้งหมดเลย
ส่วนซิ่วฉายหยางน่ะหรือ พบแล้วค่อยว่ากัน
ก่อนยามซื่อพวกเขาเร่งมาถึงอำเภอเจิ้นอัน เกวียนมากมายได้รับการตรวจสอบอยู่ทางเข้าประตูเมือง เมื่อรอจนถึงเกวียนของพวกเขา หูฉางกุ้ยยัดเงินสิบเหวินให้นายทหารที่ตรวจสอบอย่างรู้จักวางตัวดี
กฎเกณฑ์นี้เป็อาชิงบอกพวกเขาไว้ หากไม่้าถูกนายทหารที่ตรวจสอบมาหาเื่ให้เดือดร้อนก็ต้องให้สินบนเล็กน้อย
ไม่อย่างนั้นถ้าไม่อยากเข้าเมืองอย่างราบรื่น เหล่าเ้าหน้าที่ทางการจะรื้อค้นเกวียนั้แ่หัวจรดท้ายหนึ่งรอบ นอกจากนั้นจะซักถามบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตร สรุปแล้วคือไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าไปได้อย่างราบรื่น
ยัดเหรียญเงินทองแดงไปแล้ว ความเร็วในการตรวจสอบก็จะลวกๆ มากขึ้น
อันดับแรกพาสองศิษย์อาจารย์ไปส่งที่โรงหมอของท่านหมอจางก่อน ซึ่งตั้งอยู่ทางเข้าตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมือง
แล้วถือโอกาสฝากเกวียนล่อไว้ข้างโรงหมอ ให้อาชิงช่วยดูแล
เจินจูกับบิดาสกุลหูเดินชมเมืองที่เป็อำเภอตามจุดประสงค์ที่ยังทำไม่สำเร็จในครั้งก่อน
หูฉางกุ้ยไม่เข้าใจบุตรสาวว่าทำไมถึงชอบเดินเล่นเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วถนนตลาดของเมืองที่เป็อำเภอกับเมืองไท่ผิงต่างกันไม่มากเลย
มีเพียงถนนกว้างกว่านิด ร้านค้ามากกว่าหน่อย ผู้คนก็มีชีวิตชีวากว่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง
เชิงอรรถ
[1] เต็มไปด้วยตำราบทกวี หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาก
[2] สุ่ยเจียนเปา (水煎包) คือ ซาลาเปาทอดน้ำมัน โดยจะห่อเป็ถุงคล้ายฮะเก๋าและทอดด้วยน้ำมันน้อยๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้